เขาไม่ดีตรงไหน? ทำไมนางถึงต้องทอดทิ้งเขาครั้งแล้วครั้งเล่า?
เขาทำไม่ดีต่อนางงั้นหรือ? ตราบใดที่นางอยู่เคียงข้างเขา เขาย่อมตามใจนางเพียงคนเดียว
ไม่ว่านาง้าอะไร เขาก็คิดหาวิธีเอามาให้นางให้ได้ นางชอบเงิน เขาก็มอบเงินทั้งหมดให้กับนาง ทำไมสุดท้ายแล้วนางถึงเลือกที่จะไปจากเขา ทั้งยังด้วยวิธีการเช่นนั้น? นางยังมีอะไรที่ไม่พอใจกัน?
“ท่านอ๋อง เป็อะไรไปเพคะ?”
เมื่อเสียงของกู้อิ๋งดังเข้ามาในหู จ้าวหยวนเช่อถึงพบว่าตัวเองดื่มสุราไปสามจอกในรวดเดียว สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องมาที่ตน นางเองก็เช่นกัน สิ่งที่ต่างจากความห่วงใยของคนอื่น คือสายตาที่นางมองเขาด้วยความระแวดระวัง ราวกับกลัวว่าเขาจะทำอะไรนาง
“แค่คิดว่าสุรานี้รสเลิศมากน่ะ” จ้าวหยวนเช่อยิ้มเยาะและรินสุราให้ตัวเองอีกจอก
กู้อิ๋งรู้สึกว่าคืนนี้ท่านอ๋องดูแปลกๆ ไป ทั้งๆ ที่ตอนมาเขาก็ดูอารมณ์ดีอยู่ แต่นางก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะมีคนมากมายอยู่ด้วย
องค์หญิงสิบเอ็ดกับกู้เหยายังคงมีนิสัยเป็เด็ก นั่งกินอาหารได้ไม่เท่าไหร่ก็พากันออกไปดูโคมไฟ คนโต๊ะอื่นเห็นแล้วไหนเลยจะนั่งอยู่ได้ ต่างออกไปชมโคมไฟกันหมด
“การดื่มสุราเป็เื่ของบุรุษ พวกเราไปดูโคมไฟกันเถอะ” พระชายาสี่พูดกับพระชายารอง พลางเอ่ยชวนกู้อิ๋งและกู้เจิง “ได้ยินมาว่าโคมไฟในอุทยานหลวงคืนนี้ล้วนถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยช่างฝีมือในวัง”
กู้เจิงย่อมเห็นด้วยที่จะไปชมโคมไฟ
โคมไฟตามทางเดินและในสวนถูกนางกำนัลเปลี่ยนเป็โคมไฟปริศนาคำทายไว้แล้ว เหมือนกับที่พระชายาสี่กล่าวไว้ โคมไฟดูสวยงดงามและแปลกตามาก
“เหล่าคุณชายและคุณหนูทุกท่าน” นางกำนัลสูงวัยคนหนึ่งเดินออกมาประกาศ “ฮองเฮาทรงมีรับสั่ง ขอเพียงเดาปริศนาจากโคมไฟได้ ก็จะได้รับโคมไฟที่เขียนคำปริศนานั้นไป ผู้ที่ได้รับโคมไฟมากที่สุด ฮองเฮาจะมีรางวัลให้”
บรรยากาศรอบด้านดูคึกคักขึ้นมาทันที
พระชายาสี่กล่าวกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม “ถึงฮองเฮาจะไม่ได้มา แต่รางวัลนี้ก็ช่วยสร้างอำนาจให้องค์หญิงสิบเอ็ดได้”
“เพราะเื่นายหญิงสกุลฟู่กับพระชายาเสี่ยน ทำให้ฮ่องเต้ทรงกริ้วมาก ฮองเฮาจึงไม่อาจออกไปไหนได้ หากไม่ใช่เพราะเทศกาลโคมไฟในคืนนี้ถูกกำหนดไว้นานแล้ว ไม่อย่างนั้นเทศกาลโคมไฟของปีนี้ก็คงจะไม่ได้จัดขึ้น” พระชายารองพูดขึ้น “อิ๋งเอ๋อร์ เ้าว่าใช่หรือไม่?”
