"แม่คะ ตอนนี้เงินขายไก่เก็บได้เท่าไรแล้ว" เงินขายไก่ั้แ่เริ่มแรก อนงค์กานต์ได้ฝากแม่เก็บไว้ทั้งหมด คราแรกเธออยากแบ่งส่วนให้พ่อกับแม่ไปเลยครึ่งหนึ่งของยอดขาย แต่ทั้งสองไม่ยอมรับ เพราะตกลงกันั้แ่แรกแล้วว่ายอดขาย่สองเดือนนี้จะยกให้ลูกทั้งหมด
แต่อนงค์กานต์ไม่อยากรับแต่เพียงฝ่ายเดียว ในขณะที่พ่อและแม่ต้องเหนื่อยไปกับเธอทุกวัน สุดท้ายอนงค์ก็ตัดสินใจแบ่งเก็บไว้วันละ 200 บาทเท่ายอดขายรายวันที่เคยทำได้ตอนขายก๋วยเตี๋ยว คิดเสียว่าเป็ค่าเช่าแผงรายวัน นอกจากนี้อนงค์กานต์ยังให้หักส่วนที่ใช้จ่ายเป็ค่าอาหารรายวันของครอบครัวออกจากยอดรายได้นี้ด้วย เมื่อสามีภรรยาเห็นว่าจ่ายค่าอาหารวันหนึ่งไม่เกิน 100 บาท ซึ่งไม่มากนัก ทั้งสองเลยไม่คัดค้านแต่อย่างใด
"ตอนนี้มีเงินเก็บทั้งหมด 32,000 บาทจ้ะ" เมื่อคืน เธอและสามีอยู่ว่าง ๆ ก็เลยนำเงินที่ลูกสาวฝากไว้มานับ ยิ่งนับก็ยิ่งขนลุก เหงื่อซึมด้วยความตื่นเต้น ไม่นึกว่าจะเยอะขนาดนี้ น้อยครั้งนักที่ทั้งสองจะมีโอกาสได้จับเงินหมื่น อีกทั้งยังเป็เงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงด้วย ไม่ใช่เงินกู้แบบที่ได้เมื่อเดือนก่อน มันน่าภูมิใจกว่ากันมาก
"โห...เยอะกว่าที่นิดคาดไว้เยอะเลย" อนงค์กานต์ฉีกยิ้มกว้างจนด้วยความดีใจ ในที่สุดเธอก็มีเงินก้อนเป็เหยื่อสำหรับตกเงินล้านแล้ว อนาคตเธอจะได้เป็เศรษฐีนีสาวโสดที่มีเงินล้นธนาคารแล้ว ฮ่าฮ่า!
"แม่คะ ั้แ่พรุ่งนี้นิดไม่รับเงินขายไก่แล้วนะ ที่ได้มาตอนนี้ก็เหลือจะพอแล้ว"
"อีกตั้งนานถึงจะเปิดเทอม อย่างน้อยก็ต่อไปถึงสิ้นเดือนนี้ไม่ดีหรือลูก จะได้มีเงินเก็บเพิ่มอีกหน่อย" อนงค์ท้วงอย่างไม่เห็นด้วย ธุรกิจนี้ถ้าไม่ได้ลูกสาวเป็คนริเริ่ม รายได้คงไม่เข้ามาเยอะขนาดนี้ เธอจึงอยากให้ลูกสาวมีเงินเก็บของตัวเองมากขึ้นอีกนิด
"นั่นสิลูก รับถึงสิ้นเดือนไม่ดีกว่าหรือ เผื่อนิดอยากได้หรืออยากทำอะไรเพิ่มไง" กานต์ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน
"ไม่เอาแล้วค่ะ เอาเท่าที่จะนำไปใช้พอ นิดี้เีจัดการน่ะค่ะ คราวหน้าถ้านิดอยากได้อะไรเพิ่ม นิดค่อยขอพ่อกับแม่ก็ได้นี่นา หรือพ่อกับแม่จะไม่ให้แล้ว" อนงค์กานต์ทำหน้ามุ่ยทันที
"มีลูกอยู่คนเดียว จะไม่ให้ได้ยังไง ขอแค่ไม่ใช่ดาวกับเดือน พ่อกับแม่ก็จะพยายามหามาให้ลูกให้ได้อยู่แล้ว" กานต์จับหัวลูกสาวโยกไปมาด้วยความเอ็นดู "ตอนนี้คงบอกพ่อกับแม่ได้แล้วมั้งว่าจะเอาเงินไปทำอะไร"
-----
"..."
