ดอกบัวน้อยเพิ่งเผยยอดแหลมให้เห็น ดังแต่งหน้าสวมเสื้อผ้าใหม่ให้กับกิ่งก้านของตนอากาศก็ร้อนขึ้นทุกวัน ยามว่างหลิ่วจิ้งก็จะนั่งเล่นหมากล้อมอยู่ในลานกับอิ๋งเหอหลังจากเล่นด้วยกันหลายวัน นางก็พบว่าอิ๋งเหอเป็คนหัวไวมีไหวพริบดีเป็ยอดฝีมือคนหนึ่งทีเดียว
ในขณะที่กำลังเจอคู่ปรับที่ฝีมือเสมอกัน และวางหมากกันอย่างไหลลื่นอยู่นั้นกลับเห็นว่าอวี้จิ่นจ้องเขม็งเดินตรงเข้ามาจากนอกลานบ้าน
หลิ่วจิ้งรู้ว่าอวี้จิ่นเป็คนคิดมากท่าทีเช่นนี้ต้องเกิดเื่ใหญ่ขึ้นแน่ คิดแต่ว่าเพิ่งจะสงบลงได้ไม่กี่วันไม่รู้ว่าเกิดเื่ใดขึ้นอีกแล้ว! นางจึงไม่มีแก่ใจจะมาบรรจงขบคิดแผนวางหมากอีกว่าแล้วจึงวางหมากตัวหนึ่งลงไปส่งๆ ลุกขึ้นเดินไปทางอวี้จิ่น
“มีเื่อะไร? สีหน้าถึงไม่หน้าดูขนาดนี้?”
“ก็มิได้มีเื่ใหญ่อันใดเ้าค่ะ เมื่อครู่นี้ได้ยินว่ามีคนมารายงานต่อฮูหยินผู้เฒ่าว่าอาหนูเกิดอาละวาดขึ้นมาอยู่ในศาลบรรพชนบอกว่ามีคน้าจะเอาชีวิตนางเ้าค่ะ”อวี้จิ่นว่าพลางเอาผลไม้สดในมือที่เพิ่งไปรับมาส่งให้อิ๋งเหอ ก่อนจะบอกอีกว่า“เดิมทีเื่นี้ก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเราจึงไม่จำเป็ต้องไปสนใจแต่ไม่รู้ผู้ใดปากมาก กลับไปบอกว่าฮูหยินคิดจะฆ่าคนปิดปากเ้าค่ะ!”
“หา นี่มันใส่ความกันชัดๆ! ความผิดใดๆก็เอามาโยนไว้ที่ตัวข้าหมดหรืออย่างไร?!หากข้าจงใจจะทำร้ายนางแล้ววันนั้นจะไปช่วยนางเพื่อสิ่งใด? เ้าไม่ต้องไปสนใจพวกสร้างความวุ่นวายนี่!”แม้หลิ่วจิ้งจะพูดเสียคล่องแคล่ว แต่ในใจก็อดรู้สึกสงสัยไม่ได้อาหนูก็อยู่ในศาลบรรพชนดีๆ แล้วจะมีคนไปเอาชีวิตนางได้อย่างไร?
จึงถามไปอีกว่า “แล้วมันเกิดเื่ใดขึ้น? อาหนูถูกทำโทษอยู่ย่อมไม่กล้าพูดจาส่งเดชแน่!”
แม้อวี้จิ่นอายุยังน้อยแต่เพราะนางเคยพบเห็นเื่แก่งแย่งชิงดีทั้งเื่ทำร้ายเอาชีวิตมามาก นางส่ายหน้า ตอบว่า “ก็ยังพูดได้ไม่ชัดเจนเ้าค่ะแค่ได้ยินมาว่าหนูที่อยู่ในศาลบรรพชนกินอาหารที่ส่งเข้าไปให้อาหนู ผลปรากฏว่ามีเืออกเจ็ดทวารจนตาย…”
“อะไรนะ?” ดวงตางามของหลิ่วจิ้งมองต่ำลงเกรงว่าเื่นี้คงจะเกี่ยวข้องกับเื่เมื่อหลายวันก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในสมองพลันมีใบหน้าที่ไม่ยอมเลิกแล้วต่อกันของนางจ้าวลอยขึ้นมา อดจะพ่นลมหายใจยาวๆออกมาไม่ได้
“อิ๋งเหอเ้าเห็นว่าอย่างไร?”