“จะมีเทศกาลโคมไฟหรือไม่ก็ไม่เป็ไร ข้าเพียงหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นเท่านั้นเพคะ”
“ก็จริง” พระชายาสี่พยักหน้าเห็นด้วย
ด้วยฐานะภรรยาของขุนนางผู้ช่วยราชสำนักราชเลขาเล็กๆ อย่างกู้เจิงจึงไม่อาจกล่าวแทรกได้ และนางเองก็ไม่ชอบพูดมาก ดังนั้นหูจึงฟังเหล่าพระชายาสนทนากันเงียบๆ เมื่อนางเห็นว่าเหล่าพระชายาไม่ได้สนใจตน นางจึงเดินไปหาโคมไฟที่ชอบเพื่อเดาคำปริศนา
ข้างใต้โคมแต่ละดวงมีกระดาษแขวนอยู่ บนกระดาษเขียนปริศนาโคมไฟไว้ เหล่าคุณชายและคุณหนูที่เดินไปเดินมาล้วนถือโคมในมือแทบทุกคน บางคนก็มีสองหรือสามดวง
กู้เจิงอ่านปริศนาแต่ละข้อด้วยความสนใจ
บางคนเดาไม่ออกเลยสักข้อ บางคนไม่ยอมแพ้ที่จะหาใหม่ หากันไปหากันมา อันที่เหลืออยู่ล้วนแต่เป็อันที่ยาก ข้อปริศนาที่ง่ายๆ ถูกคนตอบไปหมดแล้ว
“โคมไฟนี้สวยจัง ทายอันนี้แหละ” กู้เหยาส่งเสียงตื่นเต้น
กู้เจิงมองไป นางเห็นองค์ชายสิบสอง เจิ้งชิน และเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยที่ไม่รู้ว่ามาั้แ่เมื่อไร ตอนนี้กำลังทายปริศนากับองค์หญิงสิบเอ็ดและกู้เหยาอยู่ แต่ละคนมีโคมในมือแล้วหลายอัน เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยมีอยู่มากที่สุด กู้เหยากำลังให้เขาทายปริศนาจากโคมไฟดวงนั้นที่นางชี้
“ผมขาวควรกลับสู่ถิ่นเกิด” นางกำนัลอ่านปริศนานี้ให้ฟัง “เป็ยาชนิดหนึ่งเ้าค่ะ”
“มันคืออะไร?” กู้เหยามองเขาอย่างเคร่งเครียด
“ตังกุยซู่*” เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยโพล่งออกมา
(*เพราะชื่อยาชนิดนี้หากแปลตรงตัวจะแปลว่า การกลับสู่ธรรมชาติหรือถิ่นฐานเดิม)
“เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยตอบถูกต้อง” นางกำนัลเอาโคมไฟลงมาให้เขา
แน่นอนว่าเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยมอบมันให้กับกู้เหยา
“หงุดหงิดแล้วนะ เซี่ยฉางชิง ทำไมเ้าถึงได้เก่งขนาดนี้” องค์หญิงสิบเอ็ดถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจแล้วหันไปมองกู้เจิ้งชิน “ถ้าข้ารู้ว่าเ้าจะโง่ขนาดนี้ คงไม่เลือกเ้าหรอก อ่านหนังสือไปมากมายขนาดนั้นมีประโยชน์อะไรกัน?”
“ทำให้องค์หญิงทรงผิดหวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ” กู้เจิ้งชินรีบขอโทษด้วยความเขินอาย
องค์ชายสิบสองหัวเราะเสียงดัง
เห็นคนอื่นมีความสุขกู้เจิงก็ยิ้มตาม จนกระทั่งได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างหู “พวกเราก็ไปทายปริศนาโคมไฟกันเถอะ”
“ท่านพี่?” กู้เจิงหันกายไปเห็นเสิ่นเยี่ยน ไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ข้างๆ ั้แ่เมื่อไหร่ ดวงตาดำขลับของเขามองนางอย่างอ่อนโยน “ท่านกินข้าวเสร็จแล้วหรือ?”
“วันนี้เป็วันเทศกาลโคมไฟ ข้าอยากอยู่กับเ้า” พูดจบเสิ่นเยี่ยนก็จูงมือนางแล้วเริ่มเลือกโคมไฟ “มีโคมไฟที่ถูกใจไหม?”
