ั้แ่อดีตจนถึงปัจจุบัน นับว่าเฉียวเยว่เจอคนแปลกมาไม่น้อย แต่แปลกอย่างหรงจ้าน พูดตามตรง นางไม่เคยพบเห็นมาก่อน
แต่เฉียวเยว่รู้สึกว่าตนเองก็เป็คนที่มหัศจรรย์เช่นเดียวกัน เพราะเหตุใดถึงกล่าวเช่นนี้ ก็เพราะนางกลับยอมรับความแปลกนี้ได้น่ะซี ไม่ใช่อะไรหรอกนะ นางแค่เป็จะกละเท่านั้น สำหรับจะกละคนหนึ่ง ขอแค่มีของอร่อยให้กินก็พอ
หรงจ้านเพียงจับจุดของนางตรงนี้ได้พอดี
ทุกคนล้วนมีจุดอ่อนกันทั้งนั้น จุดอ่อนของเฉียวเยว่ก็คือเป็จะกละเห็นแก่กิน และหรงจ้านก็ตอบสนองความ้าของนางได้ดีที่สุด
นึกถึงตรงนี้ เฉียวเยว่ก็อยากจะจุ๊บน้องชายของตนเองสักที เขาพูดถูกเผง!
เหมือนเช่นตอนนี้นางอยากจะทำตัวเป็แมวกวักเรียกความมั่งคั่ง หันมาทำตาปริบๆ เอ่ยเสียงเบา "ท่านแม่ ข้าไปได้หรือไม่?"
ช่วยไม่ได้ ก็นางอยากไปนี่ แต่เวลานี้ถามท่านแม่ก่อนดีกว่า
หรงจ้านยิ้มหันไปมองไท่ไท่สาม แล้วเอ่ยอย่างสุภาพ "ไท่ไท่มิต้องเป็ห่วง ข้าจะส่งแม่หนูน้อยกลับจวนอย่างปลอดภัย"
ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อไม่มีผู้อื่น หรงจ้านมักจะเรียกนางว่าเฉียวเยว่ตลอด แต่หากมีคนนอกอยู่ด้วย เขากลับเรียกแม่หนูน้อยบ้างล่ะ เ้าแตงน้อยบ้างล่ะ แสดงให้เห็นว่าเอ็นดูนางแค่ไหน เฉียวเยว่รู้สึกว่าเช่นนี้เป็การหลอกลวงคำโต
ไท่ไท่สามมีท่าทางลังเลเล็กน้อย เห็นมุมปากของหรงจ้านโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มอ่อนโยน ดุจบุปผางดงามเบ่งบานเพียงชั่วขณะจิต บุรุษใช้ถ้อยคำแบบนี้ ช่างหายากจริงๆ "เฉียวเยว่ไปจวนผู้อื่นอย่าไปก่อเื่เล่า" นางเอ่ยทันควัน
"เ้าค่ะ"
เฉียวเยว่เพิ่งพบว่าที่แท้มารดาของนางก็แพ้คนรูปงาม แค่นี้ก็ถูกเขาใช้เสน่ห์ล่อลวงจนอยู่หมัดเสียแล้ว จิ๊ๆๆ
แต่เช่นนี้ก็ดีเยี่ยม นางอยากไปจริงๆ เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว มีความสุขที่ซู้ดดดด!
