เมื่อหลิวหย่งกับหลี่เฟิ่งเหมยเจอหน้ากัน ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดถึงเื่ที่ทะเลาะเบาะแว้งกันก่อนหน้านี้อีก
หลี่เฟิ่งเหมยเห็นสภาพความเป็อยู่อันยากลำบากของหลิวหย่งที่เผิงเฉิงแล้วจึงไม่อยากทะเลาะด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลิวหย่ง เขาถูกเซี่ยเสี่ยวหลานพากลับมาจากห้องเต้นรำ แม้จะไม่ได้ทำเื่ผิดต่อภรรยา แต่ก็อดใจแป้วไม่ได้ มีหรือจะกล้าพูดถึงเื่ที่ทะเลาะกันก่อนหน้านี้
อีกอย่าง หลี่เฟิ่งเหมยเดินทางมาหาเขาที่เผิงเฉิงเองแบบนี้ นั่นก็คือการยอมก้มหัวให้กับ ‘เสาหลักของบ้าน’ มิใช่หรือ
หลิวหย่งอุ้มตัวลูกชายขึ้น “จะอยู่เที่ยวที่เผิงเฉิงกี่วันล่ะ”
หลี่เฟิ่งเหมยกลอกตาใส่เขา “เทาเทาไม่ต้องเรียนหนังสือหรืออย่างไร คงอยู่ได้แค่สองวันนั่นแหละ!”
หลิวหย่งหัวเราะแก้เก้อ
ต้องเรียนอยู่แล้ว เขากับหลี่เฟิ่งเหมยแยกกันอยู่ต่างถิ่นก็เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสให้กับหลิวจื่อเทามิใช่หรือ เซี่ยเสี่ยวหลานคือแบบอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน เรียนกับไม่เรียนหนังสือ สำหรับเด็กที่เกิดในชนบทนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว!
สำหรับเื่การเรียนหนังสือห้ามมีอะไรมากระทบโดยเด็ดขาด แม้จะต้องสละเวลาที่จะได้อยู่กันพร้อมหน้า แต่หากใช้คำพูดของเซี่ยเสี่ยวหลานก็คือ พวกเขาควรสร้างนิสัยรักเรียนให้แก่หลิวจื่อเทา ทำให้เขารู้ว่าเื่เรียนต้องมาก่อนเื่อื่นเสมอ หาใช่เรียนๆ เล่นๆ ตามใจชอบ เดินทางหมื่นลี้ชนะการอ่านหนังสือหมื่นเล่ม? ก่อนจะพูดเช่นนี้ได้ ก็ควรอ่านหนังสือให้ครบหมื่นเล่มก่อนมิใช่หรือ?
ไม่ใช่แค่หลิวจื่อเทาที่ต้องกลับไปเรียน ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าที่ซางตูเพิ่งเริ่มวางจำหน่ายสินค้าสำหรับฤดูหนาวแล้ว แม้จะจ้างคนมาเพิ่ม แต่หลี่เฟิ่งเหมยกับหลิวเฟินก็ไม่อาจทิ้งร้านไปได้
สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลาน้าอ่านคือสัญญาที่หลิวหย่งเซ็นกับหลิวเทียนเฉวียน
พอได้อ่านสัญญาฉบับที่ว่า เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้ทันทีว่ามีปัญหาอยู่ตรงจุดไหน
บริษัทตกแต่งภายในเทียนเฉินของหลิวเทียนเฉวียนรับผิดชอบงานตกแต่งภายในของหมู่บ้านพักตากอากาศเซียงมี่หูอยู่ส่วนหนึ่ง โดยงานที่ใหญ่ที่สุดก็คือไนต์คลับเซียงมี่หู หลังจากนั้นหลิวเทียนเฉวียนในฐานะผู้รับเหมาก็จะแบ่งงานบางส่วนให้กับ ‘หย่วนฮุย’ ของหลิวหย่ง กระบวนการโดยภาพรวมแล้วเป็มาตรฐาน แต่ก็แอบตุกติกในจุดยิบย่อย
