พวกซีต้าเฉียงทำงานฉับไว ไม่ช้าก็ขนเครื่องเรือนกลับมา
เซวียเสี่ยวหรั่นมองสิ่งของบนเกวียนก็นึกสงสัย แล้วเตียงล่ะ?
โต๊ะ เก้าอี้ ถังไม้ กระถางไม้มีหมดแล้ว แต่เตียงของเธอล่ะ?
หรือว่าก็คือแผ่นไม้กับท่อนไม้กองนั้น
"ต้าเหนียงจื่อ เตียงนี้จะให้วางห้องไหน" ซีมู่คุนใช้เวลาแค่ชั่วอึดใจย้ายแผ่นไม้ประกอบเตียงสี่ชิ้นเข้ามา
อา? เป็เตียงจริงๆ ด้วย เซวียเสี่ยวหรั่นรีบชี้ไปที่ห้องปีกตะวันตก
ชายฉกรรจ์แข็งแรงสองคนช่วยกันย้ายแผ่นไม้ไปยังห้องปีกตะวันตก แล้วเริ่มประกอบเตียงให้
แม้ไม่เข้าใจว่าในห้องก็มีเตียงอยู่แล้วหลังหนึ่ง เหตุใดพวกเขาถึงต้องหาเพิ่มอีกหลัง
ผู้อื่นอาจไม่ชอบใช้เตียงเก่าก็เป็ได้ จึงไม่มีใครพูดมาก ทำงานกันอย่างคล่องแคล่ว
ยามได้ยินเสียงตึงๆ มาจากด้านใน เซวียเสี่ยวหรั่นก็มองที่ประตู
ไม่ช้าเตียงก็ประกอบเสร็จ เอาแผ่นไม้ปู้า เป็อันเสร็จเรียบร้อย
ที่แท้ก็ประกอบกันอย่างนี้ เซวียเสี่ยวหรั่นไม่เคยนอนเตียงไม้แบบโบราณมาก่อน เห็นแล้วก็รู้สึกแปลกใหม่
หลังจากประกอบเตียงเสร็จ ฟ้าก็มืดแล้ว
ก่อนที่พวกซีต้าเฉียงจะลากลับ ซีมู่คุนกับซีมู่เซิงก็ช่วยพาเหลียนเซวียนไปสุขาอีกรอบ
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบนำข้าวของที่ซีหย่วนเอามาให้ยืมใช้เมื่อคืนฝากพวกเขาช่วยนำไปคืนให้
"ท่านลุงซี ขอบคุณพวกท่านมากจริงๆ"
ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากพวกเขา ของเยอะขนาดนี้ เธอจะขนกลับมาคนเดียวได้อย่างไร เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกขอบคุณจากใจจริง
"ต้าเหนียงจื่อเกรงใจไปแล้ว" ซีต้าเฉียงรู้แก่ใจดีกว่า พวกเขาแค่ช่วยหามหมีดำลงมาจากูเา ก็ได้ส่วนแบ่งรายได้ตั้งครึ่งหนึ่ง ค่าตอบแทนมากเกินไปจริงๆ ดังนั้นความช่วยเหลือเล็กน้อยไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงด้วยซ้ำ
พวกเขาเจ็ดคนแบ่งกันคนละเจ็ดตำลึง เหลือไว้เป็ค่าซ่อมบำรุงศาลบรรพชนของตระกูลสามตำลึง
แค่พวกเขาครอบครัวเดียวสามคน ก็รับเงินไปยี่สิบเอ็ดตำลึงแล้ว
เงินมากขนาดนี้ พอจ่ายค่าเครื่องเขียนจิปาถะและค่าเล่าเรียนให้หลานชายคนโตได้ถึงสองปี ส่วนพวกเขาก็แค่ใช้แรงแค่หยิบมือเท่านั้น
พวกเขาสมควรเป็ฝ่ายขอบคุณสตรีที่อยู่ตรงหน้านี้มากกว่า
หลางจวินสกุลเหลียนขาหักซ้ำยังพูดไม่ได้ ผู้จัดการทุกอย่างคือสตรีผู้นี้ ความคิดแบ่งปันรายได้ครึ่งหนึ่งให้พวกเขา นางก็เป็คนเสนอออกมาเอง
เขาจำได้ชัดเจน ยามพวกเขาตกลงเงื่อนไขกันอยู่ ต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนล้วนเป็คนออกหน้า
ั้แ่ต้นจนจบหลางจวินสกุลเหลียนไม่มีค้านสักคำ
"ต้าเหนียงจื่อ พรุ่งนี้ข้าจะให้น้องสาวมาช่วยตัดเสื้อผ้าให้พวกท่าน"
ก่อนจากไป ซีมู่เซิงยังไม่ลืมเื่นี้
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางผงกศีรษะ เื่นี้ก็เร่งด่วนเช่นกัน
