ทำไมถึงหาเงินได้ง่ายดายขนาดนี้?
เดินทางไปหยางเฉิงหนหนึ่งก็สามารถเพิ่มพูนอีกหนึ่งเท่า
จาก 900 เพิ่มเป็ 1800 และจาก 1800 กลายเป็ 3000 กว่า?
หลิวเฟินนับเงินจนตาลายหมดแล้ว ถ้าไปหยางเฉิงอีกครั้ง มิใช่สามารถกลายเป็ 7000 กว่าหยวนได้หรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายศีรษะ “ฉันคนเดียวขนสินค้ามาได้แค่นั้นเป็ไปไม่ได้ที่จะนำเข้าจำนวนเยอะมากในครั้งเดียว”
แม้เมืองซางตูจะมีประชากรเหลือเฟือ แต่ที่ตั้งแผงที่เธอเช่าได้นั้นมีขนาดไม่ใหญ่อย่างวันนี้ก็ไม่ใช่เสื้อผ้าทุกตัวที่จะขายหมด ในปี 83 กำลังซื้อของผู้คนมีอยู่อย่างจำกัด ยิ่งนำเข้าสินค้ามาก เวลาที่เธอต้องใช้ในการขายย่อมนานยิ่งขึ้น
หากยังไม่มีร้านถาวร เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดที่จะเตรียมการนำเข้าสินค้ามากเกินไปต่อให้ต้นทุนเพียงพอ เส้นที่เธอขีดให้กับตนเองคือหนึ่งครั้งนำเข้าสินค้าไม่เกิน 2000 หยวน
“แม่ ขายกากน้ำมันคงเหนื่อยมาก แม่ไม่ต้องทำแล้วดีไหม?”
เธอขายเสื้อคลุมขนสัตว์หนึ่งตัวทำกำไรมากกว่า 20 หยวน แต่หลิวเฟินขนกากน้ำมัน 300 ชั่งออกไปขายก็ได้แค่ประมาณ 20 หยวนเท่านั้นหนึ่งวันต้องไปกลับโรงงานสกัดน้ำมันสองรอบ เงินที่หลิวเฟินหาได้ถึงจะสามารถเทียบกับกำไรของเสื้อนอกหนึ่งตัว
เงินที่หลิวเฟินหาได้ตอนนี้ไม่น้อยเลย หนึ่งวันขายกากน้ำมันหลายร้อยชั่งตัดวันฝนตกหรือสภาพอากาศเลวร้ายออกไป ไม่ว่าอย่างไรหนึ่งเดือนเธอก็มีรายได้ราวหกร้อยหยวน
เพราะธุรกิจใหม่ของเซี่ยเสี่ยวหลานมีกำไรอันน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน จึงทำให้กำไรจากการขายกากน้ำมันของหลิวเฟินดูไม่น่าสนใจ
หากสลับเป็เมื่อครั้งยังอยู่ตระกูลเซี่ย หนึ่งเดือนหาเงินได้มากกว่า 600 หยวน แม่เฒ่าเซี่ยยังจะรังเกียจที่หลิวเฟินให้กำเนิดลูกชายไม่ได้หรือเซี่ยต้าจวินยังจะลงไม้ลงมือกับเธอหรือไม่? อาจเกิดขึ้นอยู่ดีนิสัยเป็ตัวตัดสินโชคชะตา ถ้าหลิวเฟินไม่แข็งแกร่งด้วยตนเอง ทักษะการหาเงินทองในมือก็ไร้ความหมายและถูกคนอื่นในตระกูลเซี่ยฉกชิงไป
การหลุดพ้นจากตระกูลเซี่ยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้คือการตัดสินใจอันถูกต้องสูงสุดของเซี่ยเสี่ยวหลาน
หลิวเฟินมีความคิดแน่วแน่ของตนเองแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานเป็ห่วงเธอแต่เธอคิดว่าธุรกิจขายกากน้ำมันนั้นดียิ่งนัก
“แม่ยังอยากขายต่อไป”
ขนกากน้ำมันหลายร้อยชั่งในแต่ละวันสถานที่สำหรับกองมูลฝอยในโรงงานสกัดน้ำมันมีรอยโหว่แล้ว หากไม่ขนย้ายกากน้ำมันของโรงงานจนเกลี้ยงหลิวเฟินก็ยังทำใจวางมือไม่ได้
ขายกากน้ำมันลำบากแค่ขนสินค้าลงชนบทหลิวเฟินไม่สับสนว่าควรชั่งน้ำหนักและควรรับเงินเท่าไร เธอไม่มีคารมคมคายเช่นเซี่ยเสี่ยวหลานทำให้สตรีในเมืองเ่าั้ควักเงินซื้อเสื้อผ้าไม่ได้ทว่าขายกากน้ำมันไม่จำเป็ต้องใช้ฝีปากคล่องแคล่ว เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู้ามันพวกเขาจะควักเงินซื้อเอง!
