“น่าขัน!”
เย่เฟิงได้ยินคำพูดของเกิ่งหัวก็เผยสีหน้าเย้ยหยัน “แม้แต่การโจมตีของข้าก็รับไม่ได้ แต่ยังมีหน้ามาพูดอีก ไม่รู้จริง ๆ ว่าเ้าหรือข้าใครเป็สวะกันแน่!”
“เ้า...” เกิ่งหัวหน้าซีด ตัวสั่นสะท้านไม่หยุด พลังโจมตีของเย่เฟิงเมื่อครู่นี้แข็งแกร่งอย่างมากจนเกือบทำลายตบะของเขา มิหนำซ้ำยังทำให้เขาาเ็สาหัส
“อะไรกัน เ้าไม่ยอมหรือ? ถ้าเ้าไม่ยอมก็ลุกขึ้นมาสู้สิ!” เย่เฟิงกล่าวขณะมองเกิ่งหัว ซึ่งเย่เฟิงไม่ใช่คนที่ชอบฉวยโอกาส แต่เกิ่งหัวผู้นี้ยั่วโมโหเขาครั้งแล้วครั้งเล่า รอบนี้ยังบังอาจรบกวนเขาในเวลาสำคัญ ทำให้เขาเกือบได้รับาเ็สาหัส การที่เขาไม่ลงมือฆ่าเกิ่งหัวถือว่าเมตตามากแล้ว
เกิ่งหัวโกรธเกรี้ยวอย่างมาก เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 แต่กลับต้องอับอายเพราะผู้อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 แล้วเขาจะยอมรับได้อย่างไร พลันแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาเขา จากนั้นมีแสงสว่างจ้าในแขนเสื้อของเขา
“ฟึ่บ!” ทันใดนั้นเกิ่งหัวขยับแขน ก่อนจะมีแสงเยือกเย็นพุ่งออกมาจากแขนเสื้อพุ่งไปหาเย่เฟิงด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ ทว่าเย่เฟิงมีพลังจิตแกร่งกล้า เขารับรู้ได้ถึงจิตสังหารจากตัวเกิ่งหัวก่อนแล้ว และพบว่าในแขนเสื้อของเกิ่งหัวยังมีอาวุธลับซ่อนอยู่
เมื่ออาวุธลับนั้นพุ่งมาหาเย่เฟิง เย่เฟิงก็ยกมือขวาขึ้น ก่อนจะใช้สองนิ้วรับอาวุธนั้นได้อย่างแม่นยำและว่องไว จนผู้คนยังตอบสนองไม่ทันด้วยซ้ำ
“ฝีมือต่ำต้อยเช่นนี้ก็มีเพียงเ้าที่กล้าออกมา!” เย่เฟิงแสยะยิ้มขณะมองเกิ่งหัวด้วยสายตาดูแคลน จากนั้นเย่เฟิงพูดต่อไปว่า “ในเมื่อเ้าใช้วิธีต่ำทราม เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็ต้องเมตตาเ้าอีกต่อไป!”
