เย่เฟิงคุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้นพร้อมมองด้วยสายตาเย็นเยียบ
เมื่อมองลอดทางเข้าห้องลับที่เขาสร้างไว้ก่อนหน้าก็เห็นทหารในชุดอำพรางถือยุทโธปกรณ์ครบมือสองคน แต่ละคนถือปืนรูปร่างประหลาดพร้อมสวมหมวกกันะุที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ครอบดวงตาไว้ ยิ่งกว่านั้นบนอกเสื้อยังมีสัญลักษณ์ดาวห้าดวง แสดงถึงความจงรักภักดีต่อประเทศชาติ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่คือ หนึ่งในนั้นยิงปืนใส่ต้นขาขวาของเขา นอกจากนี้ด้านหลังของนายทหารสองคนยังมีชายวัยกลางคนเคราสั้นท่าทางสง่าผ่าเผยยืนจ้องมาทางเขาอย่างดุดัน แม้เย่เฟิงจะไม่ค่อยรู้เื่การเมือง แต่ก็รู้ดีว่าชายคนนั้นเป็ใคร!
ในโทรทัศน์มักฉายภาพเขาเข้าร่วมการประชุมระดับชาติ และออกข่าวของเขาบ่อยครั้ง เขาคือพ่อของหลินซือฉิง ผู้นำตระกูลหลินแห่งเยี่ยนจิง เป็หนึ่งในผู้มีอำนาจมากที่สุดของประเทศจีน หลินเต๋อเทียน!
นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เขามาเพื่อจัดการชายสวมหน้ากากหรือ? ในใจเย่เฟิงรู้สึกขบขัน ทั้งยังได้ยินเสียงหลินซือฉิงแว่วจากนอกห้องลับ ดูท่าเธอคงไม่สามารถปลุกเซียวฉี่ได้ จึงพาอีกฝ่ายไปส่งโรงพยาบาล
แค่เป็ลม ทำไมถึงสลบไปนานขนาดนี้? เย่เฟิงรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายเหลือเกิน หากเซียวฉี่ฟื้นขึ้นมาตอนนี้และอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สถานการณ์ของเขาคงถูกคลี่คลายอย่างง่ายดาย… แต่อย่างไรเขาก็ได้ลูกปัด์มาไว้ในมือ เพียงใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ทำให้มีวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้
“นายถูกล้อมไว้หมดแล้ว ยอมมอบตัวซะ!” หลินเต๋อเทียนพูดพร้อมยกมือส่งสัญญาณ หากคนตรงหน้าต่อต้านก็จะสั่งให้ยิงทันที
เย่เฟิงต้องอดทนต่อความเจ็บจากขาข้างขวาที่ถูกยิง ทั้งยังเืไหลอาบ นี่ยังไม่นับเป็เื่ใหญ่ สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือเส้นลมปราณที่ขาข้างขวาของเขาเริ่มกัดกร่อนทีละน้อย ทำให้ขาชาจนแทบขยับไม่ได้
‘ที่แท้พวกเ้าหน้าที่ก็มีอาวุธที่ออกแบบมาเพื่อจัดการคนของยุทธจักรอยู่แล้ว มิน่าล่ะคนในยุทธจักรส่วนใหญ่ถึงไม่กล้าต่อกร…’ เย่เฟิงกัดฟันแน่นพร้อมเหลือบมองทหารสองคนและหลินเต๋อเทียนที่ยืนอยู่ตรงทางเข้า
วืด!
ชายหนุ่มอาศัยขาเพียงข้างเดียวในการเคลื่อนที่ไปยังทางเข้าห้องลับอย่างรวดเร็ว เขารีบตวัดกระบี่เจินชี่ในมือที่พลังใกล้จางหายไป
“ยิง!” เมื่อหลินเต๋อเทียนเห็นการเคลื่อนไหวของเย่เฟิงก็ตากระตุก พร้อมออกคำสั่งยิงอย่างไม่ลังเล
ปัง! ปัง!
เสียงปืนดังทันทีตามด้วยเสียงร้องคำราม ทางเข้าห้องลับถูกเย่เฟิงฟาดกระบี่ใส่หลายครั้งจนทรุดตัวลง พร้อมกับตัวบ้านบางส่วนถล่มลงปิดทางเข้าออก!
