เพราะซูเมิ่งหานทำให้ตอนที่เย่เฟิงเพิ่งมาโลกนี้ ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของทั้งเถียนโหย่วเลี่ยงและแก๊งอสรพิษ์ แต่ทั้งสองสถานการณ์พลิกกลับอย่างรวดเร็วด้วยวิธีการเด็ดขาดของเย่เฟิง นึกไม่ถึงว่าตอนนี้เขาจะได้พบเถียนโหย่วเลี่ยงอีก ทำให้เย่เฟิงนึกขำ
คนที่เข้ามาพร้อมเถียนโหย่วเลี่ยงเป็หญิงสาวท่าทางบอบบางอายุราวๆ ยี่สิบปี สวมเสื้อเชิ้ตกระโปรงสั้นคล้ายหลินซือฉิง แต่ให้ความรู้สึกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เธอดูไม่มีเสน่ห์น่าดึงดูดแบบหลินซือฉิง แต่น่ารักบอบบางน่าทะนุถนอม ผู้หญิงคนนี้คือตัวแทนธุรกิจที่หลิวกรุ๊ปส่งมา
ขณะเข้ามาในห้องประชุม ท่าทางของเถียนโหย่วเลี่ยงและหญิงสาวต่างกันอย่างสิ้นเชิง เถียนโหย่วเลี่ยงเดินเข้ามาด้วยท่าทางถือดี มั่นใจว่าตัวเองจะได้รับการสนับสนุนจากหลินซือฉิง บริษัทบลูสกายจิวเวลรี่ของเขาย่อมก้าวขึ้นไปอีกขั้น แต่หญิงสาวจากหลิวกรุ๊ปคนนี้ท่าทางกดดันมาก แม้ดวงตาของเธอจะฉายแววแน่วแน่เด็ดเดี่ยว แต่ก็ยังมีความลังเลเช่นกัน ทุกคนรู้ว่าสถานการณ์ของหลิวกรุ๊ปในตอนนี้ เป็ไปได้ยากที่จะมีการร่วมธุรกิจกัน
เย่เฟิงนั่งอยู่บนโซฟา ห่างจากหลินซือฉิงเพียงฝ่ามือเดียว ตอนเถียนโหย่วเลี่ยงเข้าห้องประชุม เมื่อเห็นหลินซือฉิง สายตาก็ปรากฏร่องรอยเจตนาร้ายและความปรารถนาในตัวอีกฝ่าย แต่เพียงไม่นานก็พบว่าคนข้างกายหลินซือฉิงคือเย่เฟิง ทำให้เถียนโหย่วเลี่ยงสีหน้าเปลี่ยนไป
เย่เฟิง?
เ้าหมอนี่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!
หลังจากเถียนโหย่วเลี่ยงถูกแก๊งอสรพิษ์จัดการก็เหมือนว่าคิดได้และฉลาดขึ้น ไม่โง่เง่าเหมือนแต่ก่อน เขาตระหนักว่าเื่วันนี้คงไม่ง่ายดายเสียแล้ว มีเย่เฟิงอยู่ เื่ของตนจะราบรื่นได้เหรอ?
ชัดเจนว่าเป็ไปไม่ได้!
“ฉันแนะนำตัวก่อนแล้วกัน” หลินซือฉิงลุกขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า เธอจับมือทักทายเถียนโหย่วเลี่ยงจากนั้นแนะนำให้เย่เฟิงรู้จัก “นี่คือคุณชายเถียน เป็ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทบลูสกายจิวเวลรี่ั้แ่อายุยังน้อย อนาคตของเขาคงไปได้ไกลแน่...”
