โม่เชี่ยนนีทำตัวเป็แมวย่องค่อยๆ เดินเลียบไปด้านข้างของโซฟา เธอเห็นหยางเฉินกำลังนอนตะแคงข้างอยู่
ห้องนั่งเล่นที่ดับไฟทั้งหมดจนมืดสนิทมีเพียงแสงสว่างรำไรจากประตูห้องนอนของโม่เชี่ยนนีเท่านั้นที่ช่วยให้เธอมองเห็นหยางเฉินได้รางๆ
หยางเฉินที่ดูเหมือนจะหลับลึกแล้วมีผ้าผืนห่มนุ่มคลุมเพียงลำตัว่ล่างของเขา ลมหายใจแ่เบาทว่าสม่ำเสมอและร่างกายสงบนิ่งไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
โม่เชี่ยนนีโบกมือเรียวไปมาบริเวณใบหน้าของหยางเฉินอยู่สองสามครั้งทำให้รู้แน่ว่าหยางเฉินหลับสนิทแล้วจริงๆ
โม่เชี่ยนนีเม้มริมฝีปากและยิ้มออกมาเธอทำปากจู๋แล้วย่นจมูกให้ดูเหมือน “หมูโง่”เพื่อล้อเลียนเขา หลังจากนั้นเธอนั่งลงกอดเข่าตัวเองข้างโซฟาสายตาของเธออยู่ระดับเดียวกับศีรษะของหยางเฉิน
ในความมืดมิดเช่นนี้เหมือนดั่งการชื่นชมงานศิลปะ โม่เชี่ยนนีโน้มศีรษะไปด้านข้างและดวงตาเธอพราวประกายดั่งเพชรพลอย เธอพิจารณาใบหน้าคมคายหยางเฉินอย่างละเอียดผมของเขายุ่งไม่มีการจัดทรงใดๆ ขนตาของเขาหนาและยาว ดวงตาของเขาเล็กจมูกคมโด่งเป็สันและริมฝีปากเป็กระจับชัดเจน หลังจากที่รู้จักเขามานานนี้เป็ครั้งแรกที่เธอได้มองดูเขาอย่างใกล้ชิดขนาดนี้
เขาก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไรเพียงแต่เขาชอบทำตัวเหลาะแหละและกวนประสาท ดูแล้วเหมือนเด็กซุกซน
โม่เชี่ยนนีนึกถึงครั้งแรกที่เธอได้พบหยางเฉินการสัมภาษณ์นอกสถานที่
เธอปรากฏตัวด้วยท่วงท่าสุขุมเช่นปกติแต่ภายในใจลึกๆ กลับตื่นเต้นเพราะความสามารถด้านภาษาต่างประเทศของผู้ชายตรงหน้าเธอไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าผู้ชายที่ดูเหมือนจะไม่เอาไหนคนนี้กลับมีความสามารถด้านภาษาเช่นนั้นได้อย่างไร
จากนั้นเธอดูเหมือนจะเป็คนโง่เง่าสำหรับเขา เขาไม่ค่อยเชื่อฟังเธอและเธอก็ไม่เคยเห็นลูกน้องคนไหนที่ปฏิเสธการเข้าหาหัวหน้าของพวกเขามาก่อน
อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไล่เขาออก หลังจากที่คิดแผนยืมมีดฆ่าโคเมื่อตอนที่เธอให้เขาไปทวงเงินจากบริษัทมาเฟีย เขากลับได้รับเงินกลับมาแทนและเธอก็ตรวจสอบแล้วว่าเขาสามารถนำเงินมาคืนได้จริงเธอพยายามคิดหาทางทำให้เขาตกที่นั่งลำบากอยู่เสมอแต่เธอก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะเป็สามีของเพื่อนสนิท ตอนนั้นเธอรู้สึกโมโหอย่างมากและไม่เข้าในสักนิดว่ามันเป็แบบนี้ไปได้ยังไง
แต่สิ่งต่างๆก็ดูน่าเหลือเชื่อมากขึ้น เมื่อเธอถูกลักพาตัวไปพร้อมกับรั่วซีและผู้ชายคนนี้ก็รีบมาช่วยพวกเธอเพียงลำพัง...