“อิ๋งเหอไม่กล้าพูดจาส่งเดชเ้าค่ะ” อิ๋งเหอเป็คนระวังรอบคอบมาโดยตลอดลำพังแค่คำพูดไม่กี่คำของอวี้จิ่น นางจะตัดสินได้อย่างไร
หลิ่วจิ้งไม่ซักไซ้ต่อ ให้อิ๋งเหอไปเก็บกระดานหมากเสีย และนั่งลงคอยฟังข่าว
ปรากฏว่าอิ๋งเหอยังไม่ทันเก็บกระดานหมากเสร็จบ่าวของฮูหยินผู้เฒ่าก็รีบมาเรียกตัวหลิ่วจิ้งบอกให้นางรีบไปหา
หลิ่วจิ้งไม่กล้าชักช้าจึงรีบพาอวี้จิ่นและอิ๋งเหอตามคนที่มาเรียกออกไป
เมื่อหลิ่วจิ้งเดินไปถึงเรือนของฮูหยินผู้เฒ่านางจ้าวและอาหนูล้วนมารออยู่ก่อนนานแล้ว
นางจ้าวเห็นว่าหลิ่วจิ้งมาถึงช้า จึงจงใจกระทบกระเทียบว่า“สมเป็กิ่งทองใบหยก [1] จริงๆแม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าไปเชิญก็ยังวางท่า ให้พวกเรารอไม่เป็ไรแต่นางเห็นฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ในสายตาหรือไม่?!”
หลิ่วจิ้งรู้ว่านางจ้าวอาศัยว่าตนตั้งท้องก่อความวุ่นวายในจวนไปทั่วแม้แต่คำพูดคำจาก็ยังไม่บันยะบันยังแต่อย่างใดทั้งยังอาศัยประเด็นนี้มาหาเื่นางอีกหากตนฝืนทนก็เกรงว่าวันหน้านางจ้าวจะยิ่งเอาจมูกมาไว้บนหน้า [2] นางแน่ แต่หากว่าหาญขึ้นมาต่อกร ก็จะกลายเป็ว่าตนเองทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่
เมื่อคิดได้ดังนี้ หลิ่วจิ้งจึงแย้มรอยยิ้ม ค่อยๆคารวะฮูหยินผู้เฒ่าช้าๆ “ฮูหยินผู้เฒ่ามีใจเมตตา มีหรือจะถือสาข้าฮูหยินใหญ่กำลังตั้งครรภ์ หากเอาแต่ร้อนอกร้อนใจไปทุกเื่จนกระทบกับปราณในครรภ์จนทำให้ทุกคนเป็กังวลนะ”
ทุกคนในห้องล้วนฟังความหมายในคำพูดของหลิ่วจิ้งออกอดพากันปิดปากแอบยิ้มไม่ได้
ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังไม่ถือสาอันใด แล้ววันๆเ้าเอาแต่ถือดีรังแกผู้คน ระวังเถิดหากไม่มีลูกแล้วดูซิว่าเ้าจะโอหังได้อีกหรือไม่!