การทรุดตัวขยายบริเวณไปจนถึงห้องใต้ดินที่อยู่ถัดจากห้องลับ นำไปสู่การพังทลายของส่วนล่างของตัวบ้านทั้งหมด คุณภาพบ้านในวิลล่าเยี่ยนซีไม่จำเป็ต้องพูดถึง เพราะสูงตามราคาบ้านแน่นอน ทว่าคืนนี้ครึ่งหนึ่งของตัวบ้านกลับถล่มลงมาจนเกิดเสียงดังสนั่นทั่วบริเวณ!
ท่ามกลางความวุ่นวาย ไฟในห้องลับดับลง มีเพียงแสงสีเขียวจากลูกปัด์ในมือที่ส่องประกาย แสงลึกลับนี้เพิ่มความสว่างไปทั่วทั้งห้อง
หลินเต๋อเทียนและเ้าหน้าที่ทั้งสองนายต่างถูกตัวบ้านที่ถล่มลงมาปิดทางเข้าห้องลึกลับจนไม่สามารถทำอะไรได้ ด้านเย่เฟิงเองก็ไม่รับรู้และไม่สนใจ เื่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือต้องดูดซับพลังฟ้าดินของลูกปัด์ให้เร็วที่สุด!
ทั่วทั้งห้องลับสั่นะเืรุนแรง เวลานี้เย่เฟิงพยายามอดทนต่อความเจ็บจากขาข้างขวา เขาถือลูกปัด์พร้อมโคจรจุดตันเถียนให้ดูดซับพลังฟ้าดินจากมันอย่างรวดเร็ว
ความล้ำค่าของลูกปัด์เม็ดนี้สูงกว่าหินจิติญญาหลายร้อยเท่า กล่าวได้ว่าหากนำไปขายในยุทธจักร สามารถขายได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นล้าน แน่นอนว่าต่อให้มอบเงินหนึ่งหมื่นล้านแก่เย่เฟิง เขาก็ไม่มีทางขาย มีเงินมากแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่าการเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง สำหรับโลกเทวะความแข็งแกร่งถือเป็สิ่งสำคัญที่สุด หรือแม้แต่บนโลกใบนี้เย่เฟิงก็คิดว่ามันควรเป็อย่างนั้นเช่นกัน เมื่อความเป็ความตายถูกกำหนดโดยผู้แข็งแกร่งกว่า ต่อให้มีเงินมหาศาลแล้วจะมีประโยชน์อะไร?
แน่นอนว่าความแข็งแกร่งไม่ได้อยู่ที่ระดับพลังเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงสิ่งต่างๆ มากมาย เช่น อำนาจของตัวเอง บนโลกใบนี้มีทั้งการใช้เส้นสาย ภูมิหลังของตระกูล รวมถึงพร์
ชายหนุ่มกำลูกปัด์แน่น การโคจรพลังที่จุดตันเถียนของเขาเร็วขึ้น พลังฟ้าดินมหาศาลถูกดูดซับเข้าสู่จุดตันเถียนจนก่อเกิดเป็พลังชี่ เคราะห์ดีที่ตอนไปตามหาซูเฟยหยิ่งทีู่เาฉางไป๋เมื่อครึ่งเดือนก่อน เขาเพิ่งขยายเส้นลมปราณให้กว้างขึ้น จึงสามารถรองรับพลังบ่มเพาะระดับสิบปีได้ แม้เขาจะได้รับสมบัติ์อย่างอื่นอีกมากมายก็ไม่สามารถนำมันมาเพิ่มระดับพลังได้ในทันที การขยายเส้นลมปราณทำได้เพียงขยับขยายทีละนิดเท่านั้น หากเกินขีดจำกัดของมันแล้วยังฝืนดูดซับพลังฟ้าดินต่อจะเป็การทำลายเส้นลมปราณ ทำให้ได้รับาเ็หนักจนอาจเสียชีวิตได้
หกปี!
เจ็ดปี!
แปดปี!
ทุกสองถึงสามนาทีระดับพลังของเย่เฟิงจะเพิ่มทีละหนึ่งปี ทว่าเมื่อผ่านไปสิบนาที เ้าหน้าที่ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็คิดวิธีเข้าห้องลับได้ พวกเขานำวัตถุะเิออกมา จากนั้นเสียงะเิดังขึ้น พร้อมทางเข้าห้องลับถูกะเิออก!
