บทที่2 การมาของชายลึกลับ
ปัจจุบัน… ณ บาร์ที่ไร้ชื่อ
ฝนข้างนอกเริ่มซาลงแล้ว แต่ความหนาวเย็นในใจของหมิ่งซัวหลงยังคงอยู่ ประตูร้านถูกผลักเข้ามาเบาๆ ปรากฏร่างของชายชราในชุดผ้าป่านสีมอซอ ดูไม่เข้ากับยุคสมัย ลักษณะคล้ายคนเดินทางมาจากแดนไกล เขาก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบแล้วทรุดตัวลงนั่งที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์
“ข้า้าสุราที่ดีที่สุดของเ้าหนึ่งจอก” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ก้องกังวานในความรู้สึก
หมิ่งซัวหลงละสายตาจากแก้วในมือ มองชายแปลกหน้าอย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบขวดซิงเกิลมอลต์วิสกี้ที่เขาเก็บไว้เพื่อตัวเองโดยเฉพาะออกมา แต่ก่อนที่เขาจะรินมันลงแก้ว ชายชรากลับยื่นวัตถุบางอย่างออกมาวางบนเคาน์เตอร์
มันคือ ตราหยก รูปทรงโบราณที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงเป็ลวดลายเมฆาและั เนื้อหยกสีเขียวมรกตเข้มส่องประกายเรืองรองอย่างน่าประหลาด ราวกับมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ภายใน บนตราหยกนั้นมีอักษรโบราณสี่ตัวสลักไว้ว่า “เทพสุราแห่งต้าิ”
“ใช้สิ่งนี้แลก”
หมิ่งซัวหลงขมวดคิ้ว เขารู้สึกเหมือนถูกมนตร์สะกด เขาหยิบตราหยกขึ้นมา ััเย็นเยียบแต่เปี่ยมด้วยพลังงานลึกลับแล่นผ่านปลายนิ้วเข้าสู่ร่างกาย โดยไม่รู้ตัว เขารินวิสกี้สีอำพันลงในจอกหยกโบราณที่ชายชราส่งมาให้ แสงจากหลอดไฟในร้านกระทบกับผิวสุราและเนื้อหยก ทำให้เกิดประกายแสงสีรุ้งวูบวาบไปทั่วทั้งร้าน
“ดื่มสิ แล้วเ้าจะได้พบพานในสิ่งที่สูญเสียไป” ชายชรากล่าวทิ้งท้าย
หมิ่งซัวหลงยกจอกขึ้นดื่มในอึกเดียว รสชาติของวิสกี้ที่คุ้นเคยกลับแปรเปลี่ยนไปในฉับพลัน เขารู้สึกถึงกลิ่นหอมหวนของข้าวฟ่างหมัก กลิ่นดินและไอน้ำจากเตากลั่นโบราณ กลิ่นสุราที่รุนแรงแต่ละมุนลิ้นอย่างที่ไม่เคยััมาก่อนพุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง
ภาพตรงหน้าของเขาเริ่มบิดเบี้ยว เคาน์เตอร์บาร์ โต๊ะเก้าอี้ และขวดเหล้าทั้งหมดหมุนคว้าง แสงสีรุ้งจากจอกหยกสาดส่องเจิดจ้าขึ้นจนกลายเป็พายุหมุนที่ดูดกลืนทุกสิ่ง กลิ่นสุราโบราณทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเขารู้สึกเหมือนกำลังจะจมดิ่งลงไปในมหาสมุทรแห่งแอลกอฮอล์ สติของเขาดับวูบลง…
…ความรู้สึกแรกที่กลับมาคือกลิ่นหอมของข้าวหมักที่ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ ตามมาด้วยเสียงผู้คนจอแจและเสียงเครื่องปั้นดินเผากระทบกัน หมิ่งซัวหลงพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาจนต้องหยีตาปรับโฟกัส
ภาพที่เห็นทำให้เขาแทบหยุดหายใจ
บาร์เล็กๆ ของเขาหายไปแล้ว… ที่นี่คือลานกว้างของโรงกลั่นสุราขนาดมหึมา ไหหมักสุราดินเผาขนาดใหญ่ตั้งเรียงรายสุดลูกหูลูกตา ผู้คนในชุดผ้าฝ้ายแบบโบราณกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น สถาปัตยกรรมไม้และหลังคากระเบื้องดินเผาบ่งบอกชัดเจนว่าที่นี่ไม่ใช่หนานกิ่งในยุคปัจจุบัน
เขาอยู่ที่ไหน? เกิดอะไรขึ้น?
หมิ่งซัวหลงพยายามยันกายลุกขึ้น รู้สึกว่าเสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็เปลี่ยนจากชุดบาร์เทนเดอร์กลายเป็อาภรณ์ผ้าไหมเนื้อดีแบบบัณฑิตโบราณ
“คุณชายหยวนลู่! ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว!”