“ตอนเซ็นสัญญากับหลิวเทียนเฉวียน ลุงฉันกำลังดื่มเหล้าอยู่ใช่ไหม”
เซี่ยเสี่ยวหลานถามเก่อเจี้ยน
วันเซ็นสัญญาพวกเขาไปดื่มเหล้าด้วยกันจริง แต่ก็ได้เชิญคนมาช่วยตรวจสอบสัญญาอย่างละเอียดเรียบร้อยแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานชี้ไปที่ตัวสัญญา “บริษัทของหลิวเทียนเฉวียนชื่อเทียนเฉิน(天宸)บนสัญญานี้เขียนว่าเทียนเฉิน(天辰)อย่าเห็นว่าสองตัวนี้อ่านออกเสียงเหมือนกันแล้วจะไม่เป็อะไรนะ หากถึงคราวชำระเงินเมื่อไร ก็ขึ้นอยู่กับว่าหลิวเทียนเฉวียนจะมาไม้ไหน”
การรับเหมาก่อสร้างต้องมีเงินทุนสำรองจ่ายไปก่อน
อย่างเช่นโครงการบ้านพักรับรองเทศบาลเมืองเผิงเฉิง งบประมาณที่ได้รับการประเมินของโครงการเกินหลักล้านหยวน เงินทั้งเนื้อทั้งตัวที่หลิวหย่งมีก็ยังไม่พอ หากไม่ขอกู้ยืมจากธนาคาร คงรอถึงตอนชำระเงินงวดสุดท้ายหลังปิดโครงการไม่ไหว แน่นอนว่าผู้รับเหมาก่อสร้างทุกคนล้วนทำเช่นเดียวกัน มีเงินทุนหมุนเวียนแค่หนึ่งล้านแต่กล้ารับโครงการก่อสร้างมูลค่าหลายล้าน เป็เหตุให้โลกอนาคตมักจะมีข่าวผู้ใช้แรงงานจากชนบทประท้วงขอค่าแรงที่ควรได้รับ เนื่องจากผู้รับเหมาบางคนจงใจค้างชำระ โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดจากเงินทุนหมุนเวียนไม่พอ เมื่อเงินทุนหมุนเวียนไม่พอเช่นนั้นจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายค่าแรงให้กับแรงงานเล่า
หากผู้รับเหมารับงานโครงการที่มีมูลค่าสูงกว่ากระแสเงินสดของบริษัทตนเอง ขอเพียงบริษัทเ้าของโครงการไม่ยอมชำระค่างวด ก็สามารถกดดันเหล่าผู้รับเหมาจนอยากะโน้ำตายได้เลยทีเดียว
สิ่งที่หลิวเทียนเฉวียนทำอยู่ก็คือวิธีการเดียวกัน เพราะจีนแผ่นดินใหญ่ยังไม่มีกฎหมายร่างสัญญา ดังนั้นสัญญาทั้งหลายล้วนเกิดจากการตกลงกันเองของทั้งสองฝ่าย จำเป็ต้องระมัดระวังการถูกฉ้อโกงโดยใช้สัญญาเป็เครื่องมือ วิธีการที่หลิวเทียนเฉวียนทำนั้นไม่ซับซ้อนอะไรนัก เขาเพียงเปลี่ยนตัวอักษรจาก 天宸 (เทียนเฉิน) เป็ 天辰 (เทียนเฉิน) ตอนนี้เขาให้หลิวหย่งออกเงินล่วงหน้า ทว่าพอถึงเวลาชำระเงินหลังปิดโครงการเมื่อไร ทันทีที่หลิวหย่งเอาสัญญาออกมาดู หลิวเทียนเฉวียนก็สามารถเบี้ยวเงินได้อย่างไม่สะทกสะท้าน บริษัท 天辰 (เทียนเฉิน) ที่ว่าย่อมมีอยู่จริงแน่นอน แต่คงหาตัวผู้รับผิดชอบไม่ได้ เช่นนั้นจะไปทวงเงินจากใครกัน?