หากเฉียวเยว่มีหาง ยามนี้ก็คงกระดิกไม่หยุด เสียดายที่นางไม่มี แต่ถึงกระนั้นก็สามารถดูความตื่นเต้นยินดีจากมุมปากที่โค้งขึ้นเล็กน้อย กับดวงตาที่โค้งเป็รูปจันทร์เสี้ยวอย่างมีความสุขของนางได้
"ไท่ไท่อย่าปรักปรำเฉียวเยว่ นางเป็เด็กดีรู้ความที่สุด มีแต่นางที่ช่วยข้าเมื่อออกมาข้างนอก ไม่เคยทำให้ข้าต้องเป็ห่วง ท่านก็รู้ข้าเป็คนเื่มาก มีเงื่อนไขจุกจิกเต็มไปหมด เฉียวเยว่เป็น้องสาวที่ดีมาก เฉลียวฉลาดมีไหวพริบ และชอบช่วยเหลือผู้อื่น ชวนให้คนชมชอบยิ่งนัก ข้าเองขึ้นเหนือลงใต้ พบเจอเด็กมาก็มาก แต่ไม่มีใครจิตใจดีงามเฉลียวฉลาดน่ารักเหมือนกับนางสักคน"
หรงจ้านชื่นชมเฉียวเยว่เช่นนี้ ยิ่งทำให้ไท่ไท่สามพึงพอใจยิ่ง แม้ว่านางจะว่าเฉียวเยว่ไม่ดีเช่นไร แต่นั่นคือนางถ่อมตัว หากผู้อื่นมาพูดเช่นนี้ ไท่ไท่สามก็คงจะโกรธมาก
เฉียวเยว่ของนางรู้ความเช่นนี้ จะไม่ดีได้อย่างไร
หรงจ้านชื่นชมนางเช่นนี้ ไท่ไท่สามก็ยิ้มไม่หุบ แสร้งถ่อมตัวเอ่ยว่า "นางสมควรแล้ว"
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ก็ยังหยุดยิ้มไม่ได้
หรงจ้านกล่าวอย่างจริงจัง "สมควรไม่สมควรอันใดกัน ดีก็คือดี ไม่ดีก็คือไม่ดี คนเช่นข้าแต่ไรมาพูดตรงไปตรงมาเสมอ"
ไท่ไท่สามยิ้มกว้าง แต่กลับยิ่งถ่อมตัว
เฉียวเยว่เห็นทั้งสองคนสนทนากัน นึกถึงคำชมของหรงจ้านเมื่อครู่ ก็รู้สึกว่าของอร่อยที่ตนเองกินไปเมื่อเช้าม้วนเกลียวอยู่ในกระเพาะ
แม้ว่าการถูกชมเชยจะน่าดีใจ แต่ถ้อยคำดีๆ แบบไม่ต้องเอาเงินมาแลกเช่นนี้ก็น่าขัดเขินยิ่งนัก
เฉียวเยว่ก้มหน้าทำท่าเอียงอาย กว่าทุกคนจะเปลี่ยนไปคุยเื่อื่นไม่ง่ายเลย เฉียวเยว่ลุกขึ้นไปห้องสุขา
ข้างนอกค่อนข้างหนาวเย็น แต่หลังจากเฉียวเยว่ออกมาจากห้องก็รู้สึกหายใจทั่วท้อง นางสูดหายใจลึก
"คุณหนู ระวังต้องไอเย็นนะเ้าคะ บ่าวจะไปหยิบเสื้อคลุมกันลมให้ท่าน" อวิ๋นเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
แล้วรีบกลับเข้าไปอีกรอบ
เฉียวเยว่กำลังหมุนตัวกลับ แต่เห็นหรงจ้านตามออกมาก็ประหลาดใจ เขาถอดเสื้อคลุมของตนเองออก
เฉียวเยว่รีบยกมือปราม "ไม่ต้องหรอกเ้าค่ะ พี่จ้าน เดี๋ยวท่านจะต้องไอเย็นเอาได้ อวิ๋นเอ๋อร์เข้าไปหยิบให้ข้าแล้ว"
หรงจ้านหัวเราะเบาๆ แล้วเชิดหน้าขึ้น "เ้าเข้าใจอันใดผิดหรือเปล่า?"