เมื่อสิ้นเสียง เย่เฟิงขยับนิ้วทันที จากนั้นอาวุธลับชิ้นนั้นก็พุ่งกลับไปหาเกิ่งหัวผู้เป็เ้าของด้วยความเร็วสูง ตามมาด้วยเสียงดังฉึก อาวุธลับชิ้นนั้นทะลุหว่างคิ้วของเกิ่งหัวในพริบตา เืต้องพุ่งกระฉูดออกมาราวน้ำพุ จนกระทั่งร่างเกิ่งหัวล้มลงไป กลายเป็ร่างไร้ิญญาร่างหนึ่ง
เกิ่งหัว อัจฉริยะแห่งสำนักเชียนสุ่ย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 เพราะความผิดพลาดในการตัดสินใจเลือกจึงนำความตายมาสู่เขา หากเขาไม่ไปยั่วยุเย่เฟิงครั้งแล้วครั้งเล่า มีหรือจะพบจุดจบเฉกเช่นตอนนี้? แต่ความตายของเกิ่งหัวเกิดขึ้นเพราะตัวเขาเอง จะไปโทษใครก็ไม่ได้
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็พากันใ ศักยภาพและนิสัยที่เด็ดขาดของเย่เฟิงทำให้พวกเขานิ่งอึ้ง โดยเฉพาะคนเ่าั้ที่เคยดูถูกเย่เฟิงว่ามีตบะต่ำต้อยก็ยิ่งหุบปากสนิท ไม่มีผู้ใดกังขาเย่เฟิงแม้แต่คนเดียว
เมิ่งยวี่ฉิง ชิงเซียง และหลันเซียตากะพริบปริบ ๆ เมื่องมองไปที่เขา ความแข็งแกร่งของเย่เฟิงได้ลบล้างความอคติที่พวกนางมีต่อเขาออกไปจนหมดสิ้น
นาทีนี้มู่หรงเฟิงและคนที่ยังอยู่ในสภาวะเรียนรู้ต่างก็ถูกบีบให้ตื่นขึ้น แต่เมื่อเห็นศพของเกิ่งหัวที่นอนบนพื้นก็ต้องใอย่างมาก
เย่เฟิงไม่สนใจเกิ่งหัว จากนั้นเขาเดินไปที่แท่นหิน พร้อมร่างกายเปล่งแสงแห่งอำนาจ แม้ย่างก้าวของเขาจะไม่ค่อยราบรื่น แต่แรงกดดันจากพลังเจตจำนงก็ยังขวางทางเขาไม่ได้ ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดมาหยุดเขา
“หมอนี่!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ใจเต้นระรัว
“ศิษย์พี่ ทำอย่างไรดี? ถ้าเย่เฟิงไปต่อ เกรงว่าจะถูกแรงกดดันนั่นบดขยี้ พวกเราจะหยุดเขาอย่างไรดี?” หลันเซียงเห็นเย่เฟิงเดินไปที่แท่นหินก็เผยสีหน้ากังวล
“ในเมื่อเขากล้าเดินหน้า เขาก็คงมีวิธีเชื่อมโยงกับพลังนั้น พวกเราไม่ต้องเป็ห่วงหรอก” ชิงเซียงเชื่อใจเย่เฟิงจึงกล่าวออกไปเช่นนั้น
“สวบ!” ขณะนั้นเย่เฟิงเดินไปข้างหน้าอีกก้าว ก่อนเขาจะเข้าสู่เขตที่มีคนถูกแรงกดดันบดขยี้ไปก่อนหน้านี้ ทำให้หลายคนตาเบิกกว้าง แต่ว่ามีบางคนรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น
“วูบ!” ทันใดนั้นแรงกดดันเข้ากดทับร่างเย่เฟิง แต่เย่เฟิงกลับเดินไปข้างหน้าด้วยหลังตรงดุจพู่กัน ไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันแม้แต่นิดเดียว
“เป็ไปได้ยังไง?” ผู้คนมองเงาร่างที่เข้าใกล้แท่นหินด้วยแววตาสั่นระริก แต่เมื่อเย่เฟิงขึ้นไปเหยียบแท่นหินจริง ๆ พวกเขาก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความใ ซึ่งพวกเขาเป็อัจฉริยะจากกองกำลังใหญ่ ๆ ของจักรวรรดิจิ่วโยว ไม่มีคนไหนที่อ่อนแอ ความรู้ที่มีต่อพลังแห่งอำนาจก็ลึกซึ้ง ทั้งยังคิดว่าผู้ที่จะได้ผลึกเจตจำนงแรกเริ่มอยู่ในหมู่พวกเขา แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าสุดท้ายแล้วผู้ที่ขึ้นไปถึงแท่นหินจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 ที่เป็ชาวอาณาจักรจ้าว ทั้งหมดนี้ฟังดูแล้วราวกับไม่ใช่เื่จริงอย่างไรอย่างนั้น
