“ข้าอยู่” หลี่ซานรีบปรับสีหน้าให้เป็ปกติแล้วออกไปต้อนรับ
ช่างไม้จางกล่าวเสียงดัง “พวกเราเอาเครื่องเรือนมาส่ง”
หลี่หรูอี้สั่งจองไว้ั้แ่ก่อนจ้าวซื่อคลอดแล้ว นางสั่งจองเครื่องเรือนจำนวนหนึ่งกับช่างไม้จางและช่างไม้หวังในหมู่บ้าน คิดจะนำเครื่องเรือนใหม่เข้าบ้านก่อนจ้าวซื่อคลอด นึกไม่ถึงว่าจะมีเื่ร้ายมากระทบกระเทือนจิตใจจนทำให้จ้าวซื่อต้องคลอดก่อนกำหนด
วันนี้ผู้ที่มาส่งเครื่องเรือนคือ ช่างไม้จาง ภรรยา และบุตรชายของเขาก็มาด้วยกัน พวกเขาเข็นรถเข็นมาสามคัน บนรถเข็นแต่ละคันมีเครื่องเรือนที่ทำจากไม้หลิวบรรจุอยู่โดยใช้เชือกมัดไว้อย่างแ่า คราวนี้ต้องไปกลับสามรอบจึงจะขนมาได้ครบถ้วน
เครื่องเรือนมี โต๊ะ เก้าอี้ ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และของอื่นๆ อีกมากมาย
เครื่องเรือนใหม่แต่ละชิ้นถูกย้ายเข้าไปในบ้าน ในห้องโถงมีโต๊ะแปดเซียน เก้าอี้ และม้านั่งยาว ส่วนในห้องนอนมีตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง เพียงพริบตาเดียวก็ทำให้บรรยากาศในบ้านหลี่ดูแปลกตาขึ้นมา
ช่างไม้จางถูมือเข้าด้วยกัน กล่าวด้วยน้ำเสียงประจบประแจงเล็กน้อย “สหาย ไม้ที่ใช้ทำมีเหลืออยู่เล็กน้อย ข้าจึงทำเก้าอี้เพิ่มมาให้พวกท่านอีกสองตัว”
ภรรยาของช่างไม้จางกล่าวยิ้มๆ “ต่อไปหากบ้านพวกเ้า้าทำเครื่องเรือนอีกก็มาหาพวกเราได้”
เมื่อหลี่ซานได้ยินครอบครัวของช่างไม้จางกล่าวอย่างดีอกดีใจปานนั้นก็ฉีกยิ้มให้ไ แต่ในใจกลับคำนวณว่า จ่ายเงินไปเท่าใด เงินที่จ่ายไปซื้อที่ดินได้เท่าใด
ผู้ที่จ่ายเงินไม่ใช่เขา แต่เป็หลี่หรูอี้ ทว่าเงินที่จ่ายเป็เงินของครอบครัว เขาย่อมรู้สึกปวดใจ
ภรรยาของช่างไม้จางเป็คนรู้ความ เมื่อได้รับเงินค่าเครื่องเรือนมาแล้วก็หยิบออกมาสิบทองแดงแล้วมอบให้หลี่หรูอี้ “นี่ให้พวกเ้าเป็เงินแสดงความยินดีที่บ้านเ้ามีเด็กชายเพิ่มขึ้นมาสองคน แม้เงินไม่มากแต่ก็นับเป็น้ำใจเล็กน้อยของพวกเรา”
ยามปกติหากคนในหมู่บ้านคิดจะแสดงน้ำใจ มักใช้เงินเพียงสี่ทองแดง ดังนั้นเงินสิบทองแดงจึงนับว่ามากแล้ว
หลี่หรูอี้รับเอาไว้แล้วกล่าวขอบคุณ จากนั้นจึงเดินไปหยิบไข่ต้มแดงให้ภรรยาช่างไม้จางแปดฟอง “อีกไม่นานเชิญพวกท่านมาร่วมดื่มสุรามงคล ในงานครบเดือนของน้องชายข้าด้วยนะเ้าคะ”