หลิวเฟินคิดว่าธุรกิจนี้เหมาะสมกับเธอ เหนื่อยยากไม่ใช่เื่ใหญ่ เธอมีพละกำลังมากโขไม่หาเงินแล้วจะให้ว่างอยู่บ้านอาศัยลูกสาวเลี้ยงดูหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานบังคับมารดาของเธอไม่ได้ คิดว่าเพราะทรัพย์สินยังน้อยเกินไปมารดาเธอถึง้าสะสมเงินทอง
สำหรับหลิวเฟิน ถ้าละทิ้งธุรกิจที่รายได้หลายพันหยวนต่อปีไปเช่นนี้แบบนั้นช่างน่าเสียดายเกินไปแล้ว
สองแม่ลูกสนทนากันตลอดคืน เซี่ยเสี่ยวหลานตื่นั้แ่เช้าตรู่มาส่งโจวเฉิงครั้งนี้หลิวเฟินเป็คนห่อเกี๊ยว เซี่ยเสี่ยวหลานปรุงไส้เหมือนเคยห่อไส้หมูถึงสองชั่งเต็มๆ มอบให้โจวเฉิงและคังเหว่ยไว้รับประทานระหว่างทาง
โจวเฉิงไม่อยากจากไป
เซี่ยเสี่ยวหลานยัดเกี๊ยวให้กับเขา “อย่าโยเยน่ามีเวลาฉันจะไปหาเธอที่ปักกิ่ง”
คนไร้หัวใจ
โจวเฉิงขับรถจากไปแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานถึงกลับบ้าน
ในจุดที่เธอมองไม่เห็น รถของโจวเฉิงเลี้ยว ก็มุ่งไปยังภัตตาคารหวงเหอ
เห็นอาคารของภัตตาคารมาั้แ่ไกล คังเหว่ยจึงร้องด้วยความแปลกใจ “โอ้ คนที่ถูกใจพี่สะใภ้นั่นทำงานอยู่ในนี้สินะ?”
“นายอย่าประมาทไป ฉันว่าแม้พี่สะใภ้นายจะไม่ได้ชอบเขาพูดไปพูดมาก็ไม่ได้รังเกียจอยู่ดี เพียงแต่แม่ของเขาน่ารำคาญเหลือเกินฉันเกรงว่าผู้หญิงคนนั้นจะหาเื่อีก”
ภัตตาคารหวงเหอเปิดรับบริการคนทั่วไป
หน้าประตูปูพรมสีแดง มีคนในพื้นที่ของซางตูมาใช้บริการอยู่บ้างผู้ที่กล้าย่างกรายเข้าประตูของภัตตาคารหากไม่ร่ำรวยก็สูงส่งทั้งนั้น
ในสายตาคนทั่วไปคนขับรถบรรทุกสินค้ารายได้ดีทีเดียว ทว่าสำหรับภัตตาคารหวงเหอนั้นยังไม่พอให้ชายตามองโจวเฉิงกับคังเหว่ยไม่ใช่คนตื่นสถานที่ และภัตตาคารไม่สามารถขวางคนไว้ด้านนอกได้
โจวเฉิงและคังเหว่ยเข้าไปนั่งในภัตตาคารสองคนนี้สั่งหูฉลามั้แ่เช้าตรู่!
บริกรมองหนุ่มบ้านนอกสองคนด้วยสีหน้าลำบากใจ “หูฉลามต้องใช้เวลาในการแช่จะต้องสั่งจองล่วงหน้าค่ะ”
พวกคุณคิดว่าเป็วุ้นเส้นหรือ?
แช่ลงในน้ำร้อน ผ่านไปยี่สิบนาทีก็ยกวุ้นเส้นเผ็ดเปรี้ยวหนึ่งชามมาได้!
