หานโม่กลอกตาในใจ
เ้าของร่างเดิมเคยถูกคนตระกูลหานรังแกด้วยสารพัดวิธี นางจะรู้ได้อย่างไรว่าพัดเฉียนคุนที่เป็สมบัติล้ำค่าของตระกูลหานคือสิ่งใด
นี่มิใช่ว่าเขามีเจตนาทำให้นางอับอายหรอกหรือ?
"ไม่รู้"
หานโม่ตอบอย่างเ็า
หานเฉินต้งยิ้ม รอยยิ้มนี้ในสายตาผู้อื่นดูราวกับว่าเขาเป็บิดาที่จนปัญญาจะจัดการบุตรสาวตัวน้อยที่แสนซุกซนของตนเองแล้ว
"พัดเฉียนคุนคืออาวุธตรวจตราชนิดหนึ่ง หากผู้ใดมีมันไว้ในก็จะสามารถควบคุมทวีปเสวียนเทียนมุมใดก็ได้ ไม่มีสิ่งใดที่เ้าไม่อาจควบคุมได้"
หานเฉินต้งเอ่ยออกมาพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
คนอื่นๆ ในตระกูลหานต่างก็มีรอยยิ้มภาคภูมิใจอยู่บนใบหน้าเช่นกัน
หานโม่มองไปยังคนจากตระกูลอื่นก็พบว่าบนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยวความอิจฉาริษยาและเลื่อมใสศรัทธา นางรู้สึกเย้ยหยันอยู่ในใจ
จะว่าไปแล้ว หากของสิ่งนี้ทรงพลังขนาดนั้นจริงๆ แล้วเหตุใดถึงยังอยู่ในมือของตระกูลหานโดยไม่ถูกผู้อื่นแย่งชิงไปอีกเล่า?
หรือไม่แน่ว่าอาจจะมีพัดเฉียนคุนอันอื่นอีก?
"เอาล่ะ พวกเ้าคงเห็นช่องว่างบนแขนเสื้อของตนเองแล้วใช่หรือไม่? พวกเ้าทุกคนสามารถจับคู่กันได้ตามใจชอบหลังจากจับคู่เสร็จแล้วบนเสื้อผ้าของพวกเ้าจะถูกเย็บแถบสีลงไปเพื่อแทนคู่ของพวกเ้า"
หลังจากที่หานเฉินต้งพูดออกไป ผู้เข้ารอบทั้งสิบคนก็ทำตามอย่างรวดเร็ว
หานเทียนและหานเยว่หันมาจับคู่กันในเวลาเดียวกับที่เสียงของหานเฉินต้งสิ้นสุดลง บ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านหลังพวกเขาก็ช่างตาไวมือไว [1] จัดการเดินเข้าแล้วเย็บรูเสื้อผ้าของพวกเขาด้วยแถบสีอย่างรวดเร็ว
เมื่อหานโม่หันไปเห็น นางก็รู้สึกได้ถึงความเยาะเย้ยถากถางจากพวกเขาเท่านั้น
ในตระกูลหาน นอกจากหานเสวี่ยที่กำลังศึกษาอยู่ในตี้ตูแล้ว คนที่แข็งแกร่รองลงมาคือหานเทียนและหานเยว่
เห็นได้ชัดว่าคนทั้งคู่รู้กฎระเบียบของการประลองดี ดังนั้นพวกเขาจึงหันมาจับคู่กันอย่างรวดเร็ว
การรวมตัวกันด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสองคนนี้ จึงมีความเป็ไปได้ที่พวกเขาจะเป็ผู้ชนะในรอบที่สอง
หลังจากหานเทียนกับหานเยว่จับคู่กันแล้ว หานิและหานซินก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน
