“มีอันใดหรือ? มีความผิดปกติหรือเ้าคะ?” เวินซีเห็นเขาเหม่อไปจึงเอ่ยถาม
จ้าวต้านกลับมาได้สติพลันส่ายหน้า “วันนี้เ้ามีแผนการใดหรือ? ข้ามีเื่ต้องทำ คงไปกับเ้ามิได้นะ”
“วันนี้ข้าจะไปตรวจดูที่ฝั่งประจิม เสร็จแล้วจะไปยืมตำราการแพทย์ที่สำนักหมอหลวง ท่านไปเถิดเ้าค่ะ ไม่ต้องไปกับข้า” เวินซีมิได้แสดงความรู้สึกใด
หลังจากที่จ้าวต้านแต่งตัวเสร็จก็รีบจากไป เวินซีทานอาหารเช้าเสร็จแล้วจึงค่อยออกไปด้วย
เหลือเวลาเพียงครึ่งชั่วยามก่อนจะถึงยามเซิ่น [1] บนถนนมีประชาชนที่สวมเสื้อผ้าและปิดหน้าอย่างมิดชิดเดินถือถ้วยและตะเกียบมุ่งหน้าไปที่อำเภอ
ที่อำเภอเป็ทางผ่าน เวินซีจึงเดินตามพวกเขาไป
ที่ประตูอำเภอในขณะนี้มีคนมากมายยืนรวมกันเป็กลุ่ม ประตูยังไม่ทันเปิดออกก็มีคนต่อแถวยาว มีหลายคนที่นั่งรอให้เ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านในเดินออกมา
ขณะนั้นเวินซีคอยสังเกตกลุ่มคน
เมื่อเวลาประมาณหนึ่งก้านธูปหมดลง ประตูก็ถูกเปิดออก คนรับใช้ในจวนนำโต๊ะออกมากางที่หน้าประตูพร้อมกับยกโจ๊กออกมาสามกะละมัง
เมื่อได้กลิ่นหอมของโจ๊ก ผู้คนที่ไร้ชีวิตชีวาก็มีพลังกันขึ้นมา พวกเขาถือถ้วยแล้วกรูเข้าไปแย่งกัน
“ทุกคนไม่ต้องรีบร้อนขอรับ อย่ารีบร้อน ต่อแถวก่อนขอรับ”
“เรามีเพียงพอให้ทุกคน ไม่ต้องเบียดกันขอรับ”
“อย่าเบียดกัน ต่อแถวให้เรียบร้อย หากผู้ใดแทรกเข้ามาจะต้องไปต่อแถวหลังสุดนะขอรับ”
......
คนรับใช้พยายามรักษาความสงบไว้ เขาเริ่มแจกจ่ายโจ๊ก ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็ไปได้ด้วยดี
เวินซีก้มหน้าลงและเตรียมตัวจะจากไป แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงด่าทอดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงถ้วยที่ตกลงบนพื้น
นางขมวดคิ้วแล้วหันกลับมา เห็นบุรุษที่แต่งกายธรรมดาคนหนึ่งใช้เท้าย่ำโจ๊กบนพื้นด้วยสีหน้าโกรธเคือง
“นี่ทำให้คนทานหรือ? เหตุใดถึงไม่มีรสชาติเลย? นี่มันน้ำชัดๆ!”
คำพูดของเขาจุดชนวนความโกรธและความไม่พอใจ ตามมาด้วยเสียงเรียกร้องของคนหลายคน มีเสียงถ้วยโจ๊กถูกขว้างลงพื้นตามๆ กัน
“จริงด้วย มีเพียงข้าวไม่กี่เม็ดลอยอยู่้า น้ำตาลยังไม่ใส่เลย เอาไปให้หมู หมูมันยังไม่แล!”
“ท่านเ้าอำเภอจะไม่อธิบายกับเราหน่อยหรือ? จะหลอกเราเช่นนี้หรือ?”
“เขาคงจะให้เราทานกันแบบนี้ ส่วนตัวเองนั่งทานเนื้อทานปลาอยู่สินะ!”
......
