หลินเยว่จับมือมารดาของตนเองที่วางอยู่บนหน้าผากลงมาด้วยใบหน้าฝืนยิ้มพร้อมพูดขึ้น“ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่เชื่อมั่นในลูกชายของตัวเองล่ะ ตอนนี้ผมมีเงิน 50 กว่าล้าน ถ้าจะแบ่งออกมา 40 ล้านก็สามารถทำได้อยู่......”
“เท่าไรนะ???”
คุณพ่อของหลินเยว่ใสะดุ้งเฮือก ส่วนคุณแม่ของหลินเยว่ก็เกร็งไปทั้งร่างเธอมองลูกชายด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“50 ล้าน”
หลินเยว่รู้ว่าบิดามารดาของตนเองคงไม่เชื่อเขาแต่เขาคาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้
“พ่อ รีบไปตามหมอเถอะ”
คุณแม่ของหลินเยว่รีบจับหลินเยว่ไว้ แล้วะโบอกคุณพ่อของหลินเยว่ด้วยสีหน้าร้อนใจ
“เดี๋ยวพ่อดูลูกเอง แม่รีบไปตามหมอเถอะพ่อกลัวว่าแม่จะจับลูกชายคนนี้เอาไว้ไม่อยู่”
คุณพ่อของหลินเยว่ตัดสินใจเด็ดขาดยิ่งกว่าเขากอดหลินเยว่จากทางด้านหลังไว้อย่างแ่า
คุณแม่ของหลินเยว่รีบวิ่งไปทางด้านนอกและเวลานี้เองที่ฉินเหยาเหยาเดินออกมาจากในห้องเมื่อเห็นภาพสถานการณ์ในตอนนี้เธอก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หลินเยว่รีบเรียกมารดาของตนเองเอาไว้ก่อน “แม่ผมไม่ได้บ้านะ ผมมีเงินเยอะแบบนั้นจริงๆ หากพ่อกับแม่ไม่เชื่อก็ให้ถามเหยาเหยาดูเธอรู้เื่นี้ดี”
คุณแม่ของหลินเยว่จึงหยุดชะงักไปชั่วครู่ แล้วหันหน้าไปมองฉินเหยาเหยาด้วยสีหน้าร้อนใจ
ฉินเหยาเหยานิ่งอึ้งไปทันทีเธอไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่
“เหยาเหยา เธอบอกพ่อแม่ของพวกเราหน่อยซิว่าเรามีเงินเท่าไรกันแน่”
หลินเยว่เห็นว่าฉินเหยาเหยาไม่รู้ว่าเื่ราวทั้งหมดเป็อย่างไรดังนั้น เขาจึงรีบถามเธอขึ้นมาทันที
“50 ล้านทำไมหรอ?”
ครอบครัวพ่อแม่ลูก 3 คนนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ ั้แ่เช้าตรู่ต่างไม่ยอมนั่งคุยกันดีๆแต่กลับโวยวายจนทำให้เหตุการณ์กลายเป็แบบนี้ ที่น่ารักที่สุดก็คือคุณพ่อของหลินเยว่กำลังกอดหลินเยว่ไว้แน่นและดูท่าว่าเขาไม่คิดจะปล่อยมือเลยสักนิด
“เท่าไรนะ? เสี่ยวเยว่มีเงิน 50 ล้านจริงๆ หรอ?”