เย่เฟิงมองผลึกเจตจำนงแรกเริ่มตรงหน้าด้วยตาเป็ประกาย แม้ยังไม่ได้ัั แต่เขารับรู้ได้ถึงพลังเจตจำนงที่มาจากผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม หากเป็คนอื่นก็เป็เื่ยากที่จะเข้าใกล้ของสิ่งนี้ แต่เขารู้สึกสบายตัวมากที่อาบอยู่ท่ามกลางแสงแห่งเจตจำนง ราวกับว่าพลังแห่งอำนาจของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง
จากนั้นเย่เฟิงเอื้อมมือไปหยิบผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม ทันใดนั้นพลังเจตจำนงหลั่งไหลเข้าสู่ร่างเขา ราวกับชำระล้างร่างกายเขา
“น่ามหัศจรรย์มาก!” เมื่อเย่เฟิงได้ัักับผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม ก็รู้สึกได้ถึงพลังเจตจำนงจากของสิ่งนี้ มันเข้าสู่ร่างกายผ่านแขนของเขาอย่างต่อเนื่อง ชำระล้างร่างกายของเขา เพียงเวลาไม่กี่ลมหายใจ เย่เฟิงรู้สึกว่าร่างกายของตนได้รับการชำระล้างอย่างยอดเยี่ยม เปลี่ยนไปแข็งแกร่งขึ้นอีกระดับ ไม่เพียงเท่านี้ตบะของเขายังทะลุจุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 เหลืออีกก้าวเดียวก็จะบรรลุขั้นต่อไป
“ผลึกเจตจำนงแรกเริ่มเป็ของข้า วางมันลงซะ!” เมื่อมู่หรงเฟิงเห็นผลึกเจตจำนงแรกเริ่มอยู่ในมือเย่เฟิง ในที่สุดเขาก็นิ่งเฉยไม่ได้ จึงะโใส่เย่เฟิงเช่นนั้น
“พ่ายแพ้เอง แต่ก็ยังกล้าทำตัวอวดดีต่อหน้าข้าอีกหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้ม จากนั้นพูดต่อไปว่า “ผลึกเจตจำนงแรกเริ่มอยู่ในมือข้า เ้ามีปัญญาก็เข้ามาเอาเองสิ”
เมื่อกล่าวจบ เย่เฟิงเก็บผลึกเจตจำนงแรกเริ่มไว้ในแหวนมิติ ทำผู้คนนิ่งอึ้ง โดยเฉพาะคนเ่าั้ที่อยากได้ผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม พวกเขาต่างมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยือก
“คนผู้นี้โอหังนัก จะปล่อยให้เขาเอาผลึกเจตจำนงแรกเริ่มไปไม่ได้ ทุกคนร่วมมือกันฆ่าเขา แล้วชิงผลึกเจตจำนงแรกเริ่มมา!” มู่หรงเฟิงรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิง จึงยุยงคนอื่นให้ร่วมมือกันจัดการเย่เฟิง เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ต่างก็ตาเป็ประกาย พวกเขาไม่ยอมเห็นคนอย่างเย่เฟิงได้ผลึกเจตจำนงแรกเริ่มไป
“คุณชายมู่หรงพูดถูก ในฐานะที่เป็ผู้ฝึกยุทธ์จากกองกำลังชั้นยอดแห่งจักรวรรดิจิ่วโยว จะปล่อยให้ชาวอาณาจักรเล็ก ๆ นี่คว้าสิ่งนั้นไปได้เยี่ยงไร พวกเราต้องกำจัดเขา” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวเห็นด้วยกับข้อเสนอของมู่หรงเฟิง
“ใช่แล้ว แม้ข้าจะไม่ได้ผลึกเจตจำนงแรกเริ่มมา แต่ก็ไม่้าเห็นคนผู้นี้ได้มันไป ต้องจัดการคนผู้นี้!” ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ ทยอยกันเห็นด้วย ทั้งยังจ้องเย่เฟิงตาเขม็ง พร้อมปลดปล่อยไอสังหาร
ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายเย็นเยือก “พวกเ้าอยากลงมือก็ลงมือสิ ไยต้องพล่ามไร้สาระ?”
