อ๋าวหรานเดินทางอย่างยากลำบากเมื่อมาถึงบริเวณใกล้กับหมู่บ้านกลางหุบเขาสกุลจิ่งเขาก็ใกล้จะหมดลมแล้วนอกจากาแเล็กๆน้อยๆนับไม่ถ้วนบนร่างกาย บริเวณ่ท้องและช่องอกยังถูกมีดแทงเกือบทะลุอยู่สามแผลถึงแม้จะไม่ถึงแก่ชีวิตแต่เดินทางติดต่อกันมาหลายวัน อาการเสียเืมากก็เกือบทำให้เขาเกือบตายอยู่หลายรอบ ต้องขอบคุณม้าเหงื่อโลหิตที่แสนเฉลียวฉลาดของเขา ‘จิ่วเจิง’ มันแบกเขามาแล้วยังหันกลับมาจูบเขาบ่อยๆทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่
แน่นอนว่าที่หนักกว่าก็คือเ้าระบบแสนน่ารำคาญที่อยู่ในหัวนั่น มันพูดเจี๊ยวจ๊าวน่ารำคาญไม่ยอมหยุด คอยเตือนให้เขาประคองสติไว้ ถึงแม้จะน่ารำคาญ แต่อ๋าวหรานก็รู้ว่าถ้าไม่มีมัน เขาคงอดทนจนมาถึงหมู่บ้านสกุลจิ่งไม่ได้ ความตายเข้าใกล้มาทุกนาที
ถึงแม้จะมีจิ่วเจิงกับระบบคอยเตือนสติ ทว่าอ๋าวหรานก็เริ่มจะทนไม่ไหวเข้าไปทุกทีแล้ว ต่อให้มีเจตจำนงที่แข็งกล้าเพียงใดก็ไม่อาจทนกับความทรมานเช่นนี้ได้ การรับรู้เริ่มเลื่อนลอย เสียงดังลั่นของเ้าระบบนั่นก็เริ่มไม่ชัดเจน ราวกับเป็เสียงจากฟากฟ้าอันไกลโพ้น
เหนื่อยเหลือเกิน นอนพักสักครู่เถอะ จะเป็จะตายก็แล้วแต่์เถอะ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็ชีวิตที่เก็บได้เปล่าอยู่แล้ว
ตอนที่อ๋าวหรานมาถึงยังโลกแห่งนี้นั้น เรียกได้ว่าระทึกขวัญเป็อย่างยิ่ง
ตอนนั้นตระกูลอ๋าวกำลังถูกฆ่าล้างตระกูล อ๋าวหรานเข้ามาอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อแซ่เดียวกัน เขาตกตะลึงมองภาพนองเืตรงหน้า ยังไม่ทันดึงสติกลับมาได้ก็ถูกแทงเข้าหนึ่งแผล แม้แต่ตัวเขาที่สงบนิ่งมาตลอดก็ยังอดตะลึงไม่ได้ จากนั้นก็เปลี่ยนจากสีหน้าตกตะลึงเป็อุทาน บัดซบ เวรเอ้ย เจ็บชะมัด!
โชคดีที่ชาติที่แล้วอ๋าวหรานเคยเรียนทักษะการต่อสู้มาบ้าง ถึงแม้จะเป็แค่วรยุทธ์แมวสามขา แต่ก็คงพอแก้ขัดไปได้ อ๋าวหรานกัดฟันทนความเ็ป อาศัยจังหวะที่เ้าคนชุดดำนั่นไม่ทันเตรียมตัวเตะเข้าไปทีหนึ่งแล้วยกกระบี่ที่ถืออยู่ในมือแทงเข้าไป
แสดงท่วงท่าลื่นไหลราวสายน้ำรวดเดียวจบ ทว่าอ๋าวหรานรู้ดีนี่ไม่ใช่ความสามารถที่เขามี ตัวเขานั้นมีแค่ความสามารถในการต่อยตี แต่เขาก็เอาไว้ใช้แค่กับพวกนักเลงเด็กน้อย ไม่มีทางทำได้ถึงขนาดนี้ แล้วยังมีกระบี่ในมือนี่อีก มาอยู่ในมือั้แ่เมื่อไรกัน?