เก่อเจี้ยนเหงื่อซึมเต็มหน้าผาก
“คุณผู้หญิงเซี่ย เถ้าแก่ออกเงินทุนไปเก้าหมื่นกว่าหยวนแล้วครับ...”
ตอนนี้พบปัญหาในสัญญา เช่นนั้นเงินค่าก่อสร้างจำนวนเก้าหมื่นหยวนจะทำอย่างไรเล่า
หากไม่ยุติสัญญาก็ต้องลงทุนต่อ แต่หาก้ายุติสัญญา เงินเก้าหมื่นคงเอากลับมาไม่ได้ แถมยังต้องจ่ายค่าผิดสัญญาอีกด้วยน่ะสิ
ไม่ว่าทำอย่างไร หลิวเทียนเฉวียนก็เป็ฝ่ายได้เปรียบ
เซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิด หลิวเทียนเฉวียนคงไม่ได้อยากได้เงินจำนวนเล็กน้อยแค่นี้แน่นอน หากเขาทำลาย ‘หย่วนฮุย’ แล้วจะมีความหมายอะไร หย่วนฮุยไม่ใช่คู่แข่งในเผิงเฉิงของหลิวเทียนเฉวียนเสียหน่อย กิจการของทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยแม้แต่น้อย เทียนเฉินคว้าโครงการตกแต่งภายในของเซียงมี่หูมาได้ แล้วหย่วนฮุยสามารถทำได้หรือ?
หากไม่ใช่เพราะหลิวเทียนเฉวียนมีเจตนาเชิญชวนหลิวหย่งเข้ามาร่วมหุ้น หย่วนฮุยของหลิวหย่งคงไม่มีทางได้เฉียดใกล้เซียงมี่หูแน่นอน
สิ่งที่หลิวเทียนเฉวียน้าไม่ใช่เงินของหลิวหย่ง แต่เป็การจับจุดอ่อน
เขา้ากุมจุดอ่อนของหลิวหย่งสินะ
ถึงตอนนั้นหากลุงของเธอไม่อยากขาดเงินทุนหมุนเวียน ติดหนี้สินก้อนโต ก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของหลิวเทียนเฉวียน และต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ
หลิวเทียนเฉวียนขาดลูกน้องอย่างนั้นหรือ?
ไม่ สิ่งที่หลิวเทียนเฉวียน้าคือความสัมพันธ์ระหว่างของลุงเธอกับทังหงเอิน
ไม่ว่าความสัมพันธ์นี้จะเกิดขึ้นเพราะหลิวหย่งหรือเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่หากติดหนี้หลิวเทียนเฉวียนหลายแสนหยวน เซี่ยเสี่ยวหลานก็คงนั่งดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้
“ไม่เป็ไร เจอปัญหาตอนนี้ดีกว่าเจอตอนแตกหักกันแล้ว”
เซี่ยเสี่ยวหลานปลอบใจเก่อเจี้ยน
ธุรกิจที่ตกลงกันในห้องเต้นรำจะมีปัญหาก็ไม่ใช่เื่แปลกอะไร คนเราเวลาดื่มเหล้ามีหรือจะรู้ตัวว่าเซ็นสัญญาอะไรไป ลุงเธอถูกเอาเปรียบและถูกหลอกลวง แม้เงินเก้าหมื่นหยวนก้อนนี้อาจจะต้องโยนทิ้งลงแม่น้ำ แต่ก็ไม่ถึงกับล้มจนลุกไม่ไหว
เงินค่าผิดสัญญาที่เก่อเจี้ยนกล่าว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เก็บมาใส่ใจสักนิด
ต่อให้หลิวเทียนเฉวียนยอมแตกหักกันไปข้าง เขาก็จะไม่มีวันได้เงินค่าผิดสัญญาก้อนนี้อย่างแน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานหยุดคิด “เื่สัญญาอย่าเพิ่งบอกลุงฉัน คืนนี้ฉันจะไปทานข้าวกับนายกเทศมนตรีทัง ให้ลุงได้อยู่เป็เพื่อนป้าสะใภ้กับน้องชายอย่าสบายใจสักวันก่อน ส่วนเื่นี้ค่อยว่ากันพรุ่งนี้”