พอถึงคราวที่พ่อเลี้ยงโลภมากของเธอก่อปัญหาต่างๆแต่ชายคนนี้ก็กลับแก้ปัญหาอันยุ่งยากยาวนานนับสิบปีได้สำเร็จ
เมื่อมาไม่นานมานี้เขาก็สามารถช่วยเธอจากการถูกจับเป็ตัวประกันโดยกลุ่มคนเลวที่หวังจะใช้ชีวิตเธอเพื่อหาผลประโยชน์ได้สำเร็จ
ก่อนหน้านี้หยางเฉินเป็แค่คนขายแพะเสียบไม้ย่างเท่านั้นจริงๆหรือ? อะไรคือสิ่งที่คนขายแพะย่างคนนี้ปรารถนาอยู่กันแน่?
โม่เชี่ยนนีไม่เข้าใจเลยยิ่งเธอคิดเื่นี้มากเท่าไรเธอยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้น
ผู้ชายผู้นี้เต็มไปด้วยปริศนาเหมือนกับหลุมดำที่ดึงดูดความสนใจของเธอไปจนหมด
มันเข้ามาในหัวเธอทำให้เธอคิดถึงเขาอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืน ฉากต่อฉากและเหตุการณ์ต่างๆที่น่าจดจำค่อยๆ เข้ามาเติมเต็มความรู้สึกของเธอ
การแสดงออกของเธอสดใสและหลากหลายอารมณ์มากยิ่งขึ้น บางครั้งก็เศร้าเสียใจ บางครั้งก็มีความสุขบางครั้งดูเหม่อลอยบางครั้งก็ดูแปลกๆ...
โม่เชี่ยนนีค่อยๆเห็นหยางเฉินอยู่ในสายตาของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
โม่เชี่ยนนีรู้สึกราวกับว่าเธอไม่สามารถละสายตาไปจากเขาคนนี้ได้ และรู้สึกเหมือนปราการเหล็กหนาที่ล้อมรอบหัวใจของเธอมานานหลายปีกำลังพังทลายลง เป็ผลให้การหายใจของเธอถี่ขึ้นโดยไม่รู้ตัว
และแล้วความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมา เธอนึกอยากจูบเขาขึ้นมาจริงๆ
ที่ฉันต้องทำก็แค่หลับตาลงแล้วจูบเบาๆ ที่แก้มของเขาเพียงครั้งเดียวให้เร็วที่สุดแล้วรีบไปนอน
เขาคงไม่ตื่นขึ้นมาตอนนี้หรอกใช่มั้ย?แล้วถ้าฉันทำลงไปจริงๆ ล่ะ?
หวังว่าเขาจะไม่เสียหายอะไรเพียงเพราะการจูบเพียงครั้งเดียวจากเธอหรอกนะ?
หลังจากที่จูบเสร็จเขาคงจะไม่ตั้งท้องใช่มั้ย?เขาเป็ผู้ชาย เขาไม่ท้องหรอก
โม่เชี่ยนนีเม้มริมฝีปากบาง ในหัวเธอเต็มไปด้วยความสับสน เธอรู้ดีว่าสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่มันไม่ถูกต้อง แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกที่ท่วมท้นออกมาได้อีกต่อไปแล้ว
ขอเพียงครั้งเดียวแค่เพียงชั่วครู่เท่านั้น
เธอเกลี้ยกล่อมตัวเองอย่างต่อเนื่องโม่เชี่ยนนีหลับตาลงช้าๆ และเผยอริมฝีปากสีแดงขึ้น
ริมฝีปากชุ่มชื่นท่าทางการจูบที่ไม่ประสีประสา ทำให้เธอดูเหมือนสาวบริสุทธิ์ร่างกายภายใต้ชุดนอนสีชมพูอ่อนหวานของเธอโน้มตัวลงเล็กน้อยและแก้มของเธอที่เริ่มเป็สีแดงเหมือนกลีบดอกไม้
โม่เชี่ยนนีเข้าใกล้หยางเฉินมากขึ้น...มากขึ้น... อย่างไรก็ตามเป็เพราะเธอนั่งยองมาโดยตลอดทำให้ขาของเธอทั้ง 2 ข้างเป็เหน็บชาไปเรียบร้อยเธอไม่สามารถเอี้ยวตัวไปหาเขาได้มากไปกว่านี้จากนั้นขาของเธอไม่สามารถรับน้ำหนักของเธอได้อีกต่อไป
โดยไม่มีทางเลือกโม่เชี่ยนนียื่นแขนออกไปและพยายามคว้าเอาโซฟาไว้ เธอพยายามหามุมที่ง่ายที่สุดเพื่อที่เธอจะสามารถใช้ความพยายามที่จะจูบเขาต่อ
เธอไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้วในตอนนี้
ความปรารถนาที่อยากจะจูบเขาทำให้ในกายของเธอเอ่อล้นไปด้วยอารมณ์ที่ขับไล่ความเขินอายออกไปจนหมด นี่เป็ครั้งแรกที่โม่เชี่ยนนีเป็ฝ่ายเริ่มจูบผู้ชายก่อน และแม้ว่าคนนั้นจะกำลังหลับอยู่เธอ้าสร้างความทรงจำที่มีความสุขและสมบูรณ์แบบ
เอ๊ะ?นี่มันอะไรน่ะ?
