“ว่าง!” เฉินเผิงเฟยพยักหน้าตอบกลับทันที “แหะๆ หน้าที่ของวันนี้แค่นำของมามอบให้ครอบครัวเ้า”
พะโล้ของครอบครัวสกุลหูหอมนัก ทุกครั้งหลังจากทานหมดทีไรล้วนติดใจไม่รู้ลืม แม้ครอบครัวสกุลหูจะมอบให้พวกเขาหลายครั้งแล้ว แต่ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาคนมาก ลงตะเกียบไม่กี่ทีก็หมดเกลี้ยง ไม่ได้ทานให้จุใจเลยสักครั้ง
เจินจูยิ้ม “เช่นนั้นดีเลย องครักษ์เฉินรอสักครู่นะเ้าคะ”
เห็นหลัวจิ่งยังคงจริงจังกับการทำความสะอาดมุมห้อง เจินจูจึงหยุดลงเล็กน้อย “วันนี้บ้านข้าทำความสะอาดครั้งใหญ่ ท่านดู ยู่เซิงกำลังกวาดใยแมงมุมอยู่เลย องครักษ์เฉินนั่งในลานสักครู่เถิด”
“ไม่เป็ไร ข้านั่งตรงไหนก็ได้หมด” เฉินเผิงเฟยขานรับอย่างสบายๆ
พะโล้ของที่บ้านยังเก็บไว้ไม่น้อย เจินจูล้วงเอาพะโล้ห้าหกอย่างออกมา กะดูว่าน่าจะพอ อีกสักพักยังต้องให้เขาเอากลับไปสักหน่อย เช่นนี้พะโล้ที่เหลืออยู่จะได้ลดลงไปบ้าง
ในห้องครัวหลี่ซื่อเริ่มเร่งทำอาหารขึ้น ในบ้านมีแขกมาเลยหุงข้าวขาวแล้วใส่กุนเชียงไว้้า ครู่หนึ่งพอข้าวสุกกุนเชียงก็ได้ที่แล้ว
เจินจูหยิบใบชาในกระปุกเครื่องเคลือบผิวหยาบจากตู้ชาม ชงน้ำชาหนึ่งกาเสร็จ ยกถ้วยชาออกมาสี่ถ้วย แล้วจัดอาหารว่างพวกผลไม้เชื่อมสองสามอย่างของสือหลี่เซียงวางไว้บนถาดรอง เสร็จแล้วจึงยกออกไป
เฉินเผิงเฟยกำลังนั่งอยู่ใต้ชายคาคุยเรื่อยเปื่อยกับผิงอัน
“ความหมายขององครักษ์คือการป้องกันอารักขาความปลอดภัยของคุณชายพวกท่านหรือ?” ดวงตาผิงอันสองข้างแสดงคำถาม สำหรับคำว่าองครักษ์หนึ่งคำ เขาไม่มีความคุ้นเคยเลย
“เอ่อ… นี่เป็เพียงหนึ่งในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ” เฉินเผิงเฟยยิ้มแล้วพยักหน้า
“แล้ว... แล้วฝีมือการต่อสู้ต้องเก่งกาจมากถึงจะเป็องครักษ์ได้หรือ?” ใต้ต้นไม้เก่าแก่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน มีผู้สูงอายุจำนวนหนึ่งรวมตัวอยู่ด้วยกันบ่อยๆ เล่าเื่ราวสัพเพเหระ คุยโม้เื่ที่พวกเขาเคยฟังมาค่อนชีวิต หรือเื่แปลกที่ยากจะพบเจอต่างๆ ที่เคยประสบผ่านมา เด็กเล็กเด็กน้อยในหมู่บ้านล้วนนั่งรวมกันอยู่ด้านข้างฟังด้วยความสนุกครึกครื้น ผิงอันเคยตามผิงซุ่นไปอยู่หลายครั้ง องครักษ์ในปากของผู้เฒ่าผู้แก่ราวกับว่าฝีมือการต่อสู้ไม่ธรรมดาทักษะดีเยี่ยม