คำด่าทอเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ คนรับใช้ที่ตักโจ๊กอยู่พลันหยุดนิ่ง พวกเขามองหน้ากัน ไม่รู้จะทำเช่นไร
ฝีเท้าของเวินซีเปลี่ยนทิศทาง นางเดินกลับไปที่โจ๊กสามกะละมังนั้นแล้วมองดูข้างใน
โจ๊กเหลวจริงๆ แต่ก็มิได้เป็น้ำถึงขนาดที่ประชาชนพูดกัน
“คุณหนูเวินซี” คนรับใช้คนหนึ่งจำนางได้ จึงเอ่ยเรียกเสียงเบา
“ไปเรียกท่านเ้าอำเภอเถิด พวกเ้าจัดการไม่ไหวหรอก” นางเงยหน้าขึ้นและเอ่ยเสียงนิ่ง
คนรับใช้เพิ่งจะได้สติ วางกระบวยลงพลันรีบวิ่งเข้าไปในอำเภอ
เวินซีหันไปมองผู้คนที่กำลังโวยวาย
มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่พอใจ ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังนั่งทานโจ๊กเงียบๆ อยู่ที่มุม
นางมองดูเสื้อผ้าของคนพวกนั้น แม้จะไม่ได้ดูดีมีราคา แต่ก็ไม่ได้ดูยากจน
คนพวกนี้คงจะมาขออาหารทาน แต่เมื่อเห็นว่าเป็โจ๊กเปล่าๆ จึงโกรธและตั้งใจหาเื่
เวินซีแสยะยิ้มที่มุมปาก และมีแววตาครุ่นคิด
สตรีที่ส่งเสียงดังที่สุดรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นน่าขนลุกที่คืบคลานเข้ามาก็มองไปรอบๆ ในที่สุดสายตาของนางก็ไปสบเข้ากับเวินซี นางรู้สึกตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ได้จนต้องละสายตาออก
ท่านเ้าอำเภอรีบออกมาจากจวน เมื่อเห็นประชาชนกำลังโวยวาย เขาก็ขมวดคิ้ว
“พวกเ้าหมายความเช่นไร? ในเวลานี้เพียงแค่จะมีอาหารทานก็ลำบากนัก เหตุใดพวกเ้าถึงทิ้งขว้าง?”
“ท่านเ้าอำเภอ ต่อให้เราจนเพียงใดก็เป็คนนะขอรับ นี่เรียกว่าโจ๊กหรือ? นี่คือน้ำเป็กะละมังใส่ข้าวสองสามเม็ดก็เท่านั้น หากอาหารที่ท่านพูดถึงเป็โจ๊กนี่ เมื่อคืนพวกข้าคงไม่พากันกลับมา”
บุรุษร่างอ้วนท้วนพูดด้วยความโกรธ เขายังอยากจะพูดอีกแต่เมื่อเห็นสายตาของเ้าอำเภอที่ราวกับจะกินเืกินเนื้อจึงเงียบเสียงลง
กระนั้นเขาก็ยังมีสีหน้าไม่พอใจ
“หวังโหย่วซัน หากข้าจำไม่ผิด เ้ามีร้านค้ามิใช่หรือ เหตุใดเ้ามาอยู่ที่นี่? นี่เป็อาหารที่ข้าเตรียมไว้ให้ประชาชนผู้ที่้าอาหาร หรือว่าเ้าขาดแคลนอาหารหรือ? แต่สภาพของเ้าดูไม่เหมือนว่าจะหิวเลยนะ”
ท่านเ้าอำเภอเอ่ยขึ้นอย่างเ็า
สายตาของผู้คนรอบข้างพากันหันมามองหวังโหย่วซัน ทำเอาเขารู้สึกผิด
“ที่บ้านข้าไม่มีอาหารแล้ว ข้ามามิได้หรือขอรับ?” เขายังหน้าทนพูดต่อ
เมื่อรู้ว่าเขาเป็คนไร้ยางอาย เ้าอำเภอก็คร้านจะไปโต้เถียงด้วย จึงเดินไปยังโต๊ะที่วางโจ๊ก กระแอมสองสามครั้งแล้วพูดเสียงดัง
“ทุกท่าน โรคระบาดมาอย่างกะทันหัน ที่อำเภอมิได้มีอาหารตุนไว้ อาหารเรามีไม่มาก โจ๊กจึงค่อนข้างเหลว แต่ก็เพื่อให้พี่น้องได้ทานกันทั่วถึงนะขอรับ”
“หากผู้ใดเลือกทาน จู้จี้จุกจิกก็กลับไปเสียจะดีกว่า จะได้มีโจ๊กเหลือไว้ให้คนที่้าจริงๆ ข้าเชื่อว่าผู้ที่หิวโหยจริงๆ คงจะไม่รังเกียจโจ๊กนี้”
