ค่ำคืนเงียบสงัด
เฉียวเยว่นั่งดีดพิณอยู่ในห้องเพียงลำพัง ยากยิ่งนักที่นางจะเกิดอารมณ์สุนทรีย์
ดังนั้นนี่จึงเป็สิ่งที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก
เสียงสวบสาบดังมาจากหน้าต่าง เฉียวเยว่ย่อมมีความหวาดระแวงส่วนหนึ่ง นางหยุดความเคลื่อนไหวในฉับพลัน เพียงแต่ยังไม่ทันพูดอะไร ก็เห็นหรงจ้านปีนหน้าต่างเข้ามาแล้วนั่งพิงอยู่ตรงนั้น เฉียวเยว่ตกตะลึง ก่อนเข้าไปประคองเขา
"พี่จ้าน ท่านเป็อะไรไป" นางเอ่ยด้วยความเป็ห่วง
มุมปากที่ขาวซีดของหรงจ้านผุดรอยยิ้มเล็กน้อย "ไม่เป็ไร"
เห็นอยู่เต็มสองตาว่าอ่อนกำลัง แต่หรงจ้านก็รู้ว่าตนเองไม่อาจทำให้เฉียวเยว่ใกลัว ทว่าเวลานี้ บนถนนสายนี้ เขาเชื่อใครไม่ได้แล้วนอกจากเฉียวเยว่ มีนางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เขาไว้วางใจ
เขาคลายมือที่กดบนแขนออก เฉียวเยว่จึงเห็นแผลจากธนูซึ่งกลายเป็สีดำบนแขนของเขา ถึงเข้าใจความหมายของการต้องพิษอย่างแท้จริง
นางขบริมฝีปาก ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด "พี่จ้าน ข้าจะช่วยไปตามหมอให้ท่าน"
แต่หรงจ้านกลับรั้งมือของนางไว้ แล้วส่ายหน้า "ไม่เป็ไร ไม่ใช่เื่ใหญ่"
เขาออกแรงกดาแไว้ โลหิตสีดำสายหนึ่งไหลออกมา แต่หรงจ้านกลับยังหน้าไม่เปลี่ยนสี ราวกับนี่ไม่ใช่แขนของตนเอง
เฉียวเยว่เห็นเขาเป็เช่นนี้ก็ยังพูดแบบนี้ จึงแค่นเสียงเยาะเอ่ยว่า "จะไม่เป็ไรได้อย่างไร เห็นข้าโง่นักหรือ หากไม่เป็ไรจริง ไยถึงกลายเป็สีดำเล่า ท่านบอกข้ามา นี่คืออาการต้องพิษใช่หรือไม่?"
แม้จะถามตรงๆ เช่นนี้ แต่สายตากลับยังเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย
หรงจ้านไม่ปิดบังเฉียวเยว่ เขาฝืนยิ้มออกมา แล้วเอ่ยเสียงเบา "แล้วอย่างไรเล่า มิได้ถึงแก่ชีวิตเสียหน่อย เ้าเชื่อข้า ข้าไม่ตายหรอก"
ขอบตาของเฉียวเยว่แดงเรื่อ ริมฝีปากซีดเซียว สถานการณ์อันตรายเช่นนี้ยังบอกว่าไม่เป็ไร เฉียวเยว่ไม่รู้ว่าเขาฟั่นเฟือนไปแล้วหรือเปล่า นางกุมมือหรงจ้าน ยืนกรานหนักแน่น "ไม่ได้ ข้าไม่อาจฟังท่าน เมื่อต้องพิษก็มิอาจรั้งรอ หากมีอันเป็ไปขึ้นมาจริงๆ จะทำเช่นไร ข้าจะช่วยตามท่านหมอ เมื่อท่านมาหาข้าก็ควรเชื่อข้าสิ"
นางเองก็ต้องจำฝืนกลั้น น้ำตาถึงไม่ไหลออกมา
หากนางมัวแต่มาร้องไห้สะอึกสะอื้น หรงจ้านจะยิ่งลำบากกว่านี้
"ข้าจะไม่ให้เกิดอันใดขึ้นกับท่าน" เฉียวเยว่กล่าวอย่างหนักแน่น
แม้หรงจ้านจะอ่อนแอ แต่มุมปากกลับยังมีรอยยิ้มแต่งแต้ม "ข้าไม่เป็ไรจริงๆ เ้าคิดว่าข้าโง่นักหรือ? ข้าไม่เอาชีวิตของตนเองมาล้อเล่นหรอกน่า ตอนเด็กๆ ข้าเคยกินยามามากมายด้วยเหตุผลบางอย่าง พิษเหล่านี้แม้จะมีผลกระทบบ้าง แต่ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก หากต้องหาหมอจริงๆ ก็คงยากจะป้องกันข่าวมิให้รั่วไหล เื่ที่ข้าาเ็จะให้คนรู้ไม่ได้ เ้าเป็เด็กฉลาด ก็ควรจะเข้าใจ"
เฉียวเยว่มองหรงจ้านอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง นิ้วโป้งของเขาเลื่อนมากลางฝ่ามือของนาง แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง "ข้าพูดมาทั้งหมดเป็ความจริง เ้าเชื่อข้าก็พอ หากข้าตาย ใครจะมาแก้แค้นให้บิดามารดาข้าเล่า เหตุผลข้อนี้ข้าเข้าใจดี"
เฉียวเยว่ขบริมฝีปาก ขมวดคิ้ว "แต่แผลของท่านเืไหลไม่หยุด จะทำเช่นไรดีเล่า?" นางเข้าใจเหตุผลมากมายเ่าั้ รู้แต่ว่าาแของหรงจ้านยังมีเืไหลตลอดเวลา และยังต้องพิษ หากเขาไม่ยอมหาหมอเช่นนี้ เกิดมีอันเป็ไปขึ้นมาจะทำอย่างไร?