การสั่นะเืกระจายเป็วงกว้าง เย่เฟิงที่นั่งยองบนพื้นถูกแรงะเิจนปลิวไปด้านหลัง กระแทกกำแพงห้องอย่างแรงจนกำแพงแตกร้าว กล่องรหัสลับกล่องอื่นถูกปกคลุมด้วยซากปรักหักพัง ทำให้ไม่อาจรู้ได้ว่าภายในกล่องเ่าั้มีอะไรอยู่กันแน่
เย่เฟิงไม่สนใจกล่องเ่าั้สักนิด เพราะเขามีััว่องไวต่อกลิ่นอายพลังฟ้าดินมาก ทำให้รู้ว่าในบรรดากล่องทั้งหมด มีเพียงกล่องที่ใส่ลูกปัด์เท่านั้นที่มีประโยชน์กับเขา ส่วนกล่องอื่นไม่มีจำเป็ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้มันมา
ระดับพลังเก้าปี!
เวลานี้ทหารในชุดลายพรางถือปืนที่มีความแม่นยำสูง เดินเป็แถวเข้ามาในห้องที่ปกคลุมด้วยฝุ่น ไฟฉายขนาดใหญ่หลายดวงส่องเข้ามาจนในห้องเป็สีเหลืองเข้ม
เคราะห์ดีที่เย่เฟิงดูดซับพลังจากลูกปัด์ได้มากแล้ว แสงสีเขียวของมันจึงอ่อนลงเรื่อยๆ ผนวกกับห้องลับเต็มไปด้วยฝุ่นควัน ทำให้อีกฝ่ายหาไม่พบในระยะหนึ่ง
ตอนนี้เย่เฟิงพิงตัวอยู่หลังซากปรักหักพังขนาดใหญ่ จุดตันเถียนของเขาโคจรพลังต่อไปอย่างบ้าคลั่ง เส้นลมปราณทั้งหมดอัดแน่นด้วยพลังชี่ ทำให้รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ถูกเติมเต็ม ไม่เพียงแค่นั้น พลังชี่ที่เขาใช้จนหมดก็คืนกลับมาอย่างสมบูรณ์ เืจากแผลที่ขาขวาก็หยุดไหลไปด้วย
“แกถูกล้อมไว้หมดแล้ว ยอมมอบตัวซะ! ไม่ว่าแกจะมีระดับพลังกี่ปีก็ไม่มีทางต่อกรกับเ้าหน้าที่ชั้นยอดของหน่วย NSA ได้หรอก!” น้ำเสียงหยาบกระด้างดังก้องทั่วห้อง นี่ไม่ใช่เสียงของหลินเต๋อเทียน ดูท่าจะเป็เสียงของหัวหน้าหน่วยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ สำหรับพวกเขาห้องลับนี่อันตรายเกินไป แน่นอนว่าเป็ไปไม่ได้ที่หลินเต๋อเทียนจะเข้ามาเสี่ยงอันตราย
อีกฝ่ายแข็งแกร่งจนสามารถพังบ้านได้ในกระบี่เดียว ความแข็งแกร่งเช่นนี้นับว่าหาได้ยาก!
“งั้นเหรอ?” เวลานี้มุมปากของเย่เฟิงบิดโค้งขึ้น เขาลอบยิ้มกับตัวเอง
ระดับพลังสิบปี!
ระดับพลังของเย่เฟิงตอนนี้เทียบเท่ากับก่อนที่เขาจะมาโผล่บนโลกใบนี้ ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้ระดับพลังนี้กลับมาอีกครั้ง ทั่วทั้งร่างของเขาทำทุกอย่างได้คล่องแคล่วราวกับใจนึกเหมือนกับปลาได้น้ำ เวลานี้เขารู้สึกเหมือนตอนที่อยู่ในโลกเทวะอีกครั้ง ตอนที่ติดตามซูเฟยหยิ่งและเผชิญหน้าศัตรูที่แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่า…
เย่เฟิงรีบส่ายหัว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะนึกถึงอดีต เมื่อมีระดับพลังสิบปีก็สามารถใช้ทักษะเซียนได้มากยิ่งขึ้น เช่นเปลวสุริยะ ทักษะล่องหน วิชาผสานิญญา เคล็ดแสงศักดิ์สิทธิ์ และสามารถโคจรพลังเพื่อบรรลุหยินเสินจนใช้จิตหยั่งรู้สำหรับรับรู้การเคลื่อนไหวรอบตัวได้แล้ว ตอนนี้เย่เฟิงไม่มีเวลาโคจรพลังเพื่อบรรลุหยินเสิน แต่ถึงอย่างไรก็สามารถใช้ทักษะล่องหนได้!
ในความเงียบนั้น ลูกปัด์ที่ถูกดูดพลังจนหมดก็ถูกทิ้งลงพื้น จากนั้นร่างของเย่เฟิงก็ค่อยๆ หายไปท่ามกลางความมืดมิดภายในห้อง…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้