“มีเ้าค่ะ” กู้เจิงชี้ไปยังโคมไฟฟักทองที่นางชอบ “ปริศนานี้ยากจริงๆ”
“ขอข้าดูหน่อย” เสิ่นเยี่ยนรับกระดาษแผ่นนั้นมาจากนางกำนัล “ฉางเอ๋อคงไว้ด้วยใจหนึ่งเดียว จึงเหาะเหินลงมาโลกมนุษย์”
ท่าทางที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของภรรยาทำเอาเสิ่นเยี่ยนหลุดยิ้ม เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “เป็คำว่าชนะ[1]”
นางกำนัลผู้นั้นมีสีหน้าประหลาดใจ “ใต้เท้าเสิ่นเป็คนที่สามสิบเก้าที่อ่านปริศนานี้ แต่มีแค่ใต้เท้าคนเดียวที่ตอบปริศนานี้ได้” ว่าแล้วนางก็เอาโคมไฟฟักทองลงมาให้กู้เจิง
“ท่านพี่ ท่านเก่งมากเ้าค่ะ” กู้เจิงรับโคมมาอย่างดีใจ แล้วชี้ไปยังโคมแดงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “เอาอันนั้นด้วย”
“ลำไม้ไผ่เขียว อ่างทองแดง บุปผาเหลืองบานสะพรั่ง ถักทอเป็เกล็ดปลา” เสิ่นเยี่ยนกางกระดาษออกพร้อมกับอ่านคำปริศนา
“เป็ดอกไม้ชนิดหนึ่งเ้าค่ะ” นางกำนัลกล่าว
กู้เจิงคิดไปคิดมา ดอกไม้สีเหลืองมีเยอะแยะ แต่ถักทอเป็เกล็ดปลาคืออะไรกัน?
“ข้อนี้ง่าย” ขณะที่เสิ่นเยี่ยนกำลังจะเปิดปากพูด ภรรยาก็คว้าแขนเขาไว้อย่างตื่นเต้น “ท่านไม่ต้องพูด ข้ารู้เ้าค่ะ ข้าตอบเอง”
“ได้ เ้าตอบมา” เขาอมยิ้มมองนาง
“เป็ดอกเซี่ยงรื่อขุย ใช่ไหม?”
(*หรือก็คือ ดอกทานตะวัน)
“ใช่เ้าค่ะ ฮูหยินน้อยตอบถูกแล้ว” นางกำนัลนำโคมไฟมาให้นาง
เมื่อครู่กู้เจิงตื่นเต้นจนเสียงดัง ทำให้ดึงดูดความสนใจของคนรอบข้าง กู้เหยาและคนอื่นๆ ก็สังเกตเห็นจึงวิ่งมาหา
“พี่เขยใหญ่ พวกเรามาแข่งกันเถอะ” กู้เหยาท้าเสิ่นเยี่ยนอย่างนึกสนุก
“ใช่ ดูสิว่าใครจะได้โคมไฟเยอะที่สุด” องค์หญิงสิบเอ็ดก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย
“แข่งเลย แข่งเลย” เหล่าคุณชายคุณหนูที่อยู่รอบๆ ก็ะโเสริมอย่างนึกสนุกไปด้วย
กู้เจิงรีบถามสามีเสียงเบาว่า “ท่านพี่ ท่านไหวไหมเ้าคะ? ถ้าไม่ไหว เราถอนตัวได้นะเ้าคะ” ไม่รู้ว่าความสามารถทางด้านนี้ของสามีเป็เช่นไร หากไม่ไหวจริงๆ ก็แค่ถอนตัวไป เพราะอย่างไรในมือของนางมีโคมไฟอยู่สองดวงแล้ว
“ข้าย่อมทำให้เ้าอย่างเต็มที่ ลงแข่งกันเถอะ” เสิ่นเยี่ยนตอบนางด้วยเสียงแ่เบา
กู้เจิงตาเป็ประกาย นางรีบพูดตอบกู้เหยาอย่างฮึกเหิม “น้องสี่ แข่งก็แข่ง ถ้าแพ้แล้วห้ามร้องไห้เด็ดขาด”
กู้เหยาดันเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยออกไปรับหน้า “เ้าถูกพี่ใหญ่ข้าดูแคลนแล้ว ต้องกู้หน้ากลับมาให้ได้นะ”
เซี่ยกงเจวี๋ยน้อย “...” ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับเขาแท้ๆ เขาแค่ถูกดึงมาเท่านั้น
เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยกับเสิ่นเยี่ยนเริ่มทายปริศนาทีละข้อ โคมไฟในมือของกู้เจิงและกู้เหยาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายองค์หญิงสิบเอ็ด องค์ชายสิบสอง และกู้เจิ้งชินก็ต้องเข้ามาช่วยพวกนางถือโคมไฟ