นั่นเป็หูฉลามนะ เวลาในการแช่ยาวนาน ขั้นตอนการปรุงก็ยุ่งยากทีเดียว
“ถ้าอย่างนั้นยกอุ้งตีนหมีแปดเซียนมาหนึ่งที่ บัวหลวงหัวลิงหนึ่งที่ับินคลุกน้ำมันหนึ่งที่...” คังเหว่ยส่งเสียงแจ๊บๆเขาสั่งยังไม่หนำใจ ล้วงต้าถวนเจี๋ยหนึ่งปึกออกมาวางไว้บนโต๊ะแสดงออกว่าเขามีเงินสำหรับชำระ
ภัตตาคารหวงเหอเคยรับอุ้งตีนหมี แพงที่สุดคืออุ้งตีนหมีตุ๋นจานโตหนึ่งที่ราคาถึง 330 หยวน!
อุ้งตีนหมีแปดเซียนราคาก็ไม่ใช่ย่อย แพงถึง 230 หยวนทีเดียว
บัวหลวงหัวลิงไม่ใช่หัวของลิง แต่เป็เห็ดหัวลิงนั่นเอง
ับินคลุกน้ำมันย่อมไม่ใช่ัจริงเช่นกัน ‘ับิน’ คือไก่ป่าที่กำเนิดในแถบเทือกเขาซิงอันตัวใหญ่ประมาณนกพิราบ หนึ่งตัวน้ำหนักไม่เกินหนึ่งชั่ง เนื้อขาวผ่องนุ่มละมุนเป็วัตถุดิบอาหารชั้นยอดในสายตาของเหล่านักชิม บน์มีเนื้อับนโลกมนุษย์มีเนื้อลา เนื้อัที่ว่าก็คือไก่ป่าั
บริกรถึงกับเหงื่อกาฬแตกพลั่ก วัตถุดิบอาหารพวกนี้ภัตตาคารหวงเหอมิได้ตระเตรียมไว้ตลอดเวลาใครมันจะว่างมาภัตตาคารเพื่อสั่งอาหารพวกนี้กัน?!
“ขอโทษค่ะ ของเหล่านี้ก็ไม่มี... เดี๋ยวฉันไปถามในครัวให้ว่าวันนี้สามารถยกอาหารอะไรให้พวกคุณทั้งสองได้บ้าง?”
ท่าทางของบริกรแสดงออกถึงความเกรงใจยิ่งนัก
หากไม่มีเงินที่คังเหว่ยวางไว้บนโต๊ะ เธอคงคิดว่าทั้งสองคนนี้ต้องมาเพื่อหาเื่ตำหนิแน่นอน
ตอนนี้ก็กำลังหาเื่อยู่ คนมีเงินมาหาเื่คงไล่ออกไปตามใจชอบไม่ได้ร่ำไปบริกรโดนคังเหว่ยทรมานทรกรรมจนโซเซจวนล้ม คังเหว่ยลากเสียงยานยาว
“เอ้า นี่ก็ไม่มีนั่นก็ไม่มี คนจัดซื้อภัตตาคารพวกคุณไร้คุณสมบัติเกินไปแล้วหรือเปล่า?”
คังเหว่ยดึงเงินจำนวนหนึ่งออกจากต้าถวนเจี๋ยทั้งปึก อาจจะมากถึงสิบกว่าใบยื่นให้บริกรทั้งหมด “เพื่อจะกินอาหารสักมื้อช่างยากเย็นเสียจริงเธอรับทิปไว้ ผมขอเจอคนจัดซื้อของร้านคุณได้หรือไม่?”
หา?
ไม่มีอุ้งตีนหมี เห็ดหัวลิง และับินเกี่ยวข้องอะไรกับคนจัดซื้ออย่างจูฟ่าง?
บริกรมองสีหน้าจริงจังของคังเหว่ย พลางมองทิปที่ไม่น้อยนั่นเข้าใจทุกอย่างในบัดดล ที่แท้ไม่ได้มาเพื่อก่อกวนภัตตาคารแต่มาเพื่อหาเื่ผู้จัดซื้อจูนี่เอง!