“ฮ่าๆ ไม่ทั้งหมดหรอก ร่างกายแข็งแรงกำยำนั่นเป็พื้นฐาน ส่วนฝีมือการต่อสู้หรือ แน่นอนว่าถ้าได้ก็จะยิ่งดีมาก” เฉินเผิงเฟยลูบศีรษะผิงอันพร้อมรอยยิ้มตาหยี
“มาเถอะ ดื่มชาให้ชุ่มคอก่อนเ้าค่ะ” เจินจูเดินเข้ามาใกล้ วางของบนโต๊ะเตี้ยตัวเก่า เทชาให้สองคนเรียบร้อย “ผิงอัน ดื่มชาแล้วคุยเป็เพื่อนองครักษ์เฉินที อีกสักครู่อาหารกลางวันก็เสร็จแล้ว”
“ขอบใจแม่นางหู รบกวนเ้าแล้ว” เฉินเผิงเฟยกล่าวขอบคุณทันที
“ไม่ต้องเกรงใจ ผู้ที่มาเป็แขกจะว่ารบกวนได้อย่างไรเ้าคะ” เจินจูหัวเราะ
หลังจากนั้นเทชาใส่ถ้วยหนึ่งใบ ยกเข้าในห้อง
“ยู่เซิง พักก่อน มาดื่มชาสักถ้วย” ะโเข้าข้างในหนึ่งเสียง แล้วจึงวางถ้วยชาบนโต๊ะ
“จะเสร็จแล้ว” เสียงใสไพเราะของยู่เซิงแว่วออกมา
“อ้อ เช่นนั้นข้าวางชาไว้บนโต๊ะ อีกสักพักอย่าลืมดื่มเล่า ข้าไปช่วยงานในครัวก่อน” เจินจูอธิบายหนึ่งเสียง แล้วจึงหมุนกายออกจากห้องไป
อาหารมื้อกลางวันทำได้อย่างรวดเร็ว เครื่องในพะโล้จะนึ่งหรือผัดรสชาติก็อร่อยทั้งหมด แล้วยังมีลูกชิ้นปลาที่เตรียมเสร็จไว้นานแล้ว เอาลงไปต้มให้เดือดเล็กน้อยในหม้อ พอลอยขึ้นเหนือผิวน้ำก็เป็อันใช้ได้ ไม่จำเป็ต้องเสียเวลามาก
ผ่านไปไม่นาน บนโต๊ะอาหารในห้องโถงก็จัดวางกับข้าวเรียบร้อย เฉินเผิงเฟยเป็แขกผู้ชาย และหูฉางกุ้ยก็ไม่อยู่บ้าน หลี่ซื่อทำได้เพียงให้ยู่เซิงกับผิงอันอยู่เป็เพื่อบนโต๊ะทำหน้าที่เ้าบ้าน ส่วนนางกับเจินจูก็เก็บกับข้าวไว้ ตั้งใจจะทานในห้องครัวด้วยกัน
เจินจูไม่มีทางเลือก เอาเถิดในยุคนี้ประเพณีเช่นนี้ เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตามแล้วล่ะ
เฉินเผิงเฟยใจกว้าง ไม่ได้ถือสากับเด็กค่อนข้างโตสองคน มองอาหารประเภทเนื้อที่อยู่เต็มโต๊ะส่งกลิ่นหอมเข้มข้นไปทั่วทุกสารทิศ หยิบตะเกียบขึ้นตั้งใจเริ่มลงมือทาน
พอจะเริ่มลงมือทานกลับได้ยินหนึ่งเสียงมาจากไกลๆ มีการเคลื่อนไหวแว่วเข้ามา ฟังแล้วราวกับว่าเป็เสียงรถม้า
เจินจูที่อยู่ในห้องครัวย่อมต้องได้ยินเช่นกัน อดกลุ้มใจไม่ได้ นี่ผู้ใดมาอีกแล้วเนี่ย?