ภรรยาของช่างไม้จางเห็นบ้านหลี่มอบไข่ต้มแดงให้มากมายเพียงนี้ย่อมรู้สึกยินดี ถึงกับกล่าวชมหลี่หรูอี้ไปคำรบใหญ่
บุตรชายของช่างไม้จางเดินออกมาจากบ้านหลี่ก่อนกระซิบบอกว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นอู่โก่วจื่อเดินออกมาจากลานด้านหลังของบ้านหลี่ด้วย”
ภรรยาของช่างไม้จางกลอกตาก่อนกล่าวด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ ว่า “ทุกคนรู้ดีว่าลานด้านหลังของบ้านหลี่เอาไว้ทำเต้าหู้ อู่โก่วจื่อไปที่ลานด้านหลังของบ้านหลี่เช่นนี้ จะต้องไปแอบเรียนวิธีการทำเต้าหู้เป็แน่”
“ข้าต้องเตือนหลี่ซานสักหน่อย” ช่างไม้จางรีบย้อนกลับไปยังบ้านหลี่ ดึงหลี่ซานมาถึงนอกประตูรั้วแล้วกล่าวว่า “สหาย เต้าหู้ของพวกท่านขายดียิ่งนัก ไม่ว่าผู้ใดพบเห็นย่อมต้องอิจฉาตาร้อน ขอกล่าวโดยไม่ปิดบัง ข้าก็อิจฉาพวกท่านเช่นกัน”
หลี่ซานยิ้มบางๆ กล่าวอย่างถ่อมตัวว่า “ข้าก็อิจฉาที่พวกท่านมีฝีมือทางช่างไม้ยอดเยี่ยมเช่นกัน”
“หากบ้านท่านขาดคนก็ไปหาซื้อคนจากอำเภอมาเป็บ่าวไพร่เถิด เด็กหญิงเช่นอู่โก่วจื่อราคาเพียงไม่กี่ร้อยทองแดง” ช่างไม้จางกลัวหลี่ซานจะไม่เข้าใจจึงตบไหล่หนาๆ ของอีกฝ่าย “โบราณกล่าวว่า เป็มนุษย์ห้ามมีจิตใจคิดทำร้ายคน เป็มนุษย์ห้ามขาดจิตคิดระวังผู้อื่น หากสูตรทำเต้าหู้ของพวกท่านถูกผู้อื่นขโมยไป กิจการขายเต้าหู้ของพวกท่านคงไม่ดีเช่นนี้อีก ท่านคิดดูให้ดีเถิด ข้าขอตัวก่อน”
หลี่ซานมองช่างไม้จางที่กำลังเดินคล้อยหลังจนลับตาไป แววตาของเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อน
อู่โก่วจื่อพูดคุยกับจ้าวซื่ออยู่ในห้องนอนว่า บ้านหลี่มีเครื่องเรือนใดเพิ่มขึ้นมาบ้าง
เมื่อครู่อู่โก่วจื่อนำผ้าอ้อมเปื้อนปัสสาวะของทารกไปซัก ปัสสาวะนับเป็ปุ๋ยชั้นยอดจึงนำไปรดที่แปลงผักบริเวณลานด้านหลัง
นางคิดทำเพื่อบ้านหลี่ นึกไม่ถึงว่าจะถูกช่างไม้จางเข้าใจผิดเสียได้
เมื่อหลี่หรูอี้จัดของเรียบร้อยแล้วก็มาบอกจ้าวซื่อ “ท่านแม่ เครื่องเรือนใหม่ยังมีกลิ่นอยู่ ข้านำเครื่องเรือนใหม่ของห้องท่านไปไว้ที่ห้องเก็บของเพื่อให้กลิ่นคลายก่อน หากไม่มีกลิ่นแล้วค่อยย้ายเข้ามาให้ท่านนะเ้าคะ”