“เถียนโหย่วเลี่ยง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เย่เฟิงตัดบทการแนะนำตัวของหลินซือฉิง สำหรับ ‘เพื่อนเก่า’ คนนี้ เย่เฟิงคิดถึงเสียจริง หากหลงหว่านเอ๋อร์หรือซูเมิ่งหานอยู่ด้วย พวกเธอย่อมเข้ามาผสมโรงกับเขาแน่
“เฮอะ เฮอะๆ พี่เย่”
เถียนโหย่วเลี่ยงยิ้มเจื่อน ในใจนึกหวาดกลัว ไม่กล้าเหลือบมองหลินซือฉิงที่อยู่ด้านข้าง ได้แต่มองเย่เฟิงอย่างระมัดระวัง กลัวว่าอีกฝ่ายจะลงมือทำอะไรขึ้นมากะทันหัน
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเย่เฟิงยอดเยี่ยมเพียงไร! เป็คู่หมั้นของหลินซือฉิง! ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทบลูสกายจิวเวลรี่อย่างเขาจะสู้เย่เฟิงได้อย่างไร? ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเื่ที่บริษัทบลูสกายจิวเวลรี่ไม่ใช่ของเขา แต่เป็ของแม่เขา นอกจากนี้แรงกดดันจากสายตาของเย่เฟิงช่างน่ากลัว ทำให้เขาไม่กล้ามีความคิดต่อต้านอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง
“เอาล่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรมาก” เย่เฟิงมองท่าทีของเถียนโหย่วเลี่ยง ก่อนส่ายหน้า “เื่งานแสดงสินค้าครั้งนี้ ให้บริษัทบลูสกายจิวเวลรี่ของแกถอนตัวไปซะ”
เขาคร้านจะพูดคุยกับอีกฝ่าย ยิ่งไม่ต้องพูดการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า จึงเอ่ยปฏิเสธ
“เอ่อ เย่เฟิง?”
หลินซือฉิงใ นี่จะไม่ไว้หน้ากันเลยเหรอ? เขาไม่ทำเกินไปหน่อยเหรอ?
หลินซือฉิงประหลาดใจ เธอไม่รู้ว่าเถียนโหย่วเลี่ยงเคยมีปัญหาอะไรกับเย่เฟิง แต่ก็ไม่ลังเล รีบโบกมือพร้อมเอ่ยอย่างชัดเจน “คำพูดของเขาก็เหมือนคำพูดของฉัน คุณไปได้แล้ว”
เดิมทีจากคำพูดของเย่เฟิง เถียนโหย่วเลี่ยงก็ไม่กล้าขัดอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เมื่อหลินซือฉิงพูดว่าคำพูดของเย่เฟิงก็เหมือนกับคำพูดของเธอ... ชัดเจนมาก มันไม่ได้หมายความว่าหลินซือฉิงยอมรับเย่เฟิงในฐานะสามีหรอกเหรอ?
เถียนโหย่วเลี่ยงรู้สึกว่าเย่เฟิงโชคดีมาก และกลายเป็ตนที่ซวย เมื่อเป็เช่นนี้เขาก็ไม่กล้ารั้งอยู่อีก จึงลุกขึ้นจากไป กระทั่งหลินซือฉิงยังไม่ร่ำลา มีเพียงส่งสัญญาณให้เย่เฟิงเล็กน้อย ก่อนรีบออกไป
เหตุการณ์นี้ทำให้หญิงสาวบอบบางที่นั่งตรงข้ามหลินซือฉิงตกตะลึง นี่มันเื่อะไรกัน ก่อนเข้ามา ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทบลูสกายจิวเวลรี่ยังถือดี พูดจาโอ้อวดกับเธอว่าโอกาสนี้ย่อมตกเป็ของเขาทั้งหมด... แต่เพียงพริบตา เขากลับใกลัวชายหนุ่มอีกคนจนหนีเตลิดไปเสียแล้ว ยังไม่ทันพูดถึงงานจัดแสดงสินค้าเลยสักคำ!
ชายหนุ่มคนนั้น หลินซือฉิงเรียกว่า ‘เย่เฟิง’ เขาสามารถตัดสินใจแทนหลินซือฉิงได้เชียวเหรอ? หรือเขาจะเป็คู่หมั้นของหลินซือฉิงตามข่าวลือ...
“เอาล่ะ พี่หลินคุยงานของพี่ไปเถอะ”
เมื่อเย่เฟิงเห็นเถียนโหย่วเลี่ยงจากไปก็ยิ้มออก หลังจัดการเื่นี้ได้แล้ว เขาก็ไม่อยากสนใจเื่อื่นอีก
“อยู่กับฉันก่อนสิ”
หลินซือฉิงยิ้ม ยื่นมือไปรั้งเย่เฟิงที่กำลังลุกขึ้น จากนั้นหันไปพูดกับหลินจื้อชิง “พี่ชาย พี่ออกไปก่อน”
ในความคิดเธอ ด้วยฐานะรองผู้อำนวยการสำนักการคลัง จะให้เขาอยู่ในห้องประชุมตลอดคงไม่เหมาะสมนัก หากมีคนเห็นเข้าคงไม่ดี
“น้องสาว ไม่ใช่พี่บอกไปแล้วเหรอว่าบริษัทบลูสกายจิวเวลรี่เป็เป้าหมายที่ดีในการร่วมลงทุน...”
