"เก่งมากหนิงอ้าย ท่านปู่ท่านยายและท่านแม่คงภูมิใจในตัวเ้ามากเป็แน่!!" ลู่ซีเอ่ยขึ้นพร้อมดึงหนิงอ้ายเข้ามากอด ทันทีที่เด็กหนุ่มออกจากลานพิธีมายังกลุ่มของพวกตนที่ยังยืนรออยู่
เสียงของลู่ซีนั้นเเสดงถึงความยินดีเป็อย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรนั้นเสียงขู่ฟ่อของต้าเฮยที่ดังขึ้นจากอกเสื้อของเด็กหนุ่มราวกับว่าไม่พอใจบางอย่าง ทำให้ลู่ซีมึนงงไปชั่วครู่ก่อนที่จะผละออกจากตัวของเด็กหนุ่มไป
"ลู่เกอก็เก่งมากเช่นกัน หากท่านตารู้ว่าท่านสามารถใช้สมบัติวิเศษที่ท่านตามอบให้ได้อย่างเชี่ยวชาญท่านคงภูมิใจมากเป็แน่ อีกทั้งท่านยายและท่านแม่นั้นย่อมยินดีกับเราสองพี่น้องอย่างแน่นอนขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข
ลู่ซีนับว่าอยู่กับเขามาตลอดั้แ่ได้มาอยู่ในโลกแห่งนี้ การที่หนิงอ้ายชมไม่ได้เพียงเพื่อเอาใจอีกฝ่ายเท่านั้นเพราะความสามารถของลู่ซีเมื่อเทียบกับเขาในโลกก่อนแล้วนับได้ว่าค่อนข้างสูสีเลยทีเดียว
"โอ้!!นี่ข้าเป็ถึงสหายของศิษย์ผู้สืบทอดตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาเลยอย่างนั้นรึ ในวันหน้าหากได้รับาเ็จากการฝึกซ้อมเ้าต้องรักษาข้านะหนิงอ้าย..." อี้หลินเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะโอบไหล่สหายของตนเข้ามา
"นั่นสิหนิงอ้ายหลังจากนี้หากว่าข้า อี้หลิน หลี่ซวงและจ้าวหลานได้รับาเ็จากการฝึกซ้อมหรือจากภารกิจที่ได้รับจากตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ เ้าต้องรักษาพวกข้าด้วยเล่า..." จินหั่วเอ่ยเสริมขึ้นในทันทีในใจนั้นเขาชื่นชมเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้เป็สหายตัวน้อยของตนเป็อย่างยิ่ง
ด้วยวัยสิบห้าสิบหกปีเช่นเดียวกันนั้นอีกฝ่ายนับได้ว่ามากไปด้วยฝีมืออย่างแท้จริง อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยฐานะที่ศิษย์ทุกคนต่างใฝ่ฝันนั่นคือฐานะศิษย์ผู้สืบทอด
"ข้าได้ยินว่าตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาจะมีโอสถที่สามารถช่วยเลื่อนระดับพลังิญญาได้ หากในวันหนึ่งเ้าพร้อมไปด้วยคุณสมบัตินี้ สามารถหลอมสร้างปรุงโอสถนั้นมาได้อย่าได้ลืมพวกข้าเล่า??" อู๋ฮั่นเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี ด้วยเพราะว่าในบรรดาตำหนักทั้งสี่นั้นตำหนักศาสตร์แห่งการรักษานับได้ว่าเป็ตำหนักที่ลึกลับและไม่มีผู้ใดทราบเกี่ยวกับเื่ราวมากนัก
มีข่าวลือที่ว่าศิษย์สายในของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา หากเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติของนักปรุงโอสถก็สามารถปรุงโอสถเลื่อนระดับพลังิญญาได้ เขาเชื่อว่าในสักวันหนึ่งสหายของตนผู้นี้ย่อมทำได้อย่างแน่นอน...