ภัตตาคารหวงเหอสามารถรับทิปได้ ไม่ขัดต่อนโยบายขอเพียงลูกค้ายินยอมพร้อมใจมอบให้
เช่นนั้นเงินส่วนนี้เธอก็รับไว้ได้สินะ?
เชิญจูฟ่างออกมา เธอไม่มีความกดดันแม้แต่น้อย อย่างไรเธอก็ไม่ได้ชอบจูฟ่างอยู่แล้ว
จูฟ่างจับต้นชนปลายไม่ถูก มีลูกค้าที่มาภัตตาคารหวงเหอและ้าพบพ่อครัวอยู่บ้างแต่ยังไม่เคยมีคน้าพบเขาที่เป็คนจัดซื้อจริงๆ จูฟ่างไม่เคยกระทำเื่น่าละอายใจอะไรขนาดเื่กินเงินค่านายหน้าเขายังทำน้อยครั้งเพราะตัวเองเป็คนหยิ่งยโสเขาไม่มีสิ่งใดให้รู้สึกผิด จึงออกมาพบโดยปริยาย
เขาไม่รู้จักทั้งโจวเฉิงและคังเหว่ย แต่ชายหนุ่มสองคนนี้โดดเด่นเหลือเกิน
“คุณคือจูฟ่างสินะ นั่งเถอะ ผมมีบางอย่าง้าจะพูดกับคุณเสียหน่อย”
โจวเฉิงมีท่าทีวาจาเด็ดขาด ปกติจูฟ่างค่อนข้างทะนงตน ทว่าความทะนงของโจวเฉิงนั้นไม่ธรรมดาซึ่งความทะนงเช่นนี้สามารถบาดลึกเข้าไปในกระดูก กล่าวอย่างธรรมดาหน่อยก็คือจูฟ่างผู้เคยชินกับการแสร้งว่าตนเองเจ๋ง เมื่อได้พบกับโจวเฉิงผู้ไม่ต้องแสร้งก็เจ๋งมากอยู่แล้วรัศมีของจูฟ่างจึงอับเฉาลง อดปฏิบัติตามความ้าของโจวเฉิงไม่ได้
จูฟ่างนั่งลง บอกตนเองว่าอีกฝ่ายคือแขกของภัตตาคาร เขาจะฟังในสิ่งที่อีกฝ่าย้าพูด
คำพูดประโยคเดียวของโจวเฉิงได้ยุแหย่จูฟ่างที่ก้นเพิ่งแตะเก้าอี้จนเกือบดีดตัวขึ้นมาอีกครั้ง
“ผมคือคนรักของเซี่ยเสี่ยวหลาน”
คนรักของเซี่ยเสี่ยวหลาน?
จูฟ่างรู้สึกยากที่จะเชื่อ
เขาไม่ยินดียอมรับความจริงนี้ โจวเฉิงท่าทางไม่เหมือนกำลังล้อเล่นอย่างสิ้นเชิงใช่ โจวเฉิงหน้าตาหล่อเหลา สามารถมาใช้บริการภัตตาคารหวงเหอได้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาอะไรแน่ จิตใจของจูฟ่างแทบแหลกสลาย ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันปฏิเสธ
“ผมไม่เชื่อ เสี่ยวหลานไม่เคยพูดถึงคุณด้วยซ้ำ...”
โจวเฉิงใช้สายตามองเขาราวกับกำลังมองคนโง่ “เสี่ยวหลานจะพูดถึงผมกับคุณเพื่ออะไร? คุณเชื่อหรือไม่ไม่สำคัญ ผมมาภัตตาคารโดยมีเป้าหมายสองอย่างหนึ่งคือขอบคุณที่คุณเคยดูแลเสี่ยวหลานสองคือหวังว่าคุณจะควบคุมคุณแม่ของตัวเองได้... เธอด่าทอเหยียดหยามเสี่ยวหลานบนถนนความประทับใจของผมต่อเธอย่ำแย่มาก ต่อกรกับผู้หญิงไม่ใช่วิสัยของผมโดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่มีอายุ”
หัวใจของจูฟ่างราวกับโดนยัดด้วยมะนาวเปรี้ยว [1] ทั้งลูก
โจวเฉิงมาเพื่อประกาศความเป็เ้าของ!
เชิงอรรถ
[1]酸柠檬 มะนาวเปรี้ยว หมายถึง ความทุกข์ระทม ความลำบาก