คุณแม่ของหลินเยว่เดินเข้ามาเธอจับมือของฉินเหยาเหยาขึ้นมาแล้วถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
ฉินเหยาเหยาพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
หลังจากนั้น หลินเยว่จึงได้อธิบายออกมาอย่างชัดเจนจนคุณพ่อคุณแม่ของหลินเยว่ถึงได้เชื่อจริงๆว่าลูกชายของพวกเขามีเงิน 50 ล้านหยวนแต่ทว่าหลินเยว่ไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่เขามีพลังพิเศษตาทิพย์แต่เขาบอกเพียงว่าเขาได้ขอคารวะอาจารย์ที่เก่งมากอยู่สองท่านและพวกท่านก็ได้สอนเขามากมายหลายเื่
คุณพ่อของหลินเยว่ก็เคยได้ยินมาบ้างว่าการพนันหินหยกสามารถทำกำไรได้เป็จำนวนมากแต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน เมื่อได้ยินว่าหลินเยว่มี“ปรมาจารย์แห่งหยก” ที่เป็นักพนันหินหยกชั้นยอดเป็อาจารย์ เขาถึงรู้สึกวางใจ
หลินเยว่จึงถือโอกาสนี้เล่าว่าตนเองได้ซื้อบ้านและรถไว้ในตัวเมืองคุนิแล้วก็พยายามพูดอ้อมๆ ว่าเขาคิดอยากจะรับพ่อกับแม่ไปดูแลที่นั่นแต่เขารู้ว่าไม่มีทางเป็ไปได้ในตอนนี้เนื่องจากบิดาของตนเป็ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านแห่งนี้เขายังต้องมีภารกิจที่ต้องพาลูกบ้านให้มีชีวิตความเป็อยู่ที่ดีขึ้น
และก็เป็ไปตามคาด คุณพ่อคุณแม่ของหลินเยว่ก็ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเลย
หลินเยว่เองก็ไม่ได้คิดจะฝืนความรู้สึกของบิดามารดาของตนถึงแม้ว่าเมืองคุนิจะมีสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ค่อนข้างดีแต่หากเทียบเื่ความเหมาะสมด้านชีวิตความเป็อยู่ของคนอายุเยอะแล้วการพักอาศัยในูเาย่อมดีกว่า อีกทั้งการมีชีวิตอยู่ในหมู่บ้านบนูเาย่อมเป็ประโยชน์ต่อสุขภาพมากยิ่งกว่า
“ถ้าเป็อย่างนี้ชีวิตความเป็อยู่ที่ดีขึ้นของคนในหมู่บ้านก็มีความหวังแล้ว!”
คุณพ่อของหลินเยว่พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
เพราะลูกชายของตนเองมีบ้านมีรถแล้วยังมีภรรยาสาวสวยอีกคน ดังนั้น เขาจึงไม่ต้องกังวลเื่เหล่านี้อีกตอนนี้สิ่งที่เขาคิดก็คือจะพาให้คนในหมู่บ้านมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร? ควรจะสร้างถนนและรีสอร์ตอย่างไรดี?
“เื่สร้างถนนกับสร้างรีสอร์ตพวกนี้ค่อนข้างยุ่งยากเหมือนกันนะ”
หลินเยว่พูดพร้อมขมวดคิ้ว
“ไม่เห็นยุ่งยากตรงไหนเลย คุณอาขว่าจื่อลูกชายของอดีตผู้ใหญ่บ้านเป็ผู้รับเหมาก่อสร้างไม่ใช่หรอ?ให้เขามาสร้างรีสอร์ตให้ก็หมดเื่แล้ว ถึงตอนนั้นก็เรียกผู้ชายทั้งหมู่บ้านให้มาช่วยกันลงแรงเพราะยังไงก็ต้องจ้างคนงานอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็จ้างคนในหมู่บ้านนี่แหละส่วนเื่สร้างถนนก็ง่ายมาก ขอแค่บอกเบื้องบนว่ามีคนยินดีที่จะลงทุนเื่นี้ก็สามารถอนุมัติได้ทันที ไม่แน่หรอกนะทางตำบลอาจจะมีการยกย่องชมเชยลูกให้เป็บุคคลตัวอย่างก็ได้”
หลินเยว่คาดไม่ถึงว่าเื่ที่ดูยุ่งยากซับซ้อนในความคิดของเขาพอหลุดออกมาจากปากบิดาของตนเองกลับดูง่ายดายเช่นนี้
คำกล่าวที่ว่า... การเรียนหนังสือหรือจะสู้ประสบการณ์จริง...มันช่างเป็ข้อเท็จจริงอย่างแท้จริง!