เดินออกจากลานบ้าน มองไปทางเสียงนั้น สุดทางของถนนเส้นนี้มีเพียงครอบครัวนางบ้านเดียว ไม่มีทางมาหาบ้านอื่นแน่
“กุบๆๆ” รถม้าสูงใหญ่หนึ่งคันเลียบถนนลูกรังเล็กๆ ในหมู่บ้านโคลงเคลงเข้ามา
“เ้าของร้าน ถึงแล้วขอรับ!” รถม้าหยุดอยู่หน้าประตู เห็นเพียงคนที่ขับรถม้าะโลงรถมา แล้วดึงประตูให้เปิดออก
เ้าของร้าน? ใครกัน? เ้าของร้านหลิว? หรือเ้าของร้านเหนียน?
เจินจูอดยื่นศีรษะออกมาสำรวจไม่ได้
คนที่ทะลุออกมาจากในรถมิใช่ว่าเป็เ้าของร้านเหนียนที่รู้จักกันเป็อย่างดีหรอกหรือ เจินจูเลิกคิ้วขึ้น ในใจรู้ได้ในบัดดล ดูเหมือนว่าจะเป็การพุ่งเข้ามาหาพะโล้ของตนเป็แน่
เหนียนเสียงหลินลงจากรถม้าหันตัวกลับไปประคองอีกหนึ่งคนลงจากรถ
“เอ๋?”
เจินจูก้าวมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อ ท่านเป็อะไรไปเ้าคะ?”
ที่ถูกประคองอยู่เป็หูฉางกุ้ยที่ออกไปส่งของกำนัลส่งท้ายปีนี่เอง ยามนี้สีหน้าตัดสลับคล้ำขาวซีดเล็กน้อย เจินจูมองอย่างเป็กังวล
“ท่านพ่อ… ท่านเป็อะไรขอรับ?” เสียงผิงอันที่อยู่ด้านหลังก็กังวลขึ้นมา
“พ่อเ้า นี่เป็อะไรหรือ?” หลี่ซื่อที่ตามมาข้างหลัง สีหน้าเคร่งเครียด เสียงสั่นแฝงความกังวลไม่สบายใจ
“อ่า… เ้าหนูสกุลหู ไม่ต้องกังวล! ไม่ต้องกังวล! พ่อเ้ามิได้เป็อันใด ก็แค่เมาเกวียน” เหนียนเสียงหลินเห็นทุกคนสีหน้าเป็กังวล จึงรีบอธิบายทันที
“เมาเกวียน?” เจินจูเข้าไปประคองหูฉางกุ้ย มองเขาอย่างละเอียด นอกจากสีหน้าขาวซีดแล้ว เหมือนว่าไม่มีอะไรร้ายแรง
“หรงเหนียง ข้าไม่ได้เป็อะไร แค่เมาเกวียนนิดหน่อย” หูฉางกุ้ยรีบหันไปยิ้มทางหลี่ซื่อที่กังวลใจ
“ท่านพ่อ พวกเราเข้าไปกันก่อน พักสักครู่ก็หายแล้ว!” เจินจูหันกลับไปมองรถม้าสูงใหญ่หนึ่งที พอคิดดูแล้วน่าจะเป็เพราะรถม้าที่รีบเร่งขับมาเร็ว ทั้งผิวถนนยังขรุขระ เลยถูกสั่นะเืจนอยากอาเจียน
ทั้งหมดรีบกล่าวเห็นด้วย จึงพากันเข้าในลานบ้าน ประคองหูฉางกุ้ยนั่งพักในห้องโถง เจินจูก็รีบเข้าไปในห้องครัว เทน้ำต้มสุกครึ่งถ้วยเติมน้ำแร่จิติญญาลงไปอีกนิดหน่อยและยกออกไป