เฉียวเยว่ร้องเอ๋ มองไปที่หรงจ้าน เขายิ้มอ่อนๆ "ข้าว่าเ้าอาจคิดมากไป ข้าเพียงรู้สึกร้อน ไม่ได้จะให้เ้าสักหน่อย"
เขามองเฉียวเยว่ั้แ่หัวจรดเท้า หลังจากนั้นก็เอ่ยอีกว่า "ข้าไม่ชอบเ้าสกปรก"
เฉียวเยว่มุมปากกระตุก มือเล็กจ้อยทั้งสองประสานเข้าหากัน แน่นอนว่ามิได้เพื่อแสดงอันใด แค่กลัวว่าจะยั้งมือของตนเองไม่อยู่ พุ่งออกไปตีคน
คันไม้คันมือยิ่ง อยากจะตีคนเหลือเกิน
เฉียวเยว่มองหรงจ้านเงียบๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาล
หรงจ้านมองเฉียวเยว่อย่างพินิจแล้วเอ่ยว่า "อาภรณ์ของเ้าไม่สวยสักนิด"
เชอะ!
เฉียวเยว่รู้สึกว่าหรงจ้านเป็ผู้ชายซื่อบื้อไม่เข้าใจสตรีเอาเสียเลย นางไม่สวยตรงไหน?
เฉียวเยว่เชิดหน้าอย่างไม่พอใจ "ท่านพูดมาข้าไม่สวยตรงไหน ข้ารูปโฉมดุจบุปผาน่ารักน่าเอ็นดู เมื่อครู่ท่านยังชมข้าอยู่เลย บัดนี้กลับมาว่าข้า เช่นนี้คิดว่าสมควรแล้วหรือ?”
เฉียวเยว่แค่นเสียงหึ "คนเยี่ยงท่านหาภรรยาไม่ได้หรอก"
หรงจ้านเกือบพลั้งหลุดปากออกมา ข้าก็มีเ้ามิใช่หรือ?
ต่อมาเมื่อนึกดูแล้ว หากตนเองพูดออกมาจริงๆ เกรงว่าจะถูกหาว่าจิตวิปริต
เขาเม้มปาก ไม่ยอมเอ่ยคำใดออกไป
เฉียวเยว่มองหรงจ้านอย่างท้าทาย ภายนอกดูเป็แม่นางน้อยอ่อนหวานแช่มช้อย แต่แท้จริงแล้วกลับมิใช่เยี่ยงนั้น
หรงจ้านรู้สึกคันมืออย่างอดไม่ได้ ยื่นมือออกไปลูบศีรษะเฉียวเยว่ แม้ว่าแท้จริงแล้ว... แท้จริงแล้วเขาอยากจับใบหน้าของนางมากกว่า แต่หากทำเช่นนั้น เกรงว่าแม่หนูน้อยจะแยกเขี้ยวกัดคน
เฉียวเยว่หน้าแดง นางจะใกล้เป็สาวแล้วยังถูกคนลูบศีรษะเป็เด็กน้อย
หรงจ้านเห็นใบหน้ารูปไข่แดงระเรื่อ ริมฝีปากแดงเย้ายวนยื่นออกมาน้อยๆ เขาแทบจะควบคุม "ใบหน้าแก่ๆ" ของตนเองไม่อยู่ สีโลหิตแต้มระบายบน "ใบหน้าแก่ๆ" อย่างมิอาจหยุดยั้ง
ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน เฉียวเยว่เห็นหรงจ้านเหม่อลอย ก็นึกอยู่เงียบๆ ในใจ หรือว่าอากาศหนาวจะทำให้สมองของคนเราช้าลง? นางเองก็เป็เช่นนี้เหมือนกัน ่นี้มักรู้สึกว่าหัวตื้อๆ
พี่จ้านก็เป็เช่นนี้เหมือนกันหรือ หรงจ้านเป็ใคร อยู่ดีๆ ก็เริ่มเหม่อลอย ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!
เฉียวเยว่ยื่นนิ้วขาวอวบสะกิดแขนหรงจ้านแล้วถามเบาๆ "แขนท่านเป็อย่างไรบ้าง?"