“เ้าเองก็เหนื่อยแล้ว รีบนั่งลงพักผ่อนก่อนเถิด” จ้าวซื่อรู้สึกดีขึ้นมากกว่าเมื่อวานที่เพิ่งคลอดลูกเสร็จใหม่ๆ น้ำนมก็มีแล้ว แม้หน้าอกของนางจะไม่ใหญ่แต่มีน้ำนมมาก ถึงกระนั้นก็ยังไม่พอให้ทารกทั้งสองอยู่ดี ยังคงต้องต้มนมแพะเช่นเดิม
“ข้าจะไปต้มยาให้ท่าน” หลี่หรูอี้นั่งอยู่เพียงชั่วครู่ก็ออกไปทำงานต่อ ส่วนประกอบหลักสำหรับใช้ต้มยาเทียบนี้คือ อี้หมู่เฉ่า
อี้หมู่เฉ่ามีประโยชน์ช่วยในการล้างมดลูก ช่วยล้างเืเสียที่ยังหลงเหลือในมดลูกของสตรีออกมาได้
เมื่อหลี่หรูอี้ต้มยาให้จ้าวซื่อดื่มเรียบร้อยแล้วก็ไปทำบะหมี่ไข่ไก่ให้จ้าวซื่อกินต่อ
จ้าวซื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “ข้ากินข้าวเที่ยงแล้ว เหตุใดจึงให้ข้ากินอีกเล่า”
“ท่านกำลังอยู่เดือนย่อมกินไม่เหมือนพวกเรา ท่านต้องกินน้อยแต่กินหลายมื้อ” หลี่หรูอี้ประคองจ้าวซื่อให้ลุกขึ้นนั่ง วางถาดที่มีชามบะหมี่ไข่ไก่อยู่้าลงบนตักของจ้าวซื่อ “ท่านต้องกินให้ดีและกินให้มากจึงจะมีน้ำนมให้น้องชายข้า”
น้ำนมก็คือเื น้ำนมที่จ้าวซื่อป้อนทารกทั้งสองก็คือเืของนาง เช่นนี้ย่อมต้องกล่าวว่า มารดาเป็ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด
หม่าซื่อได้กลิ่นน้ำแกงไก่อันเข้มข้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงปนอิจฉาว่า “น้องสาว น้ำแกงไก่ช่วยบำรุงร่างกายและช่วยให้มีน้ำนม เ้ารีบดื่มเถิด” เมื่อหลี่หรูอี้เดินถือชามอันว่างเปล่าออกไปจากห้องนอนแล้ว หม่าซื่อก็กล่าวขึ้นว่า “หรูอี้ใส่ใจเ้ามากจริงๆ เ้ามีวาสนายิ่งนัก”
หลี่หรูอี้ปฏิบัติต่อจ้าวซื่อเช่นไรอู่โก่วจื่อล้วนเห็นอยู่ในสายตา คิดว่าสิ่งที่ตนปฏิบัติต่อหม่าซื่อยังห่างไกลอีกฝ่ายมากนัก ทว่าหม่าซื่อก็ปฏิบัติต่อนางไม่สู้ที่จ้าวซื่อปฏิบัติต่อหลี่หรูอี้เช่นกัน
หลี่เฟยเยว่และหลี่เถิงเกากินอิ่มแล้วก็หลับ ในหนึ่งวันมีเพียงสองชั่วยามที่ตื่น หากตื่นมาแล้วถ้าไม่หิวไม่ถ่ายก็จะไม่ร้อง เป็เด็กดียิ่งนัก นี่ทำให้จ้าวซื่อ หม่าซื่อ และอู่โก่วจื่อผ่อนคลายลงมาก
อาการของจ้าวซื่อดีขึ้นทุกวัน ยามว่างก็ย้อนนึกถึงเมื่อก่อน นางรู้สึกว่าผู้ที่ลำบากที่สุดในครอบครัวตนก็คือ หลี่หรูอี้ จึงกล่าวกับหม่าซื่อว่า “เมื่อปีนั้นตอนข้าคลอดหรูอี้ บ้านเราอยู่ในสถานการณ์ไม่ดี หรูอี้ต้องใส่ชุดเก่าของพี่ชายทั้งสี่”