“ท่านพ่อ ท่านดื่มน้ำก่อนเ้าค่ะ พักสักครู่ก็ดีขึ้น ถนนหมู่บ้านเราแย่เกินไปแล้ว เป็หลุมเป็บ่อ ขรุขระจนน่าหวาดกลัว รถม้าเร่งมาเร็วจะเกิดอาการวิงเวียนก็เป็ปกติมาก” ยื่นน้ำไปให้หูฉางกุ้ย มองเขาดื่มอึกอึกเข้าไปจนหมด เจินจูจึงวางใจ
“แหะๆ… โทษข้าที่ไม่ดี เอาแต่ใจร้อนเร่งเดินทาง ไม่ได้ระวังว่าน้องชายหูจะถูกโคลงเคลงจนมึนเช่นนี้ ต้องขออภัยแล้ว” เหนียนเสียงหลินกล่าวขออภัย
“ไม่ๆ เป็ข้าที่ไม่ดี จะโทษเ้าของร้านเหนียนได้อย่างไร” หูฉางกุ้ยรีบสั่นศีรษะ คนอื่นนั่งมาล้วนสบายดีกันหมด มีแค่ตัวเองที่เมารถ นี่จะโทษคนอื่นได้อย่างไร
“นี่เ้าของร้านเหนียนมาเพื่ออะไรหรือ? รีบร้อนมาถึงบ้านสกุลหูเช่นนี้?” เฉินเผิงเฟยที่มองอยู่ด้านข้างถามขึ้น
“อ้าว… น้องชายเฉินทำไมเ้าอยู่ที่นี่?” เหนียนเสียงหลินใบหน้าแปลกใจ เฉินเผิงเฟยเขารู้จักเป็อย่างดี ค่อนปีมานี้ได้มาทานอาหารกับหลิวผิงของฝูอันถังในร้านของเขาหลายครั้ง ทำไมเขาอยู่ที่นี่ได้
“คุณชายให้ข้านำของกำนัลส่งท้ายปีมามอบให้สกุลหู” เฉินเผิงเฟยไม่ได้ปิดบัง
“คุณชายพวกเ้า… รู้จัก… สกุลหู?” ยังนำของกำนัลส่งท้ายปีมามอบให้สกุลหูด้วย? เหนียนเสียงหลินตกตะลึง เป็ไปไม่ได้กระมัง เขาเคยเจอคุณชายสกุลกู้ไม่กี่ครั้ง แม้จะป่วยอ่อนแอผอมซูบแต่กลับมีบุคลิกท่าทางของครอบครัวร่ำรวยที่สูงส่ง จะเกี่ยวข้องกับครอบครัวชาวไร่ชาวนาสกุลหูเช่นนี้ได้อย่างไร?
“แน่นอนว่ารู้จัก ครั้งก่อนคุณชายของพวกข้ายังเคยมาบ้านสกุลหูด้วยตัวเองเลย!” หากไม่ใช่ว่าติดตามคุณชายมาบ้านสกุลหูหนึ่งเที่ยว เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าสกุลหูจะมีของที่อร่อยมากมายเช่นนี้ด้วย เฉินเผิงเฟยหัวเราะอย่างมีความสุข
“เคยมาด้วยตัวเอง?” เหนียนเสียงหลินรูม่านตาเบิกกว้างทันที แม้ฐานะอย่างละเอียดของคุณชายสกุลกู้เขาจะรู้ไม่ชัดเจนมากนัก แต่ฝูอันถังเป็ร้านเก่าแก่ในเมืองไท่ผิงมีประวัติมาหลายสิบปี ตามที่ได้ยินมาว่าเ้าของพวกเขาเป็ครอบครัวใหญ่ตระกูลขุนนางที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ที่นาและร้านค้าในนามยิ่งไม่รู้ได้ว่ามีทั้งหมดเท่าไร
คุณชายครอบครัวใหญ่โตสูงศักดิ์วิ่งออกมาถึงเขตหมู่บ้านูเาทุ่งกว้างนี้?