หรงจ้านมองไปรอบๆ แล้วเอ่ยเสียงเบา "เ้าประคองข้าเข้าไปข้างใน หากมีคนมาหา ก็ซ่อนข้าไว้ให้ดี"
เฉียวเยว่มองเขาด้วยความสงสัย
"ข้ากลัวว่าอีกเดี๋ยวตนเองจะต้องสลบไปแน่ นอกจากซื่อผิง จงอย่ามอบข้าให้ผู้ใดเป็อันขาด"
เสียงของเขาอ่อนแอยิ่ง แต่กลับพยายามประคองสติให้มั่น
แต่เฉียวเยว่ก็อดใจถามขึ้นไม่ได้ "ท่านไปทำอะไรมากันแน่ ถึงได้รับาเ็เช่นนี้?"
เสียงของหรงจ้านเบาลงเรื่อยๆ สีหน้าของเขาก็ยิ่งซีดเซียว แต่กลับยังพูดยั่วเย้า "เ้าห่วงข้าหรือ?"
ครานี้เฉียวเยว่มิได้หัวเราะเยาะ แต่กลับพยักหน้าอย่างจริงใจ "ข้าย่อมเป็ห่วงท่านอยู่แล้ว พี่จ้านคือพี่ชายของข้า ปกป้องคุ้มครองข้ามาั้แ่เล็ก หากข้าไม่ห่วงใยท่าน ก็เป็หมาป่าตาขาวน่ะซี ข้าไม่อยากรู้แล้วว่าทำไมท่านถึงาเ็ เพียงอยากรู้ว่าท่านไม่พบหมอเช่นนี้ จะมีผลสืบเนื่องภายหลังหรือไม่ หรือจะช้ำในหรือเปล่า ถ้าหากว่าเป็ หัวเด็ดตีนขาดข้าก็ไม่เห็นด้วย ข้ายอมให้ท่านโกรธ ก็จะไปตามหมอมาให้ได้"
เห็นหรงจ้านนั่งบนพื้น โดยไม่คำนึงถึงความสกปรก เฉียวเยว่ก็ยิ่งเศร้าใจสุดพรรณนา แต่นางรู้ ตนเองควรฟังคำพูดของหรงจ้าน มิควรบุ่มบ่ามทำตามอำเภอใจ
"อย่ากลัวไปเลยเ้าค่ะ ข้าจะประคองท่านขึ้นเตียง ข้าส่งสารให้ซื่อผิงมารับท่านดีหรือไม่?"
หรงจ้านส่ายหน้าอมยิ้ม "ไม่ต้อง ข้าทิ้งเครื่องหมายลับให้เขาตามมาทางนี้แล้ว อาจจะล่าช้าไปบ้าง แต่ก่อนที่เขาจะมาถึง เ้าต้องซ่อนข้าไว้ให้ดี"
เฉียวเยว่ขบริมฝีปาก "ข้าจะประคองท่านขึ้นไปพักผ่อนบนเตียง"
หรงจ้านส่ายหน้า เอ่ยเสียงเบา "มารดาเ้าจะมาดูเ้าทุกคืน เ้าให้ข้านอนบนเตียง หากถูกใครพบเข้าจะทำเช่นไร เื่ที่ข้าอยู่ที่นี่จะให้คนครอบครัวเ้ารู้ไม่ได้"
เฉียวเยว่มองหรงจ้านอย่างเคลือบแคลง แต่นึกดูแล้วก็พยักหน้า แล้วตอบกลับไปว่าได้
หรงจ้านยกยิ้ม "ข้าอยู่ในสภาพนี้คงจะซ่อนตัวบนคานห้องไม่ได้ เ้าซ่อนข้าไว้ใต้เตียงแล้วกัน หรือจะซ่อนไว้ในห้องอาบน้ำก็ได้เหมือนกัน"
เฉียวเยว่มองเืที่เปื้อนบนอาภรณ์เขา น้ำตาก็ร่วงเผาะ ถามซ้ำอีกครา "ไม่เป็ไรจริงหรือ? ท่านเป็ขนาดนี้ไม่เป็อันใดจริงหรือ?"