เมื่อกล่าวจบ เย่เฟิงเดินลงจากแท่นหินทีละก้าว ๆ ซึ่งศึกต่อสู้นี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
“เย่เฟิง!” หลันเซียงเห็นเย่เฟิงเดินลงจากแท่นหินโดยไร้ซึ่งความหวาดหวั่นก็ต้องใ เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์มากเพียงนี้ เย่เฟิงจะรอดไปได้หรือคราวนี้?
“ยังไม่รีบส่งผลึกเจตจำนงแรกเริ่มมาอีก นับว่าเ้าใจกล้ามาก หากเ้าส่งมา บางทีพวกเราอาจไว้ชีวิตเ้าก็ได้!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่อยู่ใกล้เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น แม้เมื่อครู่จะเห็นเย่เฟิงฆ่าเกิ่งหัว แต่ก็หาเกรงกลัวไม่ เพราะว่าพวกเขามีจำนวนคนเยอะกว่า จัดการเย่เฟิงคนเดียวก็ย่อมเป็เื่ที่ง่ายดาย
ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายแหลมคม เขาแทงหอกไปที่คนนั้นด้วยความเร็วสูงโดยไม่มองผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นแม้แต่นิดเดียว ทำให้คนนั้นตาเบิกโพลง แม้อยากจะหลบหนี แต่กลับสายไป รังสีหอกของเย่เฟิงมิใช่สิ่งที่เขาต้านทานได้ ตามมาด้วยเสียงดังฉึก รังสีหอกนั่นทะลุลำคอของอีกฝ่ายจนตัวแข็งทื่อ ก่อนจะล้มลงไป คำพูดเมื่อครู่ของเขากลายเป็หายนะที่นำความตายมาสู่ตน
“บุกพร้อมกัน ฆ่า!” มู่หรงเฟิงตาเผยประกายเย็นเยือก เขารู้ว่าหากสู้ตัวต่อตัว เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิงแน่นอน จึงออกคำสั่งเช่นนั้นกับทุกคน จากนั้นทุกคนปลดปล่อยพลังและนำอาวุธของตนออกมา
“ตาย!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งแผดเสียงะโ จากนั้นตวัดดาบโจมตีเย่เฟิง ทว่ารังสีหอกของเย่เฟิงเร็วกว่า รังสีดาบของผู้ฝึกยุทธ์ถึงเพียงครึ่งทาง รังสีหอกของเย่เฟิงก็นำหน้าไปหนึ่งก้าว ก่อนจะทะลวงหน้าอกของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นเป็รูโหว่ จนเืพุ่งกระฉูดออกมาราวน้ำพุ
“ชิ้ง!” ในเวลาไล่เลี่ยกัน การโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์อีกคนก็มาถึงแล้ว รังสีมีดจู่โจมมาที่ลำคอของเย่เฟิงอย่างแม่นยำ
“ฟึ่บ!” เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบหนีรังสีมีดนั่นในพริบตา
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ จากนั้นเขาวาดฝ่ามือภูผาพิฆาตระดับสูงที่ผสานด้วยพลังหอกและพลังภูผาพิฆาตโจมตีกลับทันที
“ปัง!” เสียงะเิดังขึ้น ฝ่ามือที่น่าสะพรึงกลัวนั่นทำลายทุกสิ่ง ก่อนจะจู่โจมหน้าอกของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น ทำผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นร้องด้วยความเ็ป กระดูกบริเวณหน้าอกแตกหักหลายจุด ร่างถูกซัดกระเด็นออกไปจนตายคาที่
“หมอนี่แข็งแกร่งมาก ทุกคนปลดปล่อยิญญาาแล้วฆ่าเขาซะ!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาตกตะลึง
นาทีต่อมาเสียงวูบดังต่อเนื่อง ิญญาาหลากหลายประเภทถูกปลดปล่อย แสงแห่งาสว่างโชติ่ พร้อมเข้าปิดล้อมเย่เฟิง