ไม่ไกลนัก เยี่ยนอ๋องกับตวนอ๋องกำลังมองภาพตรงหน้า
“ก่อนหน้านี้คิดว่านิสัยของฉางหวายคงจะน่าเบื่อนัก คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะรักภรรยามาก” องค์ชายสี่มองไปยังกลุ่มคนที่เดินทายปริศนาอยู่ไม่ไกลอย่างสนใจ “บอกว่าจะไปอยู่เป็เพื่อนภรรยาก็วางจอกสุราลงทันที”
“ข้าเองก็แปลกใจเหมือนกัน เดิมทีเขาไม่ใช่คนแบบนั้น” จ้าวหยวนเช่อพึมพำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อะไรนะ?” ในมือขององค์ชายสี่ยังคงถือจอกสุรา “จริงสิ เ้าเคยบอกว่าจะเลือกบุตรสาวผู้สูงศักดิ์ให้เป็ภรรยาของฉางหวายมิใช่หรือ? ดูจากท่าทางของเขาแล้ว เขาพอใจกับภรรยาคนนี้มาก อีกอย่าง ฮูหยินน้อยเสิ่นคนนี้ก็เป็พี่สะใภ้เ้า”
“คู่ครองของเขาเป็อีกคน” มีสองเื่ที่จ้าวหยวนเช่อไม่้าเปลี่ยน หนึ่งในนั้นคือการแต่งงานของเสิ่นเยี่ยน
“แม้ว่าคุณหนูใหญ่กู้จะเป็บุตรีอนุ แต่ด้วยฐานะนี้แต่งกับฉางหวายก็ดูจะเป็การแต่งที่ไม่สมฐานะไปหน่อย ส่วนคุณหนูตระกูลหวังที่เ้าถูกใจผู้นั้น” เยี่ยนอ๋องยกจอกสุราพลางชี้นิ้ว “ดูสิ อยู่ตรงนั้น ทำหน้าบูดบึ้ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่”
จ้าวหยวนเช่อเห็นหวังหว่านหรงกำลังทำหน้าบูดบึ้งเหมือนที่พี่สี่บอกจริงๆ ในความทรงจำของเขา บุตรสาวของภรรยาเอกตระกูลหวังเป็สตรีที่อ่อนโยนและสง่างาม เหตุใดถึงทำสีหน้าแบบนั้นเล่า เวลาสตรียิ้มกับไม่ยิ้ม หน้าตาก็เปลี่ยนตามไปด้วยหรือ? สายตาของนางคล้ายจะจับจ้องไปยังกู้เจิง
“ฮูหยินน้อยเสิ่นนั้นหน้าตางดงามพริ้มเพรา สวยกว่าคุณหนูตระกูลหวังมากนัก หากเ้าจะหาก็ต้องหาคนที่งามกว่าฮูหยินน้อยเสิ่นสักหน่อย” องค์ชายสี่รู้สึกมึนเมาขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่รู้ว่าฮูหยินน้อยเสิ่นผู้นั้นจะยอมเปลี่ยนจากภรรยาเอกเป็อนุหรือไม่”
“เปลี่ยนจากภรรยาเอกเป็อนุอะไรหรือเพคะ?” กู้อิ๋ง พระชายาสี่ และพระชายารองเดินเข้ามา พระชายาสี่เดินนำหน้าสุดจึงได้ยินสิ่งที่สามีพูด
“บุรุษคุยกัน สตรีอย่าได้ถามมาก” องค์ชายสี่กล่าวอย่างหงุดหงิด
อารมณ์ดีๆ ของพระชายาสี่ถูกคำพูดของสามีปัดเป่าออกไปในพริบตา
พระชายารองยืนดูความครึกครื้นรอบด้านเงียบๆ กู้อิ๋งเหลือบมอง นางเองก็ได้ยินคำพูดขององค์ชายสี่แล้ว คำว่าภรรยาเอกและอนุนั้นอ่อนไหวต่อสตรีมาก แต่เพราะรู้จักวางตัวจึงไม่ได้ถาม
----------------------------------------------------
[1] ชนะ คำตอบนี้เกิดจากการถอดความมาประกอบเป็คำว่า 赢(ชนะ) ฉางเอ๋อเป็เทพธิดาแห่งดวงจันทร์จึงถอดได้คำว่า 月(ดวงจันทร์) จากความว่าคงไว้ด้วยใจหนึ่งเดียวถอดจาก 圆(กลมเกลียว) เป็ 员 ส่วนด้วยเหตุนี้ในภาษาจีนใช้คำว่า 故 ที่มีความหมายอีกนัยหนึ่งว่า 亡(ตาย) และโลกมนุษย์ใช้ได้อีกคำหนึ่งว่า 凡 เมื่อมาประกอบกันจะได้ 月+员+亡+凡 แล้วถอดแยกคำต่อเป็ 月+(口+贝)+亡+凡 สุดท้ายนำมาจัดเรียงใหม่เป็ 亡+口+月+贝+凡= 赢(ชนะ)