หรงจ้านพยักหน้า "ไม่เป็ไร ข้าไม่เป็อันใด ไม่มีอะไรร้ายแรงทั้งนั้น ข้าเชื่อมั่นในตัวเ้า เฉียวเยว่ เ้าเชื่อข้า อย่าร้อง ข้าไม่เป็ไร ข้าไม่ตายหรอก"
เสียงของเขายิ่งพูดก็ยิ่งเบาลงไป ในที่สุดก็หมดสติไปอย่างช้าๆ
เฉียวเยว่เห็นเขาเป็เช่นนี้ น้ำตาก็ยิ่งไหลพราก
แต่แม้ว่าจะเศร้าใจเพียงใด นางก็ยังมีสติอยู่ พี่จ้านไม่อยากให้ผู้ใดพบเห็น นางต้องช่วยให้เขาสมความปรารถนา หากก่อปัญหามาให้เขาต้องแย่แน่ๆ
เฉียวเยว่ลากหรงจ้านสุดกำลัง ตั้งใจจะเชื่อฟังด้วยการพาเขาไปซ่อนตัว
แม้เฉียวเยว่จะออกกำลังกายสม่ำเสมอจนร่างกายแข็งแรง แต่หรงจ้านก็เป็บุรุษที่เป็ผู้ใหญ่แล้วคนหนึ่ง แม่นางน้อยเช่นนางต้องใช้กำลังสุดแรงเกิดถึงลากเขามาถึงข้างเตียงสำเร็จ เห็นระยะห่างกว่าจะถึงห้องอาบน้ำ นางก็ตัดสินใจยอมแพ้ หลังจากนั้นก็ซ่อนหรงจ้านไว้ใต้เตียง ก่อนพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เฉียวเยว่นั่งเหม่อลอยอยู่ที่พื้น ถึงตอนนี้นางเองก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่รู้ว่าหรงจ้านเป็อะไรกันแน่
จะมีสิ่งใดทำให้ท่านอ๋องผู้หนึ่งได้รับาเ็สาหัสถึงเพียงนี้
เฉียวเยว่ปาดน้ำตา นึกแล้วก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าของตนเองพันแผลให้เขา แต่นางไม่กล้าจัดการกับาแ ด้วยเกรงว่าจะสร้างปัญหาให้แก่เขา
เฉียวเยว่เห็นเสื้อผ้าของเขาเปรอะเปื้อน ภายในใจยิ่งฝาดเฝื่อน เขารักความสะอาดถึงเพียงนั้น รังเกียจความสกปรกยิ่งกว่าอะไรดี แต่ตอนนั้นกลับตกอยู่ในสภาพนี้ นางขบริมฝีปาก แล้วใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดใบหน้าให้เขา
สีหน้าของหรงจ้านซีดเซียวมาก อากาศหนาวเย็นเช่นนี้หน้าผากเขากลับยังมีหยาดเหงื่อเท่าเมล็ดถั่ว เฉียวเยว่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่รู้ว่าตนเองควรดูแลเขาให้ดี
ยามเยาว์วัยเขาคงได้แต่ดูแลตัวเองหลายต่อหลายครั้ง... หลายต่อหลายครั้ง
เฉียวเยว่นึกดูแล้วก็ไปค้นผ้าห่มจากในตู้มาห่มให้เขา แล้วปลดม่านเตียงของตนเองลง นางสำรวจั้แ่หน้าประตูไปถึงด้านในรอบหนึ่ง เห็นทุกอย่างถูกอำพรางไว้อย่างดี ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
แต่ความเป็ห่วงที่มีต่อหรงจ้านก็ยังคงมีอยู่
เสียงย่ำเท้าเบาๆ แว่วมา เฉียวเยว่เช็ดใบหน้าของตนเองทันที แล้วตรวจสอบโดยรอบอีกครา เห็นทุกอย่างไม่มีปัญหา ค่อยวางใจลง
จะว่าไปก็บังเอิญยิ่งนัก ต้องขอบคุณอวิ๋นเอ๋อร์ที่ไปโรงครัว แต่เฉียวเยว่กลับไม่รู้ว่าหรงจ้านรอจนสบโอกาสนี้ถึงเข้ามา
นางเพิ่งเช็ดหน้าเช็ดตาเสร็จก็ได้ยินเสียงของอวิ๋นเอ๋อร์ "คุณหนู ขนมได้แล้วเ้าค่ะ"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ เอ่ยว่า "เอาเข้ามาวางเถอะ"