กานต์และอนงค์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินจุดประสงค์ของลูกสาว 'หุ้น' คืออะไร? ซื้อขายยังไง? ทำไมลูกสาวถึงบอกว่าอยากซื้อหุ้น!!
หุ้นเป็เื่ไกลตัวเกินกว่าจะเข้าใจจริง ๆ ไม่เหมือนแชร์หรือหวยที่เข้าถึงง่ายและเป็ที่นิยมกันมากในหมู่บ้าน พวกเขาก็เคยเข้าไปอุดหนุนอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง
"คุณหมอเล่าให้นิดฟังตอนไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล คุณหมอยังบอกวิธีซื้อขาย และที่เปิดบัญชีซื้อขายให้นิดฟังด้วยนะจ๊ะ มันไม่ยากเลย"
แม้จะรู้สึกทะแม่งในที่มาของความอยากซื้อหุ้นของลูก แต่พวกเขาก็ปัดตกความรู้สึกนี้ออกไปในทันควัน สำหรับลูกสาวคนนี้ ที่ยิ่งโตยิ่งดูเป็คนมีเหตุผล จึงไม่มีเหตุอะไรที่จะไม่เชื่อใจลูก เพราะฉะนั้นไม่ว่าเธออยากจะทำอะไร พวกเขาก็พร้อมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่เช่นกัน
ถึงจะยังงุนงงและไม่ค่อยเข้าใจ แต่ในที่สุดกานต์ก็ได้มายืนอยู่หน้าธนาคารสหแบงค์ในตัวจังหวัดใน่สายของวันรุ่งขึ้นแล้ว
"สวัสดีครับ ผมชื่อประชา อยู่ฝ่ายดูแลนักลงทุน เชิญลูกค้ามานั่งทำรายการที่โต๊ะด้านนี้ดีกว่าครับ"
เมื่อกานต์บอกวัตถุประสงค์กับเ้าหน้าที่ต้อนรับ เธอก็เดินไปแจ้งให้เ้าหน้าที่ชายวัยประมาณห้าสิบปีที่กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะด้านในทันที
ประชา ทำงานอยู่ฝ่ายดูแลนักลงทุนของธนาคารสหแบงค์ สาขาในตัวจังหวัดมานานเกือบสามสิบปี ติดต่อ รับหน้าที่ประสานงานด้านการลงทุน และคอยดูแลอำนวยความสะดวกด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ให้กับนักลงทุนภายในจังหวัดมาโดยตลอด จึงพอจะมองลักษณะของนักลงทุนออกพอสมควร แต่บุคลิกของชายที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเขานี้ ได้ฉีกภาพลักษณ์ที่คุ้นเคยในหัวเขาออกอย่างแหลกละเอียดเลยทีเดียว
ชายหนุ่มหน้าตาดี ผิวออกเข้ม รูปร่างสูง บุคลิกสุภาพ ใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นและกางเกงผ้าสีเรียบ นอกจากนาฬิกาสายสเตนเลสธรรมดาแล้วก็ไร้เครื่องประดับใด ๆ อีก บุคลิกแบบนี้คล้ายคนทำงานในระบบราชการหรือพนักงานบริษัทธรรมดาคนหนึ่งมากกว่าจะเป็นักลงทุน
แม้จะสงสัยมากเพียงใด ประชาก็ไม่ได้ปริปากหรือแสดงท่าทีกังขาออกมาแต่อย่างใด ยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างแข็งขัน จัดเตรียมเอกสารและให้คำแนะนำอย่างครบถ้วน และเมื่อได้อ่านทวนรายละเอียดที่ลูกค้าได้กรอกเรียบร้อยแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองยังสายตาดีอยู่ มองคนยังไม่พลาด ชายหนุ่มผู้นี้ประกอบอาชีพรับราชการเป็ครูโรงเรียนประถมประจำหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดนี่เอง