สำคัญกว่านั้น ฉากที่อยู่ตรงหน้านี้ทำให้คนรู้สึกยากที่จะยอมรับได้ กำลังแสดงละครกันอยู่หรือไง?
เมื่อกี้เหมือนเขาจะฆ่าคนไปแล้ว? ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เื่จริงใช่ไหม?
“หรานหรานระวัง หลบเร็ว!”
“หา?”
ฉัวะ— —
“โอ้!”
หญิงแปลกหน้าที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคย ถีงแม้จะมีริ้วรอยบนใบหน้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อาจกลบเค้าความงามของนางได้ ตอนนี้กลับล้มลงในอ้อมแขนของอ๋าวหราน ที่หน้าอกของนางถูกกระบี่แทงอยู่หนึ่งแผล ทำให้มีเืล้นทะลักออกมา
ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักผู้หญิงตรงหน้าแต่อ๋าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะะโออกไปว่า “แม่!” จิตใจของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเ็ป!
“ หรานหราน รีบ...รีบหนี มีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี รีบหนีไปจากที่นี่”
อ๋าวหรานน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงลงบนใบหน้าของนาง นี่คือแม่ของเขา นางกำลังจะตาย ต้องช่วยนาง จะปล่อยให้นางตายไม่ได้
“แม่ ข้าจะพาท่านไป พาท่านไปหาหมอ ท่านอย่าตายนะ! อย่าทำให้ข้าใสิ!”
“หรานหราน ฟังแม่ หนีไปจากที่นี่ ขอแค่มีชีวิตอยู่ จึงจะ จึงจะ...สามารถแก้แค้นให้คนตระกูลอ๋าวของเราได้!”
“ใครก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น! ในเมื่อไม่มอบของมา เช่นนั้นก็ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ให้หมดทุกคนนั่นละ! ถึงเวลาเดินทางไปยมโลกจะได้ไม่เงียบเหงานัก ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“หรานหราน แม่...แม่เสี่ยงชีวิตช่วยเ้าไว้ ไม่ใช่...เพื่อให้เ้าตายอยู่ที่นี่ หนีเร็ว!”
ทั้งๆ ที่ใกล้จะหมดลมแล้ว แต่นางก็ยังยืดหยัดด้วยลมหายใจสุดท้าย เข้าสู้กับพวกคนชุดดำ
อ๋าวหรานเองก็รู้ว่าหากยังอยู่ที่นี่จะเป็การผิดต่อนางที่สละชีวิตปกป้องตนเองเอาไว้ เขากัดฟันหักใจหันศีรษะกลับหลัง ผิวปากโดยสัญชาตญาณเรียกจิ่วเจิง อ๋าวหรานรู้ได้เองอย่างประหลาดว่ามันชื่อจิ่วเจิง เป็ม้าเหงื่อโลหิตที่อยู่เคียงข้างเขามาโดยตลอดเช่นเดียวกันกับเมื่อครู่ที่เขาก็รู้เองได้อย่างประหลาดว่าผู้หญิงคนนั้นคือมารดาของเขา
อ๋าวหรานขี่จิ่วเจิงหนีไป ระหว่างทางต้องเจอกับคนชุดดำอยู่หลายระลอก สู้ตายจนสามารถหนีฝ่าวงล้อมออกจากหมู่บ้านสกุลอ๋าวมาได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนแสนสาหัส าแเต็มร่าง เืท่วมกาย จนเมื่อมาถึงบริเวณใกล้กับหมู่บ้านสกุลจิ่งตอนนั้นเขาก็ล้มหมดสติไปโดยสมบูรณ์