ขณะที่กวาดสายตามองไปรอบๆโซฟา ทันใดนั้นมือซ้ายของโม่เชี่ยนนีัักับบางสิ่งแข็งๆ ความรู้สึกแปลกๆเข้ามาแทนที่โดยไม่รู้ตัว ทำให้เธอต้องหยุดการจูบเอาไว้ก่อน
คิ้วคมสีดำของเธอย่นลงด้วยความสงสัยขณะที่เธอลูบคลำสิ่งนั้น ยิ่งมือนุ่มนิ่มของเธอลูบมันมากขึ้นเท่าไร เธอยิ่งรู้สึกได้ว่าเ้าสิ่งนั้นมันเติบโตขึ้น ดูเหมือนว่ามันโตและใหญ่ขึ้นกว่าตอนแรกที่ัั มันทำให้เธอรู้สึกว่าบางอย่างแปลกๆกำลังจะเกิดขึ้น เ้าสิ่งนั้นรู้สึกจะร้อนมากขึ้นเมื่อถูกัั
เดี๋ยวนะ!เ้านี่มันชักกระตุกได้!?
โม่เชี่ยนนีไม่ใช่เด็กสาวใสซื่อที่ไม่รู้อะไรเลยหลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วเธอก็ตระหนักได้ทันทีว่ามันคืออะไร?
หลังจากที่เธอกรีดร้องเสียงหลงออกมาร่างของโม่เชี่ยนนีเหมือนถูกผลักให้ถอยห่างออกไปด้วยมือที่มองไม่เห็น เธอรีบชักมือเธอกลับเข้ามาและล้มลงก้นกระแทกพื้นพรม จนกระทั่งเธอนั่งอยู่บนพื้น
ความอับอายและความโกรธผสมปนเปกันไปหมด
“หยางเฉิน ไอ้คนสารเลว”
ในความมืดหยางเฉินไม่สามารถแกล้งทำเป็หลับได้อีกต่อไป เขาลืมตาอย่างช้าๆและยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง เขาลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา
ที่จริงแล้วหยางเฉินเคยชินกับการนอนในที่ที่มีแสงไฟสว่างมานานหลายปีเขาไม่ค่อยได้นอนหลับสนิทนัก ดังนั้นในทันทีที่โม่เชี่ยนนีเดินออกมาจากห้องนอนหยางเฉินก็ตื่นขึ้นมาแล้วเขาเพียงแค่ไม่้าแสดงตัวออกมาสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมายิ่งทำให้หยางเฉินไม่อาจเปิดเผยตัวว่าเขาตื่นแล้ว
ผู้หญิงคนนั้นกำลังซุ่มอยู่ข้างหน้าเขาและจ้องมองเขาตาเป็มันเหมือนกับเด็กสาวที่จ้องมองสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเธอเป็ครั้งแรก
หยางเฉินได้รับการฝึกเป็พิเศษสำหรับการมองในตอนกลางคืน
เขาเพียงแค่ลืมตาขึ้นมาก็สามารถมองเห็นโม่เชี่ยนนีได้อย่างชัดเจนกลิ่นหอมของดอกไม้จากตัวเธอนั้นส่งผลต่อปฏิกิริยาทางร่างกายของหยางเฉินเป็อย่างมาก
ผู้หญิงใสซื่อคนนี้ไม่เคยรู้เลยจริงๆว่าตำแหน่งที่เธอนั่งยองอยู่นั้นผลักดันให้เนินเนื้อนุ่มนิ่มของเธอทั้งสองข้างบริเวณหน้าอกดูเด่นสะดุดตามากยิ่งขึ้นจากปกเสื้อสีชมพูของเธอเขาสามารถเห็นถึงหุบเหวลึกได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ด้วยสายตาที่น่าหลงใหลของโม่เชี่ยนนีทำให้หยางเฉินรู้สึกเหมือนตนเองกำลังต่อสู้อยู่กับกองทัพ์ สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมายิ่งแปลกเข้าไปใหญ่เมื่อโม่เชี่ยนนีเผยอริมฝีปากชุ่มชื่นสีแดงของเธอเพื่อจูบเขา