"ไม่ธรรมดาจริง ๆ เหมือนที่ััได้ั้แ่เเรก เพียงแต่ข้าคิดว่าเ้าจะเข้าร่วมตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เช่นเดียวกับพวกข้าเสียอีก..." หลี่ซวงเอ่ยขึ้นพร้อมกับสบสายตาของเด็กหนุ่ม
เพราะทั้งแต่เเรกก่อนเป็สหายกัน ภายใต้รูปร่างบอบบางของหนิงอ้าย เขาััได้ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็สุดยอดรุ่นเยาว์ที่มากฝีมือคนหนึ่งเช่นกัน
ยืนยันได้จากการประลองกับศิษย์สายนอกที่อีกฝ่ายสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายรวมไปถึงการถูกทดสอบโดยผู้าุโเหวินหวู่ พวกเขาแม้จะถูกปกป้องด้วยม่านพลังจากผู้าุโระดับสูงยังสามารถััได้ถึงอานุภาพที่เหนือล้ำกว่าความคิดของตนไปมาก แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายยังคงยืดยันได้อย่างมั่นคงจนท้ายที่สุดก็สามารถผ่านการทดสอบเป็ศิษย์ผู้สืบทอดได้
"ที่ข้าไม่เลือกตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้นั่นเป็เพราะข้าไม่อยากอยู่กับอี้หลินอย่างไรเล่า โอ้ย!! ข้าเพียงหยอกเล่นเท่านั้นเ้าตีข้าแรงเกินไปแล้ว ข้าก็บอบบางตัวเพียงเท่านี้ ฮ่าฮ่าฮ่า ที่จริงข้าสนใจในศาสตร์แห่งการรักษามาั้แ่เเรก" หนิงอ้ายตอบกลับหลี่ซวงไปไม่วายที่จะเอ่ยหยอกล้อสหายตัวน้อยของตนก่อนที่จะถูกกำปั้นเล็ก ๆ ของอี้หลินทุบเข้าอย่างไม่ระวัง
"เกอจำได้ ั้แ่ยังเด็กเ้าก็เอาแต่ศึกษาตำราสมุนไพรและศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง จนท่านแม่นั้นยังต้องบ่นให้เ้านั้นเลิกศึกษาและกินข้าวเสียก่อน..." ลู่ซีเอ่ยเสริมขึ้นเพราะว่าหนิงอ้ายหลังจากที่ไม่สามารถปลุกพลังิญญาได้เมื่อตอนอายุเจ็ดปี อีกฝ่ายได้ศึกษาตำราอย่างหลากหลายและอีกหนึ่งความสนใจของอีกฝ่ายคือตำราสมุนไพรและการเเพทย์นั่นเอง
"ข้าไม่แปลกใจแล้วหากลู่ซีเอ่ยเช่นนั้น เเต่เ้านี่ความสามารถเกินรุ่นเดียวกันไปมากนักหากมีโอกาสข้าก็อยากประลองกับเ้าสักครั้งเช่นกันนะ!" จ้าวหลานเอ่ยขึ้นหลังจากที่ตนพยักหน้ารับรู้จากคำกล่าวของลู่ซี
เข้าใจเเล้วว่าทำไมอีกฝ่ายจึงเลือกเข้าตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา เพราะหากนับดูเเล้วในบรรดาห้าสำนักศึกษาที่ขึ้นชื่อและได้รับการยอมรับจากผู้ฝึกตนในมหาทวีปบูรพาแห่งนี้นั้นตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ก็เป็ตำหนักที่ชื่อเสียงเช่นกัน
"พวกข้าคุยกันเเล้วนะหนิงอ้าย ว่าถึงแม้พวกเราทั้งเจ็ดคนจะกระจายอยู่คนละตำหนักซึ่งมีเพียงเ้าที่อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นแต่ถึงอย่างไรก็ตามในทุก่เย็นของทุกวันเรามีนัดพบกันที่ห้องโถงกลางได้" อี้หลินเอ่ยขึ้นก่อนที่ทุกคนนั้นจะพยักหน้าตกลงพร้อมกับส่งรอยยิ้มแสดงความยินดีให้แก่กัน
