เหล่าขุนนางก็เริ่มพูดคุยเจรจากัน คุณหนูและคุณชายสกุลอื่น ๆ เดินไปมาขวักไขว่เพื่อทำความรู้จักกัน ผิดกับหยางซิ่วหนิงที่นั่งนิ่งอยู่กับที่ไม่ยอมเดินไปพบปะผู้คน
“ซิ่วหนิง เหตุใดจึงไม่ลุกเดินไปไหนบ้าง เ้าไม่สบายตรงไหนหรือไม่” บิดาสังเกตเห็นความผิดปกติจึงเดินเข้ามาถามไถ่อาการ
“ข้าแค่อยากอยู่เงียบ ๆ เท่านั้นเ้าค่ะ ข้าไม่ได้เป็อะไร” ขณะที่สองพ่อลูกพูดคุยกันอยู่นั้น คุณหนูเยว่เจวียเดินเข้ามายังโต๊ะพร้อมรอยยิ้มแล้วเอ่ยทักทายตามมารยาท ท่ามกลางสายตาของพระชายาที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลนัก
“หม่อมฉันขอตัวไปทางนั้นก่อน พอดีวันนี้หม่อมฉันเตรียมผ้าทอจากสกุลหยางมามอบให้คุณหนูเยว่เจวียด้วยเพคะ” พระชายาเอ่ยขออนุญาตชินอ๋อง
“เช่นนั้นข้าไปด้วย” หญิงสาวได้ยินดังนั้น จึงพยักหน้ารับ
ทั้งสองเดินเข้าไปร่วมวงด้วย ก่อนซุนเยว่เจวียเห็นพระพักตร์ของชินอ๋อง ใบหน้านางก็แสดงความดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนนางจะย่อตัวลงเคารพ
“ถวายพระพรชินอ๋องและพระชายาเพคะ” ซิ่วหนานเห็นดังนั้นจึงหันไปยังนางกำนัลที่ติดตามมา หยิบผ้าจากสกุลหยางยื่นให้พร้อมรอยยิ้ม
“วันก่อนเห็นเ้าบ่นว่าอยากได้ ข้าก็เลยนำมาให้” หยางซิ่วหนิงเห็นภาพในอดีตฉายวนกลับมา ก่อนนางจะตั้งท่ารับมือไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายซ้ำเดิมอีกเป็อันขาด แววตาสั่นระริกของหยางซิ่วหนิงทำให้ชินอ๋องจับจ้องมองมา อย่างไม่ละสายตา
เมื่อเยว่เจวียรับผ้าผืนนั้นไป นางจึงน้อมกายลงเล็กน้อย ก่อนใต้เท้าหยางจะชวนทุกคนนั่งร่วมวงกินอาหาร ซิ่วหนิงไม่พูดจา นางคีบอาหารใส่ปากแล้วมองพฤติกรรมของเยว่เจวียเป็ระยะ พลางทบทวนในใจเงียบ ๆ
“เยว่เจวียมีใจหมายมั่นต่อชินอ๋องมานาน ครั้งนี้นาง้าแกล้งให้ซิ่วหนานกลับตำหนัก เพื่อมีเวลาอยู่ใกล้ชิดกับชินอ๋อง ในอดีตเพื่อกำจัดน้องรอง ข้ายินดีที่เห็นเยว่เจวียทำเช่นนั้น ทว่าครั้งนี้อย่าฝันว่าเ้าจะทำสำเร็จ” เสี้ยวความคิดยังไม่ทันจบ ซุนเยว่เจวียก็เผลอทำอาหารหกใส่ร่างของพระชายา ร่วมถึงเศษอาหารจำนวนหนึ่งตกลงบนผ้าที่พระชายานำมาให้เป็ของกำนัล ทุกคนในที่นั้นรีบลุกขึ้นยืน รวมถึงท่าทางกระวนกระวายของเยว่เจวีย ที่เผลอใช้ผ้าผืนนั้นเช็ดตามตัวของพระชายา
“เป็อันใดหรือไม่เพคะ หม่อมฉันซุ่มซ่ามเองเพคะ เสื้อผ้าเลอะมากเช่นนี้จะทำอย่างไรดี” เยว่เจวียสัดส่ายสายตาไปมาด้วยความกังวล ก่อนชินอ๋องจะหยิบผ้าที่ติดมาค่อย ๆ ชิดมือและแขนของพระชายาอย่างถนอม
“พระชายาเพคะ เลอะมากเช่นนี้กลับตำหนักก่อนเถอะเพคะ กลิ่นอาหารติดวรกายนานไม่ดี” หยางฮูหยินเอ่ยด้วยความเป็ห่วง