นางจ้าวเห็นว่าตนเองไม่อาจหากำไรจากหลิ่วจิ้งได้ดังคำว่าชดใช้ด้วยภรรยาแล้วยังจะเสียทหารอีก ตางามพลันเบิกกว้างขึ้น สงบคำไม่พูดไม่จา
ท่าทีของอาหนูเปลี่ยนไปจากวันก่อนนางเอาแต่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆ ไม่พูดไม่จา มีเพียงความอาฆาตแค้นในดวงตาดังแดดกล้าข้างนอกหน้าต่างแทบทนรอจะเผาผลาญคนที่ลอบทำร้ายตนให้มอดไหม้เป็เถ้าทั้งเป็ไม่ได้
เมื่อเห็นว่าเหล่าฮูหยินในบ้านมากันครบแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าจึงเอ่ยช้าๆว่า “เื่ในเรือนหลัง เดิมทีไม่ควรให้ผู้เฒ่าเช่นข้าออกหน้าแต่คนในรุ่นเดียวกันยังไม่มีผู้ที่เป็เสาหลัก ข้าจึงไม่อาจไม่ยุ่งไม่เข้าเื่ทำให้พวกเ้าต้องวุ่นวายใจ และต้องเชิญให้พวกเ้าทุกคนมาที่นี่แล้ว”
ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าพูดดังนี้ ทุกคนพากันก้มหน้านิ่งไม่กล้าพูดต่อ
“อี้เอ๋อร์ต้องไปสร้างความสงบให้แผ่นดินเพื่อโอรส์อยู่ข้างนอกทั้งทรงเกียรติน่าเกรงขามเพียงใด แล้วพวกเ้าเล่า! กลับไม่อยู่ในวิถีของภรรยา!ทำเื่น่าอับอายเหล่านี้ออกมาได้ แล้วจะให้จวนแม่ทัพเอาหน้าไปไว้ที่ใด?”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถึงประเด็นที่แค้นใจพลันตบโต๊ะลุกขึ้นยืนทุกคนตกอกใจนกลั้นหายใจนิ่งเงียบ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
“อาหนูก่อเื่อยู่ก่อน ข้าก็ลงโทษนางไปแล้วหากกังขาในการตัดสินใจของผู้เฒ่าเช่นข้า ก็สามารถมาบอกข้าได้!ข้าแก่แล้วบางคราวอาจเลอะเลือนไปบ้าง! แต่พวกเ้ากลับดีนัก!ถึงกับลักลอบทำเื่ชั้นต่ำเช่นนี้! หึ!” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยคิ้วยาวสายตาเย็นเฉียบกวาดไปยังเหล่าฮูหยินในบ้าน
เมื่อเห็นว่าทุกคนพากันก้มหน้าไม่พูดจา นางก็ถอนหายใจยาว“ล้วนเป็สตรีของอี้เอ๋อร์ เดิมทีควรจะคำนึงสามี แต่พวกเ้ากลับดีนักลับหลังเอาแต่ทำเื่ชิงดีชิงเด่นริษยากัน จะทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างเล็กๆ น้อยๆข้าก็ยังลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่งยอมปล่อยให้พวกเ้าทำตามใจแต่พวกเ้ากลับดีนัก ไม่เพียงไม่รู้จักลดราวาศอกแต่กลับทำเื่วางยาฆ่าคนออกมาได้!”
แววตาฮูหยินผู้เฒ่าดังคลื่นใหญ่ซัดใต้น้ำนางมองนางจ้าวที่เอาแต่นั่งก้มหน้าไม่พูดจา ก็ได้คำตอบอยู่ในใจแล้ว
“ฮูหยินผู้เฒ่าท่านต้องให้ความเป็ธรรมกับอาหนูนะเ้าคะแม้อาหนูจะเคยทำผิดมามากมายแต่ก็ไม่เคยมีเจตนาไปทำร้ายผู้ใดจนถึงตายแต่ยามนี้กลับไม่รู้ว่าผู้ใดชั่วช้ามาวางยาข้า!” อาหนูพูดพลางสะอึกสะอื้นก้มหน้าร่ำไห้ขึ้นมา
เห็นอาหนูร่ำไห้ดังสายฝน ฮูหยินผู้เฒ่ากลับยังคงไม่พูดต่อทุกคนในห้องล้วนใจเต้นไม่เป็ส่ำด้วยความเงียบนี้
หลิ่วจิ้งเห็นนางจ้าวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม บางทีก็ก้มหน้าบางคราก็โบกผ้าเช็ดหน้าในมือไปมา จึงเข้าใจขึ้นมาทันใดว่าฮูหยินผู้เฒ่าจงใจปกป้องนางจ้าว
นางอดสะท้านเย็นเยือกขึ้นมาในใจไม่ได้ที่แท้แล้วผู้สืบสกุลสำคัญกว่าทุกสิ่ง
อาหนูเกือบเกิดเื่จนถึงแก่ชีวิต แล้วนางจะยอมเลิกราได้อย่างไรความคับแค้นประดังอยู่ในใจ จู่ๆ ก็ลุกขึ้น พุ่งตัวเข้าใส่ต้นเสากลางโถงดีที่สาวใช้ข้างกายตาดีมือไวรั้งตัวนางเอาไว้ได้ทัน
“นี่เ้าจะทำอะไรอีก?!” ฮูหยินผู้เฒ่าน้ำตานองหน้า ในห้องปรากฏความโกลาหลขึ้นมาทันใด
อาหนูมองออกว่าฮูหยินผู้เฒ่าจงใจปกป้องคนที่วางยานาง นางคิดในใจว่าหากวันนี้ตนเองยอมรามือง่ายๆกลัวแต่ว่าวันหน้าจะถูกนางจ้าวเหยียบหัวจนเงยหน้าขึ้นมาอีกไม่ได้เมื่อคิดได้ดังนี้ เสียงร้องไห้ของนางก็แผดออกมาประหนึ่งใจจะขาด สะอื้นว่า“อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี มิสู้ข้าลงมือเอง!”