หรงจ้านก้มมอง เห็นผมที่ไม่ค่อยเชื่อฟังของนางชี้กระดกขึ้นมา
เฉียวเยว่เห็นหรงจ้านยังคงเหม่อลอย ก็มุ่ยปากยื่นออกมาน้อยๆ ถามอีกครั้ง "พี่จ้าน ท่านเป็อะไรไป?"
หรงจ้านอมยิ้ม นิ่งไปสักพัก ก่อนตอบว่า "ไม่เป็อันใด"
พอนึกว่าแม่หนูน้อยห่วงใยเขา อารมณ์ก็ดีมาก
"ไม่เป็ไรก็ดี ข้ากังวลแทบตาย" เฉียวเยว่พึมพำเสียงเบา
พอนึกถึงผ้าห่มที่หายไปของตนเอง ก็บ่นต่อไป "ยังมีผ้าห่มของข้า"
นางทำปากยื่นอย่างกระเง้ากระงอด "ท่านยังไม่คืนให้ข้าเลยนะ"
หรงจ้านนึกถึงผ้าห่มสีฟ้าอ่อนลายดอกไม้ผืนนั้น นึกถึงผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยของนาง ก็รู้สึกว่าน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
เขาเอ่ยเสียงเบา "เ้าเรียกข้าว่าพี่ชายคนดีก่อน แล้วข้าจะคืนให้"
เฉียวเยว่เบะปาก ให้ตายเถอะ... นี่เขาไปเรียนรู้มาจากใคร เหวยเสี่ยวเป่าหรือ? [1]
พี่ชายคนดี!
เชอะ เื่อะไรนางจะยอม
แม้ปรกตินางจะเรียกพี่จ้าน แต่ตอนนี้รู้สึกผิดปรกติ นางทำปากยื่น ไม่มีทาง!
"ไม่ให้ก็ช่างเถอะ วันหลังข้าไม่ช่วยท่านแล้ว เป็หมาป่าตาขาวที่หน้าตาดีจริงๆ"
หรงจ้านหัวเราะ รู้สึกว่านางน่าขันยิ่ง
เวลาแบบนี้ยังชมเขาว่าหน้าตาดี
เขาผ่อนคลายลงหลายส่วน "ไม่คืนดีกว่า หากส่งกลับไปจะชัดแจ้งเกินไป ทำให้กระอักกระอ่วนได้ มิสู้เอาอย่างนี้ ข้าจะส่งผ้าผืนใหม่ไปให้เ้าเลือกเป็การชดเชย เ้าก็จัดการเองดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่เกาศีรษะ "จัดการอะไรเอง?"
แววตาของหรงจ้านระคนไปด้วยรอยยิ้ม "ก็จัดการทำผ้าห่มผืนใหม่เองอย่างไรเล่า?"
เฉียวเยว่คอตก บ่นงึมงำ "ข้าทำเป็ที่ไหนกันเล่า"
นางขบริมฝีปากอย่างน่าเอ็นดู "แต่ท่านมอบให้ข้าก็ได้ ถึงข้าจะทำไม่เป็ แต่คนอื่นๆ ในจวนทำได้"
เฉียวเยว่หัวเราะอีกหน หลังจากหัวเราะพอแล้ว ก็เอ่ยว่า
"เอาเถอะ ข้าล้อเล่น แท้จริงแล้วท่านไม่ต้องให้อะไรข้า อย่าสิ้นเปลืองเลย พี่จ้านควรเก็บเงินไว้แต่งภรรยามากกว่า"
เฉียวเยว่กล่าวอย่างจริงจัง "ข้าไม่อาจเอาแต่รับของของท่าน"
หรงจ้านเงยหน้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามช้าๆ "ไม่อาจเอาแต่รับ? นี่เกี่ยวข้องอะไรด้วยเล่า อย่างไรเสีย..." หรงจ้านก้มหน้า อย่างไรเสียของของข้าก็เป็ของของเ้าอยู่ดี
"อย่างไรเสียอันใด?" เฉียวเยว่ข้องใจ
หรงจ้านอมยิ้ม "ไม่มีอะไร"
เขาเงยหน้ามองท้องนภา มีเมฆปกคลุมหนาแน่น ดูท่าหิมะใกล้จะตกแล้ว "ปีนี้หิมะน่าจะเยอะเป็พิเศษ"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ใช่เ้าค่ะ"
นางเข้ามายืนข้างหรงจ้าน แล้วยื่นมือออกไป ตอนนี้ยังไม่ตกไหนเลยจะมีหิมะ!