ก่อนพระชายาจะหันสบตากับชินอ๋อง เขาพยักหน้าอนุญาตให้นางกลับตำหนักพร้อมนางกำนัล ก่อนหยางซิ่วหนิงจะก้าวเท้าออกมาเผชิญหน้ากับซุนเยว่เจวีย แล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“เ้าจะทำอันใด” เสียงกระซิบของมารดาเอ่ยปราม หากแต่นั่นไม่ทำให้หยางซิ่วหนิงสนใจ นางจับจ้องไปยังคุณหนูสกุลซุนแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“พระชายาไม่ต้องเสด็จกลับหรอกเพคะ” ทุกคนในที่นั้นต่างขมวดคิ้ว ก่อนซิ่วหนิงจะเอื้อมไปหยิบผ้าที่เป็ของกำนัลขึ้นมา แล้วซับน้ำแกงที่หกบนโต๊ะ พร้อมปัดเศษอาหารทิ้งช้า ๆ ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน
“พี่ใหญ่..” เสียงสั่นเครือของพระชายาดังขึ้นเบา ๆ ด้วยความผิดหวัง ผ้าผืนนั้นเปรียบเสมือนศักดิ์ศรีของสกุลหยาง แต่ซิ่วหนิงทำราวกับเป็ของไร้ค่า
“หยุดนะซิ่วหนิง!” หยางฮูหยินเอ่ยห้าม ก่อนสายตามุ่งมั่นของหยางซิ่วหนิงจะเลื่อนสบตาเยว่เจวียแน่นิ่ง พร้อมพับผ้าผืนนั้นให้เรียบร้อยดังเดิม ก่อนจะยื่นคืนให้ซุนเยว่เจวีย
“เ้าทำอันใด” อีกฝ่ายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอึกอัก ก่อนซิ่วหนิงจะยิ้มเล็กน้อย
“รับไปสิ”
“ผ้านั้นเ้าเอาไปเช็ดเศษอาหารหมดแล้ว เหตุใดจึงยื่นให้ข้า” เยว่เจวียถามกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ผ้านี้เป็ผ้าของสกุลหยาง ที่พระชายานำมามอบให้เ้า เ้าจะไม่รับได้งั้นเหรอ” ทุกคนในที่นั้นชะงักนิ่ง ก่อนซิ่วหนิงจะกล่าวต่อด้วยท่าทางราบเรียบไม่สะท้านต่อสิ่งใด
“อาหารพวกนี้เ้าเป็ทำหก ผ้าผืนนี้เ้าเองก็เป็คนหยิบมาเช็ดจนเปื้อนไปก่อนแล้ว แม้ข้านำไปเช็ดซ้ำแล้วมีผลอะไร”
“เ้า!” เยว่เจวียยกมือขึ้นชี้หน้าซิ่วหนิงด้วยความโกรธ
“หรือว่าที่ทุกอย่างเป็เช่นนี้ เพราะเ้าไม่เต็มใจรับผ้าจากสกุลหยางแต่แรก จึงสร้างสถานการณ์ขึ้น” ซิ่วหนิงถามพร้อมสายตาแน่นิ่ง ขณะเดียวกันสายตาของทุกคนก็จับจ้องมองเยว่เจวียเป็จุดเดียวกัน โดยเฉพาะสายตาของชินอ๋อง ก่อนซิ่วหนิงจะยิ้มเล็กน้อย แล้วยกผ้าผืนนั้นขึ้นมองช้า ๆ
“หากเ้าไม่เต็มใจรับผ้าของสกุลหยางแต่แรก ก็ไม่น่าต้องทำกันถึงขนาดนี้ เ้าเป็ถึงคุณหนูสกุลซุน อย่างไรก็ได้รับการอบรมสั่งสอนเื่มารยาทบนโต๊ะอาหารมาเป็อย่างดี จะซุ่มซ่ามทำอาหารหกใส่ผู้อื่นง่าย ๆ ได้อย่างไร ทั้งที่คนผู้นั้นมีฐานะสูงส่งเป็ถึงพระชายาของชินอ๋อง ซ้ำยังกล้าเอาของกำนัลจากพระชายามาเช็ดให้เลอะเปรอะเปื้อนอีก จะให้ข้าคิดเช่นไร?”
“ข้าก็แค่ใจนทำสิ่งใดไม่ถูกเท่านั้น ข้าไม่ตั้งใจ เ้าอย่าปรักปรำข้า” ซุนเยว่เจวียเอ่ยสวน ก่อนซิ่วหนิงจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้