“มิใช่ว่าเ้าไม่อยากทำชุดใหม่ให้นาง แต่เป็เพราะเ้าไม่มีเงินต่างหาก” หม่าซื่อปรายตามองไปทางอู่โก่วจื่อที่กำลังป้อนนมแพะให้ทารกทั้งสอง กล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ในแผ่นดินนี้ไม่มีพ่อแม่คนใดไม่รักลูก เ้ากับข้าย่อมอยากให้ลูกๆ กินดีอยู่ดีสวมใส่เสื้อผ้าดีๆ ทุกวัน แต่ยามนั้นพวกเราจะเอาเงินมาจากที่ใด”
จ้าวซื่อทราบดีว่า สภาพของบ้านสวี่ย่ำแย่กว่าบ้านตนมาก “อืม... เมื่อปีนั้นกินอิ่มและมีชีวิตรอดต่อไปได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว”
หม่าซื่อสนทนากับจ้าวซื่อ คุยไปคุยมาก็พูดเื่ในใจตนให้ฟัง “ปีหน้าเอ้อร์โก่วจื่อก็อายุสิบห้าแล้ว ข้ากับพ่อของเขาคิดว่าสมควรจัดแจงเื่แต่งงานให้เขาได้แล้ว”
จ้าวซื่อกล่าวขึ้นว่า “หากเ้าไม่พูดข้าก็ลืมไปแล้ว เอ้อร์โก่วจื่อใกล้จะอายุสิบห้าแล้ว จะบรรลุนิติภาวะแล้ว”
หม่าซื่อกล่าวอย่างเนิบช้า “เอ้อร์โก่วจื่อเป็บุตรชายคนโตของครอบครัว ข้ากับพ่อของเขาอยากหาภรรยาดีๆ ให้เขาสักคน เมื่อเป็เช่นนี้ก็จะดีกับครอบครัวเราทุกคน ทว่าพวกเราสองสามีภรรยารู้จักคนไม่มาก สภาพทางบ้านก็ธรรมดา ไม่รู้ว่าจะหาคนที่เหมาะสมได้จากที่ใด”
เมื่ออู่โก่วจื่อได้ยินเื่หาสะใภ้ใหญ่ของตนก็รีบเอียงหูฟัง
ก่อนหน้านี้จ้าวซื่อเคยได้ยินหม่าซื่อกล่าวว่า อยากให้เอ้อร์โก่วจื่อแต่งกับเด็กหญิงของตระกูลหวัง ทว่านางก็ได้ยินจากเฟิงซื่อมาว่า คนตระกูลหวังล้วนดูถูกบ้านสวี่ สุดท้ายจึงตอบไปว่า “สตรีต้องแต่งกับบุรุษสูงกว่า บุรุษต้องแต่งกับสตรีต่ำกว่า ข้าว่าเ้าลองมองหาเด็กหญิงจากญาติมิตรในหมู่บ้านห่างไกลดีหรือไม่ หากบ้านฝ่ายหญิงยากจนเสียหน่อยก็ไม่เป็ไร แต่จะต้องมีคนน้อยและมีเื่น้อย คนในครอบครัวจะต้องซื่อสัตย์จริงใจ ขอเพียงฝ่ายหญิงขยันขันแข็งและรู้จักกตัญญูเป็พอ”
หมู่บ้านหลี่อยู่ติดกับถนนสายหลัก มีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ดีกว่าหมู่บ้านอีกหลายแห่ง
สำหรับหมู่บ้านหลี่แล้ว บ้านสวี่อาจนับว่าธรรมดา แต่หากเปรียบเทียบกับหมู่บ้านห่างไกลอีกหลายแห่งก็นับว่าดีกว่ามาก
เมื่อได้ยินดังนั้นหม่าซื่อก็มีท่าทีใคร่ครวญ
สามวันต่อมา คนของหม่าซงก็มารับเต้าหู้สามพันชั่งไปจากบ้านหลี่ จากนั้นหลี่หรูอี้ก็ได้รับข่าวดีที่ตนรอคอยมาอย่างเนิ่นนานจากปากของหลี่ซาน
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้