หยางเฉินไม่ใช่คนบ้าที่มีอีคิวต่ำแม้ว่าเขาจะโง่เง่าแค่ไหนเขาก็ยังสามารถบอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้มีความรู้สึกที่ดีต่อเขา แม้ว่าเขาจะรู้สึกประหลาดใจที่โม่เชี่ยนนีมีความรู้สึกบางอย่างต่อเขาแต่ภายใต้สถานการณ์นี้หยางเฉินไม่กล้าตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน เพราะถ้าเขาตื่นขึ้นมันก็เป็สิ่งที่บ่งบอกกับโม่เชี่ยนนีว่า เขาแกล้งหลับมาโดยตลอด
ดังนั้นหยางเฉินจึงทำได้เพียงแกล้งทำเป็ไม่รู้ในขณะที่สมองของเขากำลังคิดต่อไปว่าเขาจะทำอย่างไรดีกับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 คนนี้หลังจากที่รอให้โม่เชี่ยนนีจูบเขาเสร็จ
ใครจะไปคิดว่าโม่เชี่ยนนีจะวางมือเล็กๆอุ่นๆ ของเธอไว้บนน้องชายของเขา อีกทั้งยังนวดๆ คลำๆ ให้เขาอย่างครบถ้วนเลยทีเดียว
หลังจากตกตะลึงกับฉากอันน่าหลงใหลยั่วยวนดังกล่าวแล้วเขาจะสามารถทนต่อการลวนลามอย่างนี้ได้อย่างไร?
เส้นประสาทของเขามีปฏิกิริยาตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และน้องชายของเขาก็มีอาการกระตุก...
เมื่อเขาถูกจับได้หยางเฉินก็เหงื่อตกและไม่รู้จะพูดอะไร เขาเห็นการกระทำของโม่เชี่ยนนีั้แ่ต้นจนจบบรรยากาศระหว่างพวกเขา 2 คนมีความอึดอัดและซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย
โม่เชี่ยนนีนั่งลงกับพื้นเธอกัดริมฝีปากฉ่ำสีหวาน ในดวงตาของเธอรื้นน้ำตาเล็กน้อย ทั้งนี้เกิดจากความเสียใจและความโมโหที่ผสมปนเปกัน
“นายตื่นั้แ่แรกแล้วใช่มั้ย?”โม่เชี่ยนนีถาม
หยางเฉินพยักหน้า
“นายรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรั้แ่ต้นแต่ก็ยังเฝ้าดูฉันทำเื่โง่เง่าอย่างนั้นใช่มั้ย?”
“ผมไม่ได้ดูคุณทำเื่โง่…”
“หุบปาก”โม่เชี่ยนนีเค้นหัวเราะอย่างขมขื่น และน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา ในความมืดมันดูเหมือนเป็แร่เงินที่เป็ประกายและโปร่งใส
“นายไม่จำเป็ต้องปลอบใจฉันฉันไม่ใช่เด็กน้อยที่คิดอะไรพวกนั้นไม่ได้ ฉันไม่ได้อ่อนแอ ใช่สิ...ฉันมันคนไร้ยางอาย ฉันทำอะไรไม่ได้ และฉัน้าจะจูบนายจูบสามีของเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน และนายก็เห็นมันทั้งหมด
แต่ก็ช่างมันเถอะฉันรู้แล้วว่าการตัดสินใจของฉันมันโง่เง่าแค่ไหนฉันก็ไม่ควรคิดว่านายคือผู้ชายที่คู่ควรกับจูบของฉัน เป็ความผิดของฉันเองฉันจะไม่คิดเื่ไร้สาระใดๆ นับจากนี้ไปหยางเฉินต่อไปนี้นายอย่ามาตอแยฉันอีกจะได้มั้ย"
หลังจากพูดจบโม่เชี่ยนนีลุกขึ้นจากพื้นในทันทีด้วยสายตาที่เฉยชา เธอจ้องมองหยางเฉินนิ่งและรีบกลับไปที่ห้องนอนของเธอ
หยางเฉินนั่งบนโซฟาด้วยความงุนงงเขายิ้มอย่างขมขื่นให้กับตัวเองเขาไม่เคยคิดว่าโม่เชี่ยนนีจะกลายเป็แบบนี้ดูเหมือนว่าเขาไม่ควรแกล้งหลับมาั้แ่ต้น แล้วสิ่งต่างๆ จะได้ไม่ลงเอยแบบนี้