"หากท่านมีธุระอันใด ก็ไปหาข้าที่ปากทางเข้าหมู่บ้านได้ทุกเมื่อ ถ้าหาไม่เจอ ก็ถามคนในหมู่บ้านได้" ซีต้าเฉียงกำชับหนึ่งประโยค
ที่นี่อยู่ค่อนข้างไกลจากหน้าหมู่บ้าน ซ้ำยังค่อนข้างเปลี่ยว
"เ้าค่ะ ขอบคุณท่านลุงซี" เซวียเสี่ยวหรั่นรีบผงกศีรษะ เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ เื่ที่ยังไม่รู้มีอีกมาก ยาม้าความช่วยเหลือ เธอย่อมไม่เล่นตัวอย่างแน่นอน
ส่งคนกลับไปกันแล้ว ก็หันมาดูข้าวของภายในห้อง เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกเริงร่าราวกับทาสที่ได้พลิกฟื้นชะตาชีวิต
"ฮ่าๆ ในที่สุดก็ไม่ใช่บ้านที่มีแต่ผนังสี่ด้านแล้ว"
เซวียเสี่ยวหรั่นยืนเท้าสะเอวหน้าห้องโถงหัวเราะฮ่าๆ เสียงดังลั่น
เหลียนเซวียนซึ่งอยู่ในยกมือกุมหน้าผาก แม่นางผู้นี้พึงพอใจอะไรง่ายเหลือเกิน
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยย่องกลับมาจากสวนด้านหลัง พอคนไปปุ๊บมันก็ออกมาปั๊บ
"อาเหลยหิวแล้วสิท่า รอเดี๋ยวนะ พี่สาวจะจุดตะเกียงน้ำมันก่อน น่าจะซื้อมาสองดวงได้กระมัง เดี๋ยวต้องไปดูก่อน"
เซวียเสี่ยวหรั่นอาศัยแสงสว่างเพียงน้อยนิดค้นหาตะเกียงสองดวง กับขวดน้ำมันที่ซื้อกลับมา จากนั้นก็วิ่งไปห้องเหลียนเซวียนพร้อมกับของในมือ
"เหลียนเซวียน ตะเกียงน้ำมันนี่ใช่เทน้ำมันลงไปในจานตะเกียงโดยตรง แล้วก็จุดไฟที่ไส้ตะเกียงก็ใช้ได้ใช่หรือไม่" ถึงแม้ว่าเมื่อวานจะเห็นตะเกียงน้ำมาของที่นี่มาแล้ว แต่ไม่ได้สังเกตว่าใช้น้ำมันอะไร "นี่คือน้ำมันงา สามารถใช้จุดตะเกียงได้หรือไม่"
น้ำมันตะเกียงของชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เป็น้ำมันงาอยู่แล้วมิใช่หรือ เหลียนเซวียนมองนางด้วยความประหลาดใจ แม่นางผู้นี้นี่ เื่ที่ควรรู้กลับเลอะเลือน เื่ที่ไม่ควรรู้กลับหัวไวเป็ที่สุด
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเขาผงกศีรษะ แล้วเทน้ำมันใส่จานตะเกียงทั้งสองอย่างระมัดระวัง หมุนตัววิ่งไปห้องครัวหยิบหินไฟ วิ่งมาได้ครึ่งทางนึกขึ้นได้ว่าในรายการที่สั่งซื้อมีกลักไฟ [1] อยู่ด้วย
ก็หันเปลี่ยนทิศทางทันที เข้าไปค้นหาของในห้องโถงมืดๆ จนเจอแท่งไม้เล็กค่อนข้างหยาบแถวหนึ่ง ้ามีฝาปิดน่าจะเป็กลัก
เซวียเสี่ยวหรั่นลองทำตามอย่างที่เห็นในทีวี เปิดฝาออก หลังจากนั้นก็เป่าแรงๆ ไปบนยอด้า ไม่ช้าก็เริ่มมีควันจางๆ แล้วไฟก็ค่อยๆ ติดขึ้นมา
"ว้าว วิเศษไปเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นใช้ฝ่ามือป้องไฟกลับเข้ามาในห้องปีกตะวันออกอย่างระมัดระวัง แล้วจุดไส้ตะเกียงทั้งสอง หลังจากนั้นก็เอาฝาครอบปิดอย่างรวดเร็ว ไฟพลันดับทันที
ตะเกียงน้ำมันสองดวงให้แสงสว่างในห้องปีกข้าง