ตอนนี้นั้นพวกเขาทั้งเจ็ดคนนับได้ว่าเป็ศิษย์ผู้หนึ่งของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์แล้ว มากไปกว่านั้นพวกเขาสามารถเข้าตำหนักที่ตนตั้งใจไว้แต่แรกได้สำเร็จ ที่สำคัญคือแม้พวกเขาจะมาจากหลากหลายที่แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็สหายกันอย่างแท้จริง
กลุ่มของหนิงอ้ายต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยที่ไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น แน่นอนว่าจุดรวมสายตาของทุกคนในตอนนี้นั่นคือเด็กหนุ่มนามว่าหนิงอ้ายที่เป็ศิษย์สายนอกคนใหม่ที่สามารถผ่านการทดสอบจากผู้าุโเหวินหวู่จนได้รับตำแหน่งศิษย์แห่งผู้สืบทอดของตำหนัก ตำแหน่งที่พวกเขาหลายคนในที่นี้ต่างเฝ้าฝันถึงเช่นกัน
นอกจากนั้นเเล้วสหายอีกทั้งหกคนในกลุ่มหากตัดเื่ของหน้าตาที่ดีกว่าคนทั่วไป รวมไปถึงท่าทางและการแต่งกายที่ไม่ต่างไปจากลูกหลานของตระกูลใหญ่ ฝีมือและความสามารถของอีกทั้งหกคนก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน กล่าวได้ว่ากลุ่มของหนิงอ้ายได้รวบรวมผู้ที่หน้าตาดีและเป็กลุ่มรุ่นเยาว์ที่มากไปด้วยฝีมืออย่างแท้จริง
พิสูจน์ได้จากสายตาของศิษย์สายใน สายนอกชายหญิงที่มองไปยังจุดดังกล่าวอย่างเปิดเผย อีกทั้งมีชายหนุ่มที่หน้าตาดีและมีฐานะระดับสูงในสำนักศึกษาเช่นกันที่มองไปยังเด็กหนุ่มหนิงอ้ายและสหายตัวน้อยของเขาที่มีนามว่าอี้หลินอย่างไม่หลบสายตา จนกระทั่งเด็กหนุ่มอีกห้าคนที่เหลือต่างใช้ร่างกายสูงใหญ่ของตนบดบังสหายตัวน้อยทั้งสองที่ยังพูดคุยกันไม่หยุดราวกับว่าไม่ได้พบเจอกันเสียหลายปี
"ศิษย์ใหม่ที่เข้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ตามข้ามาทางนี้!!!" ชายหนุ่มที่เสื้อคลุมตัวนอกเป็สีแดงขาวได้ดังขึ้นก่อนที่ศิษย์ใหม่ของตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เกินกว่าครึ่งของศิษย์ใหม่ในปีนี้นี้ รวมไปถึงอี้หลิน หลี่ซวง จินหั่วและจ้าวหลานนั้นต่างกล่าวอำลาสหายตนเล็กน้อยกับกลุ่มหนิงอ้ายที่เหลือก่อนที่จะเเยกตัวตามศิษย์พี่ผู้นั้นไป
"ศิษย์ใหม่ที่เข้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลมาทางนี้ ข้าจะพาไปยังตำหนักของพวกเรา!!!" เสียงของสตรีที่สวมใส่เสื้อคลุมตัวนอกสีฟ้าขาวดังขึ้น ก่อนที่ศิษย์ใหม่เกือบสิบคนนั้นจะเเยกตัวตามไป ซึ่งมีเพียงลู่ซีและอู่ฮั่นเท่านั้นที่ยังคงรั้งรออยู่เพื่อคุยกับหนิงอ้ายก่อนจะแยกย้ายกันไปตำหนักสังกัด