“ส่วนคนที่ทิ้งขว้างอาหารในวันนี้ ต่อไปอย่าได้มาอีกเลย”
คำพูดของท่านเ้าอำเภอทำให้คนที่ขว้างถ้วยโจ๊กหน้าเสียไปตามๆ กัน พวกเขาคิดจะตอกกลับ แต่เ้าหน้าที่ก็เข้ามาล้อมและกันพวกเขาออกไปข้างนอก
เมื่อสถานการณ์ที่หน้าประตูจวนกลับมาเป็ปกติ ประชาชนก็กลับมาต่อแถวกันดังเดิม
“คุณหนูเวินซีต้องมาเห็นเื่ตลกเสียได้” ในตอนที่เ้าอำเภอหันไปมองเวินซี ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็มีรอยยิ้ม
“ท่านเ้าอำเภอพูดมีเหตุผลทั้งนั้น จะเป็เื่ตลกได้เช่นไรเ้าคะ? ในเมื่อเื่สงบแล้ว ข้ายังมีธุระ ขอตัวก่อนนะเ้าคะ”
“ขอรับ”
หลังจากที่มองดูผู้คนแล้ว เวินซีก็เดินไปทางประจิม
“ทุกคน ที่ตระกูลเวินแจกโจ๊ก มีโจ๊กหมูด้วย ใกล้จะหมดแล้ว!” ทันใดนั้นก็มีเสียงขอทานดังมาจากข้างถนน
ทุกสายตาพลันหันไปมองเขา
เพื่อเป็การยืนยันว่าเขาพูดความจริง ขอทานจึงวิ่งไปแล้วยื่นถ้วยในมือให้ทุกคนดู
ในถ้วยของเขามีโจ๊กที่ผสมด้วยหมูสับ ทั้งยังมีต้นหอมสีเขียวสด ดูน่าทานเป็อย่างยิ่ง
หลายคนมองไปที่โจ๊กขาวในหม้อ แล้วมองกลับไปที่โจ๊กหมู ก็เกิดความหวั่นไหว
“ตระกูลเวินแจกโจ๊ก? เ้าพูดจริงหรือ?” มีคนถามขึ้น
“จริงแท้แน่นอนขอรับ ข้าเพิ่งไปรับมา ไม่จำกัดจำนวนครั้งด้วยนะขอรับ ทุกคนสามารถรับได้อีกจนกว่าจะอิ่ม”
“ตระกูลเวินมิได้ล้มละลายไปแล้วหรือ? เหตุใดจู่ๆ ถึงได้แจกโจ๊ก?” มีคนสงสัย
“ได้ยินมาว่าฮูหยินผู้เฒ่าเวินเป็ห่วงประชาชนจึงมาเข้าฝันนายท่านเวิน นายท่านเวินเห็นใจและเห็นในความเมตตาของฮูหยินผู้เฒ่าก็เลยแจกโจ๊กั้แ่เช้าน่ะ หากไม่เชื่อเ้าก็ไปดูเองสิ ยามนี้ที่ตระกูลเวินมีแต่คนเต็มไปหมดเลยล่ะ”
“เหตุใดถึงต้องบอกเราด้วย?”
“คุณหนูเวินเยียนบอกว่าควรจะบอกให้ทุกคนที่มีความ้ารับรู้ ข้าเห็นว่าพวกท่านอยู่ที่นี่จึงมาบอก ไปหรือไม่ขอรับ? ไปด้วยกันเถิด?”
“ไปกันเถิด”
“ไปดูกันเถิด หากเป็เื่โกหกเราค่อยกลับมาใหม่”
......
ประชาชนรีบกรูตามขอทานไปยังตระกูลเวิน
เมื่อได้ยินการสนทนาของพวกเขา เวินซีก็ขมวดคิ้วแล้วเดินตามไปด้วย
เหตุใดตระกูลเวินถึงแจกโจ๊ก ทั้งยังเป็โจ๊กหมูที่มีราคา พวกเขาคิดจะทำอันใดกันแน่...
“ท่านเ้าอำเภอ โจ๊กของพวกเรา...” คนรับใช้คนหนึ่งเอ่ยปากพูดอย่างลำบากใจ
ไม่นานนักที่ประตูจวนอำเภอก็ว่างเปล่า เหลือเพียงคนรับใช้
ในอำเภอไม่มีอาหาร โจ๊กพวกนี้ท่านเ้าอำเภอเป็คนหามาทั้งคืนกว่าจะหาได้ จะทิ้งเปล่าไปเช่นนี้มิได้
“ยกไปไว้ในจวน ผู้ใดอยากทานก็ทานเถิด”
“ขอรับ ท่านเ้าอำเภอ”
ของทั้งหมดถูกขนเข้าไปข้างใน บรรยากาศนอกจวนกลับมาเงียบเชียบ คนรับใช้ปิดประตูและลงกลอนอย่างไม่สบอารมณ์
เชิงอรรถ
[1] ยามเซิ่น 申时 หมายถึง ่เวลาประมาณบ่ายสามถึงห้าโมงเย็น