“ใช่สิ! ครอบครัวสกุลหูทุกคนคุณชายล้วนรู้จักทั้งหมด แล้วเ้าของร้านเหนียนเร่งมาเพื่อที่จะ…?” เฉินเผิงเฟยถาม
“โอ้ เพื่อธุระการค้าขาย” เหนียนเสียงหลินลังเลใจเล็กน้อย
“แหะๆ ทุกท่านเชิญนั่งก่อน ผู้ที่มาล้วนเป็แขก ท่านอาเหนียนมาได้จังหวะพอดีเลยเ้าค่ะ กับข้าวเพิ่งขึ้นโต๊ะ โปรดชิมอาหารของครอบครัวชาวไร่ชาวนาพวกข้าเถิด” เจินจูกล่าวด้วยคำพูดเย้าหยอก
เมื่อครู่เหนียนเสียงหลินยังไม่ทันเข้าบ้านก็ได้กลิ่นหอมของเนื้อพะโล้ที่คุ้นเคยเล็กน้อย พอเดินเข้าประตูมากับข้าวที่อยู่เต็มโต๊ะก็ดึงดูดความสนใจของเขาให้พุ่งไปที่จุดเดียว อย่างไรเสียครั้งนี้ที่ตัวเขารีบพุ่งมาก่อนก็เพื่อกลิ่นที่กำลังหอมอบอวลอยู่นี้
พอคำพูดของเจินจูจบลง เหนียนเสียงหลินก็ยิ้มและพยักหน้าทันที
หลังหูฉางกุ้ยดื่มน้ำเสร็จ ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะตาลายและคลื่นไส้ก็ค่อยๆ หายไป กำลังวังชาก็กลับมา
“ท่านพ่อ ท่านดีขึ้นบ้างแล้วหรือเ้าคะ?” เจินจูมองหูฉางกุ้ยที่สีหน้าดีขึ้นมาก จึงรู้ได้ว่าน้ำแร่จิติญญาออกประสิทธิผลแล้ว
“พ่อไม่เป็ไร หายเป็ปลิดทิ้งแล้ว” หูฉางกุ้ยพยักหน้า
“ท่านพ่อ แล้วเกวียนวัวบ้านเราล่ะเ้าคะ?” หูฉางกุ้ยเร่งเกวียนวัวออกไปแต่เช้าตรู่ ขากลับมากลับนั่งรถม้าของเหนียนเสียงหลิน
“อา แม่นางหูตัวน้อย เกวียนวัวบ้านเ้ายังอยู่ที่ร้านข้า หลังกลับไปอีกสักครู่ ข้าจะให้อาเต๋อเร่งกลับมาให้พวกเ้า” เหนียนเสียงหลินกล่าวโดยมิรอช้า
“เช่นนั้นก็รบกวนท่านอาเหนียนแล้ว ท่านพ่อ ท่านทานอาหารกลางวันเป็เพื่อนแขกเถิด ข้ากับท่านแม่จะทำกับข้าวอีกสองอย่าง พวกท่านทานกันก่อน อาหารจะเย็นชืดแล้ว!” เหนียนเสียงหลินรวมกับคนขับรถของเขา อาหารบนโต๊ะก็ดูเหมือนจะไม่พอเล็กน้อย “ยู่เซิง ผิงอัน ดูแลแขกดีๆ ล่ะ!”