"ลู่เกอกับอู่ฮั่นรีบตามศิษย์พี่ไปเถิด หากทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเเล้วเราค่อยเจอกันที่โรงครัวก็ได้ไม่ต้องเป็ห่วงเลยเพราะข้ายังมีต้าเฮยอยู่ด้วยทั้งคน..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นกับลู่ซีด้วยรู้ว่าผู้ที่ตนนับถือดั่งพี่ชายนั้นเป็ห่วงตนอย่างมากซึ่งเ้าตัวเล็กอย่างต้าเฮยนั้นโผล่ส่วนหัวขึ้นจากอกเสื้อของหนิงอ้ายก่อนที่จะขยับไปมาราวกับจะสื่อให้กับลู่ซีได้รับรู้ว่าตนนั้นจะปกป้องเด็กหนุ่มเอง
ทางฝั่งของลู่ซีเมื่อเห็นเด็กน้อยทั้งสองคนให้คำมั่นของตนแล้วจึงโล่งใจขึ้นอีกหลายส่วน พวกเขาต่างอยู่ในพื้นที่ของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์แล้ว ดังนั้นเขาจึงเอ่ยกำชับเพิ่มเติมกับเด็กหนุ่มอีกเล็กน้อยก่อนที่จะเเยกตัวไปกับอู๋ฮั่นที่กำลังยืนรอตนกับศิษย์พี่ในตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลนั่นเอง
"เอาละถึงคราวของเราแล้วต้าเฮยลุยกันเถอะ!!" หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นกับเ้าตัวน้อยที่อยู่ในอกเสื้อคลุมของตนเบา ๆ เมื่อเห็นว่าศิษย์พี่ร่วมตำหนักซึ่งสังเกตได้จากเสื้อคลุมตัวนอกสีเขียวขาวอันเป็สัญลักษณ์ของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษานั้นได้โบกมือทักทายมาทางเขาอย่างกระตือรือร้นก่อนที่เด็กหนุ่มจะรีบเร่งฝีเท้าไปหาอีกฝ่ายในทันที...
สำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์หลังจากเสร็จสิ้นการรับศิษย์ใหม่ของปีนี้ไปแล้ว เหล่าศิษย์สายนอกทุกคนต่างเฝ้ารอการทดสอบเลื่อนระดับเป็ศิษย์สายใน ซึ่งทุกคนต่างทราบกันดีว่าขึ้นชื่อว่าเป็ศิษย์สายนอกของสำนักที่สังกัดในแต่ละตำหนักนั้นย่อมได้รับการส่งเสริมบ่มเพาะด้วยทรัพยากรที่ล้ำค่า แต่ถึงอย่างนั้นการเป็ศิษย์สายในนั้นย่อมได้รับสิ่งเหล่านี้รวมไปถึงโอกาสต่าง ๆ มากมายมหาศาล เป้าหมายของศิษย์สายนอกนั้นคือการสอบเลื่อนระดับเป็ศิษย์สายในให้สำเร็จ
ฟังว่าสำนักศึกษาฝ่ายในที่อยู่ในม่านมิติของทางสำนัก ทิวทัศน์โดยรอบราวกับ์สรรสร้าง อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความลี้ลับและสถานที่บ่มเพาะเลื่อนระดับพลังิญญาให้พัฒนาขึ้นอย่างก้าวะโ ซึ่งในการทดสอบศิษย์ใหม่ในเเต่ละปี ประตูทางเข้าของสำนักศึกษาฝ่ายในจะเปิดให้เห็นเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้นที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แล้ว
หากศิษย์สายนอกคนใดที่ไม่อาจผ่านการทดสอบเข้าเป็ศิษย์สายในได้ก็ไม่อาจเข้าไปยังสถานศึกษาฝ่ายในนี้ได้เช่นกัน มีโอกาสเพียงไม่กี่ครั้งที่พวกเขาเหล่านี้ได้รับโอกาสได้เห็นสำนักศึกษาฝ่ายในด้วยสายตาของตนแม้จะไม่สามารถเข้าไปได้ในตอนนี้ก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่าในการรับศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านพ้นไปนั้น