แท้จริงแล้วเฉียวเยว่ก็กินอะไรไม่ลงแล้ว แต่กลัวว่าหากหรงจ้านฟื้นขึ้นมากลางดึกจะหิว จึงให้เอาเข้ามา "คืนนี้อากาศหนาว เ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถอะ อย่ามาเฝ้าที่ห้องชั้นนอกเลย ข้าอยู่เองได้ไม่เป็อะไรหรอก"
แต่ไหนแต่ไรมาเฉียวเยว่ไม่เคยตื่นกลางดึก จุดนี้อวิ๋นเอ๋อร์กับเสี่ยวชุ่ยต่างรู้ดี
"ในห้องอบอุ่น ไม่เป็ไรหรอกเ้าค่ะ คุณหนูกินอะไรสักเล็กน้อย แล้วพักผ่อนเร็วหน่อย บ่าวอยู่ได้ไม่มีปัญหา"
เฉียวเยว่ไม่อาจพูดโจ่งแจ้งเกินไปนัก กลัวจะถูกอวิ๋นเอ๋อร์รู้เข้า จึงได้แต่พูดว่า "เช่นนั้นก็ได้ เ้าออกไปเถอะ"
เห็นอวิ๋นเอ๋อร์ออกไปแล้ว นางก็นั่งลงข้างเตียง ใต้เตียงมีหรงจ้านสลบอยู่ เฉียวเยว่สับสนว้าวุ่นใจ นางไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำอย่างไรดี แต่ก็รู้ว่าคืนนี้ตนเองคงจะไม่อาจนอนได้แล้ว
เฉียวเยว่ไม่นอนตลอดทั้งคืน คอยสังเกตอาการของหรงจ้านอยู่เป็พักๆ จะว่าไปก็แปลกยิ่ง เขาเดี๋ยวก็หนาวเดี๋ยวก็ร้อน ชวนให้งุนงงสงสัย แต่ถึงกระนั้น นางกลับไม่กล้าทำอะไรโดยพละการ
นึกเชื่อมโยงกับสิ่งที่หรงจ้านเคยบอกก่อนหน้า เฉียวเยว่ก็เริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างแล้วว่าเขาไม่กลัวพิษนี้
แต่อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวเช่นนี้ก็แปลกมากจริงๆ
จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมีแสงสว่างรำไร เฉียวเยว่ก็ได้ยินเสียงเคาะหน้าต่างจากด้านนอก นางลุกมาข้างหน้าต่างทันควัน แล้วเอ่ยเสียงเบา "ใคร?"
"คุณหนูเจ็ด ข้าน้อยซื่อผิงขอรับ"
เฉียวเยว่ดึงหน้าต่างเปิดออกทันที บัดนี้หรงจ้านยังไม่มีสติ เฉียวเยว่กำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ต้องให้ท่านหมอมาดูอาการท่านอ๋องของเ้าให้ได้ แล้วก็ หากเขาอาการดีขึ้น อย่าลืมส่งข่าวบอกข้าด้วย"
ซื่อผิงตอบกลับอย่างจริงจัง "ขอบคุณคุณหนูเจ็ดมากขอรับ"
เฉียวเยว่เห็นข้างนอกดูเหมือนจะหนาวมาก ก็เอ่ยว่า "เอาผ้าห่มนวมห่อตัวเขาไว้"
ซื่อผิงไม่ปฏิเสธ เฉียวเยว่เห็นหรงจ้านปากซีดมาก ก็เอามืออังที่หน้าผากของเขา "เขาหนาวมาก พวกเ้ารีบไปเถอะ"
"ขอรับ" ซื่อผิงรับคำทันที
หลังจากซื่อผิงกลับไป เฉียวเยว่ค่อยรู้สึกโล่งใจ
นางยืนข้างหน้าต่าง มองซื่อผิงหายไปอย่างรวดเร็ว นางโงนเงนเล็กน้อย พูดตามตรง นางอ่อนเพลียเหลือเกินแล้ว
ไม่ได้อ่อนเพลียที่ร่างกาย แต่เป็จิตใจ
"พี่จ้าน แม้ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น แต่ท่านต้องไม่อันใดนะเ้าคะ"
เฉียวเยว่รู้ หรงจ้านกับนางต่างกัน ั้แ่เล็กนางได้สมความปรารถนาทุกเื่ จึงไม่เข้าใจความลำบากของหรงจ้านแม้แต่น้อย
เขาทุกข์ทรมานมามาก แม้จะเป็ท่านอ๋อง แต่คนธรรมดาก็ยังไม่ทุกข์เข็ญเท่ากับเขา
"ท่านต้องไม่เป็ไร"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้