ถือว่าเป็ครั้งแรกที่ประชามีลูกค้าที่ประกอบอาชีพครูสอนโรงเรียนประถม ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีลูกค้าในสายงานการศึกษามาใช้บริการ ลูกค้าของเขาที่ประกอบอาชีพในสายงานนี้มาหลายคน แต่ส่วนมากจะเป็ระดับผู้อำนวยการโรงเรียนใหญ่ ๆ หรือผู้บริหารการศึกษาระดับจังหวัดเท่านั้น ดังนั้น เมื่อได้อ่านรายละเอียดที่กานต์กรอกไว้ ประชาถึงกับปิดความสงสัยเอาไว้ไม่มิด
กานต์อดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าแบบนั้น "บอกตามตรงนะครับ ผมไม่รู้เื่หรือสนใจเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นมาก่อนเลย"
"แต่ลูกสาวผมคนนี้สนใจครับ" กานต์หันหน้ามองไปทางบุตรสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ "เขาอยากลองซื้อขายดู แต่ติดที่อายุไม่ถึงยี่สิบปียังเปิดบัญชีซื้อขายไม่ได้ เลยขอให้ผมมาเปิดแทน ส่วนรายละเอียดการซื้อขายต่าง ๆ ก็ยกให้เขาตัดสินใจ"
ประชาหันมามองเด็กหญิงด้วยความสนใจใคร่รู้ เขาไม่ได้พิจารณาเด็กคนนี้มาแต่แรก คิดเพียงว่าเธอมาเป็เพื่อนบิดาเท่านั้น เมื่อได้มองเด็กหญิงอย่างละเอียดก็พบเด็กหญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ผิวนวลละเอียด ปากนิด จมูกหน่อย จุดเด่นที่สุดบนใบหน้าอยู่ที่ดวงตากลมโตแฝงแววฉลาดที่จ้องมองมา
"หนูรู้เื่ซื้อขายหุ้นจากไหนเหรอ" เขาอดถามขึ้นมาอย่างแปลกใจไม่ได้
"หนูฟังผู้ใหญ่เขาคุยกันแล้วสนใจค่ะ เลยถามรายละเอียดมา" เมื่อหัดจะแต่งเื่แล้วต้องไปให้สุด แม้เื่ที่แต่งจะดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไรก็ตาม อนงค์กานต์ปลงตกแล้ว "แต่หนูมีเงินไม่เยอะนะคะ ไม่รู้จะซื้อได้ไหม"
"เปิดซื้อขายเริ่มแรกเขากำหนดให้เริ่มที่ 1,000 บาท มีพอไหม" เมื่อเห็นอนงค์กานต์พยักหน้ายิ้มชื่นเผยลักยิ้มสองข้างแก้ม ประชาก็อดยิ้มตอบกลับไปไม่ได้ ถึงแม้ระเบียบจะกำหนดขั้นต่ำไว้ที่ 1,000 บาท แต่ไม่เคยมีนักลงทุนคนไหนลงทุนครั้งแรกต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาทเลย นี่คงจะเป็การเปิดซื้อขายที่ยอดน้อยที่สุดที่เขาดูแล แต่เขากลับรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขกว่าทุกครั้งอาจเพราะเป็ครั้งแรกที่ได้ดูแลลูกค้าที่อายุน้อยขนาดนี้