ขณะพูด หลินจิ้อชิงก็เหลือบมองเย่เฟิงเป็ครั้งคราว ราวกับ้าตำหนิชายหนุ่มว่าไม่เข้าใจธุรกิจ ทั้งยังขัดขวางผลประโยชน์อีก
“คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดให้ชัดเจนเถอะ” เย่เฟิงยิ้ม “ร่วมมือกับใครก็ได้ แต่กับบริษัทบลูสกายจิวเวลรี่ไม่ได้ หลินจื้อชิง คุณยังจำแต้มสิบแปดและเก้าในคืนนั้นได้ไหม?”
คำพูดนี้ทำให้หลินจื้อชิงใ
แต้มสิบแปดและเก้า คือตัวเลขที่ฝังอยู่ในความทรงจำของเขา มันไม่ได้เป็พียงตัวเลขสองตัว ตอนนั้นเขานำเงินของรัฐบาลไปเล่นพนัน แต่ใน่วิกฤต สถานการณ์กลับพลิกผัน ตัวเลขทั้งสองนี้ ทำให้เขาชนะและนำเงินกลับมาได้
เพียงแต่เย่เฟิงรู้ตัวเลขนี้ได้อย่างไร?
“คุณคิดว่าสถานการณ์ตอนนั้นเป็เพราะคุณโชคดีงั้นเหรอ?” เย่เฟิงยิ้มกว้าง “ผมสามารถทำให้คุณได้เงินโดยไม่ต้องลงทุน แต่ก็ทำให้คุณล้มละลายได้เช่นกัน ดังนั้นต่อไปถ้าเห็นผมก็จงดีใจเสียเถอะ”
สำหรับเื่หลินจื้อชิง เย่เฟิงไม่อยากใส่ใจมากนัก หากไม่เห็นแก่หน้าหลินซือฉิง เขาคงเดินไปทุบตีอีกฝ่ายแล้ว สมคบคิดกับตัวขยะอย่างหลินเหรินเทียน คนอย่างนี้จะมีดีอะไร
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิง หลินจื้อชิงก็เหงื่อแตกพลั่ก
หรือว่าเื่ลึกลับครั้งก่อนที่เกิดขึ้นในคาสิโน ซึ่งเกี่ยวข้องกับชายสวมหน้ากากคนนั้น เื่ที่เขาเพิ่งเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่าเย่เฟิงก็คือชายสวมหน้ากากคือความจริง...
หลินจื้อชิงนิ่งอยู่นาน เขาจ้องเย่เฟิงเขม็ง ก่อนก้าวออกจากห้องประชุมไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งหญิงสาวตัวแทนจากหลิวกรุ๊ปก็ยังไม่ทันแนะนำให้ได้รู้จัก
เขา้าตรวจสอบข้อมูลของเย่เฟิงโดยเร็วว่าเก่งกาจเพียงใด!
เมื่อได้ฟังคำพูดของเย่เฟิง ไม่เพียงแต่หญิงสาวจากหลิวกรุ๊ป กระทั่งหลินซือฉิงก็ยังประหลาดใจ หรือเย่เฟิงจะเคยพบหลินจื้อชิงมาก่อน? ทั้งยังเคยช่วยเหลือหลินจื้อชิงด้วย?
เธออยากถามว่าเื่เป็มาอย่างไร แต่เย่เฟิงกลับจับมือเธอ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ พี่หลินไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวผมขอตัวก่อน”
เหลือเพียงการหารือกันระหว่างหญิงสาวจากหลิวกรุ๊ปและหลินซือฉิง เย่เฟิงจึงไม่คิดสนใจ
สิ่งสำคัญคือจิตหยั่งรู้ของเย่เฟิงรับรู้ได้ว่าหลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหานที่อยู่ชั้นสองกำลังประสบปัญหา...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้