การที่ศิษย์สายในรวมไปถึงผู้าุโระดับสูงได้เข้ามารับชมการทดสอบในเเต่ละครั้งนั้นหลังจากงานพิธีต่าง ๆ เสร็จสิ้นพวกเขาเหล่านี้ล้วนหวนคืนกลับคืนสู่ที่พำนักของตน ซึ่งทางเข้าออกจะมีเพียงทางเข้าเดียวเท่านั้น และนี่จึงเป็โอกาสที่เหล่าศิษย์ฝ่ายนอกจะได้เห็นสำนักศึกษาฝ่ายในได้นั่นเอง
บรรดาผู้าุโประจำสำนักศึกษารวมไปถึงศิษย์สายในคนอื่น ๆ ล้วนแยกย้ายกันกลับไปยังที่พักของตนแล้วทั้งสิ้น เนื่องจากว่าพวกเขาเหล่านี้ต่างอาศัยอยู่ในม่านมิติพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นจากบรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักศึกษาแห่งนี้ ที่กล่าวกันว่าสถานที่พำนักดังกล่าวนั้นผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าไปได้มีเพียงผู้าุโระดับสูงประจำสำนักศึกษาและศิษย์สายในเท่านั้น และแน่นอนว่าตัวตนระดับสูงดังเช่นเ้าสำนัก รองเ้าสำนักรวมไปถึงผู้าุโคุมกฎทั้งสามนั้น ต่างพำนักอยู่ในม่านมิติพิเศษนี้เช่นกัน
"ศิษย์น้องหนิงอ้าย..." สตรีสวมเสื้อคลุมสีเขียวขาวเอ่ยขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มเดินไปถึง
กล่าวได้ว่าศิษย์พี่ผู้นี้ของหนิงอ้ายนับว่าสตรีที่มีรูปงามยิ่งนัก หนิงอ้ายใช้เนตรแห่ง์ของตนสำรวจอีกฝ่ายเงียบ ๆ ข้อมูลที่ปรากฎให้เขาทราบคืออีกฝ่ายเป็ผู้ฝึกตนระดับเทวะขั้นกลางคนหนึ่งและสองปราณธาตุที่เกื้อหนุนกัน การที่สตรีสามารถมีระดับพลังิญญาระดับสูงเช่นนี้ด้วยวัยเพียงยี่สิบกว่าปีนั้นนับได้ว่าอีกฝ่ายเป็สุดยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์คนหนึ่งเช่นกัน
"ข้าหนิงอ้ายขอรับ!!" หนิงอ้ายเอ่ยตอบรับสตรีตรงหน้าตนก่อนที่จะประสานมือโค้งตัวคำนับตามมารยาทของผู้ฝึกตนที่พึงกระทำ
"ตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาด้วยตอนนี้เ้ามีฐานะเป็ถึงศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักของพวกเรา ดังนั้นฐานะของเ้าในตอนนี้กล่าวได้ว่าเป็รองเพียงผู้าุโเหวินหวู่ เ้าไม่ต้องมากพิธีการเช่นนี้ก็ได้ เ้าย่อมมีสิทธินั้นเข้าใจหรือไม่??" สตรีร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาไม่ได้รับศิษย์ใหม่เข้าตำหนักเป็เวลาหลายปีแล้ว ในฐานะที่นางก็ถือว่าเป็ศิษย์พี่คนหนึ่งย่อมดีใจที่วันนี้มีศิษย์น้องเข้าร่วมตำหนักของตน อีกทั้งเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านางยังดูมีนิสัยปกติน่าเข้าหาไม่เหมือนศิษย์พี่ศิษย์น้องประหลาดเช่นคนอื่น ๆ ที่นางค่อนข้างจะรับได้ยากในบางครั้ง