เสียงหวานใสที่คุ้นเคยจนทำให้หัวใจของเขาหยุดเต้นดังขึ้นจากเบื้องหน้า เขาค่อยๆ หันไปตามเสียงนั้น และแล้ว…โลกทั้งใบของเขาก็หยุดหมุนอีกครั้ง
หญิงสาวในชุดจีนโบราณสีฟ้าอ่อนงดงามราวกับเทพธิดาในภาพวาดกำลังเดินตรงมาหาเขา ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตที่เปล่งประกายสดใส ริมฝีปากอิ่ม และรอยยิ้มที่เคยทำให้โลกของเขาสว่างไสว…
ทุกอย่างคือเธอ… ชิงเอ๋อ
“ท่านหายไปไหนมาทั้งคืน ทำให้ข้าและทุกคนเป็ห่วงแทบแย่” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความโล่งใจและตัดพ้อน้อยๆ
หมิ่งซัวหลงยืนนิ่งแข็งทื่อราวกับถูกสาปเป็หิน เขามองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา น้ำตาเริ่มเอ่อคลอขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาพยายามเปล่งเสียงเรียกชื่อที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจออกมา
“ชิง… เอ๋อ…”
หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย มองเขาด้วยแววตาสงสัย “ท่านเรียกข้าว่าอะไรนะ คุณชายหยวนลู่? ข้า จ้าวลู่ซือ ต่างหากเล่า… ท่านดื่มมากจนจำคู่หมั้นของท่านไม่ได้แล้วหรือ”
นางพูดขณะที่เอามมือแตะหน้าผากของเขา..!
คำว่า “จ้าวลู่ซือ... คู่หมั้นของท่าน” ลอยเข้าสู่โสตประสาทของหมิ่งซัวหลง แต่มันเป็เพียงเสียงที่ไร้ความหมาย สมองของเขาว่างเปล่าราวกับถูกกระแทกอย่างรุนแรง ในห้วงคำนึงของเขามีเพียงภาพใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า... ใบหน้าที่เขาเฝ้าคิดถึงมาตลอดสองปี ใบหน้าที่เขาเห็นเป็ครั้งสุดท้ายในภาพข่าวซากรถที่ถูกไฟไหม้
ความเ็ปที่เคยกัดกินหัวใจมาตลอด 730 วัน พลันสลายหายไปในพริบตา ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกตื้นตันอย่างสุดจะบรรยาย
หรือว่า... เราตายไปแล้ว?
ความคิดนี้แวบขึ้นมาในหัวเป็อย่างแรก นี่คือคำอธิบายเดียวที่เป็ไปได้ เขาน่าจะตายไปแล้วตอนที่ดื่มสุราในแก้วของชายคนนั้นยื่นให้และแสงประหลาดจากตราหยกนั้นะเิออกมา แต่์คงจะเมตตา ส่งเขามาพบเธอในปรโลก
“ชิงเอ๋อ...” เขากระซิบชื่อนั้นอีกครั้ง น้ำเสียงสั่นเครือแต่แฝงไว้ด้วยความสุขล้นพ้น “ในที่สุด... ผมก็ได้เจอคุณอีกครั้ง”
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหมิ่งซัวหลงเป็ครั้งแรกในรอบสองปี หากการตายหมายถึงการได้พบเธออีกครั้ง เขาก็ยอมรับมันอย่างเต็มใจเขาค่อยๆ ยื่นมือออกไป หวังจะััใบหน้านั้นให้แน่ใจ แต่จ้าวลู่ซือกลับถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าสับสนและเป็กังวลอย่างยิ่ง
“คุณชายหยวนลู่ ท่านเป็อะไรไป?” เธอถามย้ำ “ข้าไม่ใช่คนที่ท่านเรียกหา หรือท่านคงจะยังสับสนจากการเดินทาง”
ภาพที่เธอถอยหนีและการปฏิเสธอย่างชัดเจนนั้น กระแทกหมิ่งซัวหลงให้หลุดออกจากภวังค์แห่งความสุข ความจริงอันโหดร้ายเริ่มแทรกซึมเข้ามาในความคิด
ไม่ใช่... นี่ไม่ใช่ปฏิกิริยาของชิงเอ๋อ...
เขาสะบัดศีรษะแรงๆ พยายามนึกย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ความทรงจำสุดท้ายที่ไม่ใช่ใบหน้าของเธอคืออะไร?
ภาพทุกอย่างฉายกลับเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว... บาร์ที่เงียบสงัด... ชายชราลึกลับในชุดโบราณ... ตราหยกที่ส่องแสงเรืองรอง... คำพูดที่ว่า "เปิดประตูสู่อดีตที่เ้าโหยหา"... จากนั้นคือความรู้สึกเหมือนร่างกายถูกฉีกกระชากท่ามกลางแสงสว่างจ้า...
แล้วเขาก็ตื่นขึ้นมาที่นี่...
กลิ่นดิน... กลิ่นข้าวหมักที่ลอยอบอวล... เสียงผู้คนจอแจ... ลมเย็นๆ ที่พัดกระทบผิว... ทุกอย่างมันจริงเกินกว่าจะเป็ความฝันหรือแดนปรโลกหมิ่งซัวหลงก้มลงมองมือของตัวเอง เขายังคงรู้สึกถึงชีพจรที่เต้นอยู่ใต้ิั เขายังมีลมหายใจ... เขายังไม่ตาย
แล้วนี่มันคืออะไรกัน?
ความสับสนถาโถมเข้าใส่เขาราวกับพายุลูกใหญ่ ร่างสูงโปร่งเซถอยหลังอย่างหมดแรงจนแผ่นหลังกระแทกเข้ากับเสาไม้ต้นหนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง... จ้าวลู่ซือ ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนชิงเอ๋อทุกกระเบียดนิ้ว แต่กลับเรียกเขาว่า "หยวนลู่" และบอกว่าเธอคือคู่หมั้นของชายคนนั้น
ไม่ใช่... นี่ไม่ใช่์ที่ทำให้เขาได้พบคนรักอีกครั้ง แต่เป็ความจริงที่แปลกประหลาดและเ็ปยิ่งกว่าการตายเสียอีก
เขาได้พบเธออีกครั้งจริงๆ ... แต่เธอไม่ใช่ผู้หญิงของเขา และเธอก็จำเขาไม่ได้..!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้