พวกเขาทั้งสองคนเลือกที่จะจับคู่กับชายและหญิงจากตระกูลอื่นที่เข้ารอบมาด้วย หานโม่รู้สึกได้ว่าความสามารถของพวกเขาไม่เลวเลย ผู้ที่หานิเลือกคือชายหนุ่มที่มีท่าทางเ็า ดูแล้วน่าจะอายุยังน้อย ในด้านนิสัยใจคอเขาน่าจะเป็ประเภทเก็บซ่อนความรู้สึก
ส่วนหานซินเลือกจับคู่กับหญิงสาวที่ดูแล้วน่าจะมีิอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปี นางมีบุคลิกที่ร่าเริงมีชีวิตชีวา ตอนที่หานซินเลือกนางเด็กสาวผู้นั้นยังหัวเราะออกมาอย่างสบายๆ และทักทายหานซินอย่างเป็มิตรอีกด้วย
น่าเสียดายที่ตอนนี้จิตใจของหานซินกำลังหมกมุ่นอยู่กับการหาวิธีจัดการหานโม่หลังจากที่เข้าไปในป่าไร้ิญญา นางจึงไม่ได้สนใจหญิงสาวผู้นั้นเลย
เมื่อหานซินไม่ตอบโต้หญิงสาวก็ไม่ได้ดูเก้อเขินเลย นางปล่อยให้บ่าวชายที่อยู่ข้างๆ เย็บแถบสีลงบนเสื้อพวกนางทั้งคู่
เพราะว่าคนอื่นๆ ได้เลือกคู่ของตนเองกันเรียบร้อยหมดแล้ว หานโม่จึงทำได้เพียงจับคู่กับชายหนุ่มอ่อนแอขี้โรคที่เหลืออยู่คนสุดท้ายเท่านั้น
แต่หานโม่กลับรู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ได้สำคัญอะไร นางปล่อยให้บ่าวรับใช้เย็บแถบสีลงบนเสื้ออย่างใจเย็น ชายผู้นั้นคงจะเขินอายอยู่บ้างเขาจึงเริ่มแนะนำตัวกับหานโม่
“คุณหนูเจ็ด ข้ามีนามว่าเซวียอีเฉินขอรับ”
หานโม่พยักหน้า "เรียกข้าว่าหานโม่ก็พอ"
เซวียอีเฉินแย้มยิ้ม
จริงๆ แล้วรูปร่างหน้าตาของเขานับว่าไม่เลวเลย แต่ไม่รู้ว่าเป็เพราะสภาพร่างกายหรือไม่ที่ทำให้ใบหน้าของเขาดูซีดเซียวกว่าปกติ มองเพียงแวบแรกเขาจึงดูอ่อนแอกว่าคนทั่วไป
หานโม่ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับคู่ของนางมากนัก อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่มีทางอยู่ด้วยกันจนจบอยู่ดี ร้ายที่สุดคือเมื่อเข้าไปในป่าไร้ิญญาแล้วก็ค่อยแยกทางกัน
หลังจากที่ทุกคนจับคู่กันเสร็จแล้ว หานเฉินต้งจึงกล่าวว่า "ป่าไร้ิญญาเป็สถานที่อันตรายมากแห่งหนึ่ง ในขณะที่พวกเ้าเข้าไปเพื่อทำภารกิจข้าหวังว่าพวกเ้าจะระมัดระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย อย่าลืมว่ากฎของการประลองในรอบนี้ก็คือ หากคู่ใดนำพัดเฉียนคุนออกมาได้อย่างปลอดภัยก็จะชนะ!"