ความสามารถของเด็กหนุ่มนั้นก็เป็ที่ประจักษ์อย่างแท้จริง ด้วยวัยเพียงสิบห้าสิบหกปีเช่นนี้แต่กลับเป็ผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิิญญาที่กระดูกิญญาอายุสี่พันปี รวมไปถึงปราณธาตุไฟต้นกำเนิดนั้นยังบริสุทธ์ไปถึงสิบส่วน ด้วยพร์เพียงเท่านี้นับได้ว่าเด็กหนุ่มเป็สุดยอดต้นกล้าที่เหมาะสมกับการบ่มเพาะเป็อย่างยิ่ง
มากไปกว่านั้นเด็กหนุ่มยังสามารถทำให้ท่านอาจารย์หรือผู้าุโเหวินหวู่ยอมรับในตัวตนอีกฝ่ายในการเข้าเป็ศิษย์ในสำนักจนถึงขั้นมอบตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดให้กับอีกฝ่ายเช่นนี้ ดูท่าแล้วเด็กหนุ่มย่อมมีสิ่งที่ท่านอาจารย์ััได้ถึงความพิเศษบางอย่างเป็แน่ เพราะญาณััของนางร้องบอกอยู่ในใจว่าเด็กหนุ่มคนนี้หาใช่ธรรมดาสามัญดังเช่นรูปลักษณ์ภายนอกที่บอบบางของอีกฝ่าย
"ศิษย์พี่กล่าวเกินไปขอรับ สำหรับข้าแล้วตำแหน่งผู้สืบทอดตำหนักเป็เพียงหัวโขนหนึ่งเปรียบดั่งตัวแทนของตำหนักที่ต้องรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศ ผู้าุโเหวินหวู่ได้ไว้ใจให้ข้ารับตำแหน่งนี้ข้าย่อมจะทำให้ดีที่สุด!!"
"ที่สำคัญตัวข้ายังมีอีกฐานะหนึ่งนั่นคือฐานะเป็ศิษย์น้องของพวกท่าน ตำแหน่งผู้สืบทอดอันใดนั้นให้เป็เื่สำหรับผู้คนภายนอกเถอะขอรับ ในพื้นที่ของพวกเราในตำหนักของพวกเราข้าหนิงอ้ายผู้นี้ก็เป็เพียงศิษย์น้องร่วมตำหนักของพวกท่าน..." หนิงอ้ายเอ่ยตอบกลับอีกฝ่ายไปตามที่ใจตนคิด
เขามองว่าตำแหน่งผู้สืบทอดของตำหนักแม้จะเป็ตำแหน่งที่ศิษย์หลายคนเฝ้าฝันที่จะได้ แต่กับเขาที่ในชีวิตก่อนได้แบกรับทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว เขารู้ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมาพร้อมกับภาระหน้าที่รับผิดชอบอีกหลากหลายสิ่งเป็แน่ แม้ว่าในชีวิตนี้เขาอยากที่จะใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ ตามใจของตนเพียงเท่านั้น
เมื่อได้รับความไว้ใจเช่นนี้เขาสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด แม้ว่าเขาจะมีตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดที่ต้องแบกรับหลังจากนี้ที่แน่นอนว่าเส้นทางดังกล่าวย่อมไม่ได้ง่ายดายดั่งใจปรารถนาเป็แน่ แต่ถึงอย่างไรย่อมที่จะกระทำทุกสิ่งอย่างให้เหมาะสม เพราะว่าเขาเปรียบได้ดั่งเป็ตัวแทนของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาและเหล่าศิษย์พี่ทุกคน รวมไปถึงบรรพชนผู้ก่อตั้งตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาแห่งนี้
"ศิษย์พี่เพียงหยอกล้อเ้าเท่านั้น เอาละตามศิษย์พี่มาเสียจะได้พาเ้าไปยังตำหนักของพวกเรา!!" สตรีตรงหน้าเอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะหันหลังเดินนำหนิงอ้ายไปยังทางเดินหนึ่งที่ศิษย์ทุกคนนั้นล้วนมุ่งตรงไปยังทิศทางเดียวกัน...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้