ส่วน “บุคคลตัวอย่าง” คำยกย่องชมเชยแบบนี้สำหรับหลินเยว่แล้วจะได้รับหรือไม่ก็ไม่ได้เป็เื่สำคัญอะไร หากมีคนมอบให้เขาเขาก็ย่อมรับไว้อย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยมันก็จะกลายเป็ส่วนหนึ่งของประสบการณ์ชีวิตของเขา
“เื่รีสอร์ตต้องสร้างให้ดีหน่อย จะให้ดีต้องมีความโบราณดูเรียบง่ายและจะต้องมีความกลมกลืนกับูเาอันสวยงามที่อยู่ด้านหลังของหมู่บ้านพวกเราด้วยส่วนถนนก็ต้องสร้างให้ดีหน่อย ห้ามลดมาตรฐานเด็ดขาด แล้วก็ไม่ใช่ว่าใช้ไปไม่กี่ปีก็ต้องซ่อมแซมหรือสร้างใหม่อีกครั้งล่ะ”
หลายปีมานี้ หลินเยว่ก็เห็นข่าวอยู่บ้างทำให้เขาพอรู้ถึงเบื้องลึกเื้ัในเื่พวกนี้ และทำให้เขารู้สึกกังวล
“ลูกไม่ต้องกังวลถึงเื่พวกนี้เลย ลูกส่งแปลนรีสอร์ตมาให้พ่อก็พอแล้วส่วนเื่การสร้างถนนพ่อรู้ดีกว่าลูกเยอะเมื่อก่อนพ่อก็เคยเป็คนงานสร้างถนนมาก่อน ไม่อย่างนั้นจะมีเงินส่งลูกจนเรียนจบมหาวิทยาลัยได้อย่างไร”
เมื่อคุณพ่อของหลินเยว่ได้พูดถึงสองมือของตัวเองที่สามารถเลี้ยงดูส่งเสียลูกชายจนจบมหาวิทยาลัยได้อีกทั้งลูกชายของเขายังเป็นักศึกษามหาวิทยาลัยเพียงคนเดียวในหมู่บ้านหลายแห่งรอบๆบริเวณนี้ ดังนั้น เขาจึงรู้สึกภาคภูมิใจเป็อย่างยิ่ง
หลินเยว่จึงได้แต่ยิ้มอย่างเขินๆ เขาเพิ่งนึกออกว่าบิดาของตนเคยทำงานเป็คนงานสร้างถนนมาก่อน
เมื่อเห็นท่าทางที่ขัดเขินของหลินเยว่ฉินเหยาเหยาจึงแอบเม้มปากอมยิ้มอย่างขำๆ
แผนการที่วางไว้คือต้องเริ่มสร้างถนนก่อนหลังจากนั้นค่อยสร้างรีสอร์ต เพราะเมื่อสร้างถนนเรียบร้อยแล้วพวกวัสดุอุปกรณ์สำหรับสร้างรีสอร์ตถึงจะขนเข้ามาได้อย่างสะดวก
การสร้างถนนและสร้างรีสอร์ตจึงถูกวางแผนไว้เช่นนี้ส่วนหลินเยว่ออกเพียงเงินก็พอแล้ว ส่วนเื่อื่นๆ ก็ให้คุณพ่อของหลินเยว่เป็คนจัดการ
ถึงแม้ว่าอาจจะพูดเหมือนเป็เื่ง่ายแต่ปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินงานก็คงจะมีไม่น้อยทีเดียว
คุณพ่อของหลินเยว่ไม่ได้คิดเื่เงินของลูกชายตัวเองมากนักเขาคิดเพียงว่าเงินก้อนนี้จะต้องได้ใช้อย่างเหมาะสมแล้วมันคงจะไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการนำเงินก้อนนี้มาช่วยคนในหมู่บ้านของพวกเขา
เมื่อพ่อลูกแบ่งงานกันทำ คุณพ่อของหลินเยว่รับผิดชอบการสร้างถนนและการสร้างรีสอร์ตส่วนหลินเยว่รับผิดชอบเื่แปลนรีสอร์ต
หลินเยว่วางแผนไว้ว่าอีกไม่กี่วันเมื่อเขาเดินทางกลับคุนิเขาจะไปหาสำนักงานรับออกแบบอาคารเพื่อพามาสำรวจหมู่บ้านบนูเาก่อนเพราะแบบนี้จะได้ออกแบบได้สะดวกและเหมาะสมยิ่งขึ้นและเวลาก็ไม่สามารถเลื่อนออกไปได้อีกแล้ว รีสอร์ตสร้างเสร็จเร็วขึ้นเท่าไรก็จะได้ผลตอบแทนกลับคืนมาเร็วขึ้นเท่านั้นและคนในหมู่บ้านก็จะได้มีชีวิตความเป็อยู่ที่ดีขึ้นไปด้วยและก็เป็ส่วนสนับสนุนให้เป้าหมายสุดท้ายของหลินเยว่สามารถสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น
เวลาช่างน้อยจริงๆ!