นอกเหนือจากคู่ของหานโม่แล้ว คนอื่นๆ ล้วนขานรับด้วยเสียงดังราวกับมั่นใจเสียมากมาย
หานโม่กวาดสายตามองคู่อื่นๆ ใบหน้าของนางไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมาและสุดท้ายก็หยุดมองหานซินนานเป็พิเศษ
นางไม่ได้ให้ความสนใจคู่ไหนเป็พิเศษ คู่ของหานเยว่กับหานเทียน เมื่อเข้าไปแล้วคงจะพุ่งไปยังพัดเฉียนคุนอย่างแน่นอน ส่วนหานิก็เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอยากเอาชนะเป็อย่างมาก ดังนั้นหานโม่จึงไม่กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาจะทำในป่าไร้ิญญาเลย แต่หานซินนั้นถือว่าอันตรายมากที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด
ความสามารถของหานซินอาจจะไม่ได้ดีเท่าพี่ชายพี่สาวของนาง อีกทั้งพวกนางยังเป็คู่เดียวที่เป็ผู้หญิงสองคน ความแข็งแกร่งของพวกนางเมื่อรวมกันก็อาจจะอ่อนแอกว่าคนอื่นๆ ความน่าจะเป็ที่หานซินจะชนะจึงไม่ได้มีมากมายนัก
เมื่อรวมกับความเกลียดชังเข้มข้นที่หานซินมีต่อนางขนาดนี้ หานโม่จึงรู้สึกว่ามีโอกาสสูงที่หานซินจะลอบกัดนาง
"หลังจากที่เข้าไปในป่าแล้ว หากเ้าอยากไปตามทางของตัวเองก็สามารถแยกย้ายกันได้" ก่อนเข้าไปในป่าหานโม่บอกกับเซวียอีเฉินตรงๆ
เซวียอีเฉินดูเหมือนจะมีสุขภาพไม่ดีนักและหานโม่ก็ไม่ได้อยากจะให้เขาได้รับาเ็ไปด้วย หากหานซินวางแผนจัดการนางจริงๆนางคงไม่สนใจความปลอดภัยของเซวียอีเฉินแน่นอน
เซวียอีเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่หานโม่เอ่ยเช่นนี้ หลังจากงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ข้าอยู่กับเ้านั่นแหละดีแล้ว”
หานโม่มองไปยังเซวียอีเฉินอย่างเฉยชา "ตามใจเ้าก็แล้วกัน"
เซวียอีเฉินตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ในเวลานี้ทุกคนเข้าสู่ป่าไร้ิญญาเรียบร้อยแล้ว
หานโม่เคยอยู่ที่นี่มานาน นางจึงคุ้นเคยกับเส้นทางดี แต่ว่าในตอนนี้มีศัตรูคอยหลบซ่อนอยู่มากเกินไป หานโม่จึงไม่กล้าทำตัวสบายๆ เลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่รู้ว่าเป็เพราะทุกคนไม่อยากแยกจากกันด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะพบเบาะแสอะไรก่อนหรือไม่ ดังนั้นใน่แรกพวกเขาห้าคู่จึงเดินไปพร้อมกันทั้งหมด
โดยมีคู่ของหานเยว่และหานเทียนนำหน้า ส่วนคู่ของหานซินและคนอื่นๆ อยู่รั้งท้าย
หานโม่และเซวียอีเฉินเดินอยู่เบื้องหน้าคู่ของหานซิน ตลอดทางนางััได้ถึงการจ้องมองด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรงจากทางด้านหลังตลอดเวลา
เมื่อเดินทางมาตลอดทั้งบ่าย พวกเขาก็เผชิญหน้ากับสัตว์ิญญาด้วยความบังเอิญ แต่สำหรับพวกเขาที่สามารถผ่านรอบแรกเข้ามาได้นั้น การจัดการกับสัตว์ิญญาที่ไม่ได้แข็งแกร่งพวกนี้ง่ายดายมากจนสามารถเดินไปฆ่าไปก็ยังได้ ผ่านไปไม่นานเวลาก็ล่วงมาถึง่เย็นแล้ว
"คืนนี้พวกเราจะค้างคืนกันในป่าไร้ิญญา ทุกคนไปหาที่พักผ่อนของตัวเองเถอะ" หานเทียนอายุมากที่สุดในกลุ่ม ดังนั้นทุกคนจึงเชื่อฟังเขาทุกอย่าง
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว การรั้นจะเดินทางต่อจึงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
คนอื่นๆ เองก็ไม่มีท่าทีคัดค้านอะไรและเริ่มมองหาที่ทางเพื่อพักผ่อนในคืนนี้
ส่วนหานโม่และเซวียอีเฉินเจอต้นไม้ใหญ่ที่กิ่งก้านแข็งแรงต้นหนึ่งพวกเขาจึงปีนขึ้นไป
คนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าหานโม่และเซวียอีเฉินวางแผนที่จะขึ้นไปนอนบนต้นไม้ ต่างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หญิงสาวที่จับคู่กับหานซินชื่อ หลินเฟย หลังจากที่เห็นการกระทำของหานโม่แล้ว นางก็เอ่ยคำถามแปลกๆ ออกมา "คุณหนูเจ็ด ท่านนอนบนต้นไม้จะหลับสบายหรือ?"