"ฮ่าๆ กลักไฟแบบนี้ใช้ดีจริงๆ ครั้งหน้าต้องฝากท่านลุงซีซื้อมาเผื่อไว้สักหลายอันหน่อยดีกว่า" เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบกลักไฟขึ้นมาชื่นชม ของสิ่งนี้ก็คือไฟแช็กแบบโบราณ ใช้สะดวกมาก
ไม่เคยใช้กลักไฟมาก่อนหรือ? แววกังขาในดวงตาของเหลียนเซวียนเข้มขึ้น ความรู้ในการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานของนางชวนให้คนคาดเดาไม่ถูกจริงๆ
"ฮิฮิ ดีจังเลย ข้าจะไปทำกับข้าว ต้องรื้อมีดหั่นผัก เขียง กระทะออกมาก่อน" เซวียเสี่ยวหรั่นยกตะเกียงดวงหนึ่งเดินออกไป
หาเครื่องใช้ในครัวออกมา เซวียเสี่ยวหรั่นพับแขนเสื้อเริ่มทำการทำงาน
กระทะใบใหญ่ที่ซื้อมาใหม่ต้องทำการเปิดกระทะด้วยการใช้น้ำร้อนล้างก่อนหนึ่งรอบ ค่อยขึ้นตั้งบนเตาดินเผาใช้มันหมูถูไปๆ มาๆ จนทั่วกระทะ จนกระทั่งมันหมูเริ่มเกรียมเป็สีดำ หลังจากนั้นตั้งวางไว้ให้เย็น
ย้ายข้าวสารยี่สิบชั่งกับแป้งสาลีสิบชั่งเข้าไปในครัว เริ่มหุงข้าว หั่นเนื้อ หั่นผัก
เนื้อซื้อมาแค่สองชั่ง ไม่เยอะมาก อากาศเริ่มร้อนแล้ว เก็บไม่ได้นาน พอให้พวกเขากินได้สองวัน
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ค่อยถนัดใช้กระทะใบใหญ่กับเตาดินเผาเท่าไรนัก ใช้เวลาไม่นานอาหารเย็นก็เสร็จเรียบร้อย
หมูผัดผักกาดจานหนึ่ง หมูสับผัดถั่วฝักยาวจานหนึ่ง ผัดผักป่าจานหนึ่ง
จากนั้นก็ยกกับข้าวเข้าไปในห้องของเหลียนเซวียน ขาของเขาเดินไม่ได้ย่อมต้องอำนวยความสะดวกให้เขา
"เอ้า รีบกินข้าวสิ หิวกระมัง" เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบชามของอาเหลย ตักกับข้าวใส่ลงไปแล้วส่งให้อาเหลยซึ่งนั่งรอตาปริบๆ อยู่นานแล้ว
"อาเหลยเอ๊ย เ้าต้องเรียนรู้วิธีใช้ตะเกียบแล้วนะ ใช้แต่มือพุ้ยข้าวดูไม่น่ามองเลย"
เธอวางชามข้าวพูนชามตรงหน้าเหลียนเซวียน
"ซื้อตะเกียบมาใหม่ ฮิฮิ คีบสบายขึ้นเยอะเลย เหลียนเซวียน ท่านคีบกับข้าวเองได้หรือไม่ หรือว่าจะให้ข้าตักใส่ชามให้เลย"
เหลียนเซวียนส่ายหน้า ยื่นมือมายกชามได้อย่างแม่นยำ หยิบตะเกียบ หลังจากนั้นก็คีบหมูผัดผักกาดวางใส่ชามของตนเอง
ใช้ความจริงพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาสามารถคีบกับข้าวได้
สีหน้าเซวียเสี่ยวหรั่นฉายแววเลื่อมใส แค่ได้ยินเสียงเธอวางจานก็สามารถจับตำแหน่งได้ถูกต้อง สุดยอดไปเลย
"ไม่ใส่พริก กินอย่างสบายใจได้เลย ฮิๆ" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเขาเคลื่อนไหวช้าๆ ก็หัวเราะคิกคัก "ไม่ได้ซื้อพริกมาเลย"
มีพริกหรือไม่ เห็นเขาดมกลิ่นเองไม่เป็หรือไร เหลียนเซวียนคร้านจะเหลือบตา นั่งกินข้าวไปเงียบๆ
...
[1] กลักไฟ หรือ หั่วเจ๋อจื่อ เป็เื่จุดไฟโบราณของจีนสามารถจุดไฟด้วยการเป่าเพียงครั้งเดียว ทำมาจากกระบอกไม้ที่ภายในอัดแน่นไปด้วยกระดาษมูลม้า กระดาษฟาง หรือกระดาษดินเผา กระดาษเหล่านี้มีสารประกอบฟอสฟอรัส เมื่อเปิดออกให้โดนออกซิเจนภายนอกก็จุดติดไฟได้โดยง่าย