ตอนนี้เขาไม่รู้แล้วว่าควรจะแสดงออกแบบไหนดีเมื่อพวกเขาเจอหน้ากันที่บริษัทหลังจากนี้ เขาเหลือบไปมองประตูห้องนอนที่ถูกปิดลง
มันง่ายมากที่หยางเฉินจะเข้าใจว่าความรู้สึกของโม่เชี่ยนนีในเวลานี้จะหดหู่ถึงขนาดไหน เขารู้สึกผิดในใจแต่เขารู้ดีว่าคำพูดนับพันหรือคำอธิบายใดๆในเวลานี้ล้วนเปล่าประโยชน์ในเวลานี้เขาทำได้เพียงโน้มตัวลงนอนแล้วปล่อยให้คืนนี้ผ่านพ้นไปจากนั้นเขาก็จะรู้เองว่าควรจะทำอะไรต่อ
รุ่งเช้าของวันถัดมาเมื่อโม่เชี่ยนนีเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมดวงตาสองข้างที่บวมแดง
หยางเฉินได้หายตัวไปแล้ว บนโซฟามีผ้าห่มที่พับไว้อย่างประณีต มันเป็เพียงสิ่งเดียวที่ช่วยยืนยันว่าเื่เมื่อคืนนี้เธอไม่ได้ฝันไป
ดูเหมือนโม่เชี่ยนนีจะไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนสายตาของเธอมองไปที่หมอนด้วยแววตาที่ซับซ้อนมือเล็กสางผมตัวเองที่ยุ่งเหยิงจากนั้นเดินเข้าห้องน้ำ และดำเนินกิจวัตรใน่เช้าตามปกติ
เมื่อกลับเข้าไปในห้องนอนของเธอเธอนั่งอยู่หน้ากระจกเงา จ้องมองดวงตาของเธอที่บวมแดง และใบหน้าซีดเซียวที่ปรากฏในกระจกโม่เชี่ยนนีถอนหายใจออกมา พลางพูดกับเงาของตัวเองในกระจกว่า
“โม่เชี่ยนนี… เธอต้องดึงตัวเองขึ้นมาให้ได้นะนั้นก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งและมันก็แค่การตัดสินใจที่ผิดพลาดเธอสามารถหาคนที่ดีกว่านี้ได้ แล้วจูบผู้ชายอีกคนต่อหน้าต่อตาเขา ทำให้เขาโกรธจนตัวแตกตายไปเลย”
เมื่อเธอพูดเสร็จเธอพยักหน้ากับเงาสะท้อนของตัวเองและเริ่มต้นแต่งหน้าด้วยความชำนาญ
หลังจากผ่านไปนานกว่า10 นาที โม่เชี่ยนนีวางลิปสติกของเธอลง เธอแค่แต่งหน้าให้สว่างขึ้นแล้วผู้หญิงในกระจกก็กลับมามีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลอีกครั้ง แม้แต่อาการบวมแดงรอบดวงตาก็แทบมองไม่เห็น
โม่เชี่ยนนีไฮไฟว์กับเงาสะท้อนของตัวเอง เธอกำมือแน่นแล้วพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“โม่เชี่ยนนี เธอเก่งที่สุด สู้ๆ เธอต้องทำได้”
ในเวลาเดียวกัน หยางเฉินที่ขับรถกลับมาสวนหลงจิ่งในตอนรุ่งเช้าไม่รู้เลยว่าผู้หญิงเข้มแข็งที่เขายังคงรู้สึกผิดอยู่นั้นให้กำลังใจตัวเองไปเป็ร้อยๆ ครั้งแล้ว
เมื่อหยางเฉินเปิดประตูใหญ่ของวิลล่าและเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเขาเห็นหลินรั่วซีกำลังนั่งทานอาหารเข้า
สิ่งที่หยางเฉินพอจะจำได้คือเขาทำเอะอะโวยวายเมื่อคืนและไม่ได้กลับมาบ้านทั้งคืน เขาลืมไปสนิทว่าควรโทรกลับมาบอกที่บ้านเขารู้สึกแย่คล้ายกับโดนเข็มน้ำแข็งทิ่มร่าง
หยางเฉินใช้เวลาทั้งคืนที่บ้านเพื่อนสนิทของภรรยาตัวเองและบางอย่างก็เกือบเกิดขึ้นขณะที่รู้สึกหงุดหงิดในใจ หยางเฉินแค่ยิ้มให้กว้างมากขึ้นและเดินไปหาหลินรั่วซี