หานโม่เหลือบตามองนาง พบว่าในแววตาของนางมีเพียงความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้นไร้การประชดประชันเหน็บแนมเลย นางจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี
หลินเฟยส่งเสียง "ว้าว" พลางมองไปยังหานซินและถามว่านางอยากจะขึ้นไปนอนบนต้นไม้ด้วยหรือไม่
หานซินกลอกตาและเอ่ยปฏิเสธทันที
แม้ว่าหลินเฟยจะรู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ได้ดึงดันบังคับอะไร
เมื่อท้องฟ้ามืดสนิท เดิมทีในป่าไร้ิญญาก็เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่หนาแน่นอยู่แล้ว พวกมันแผ่กิ่งก้านใหญ่โตปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าบดบังแสงสว่างจากดวงจันทร์ไปหมด ยามค่ำคืนในป่าไร้ิญญาคล้ายว่าจะยาวนานกว่าข้างนอกมากนัก
หลังจากที่ทุกคนทานอาหารแห้งที่พกมาในสัมภาระของใครของมันเรียบร้อยแล้ว ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
หานโม่กำลังครุ่นคิดถึงจำนวนของอาหารแห้งที่อยู่ในสัมภาระ น้ำดื่มมีปริมาณเพียงพอสำหรับสามวัน แต่ปริมาณอาหารแห้งกลับมีเพียงพอแค่วันเดียวเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ภารกิจนี้ดูคล้ายจะเป็เพียงแค่การออกตามหาสมบัติล้ำค่าธรรมดา ใครพบก่อนก็มีสิทธิชนะการประลองได้ แต่ในความเป็จริงแล้วภารกิจนี้จำกัดเวลา
ข้อจำกัดด้านอาหารและน้ำสำหรับหานโม่แล้วไม่ได้ถือว่ายากลำบากอะไรเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะสามารถอาศัยอยู่ในป่าไร้ิญญาแห่งนี้ไปได้เรื่อยๆ
"หานโม่ หากเ้าไม่สบายใจล่ะก็ ให้ข้าเฝ้ายามแทนได้นะ" เซวียอีเฉินเห็นว่าหานโม่ยังไม่ได้นอนหลับก็คิดว่านางคงกังวลว่าจะมีสัตว์ิญญาเข้ามาโจมตีพวกเขาในตอนกลางคืน
หานโม่ส่ายหัว "ไม่จำเป็ เ้ารีบพักผ่อนเถอะ"
เซวียอีเฉินเมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ดึงดันอีก
ผ่านไปเพียงอึดใจ บริเวณรอบๆ ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
อาจเป็เพราะทุกคนรีบเร่งเดินทางกันตลอดทั้ง่บ่ายและยังต้องออกแรงต่อสู้กับสัตว์ิญญาอีก พวกเขาจึงรู้สึกเหนื่อยล้าจนทำให้หลับสนิท
หลังจากที่ทุกคนหลับไปแล้ว หานซินที่หลับตาพิงต้นไม้อยู่ก็ลืมตาขึ้นมา
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] ตาไวมือไว หมายถึง ทำอะไรอย่างว่องไว