เมื่อวางแผนอย่างคร่าวๆ ออกมาแล้วก็ถึงเวลาตอนกลางวันพอดีดังนั้น พวกเขาจึงทานอาหารเที่ยงอย่างเรียบง่าย
ระหว่างทานอาหารเที่ยง หลินเยว่จึงถามถึงวัดลัทธิเต๋าบนูเาแห่งนั้นแต่คาดไม่ถึงว่าคุณแม่ของหลินเยว่กลับพูดตอบออกมาว่า“วัดแห่งนั้นไม่มีคนมาตั้งนานแล้ว นักพรตคนสุดท้ายก็เสียชีวิตไปเมื่อหนึ่งปีก่อน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเยว่จึงรู้สึกเหมือนกับถูกสายฟ้าฟาดจนต้องแน่นิ่งอยู่กับที่
เขาคาดไม่ถึงว่าคำตอบที่เขา้าตามหาอย่างจริงจังจากที่นี่กลับหายไปท่ามกลางผุยผง
นี่เป็โชคชะตาใช่ไหม?
หลินเยว่เกิดความคิดมากมายขึ้นในใจจนทำให้เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงหรือว่าเขาจะไม่สามารถได้คำตอบว่าเพราะเหตุใดเขาถึงได้รับพลังพิเศษตาทิพย์ตลอดไปหรือว่าเขาต้องรอให้เกิดอาการป่วยขึ้นมาก่อนถึงจะสามารถรู้ได้ว่าผลข้างเคียงของมันจะเป็อย่างไร?
“เสี่ยวเยว่ ลูกเป็อะไรหรือ?”
คุณแม่ของหลินเยว่เห็นว่าสีหน้าของหลินเยว่แย่มากผิดปกติเธอจึงรีบถามขึ้นอย่างร้อนใจ
“ผมไม่เป็ไร ผมขอตัวออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อยนะ”
หลินเยว่ส่ายศีรษะหลังจากนั้นจึงเดินออกไปยังด้านนอก ตอนนี้เขา้าอยู่อย่างเงียบๆ เท่านั้น
“นายไม่ได้เป็อะไรใช่ไหม?”
ฉินเหยาเหยารีบตามหลินเยว่ออกมาเธอยกมือขึ้นกุมมือของหลินเยว่และถามขึ้นอย่างเป็ห่วง
ปฏิกิริยาของหลินเยว่เมื่อสักครู่ทำให้ฉินเหยาเหยารู้ว่าการสิ้นสุดของวัดลัทธิเต๋าแห่งนั้นส่งผลต่อหลินเยว่มากยิ่งนัก
หลินเยว่กุมมือฉินเหยาเหยาไว้แน่นแล้วพูดขึ้น“เราไม่เป็ไร เดินขึ้นเขาไปเป็เพื่อนเราหน่อยนะ”
เขา้าเห็นกับตาตัวเองว่าวัดลัทธิเต๋าแห่งนั้นเป็อย่างไรถึงแม้ว่าเขาคงต้องเผชิญกับสภาพเสื่อมโทรมกำแพงผุพัง และไม่มีทางได้คำตอบที่เขา้าค้นหาอีกแล้วแต่ทว่าเขายังคง้าไปเห็นกับตาอยู่ดี
“อืม” ฉินเหยาเหยาพยักหน้ารับ
หลินเยว่และฉินเหยาเหยาจึงบอกกับคุณพ่อคุณแม่แล้วพวกเขาจึงจูงมือเดินขึ้นไปบนูเา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้