เซี่ยเสี่ยวหลานหยิบสัญญาฉบับนี้ติดตัวไปด้วย
คังเหว่ยกับพานซานรู้เื่แล้ว
คังเหว่ยพยายามคลายบรรยากาศ “พี่สะใภ้ ถึงจะขาดทุนเก้าหมื่น แต่จากขนาดธุรกิจของลุงหลิวตอนนี้ อาจจะใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือนก็สามารถหาเงินกลับมาได้ แต่ถ้าลุงหลิวขาดเงินทุน ที่ฉันยังพอมีอยู่นะ”
ไม่ต้องพูดถึงพานซาน หากเซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าอยากจัดการหลิวเทียนเฉวียนตอนนี้ พานซานก็สามารถหิ้วตัวหลิวเทียนเฉวียนมาให้ได้ทันทีแน่นอน
ส่วนพวกลิ่วล้อของหลิวเทียนเฉวียน พานซานไม่คิดแม้แต่จะชายตาแลด้วยซ้ำ
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหน้า “ยังไม่ต้องหรอก คังเหว่ย ห้ามพูดเื่จะให้ยืมเงินอีกเป็อันขาด”
เงินที่ลงทุนไปแล้วจะนำกลับมาได้หรือเปล่าไม่ใช่เื่สำคัญที่สุด เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าการขาดทุนคราวนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้สร้างบทเรียนให้กับลุงของเธอ หากเื่ยังไม่ทันเกิดก็มีคนช่วยเก็บกวาดให้ ลุงเธอคงลืมความเ็ปได้อย่างรวดเร็ว คนเราถ้า้าสอนลูกชายยังต้องปล่อยให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก นับประสาอะไรกับหลิวหย่งที่ไม่ใช่ลูกของเซี่ยเสี่ยวหลาน
อาหารค่ำมื้อนี้ นัดกันที่บ้านของทังหงเอิน
ทังหงเอินสีหน้าดูสดใสใช้ได้ อาหารที่เขาทานนั้นมีรสชาติค่อนข้างจืด เลขาเผิงถามปรึกษากับคุณหมอ และได้จัดตารางอาหารสามมื้อสำหรับทังหงเอินมา ต้องกินข้าวกี่โมง ทุกวันต้องกินอะไรบ้าง เมนูอาหารในหนึ่งสัปดาห์หมุนเวียนแบบไหน ล้วนทำตามตารางทั้งสิ้น
ตอนนี้สิ่งที่เลขาเผิงไม่รู้ก็คือเวลาพักผ่อนของทังหงเอิน เพราะตอนกลางคืนไม่มีใครคอยเฝ้าว่าทังหงเอินจะเข้านอนตรงเวลาหรือไม่
“อาทัง อาต้องดูแลร่างกายตัวเองให้ดีนะคะ หากไม่มีคุณอา โลกใบนี้คงมีคนชั่วมากมายแน่นอน ฉันคนเดียวคงจัดการไม่ไหวหรอก”
ทังหงเอินหลุดหัวเราะ “สิ่งที่เธอกำลังฟ้องฉันทางอ้อม ฉันได้ยินจากเสี่ยวหวังแล้ว ว่าอย่างไรเล่า ไปเจอเื่เดือดร้อนอะไรมาล่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานเอาสัญญามากางบนโต๊ะ “ฉันไม่เคยรู้เลยค่ะ ว่าเผิงเฉิงมีบริษัทฮ่องกงที่ชื่อเทียนเฉิน (天辰) เพิ่มมาั้แ่เมื่อไร”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้