“เลอะเลือน! หากวันใดยังมีผู้เฒ่าเช่นข้าอยู่ในจวนแห่งนี้ผู้ใดก็ห้ามมาสร้างเื่อัปมงคลเป็ๆ ตายๆ เช่นนี้อีก!”คำพูดนี้ของฮูหยินผู้เฒ่าเป็ดังยันต์กันภัย ช่วยสงบความหวาดกลัวในใจอาหนูลงได้
เมื่ออาหนูบรรลุซึ่งเป้าหมายแล้ว นางจึงไม่กล้าก่อเื่อีกได้แต่กลั้นน้ำตาร้องสะอื้น “มีฮูหยินผู้เฒ่าช่วยตัดสิน อาหนูก็วางใจแล้วเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งนิ่งเฉยคอยดูอยู่ข้างๆ มาโดยตลอดเห็นว่าแม้แต่ละครชั้นดีที่อาหนูแสดงก็ยังไม่อาจทัดเทียมคำพูดเพียงไม่กี่คำของฮูหยินผู้เฒ่าได้อดลอบทอดถอนใจไม่ได้ว่าขิงต้องแก่จึงจะเผ็ด เพียงแต่ลำน้ำภูผาแก้ได้ นิสัยเดิมแก้ยากกลัวแต่ว่าไม่รู้วันหน้าจะเกิดเื่ใดขึ้นมาอีก
เมื่ออาหนูอาละวาดขึ้นมา เื่ในวันนี้จึงยังไม่จบลงง่ายๆแต่ละคนเอาแต่ปิดปากเงียบไม่กล้าเอ่ย ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็บอกว่าเวียนหัวไม่สบายและให้ทุกคนกลับไปก่อนนานแล้วคนที่มีตาล้วนมองออกว่านางจ้าวและอาหนูเป็นกปากซ่อมกับหอยกาบ [3]และไม่มีผู้ใดได้ผลประโยชน์จากตรงนี้ไป
ถนนคดเคี้ยวเส้นทางลึก ดอกไม้หอมเต็มแขนเสื้อ [4] หลิ่วจิ้งมองปลาแหวกว่ายในบ่อตื้น อดถอนหายใจเบาๆออกมาด้วยความหนักใจไม่ได้ เดิมทีคิดจะหลบเลี่ยงไม่ไปแก่งแย่งกับใครคิดไม่ถึงว่ากลับต้องถูกลากเข้าไปอยู่ท่ามกลางพุ่มดอกไม้ กลางดงหนามนับร้อย
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] กิ่งทองใบหยก ในภาษาจีนหมายถึง สตรีเชื้อพระวงศ์ องค์หญิง ท่านหญิง
[2] เอาจมูกไว้บนหน้า หมายถึง กำเริบเสิบสานเหมือนสำนวนขึ้นมาเหยียบหัว
[3] นกปากซ่อมกับหอยกาบ เป็สำนวนที่หมายถึงสองฝ่ายต่อสู้แย่งชิงกันแต่ฝ่ายที่สามกลับเป็ฝ่ายได้ประโยชน์ เหมือนสำนวนตาอินกับตานาที่สุดท้ายตาอยู่เป็คนได้ผลประโยชน์ไป
[4] ถนนคดเคี้ยวเส้นทางลึก ดอกไม้หอมเต็มแขนเสื้อ ถอดความว่าเมื่อเดินไปในเส้นทางลึกที่คดเคี้ยว ก็ไม่วายจะมีกลิ่นดอกไม้ติดตัวมาด้วยหมายถึง การตกกระไดพลอยโจร ต้องเข้าไปอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