หรงจ้าอมยิ้มตีมือน้อยๆ ของนาง "เดี๋ยวจะต้องไอเย็น"
เฉียวเยว่ทำเสียงกระเง้ากระงอด "ท่านตีผู้อื่น"
หรงจ้านตีอีกที เสียงดังชัดเจน "ตีแล้วอย่างไร เ้าจะกัดข้าหรือ?"
เฉียวเยว่ทำแก้มป่อง บ่งบอกว่าข้าไม่พอใจแล้วนะ
รอยยิ้มบนมุมปากของหรงจ้านยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิม
อวิ๋นเอ๋อร์กลับออกมาอีกครั้งแล้วสวมเสื้อคลุมให้เฉียวเยว่ เฉียวเยว่หันไปยอบกายเล็กน้อย อมยิ้มเดินออกไปยังเรือนข้าง
หรงจ้านกลับไม่ขยับ ยังยืนอยู่หน้าประตู
เขาทำสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มก่อนจะเอ่ยปาก "เมื่อจื้อรุ่ยมาถึงแล้ว ไยไม่ปรากฏตัวเล่า?"
ิ่จื้อรุ่ยปรากฏตัวออกมาจากระเบียงทางเชื่อม สีหน้าสงบนิ่งไร้อารมณ์ "เมื่อเป็บ้านของตนเอง ไม่ต้องคำนึงว่าจะออกไปปรากฏตัวหรือไม่ เพียงแค่ไม่อยากรบกวนพวกท่านเท่านั้นเอง"
ตอนเฉียวเยว่ออกมาเขาก็เห็น หากไม่เพราะหรงจ้านมาปรากฏตัว เขาก็คงมาอยู่ข้างกายนางแล้ว
หรงจ้านหันมาด้านข้างมองเขา "เ้ารอบคอบเอาใจใส่ดี"
ิ่จื้อรุ่ยเม้มปากเอ่ยว่า "ข้าคิดว่าญาติผู้พี่ควรระมัดระวังการกระทำของตนเองให้ดี แม้เฉียวเยว่จะเป็เด็กผู้หญิงอายุยังน้อย แต่ญาติผู้พี่ก็ทำไม่ถูก"
เขาหยุดเว้นจังหวะ น้ำเสียงเยียบเย็นขึ้นหลายส่วน "หากผู้อื่นเห็นเข้าว่าพวกท่านใกล้ชิดกันเช่นนี้อาจคิดเชื่อมโยงไปในทางที่ไม่ดีต่อเฉียวเยว่ นั่นจะยิ่งแย่ไปใหญ่"
หรงจ้านหัวเราะหึๆ พลางย้อนถาม "คิดเชื่อมโยงไปในทางที่ไม่ดีอันใด?"
"มิใช่ทุกคนจะเป็สัตบุรุษเหมือนกันหมด" ิ่จื้อรุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เช่นนั้นรึ? จัดการคนสามานย์สนุกกว่าจัดการสัตบุรุษเยอะ หรือเ้าว่าไม่จริง?"
...
[1] เหวยเสี่ยวเป่า หรือคนไทยรู้จักในนามของอุ้ยเสี่ยวป้อ เป็หนุ่มเสเพลจอมกะล่อนพระเอกในนวนิยายปลายปากกาของกิ้มย้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้