กล่าวจบจูงหลี่ซื่อไปเตรียมทำอาหาร หลี่ซื่อหันกลับไปมองหูฉางกุ้ยแวบหนึ่งด้วยความลังเลใจ เมื่อเห็นว่าใบหน้าไร้ความผิดปกติจึงวางใจจากไปได้
เมื่อเจินจูเดินจากไป ฉับพลันนั้นหูฉางกุ้ยก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรเล็กน้อย
เดิมทีอุปนิสัยเขาเป็คนซื่อๆ ไร้เล่ห์เหลี่ยม พอมีแผลเป็บนใบหน้าเลยยิ่งทำให้ไม่พูดไม่จาและเจียมเนื้อเจียมตัวขึ้นไปอีก แม้่ระยะเวลานี้ที่ไม่รู้ว่าเป็เพราะมูลเหตุอะไร รอยถลอกบนใบหน้าที่ดูโหดร้ายน่ากลัวของเขากลับจางลงไม่น้อย
พักนี้เขาตามหูฉางหลินขับเกวียนวัวออกไปส่งสินค้าอยู่บ่อยๆ เห็นเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย เลยเรียนรู้คำพูดคำจาสุภาพมาบ้าง
“เอ่อ… คือ คือ ทุกท่านเชิญนั่งลงก่อนเถิด” หูฉางกุ้ยขับรอยยิ้มแข็งทื่อออกมา แล้วจำใจร้องทักทุกคนขึ้น
“ดี ดี เช่นนั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้ว! อาเต๋อ มา มานั่ง มาชิมอาหารรสเลิศเอร็ดอร่อยของน้องชายหูกัน” เหนียนเสียงหลินให้อาเต๋อคนขับรถม้านั่งลงด้านข้าง เขาเจรจาค้าขายกับผู้คนมาหลายปี ย่อมมองความระมัดระวังตัวและกระวนกระวายใจของหูฉางกุ้ยออก จึงใช้ความเชี่ยวชาญสวมเสื้อผ้าแขนยาวเต้นระบำสวยงาม [1] ของเขา พูดคุยเรื่อยเปื่อยขึ้นด้วยความกระตือรือร้น
บรรยากาศบนโต๊ะเป็ไปอย่างกลมกลืน เจินจูยกถ้วยและตะเกียบใหม่ออกมา จัดวางไว้เป็ระเบียบเรียบร้อย คนมากมายจึงพากันลงตะเกียบทันที
เหนียนเสียงหลินทานอย่างละเอียด อาหารวางไว้นานไปหน่อย เย็นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ส่งผลต่อรสชาติอันเป็เอกลักษณ์ของพะโล้ ความหอมและรสชาติเผ็ดชาสดใหม่ชุ่มคอมาก
ในพะโล้ทั้งหมดยังมีความแตกต่างกันในแต่ละอย่างเล็กน้อย เช่น พะโล้หูหมูมีความเหนียวหนึบและกรุบในปาก พะโล้ลิ้นหมูมีความชุ่มคอและหยุ่น พะโล้ขาหมูตุ๋นสุราเนื้อยิ่งหอม อืม แก่นของพะโล้ล้วนชูจุดเด่นในแต่ละชนิดของเครื่องในหมูที่ไม่สะดุดตาเหล่านี้
ทางเหนียนเสียงหลินลิ้มรสเก็บรายละเอียดทีละคำชิ้นเล็กๆ ส่วนทางเฉินเผิงเฟยกลับไม่ได้เอ้อระเหยเช่นนั้น หนึ่งตะเกียบคีบเนื้อหนึ่งกองเล็กแล้วยัดเข้าไปในปาก ทานเต็มปากเต็มคำพลางพยักหน้าติดๆ กัน
“น้องชายเฉิน นี่เ้าหิวมากี่มื้อแล้ว?” เหนียนเสียงหลินที่เห็นสถานการณ์อดเผลอหัวเราะออกมาไม่ได้
เฉินเผิงเฟยโบกมือไปทางเขา หลังกลืนเนื้อพะโล้เต็มปากลงไป จึงตอบกลับ “ท่านน่ะไม่รู้ พะโล้ที่บ้านสกุลหูนำไปมอบให้ทุกครั้ง อยู่บนโต๊ะไม่นานก็ถูกยื้อแย่งไปจนเกลี้ยง ยากที่จะทานให้จุใจได้ เป็ธรรมดาที่ต้องทานมากหน่อย ฮ่าๆ”
“อันนี้ให้ท่าน ่นี้เนื้อพะโล้บ้านข้ามากมาย เพียงพอให้ท่านทาน” หลังผิงอันฟังด้วยความตั้งใจ จึงคีบปอดหมูชิ้นใหญ่วางในถ้วยของเขา
“…ฮ่าๆ ขอบใจเ้า!” นึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกเด็กน้อยผู้หนึ่งเวทนาเข้า เฉินเผิงเฟยเกาศีรษะเกรงใจเล็กน้อย
เชิงอรรถ
[1] สวมเสื้อผ้าแขนยาวเต้นระบำสวยงาม อุปมาว่า ผู้ที่มีคุณสมบัติที่ดีไม่ว่าจะทำอะไรย่อมได้เปรียบ