"พี่หก ยังมิได้แสดงความยินดีกับการแต่งงานของท่านเลย" เหลียนเซวียนเอ่ยเสียงเรียบ
แม้ปากจะเอ่ยแสดงความยินดี แต่ปราศจากรอยยิ้มบนใบหน้า ทำเอาหวงผู่เหลียนลี่หนังหน้ากระตุก "ขอบใจมากน้องเจ็ด เ้าปลอดภัยกลับมาถึงจะเป็เื่น่ายินดีที่สุด"
สีหน้าของหวงผู่เหลียนลี่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและสุภาพเป็มิตร
เหลียนเซวียนมองอีกคราก็รู้สึกสะอิดสะเอียน
คิดว่าการเสแสร้งทำตัวสุภาพอ่อนโยนทุกวันก็สามารถซ่อนเร้นความเ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของตนเองได้หรือ?
บัญชีที่ติดค้างไม่ช้าก็เร็วย่อมถึงกาลสะสาง
ใบหน้าของเขาเยียบเย็นลง แผ่รังสีกดดันอันไร้สุ้มเสียงกำจายออกไป
รอยยิ้มของหวงผู่เหลียนลี่ชะงักค้าง
อู่เซวียนตี้เก่งกาจการสู้รบ พระโอรสทุกพระองค์ล้วนร่ำเรียนวรยุทธ์มาั้แ่เล็ก แต่เหล่าองค์ชายล้วนแต่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมั้แ่เล็กจนโต จะมีสักกี่พระองค์ที่ทนความลำบากของการฝึกฝนได้
ดังนั้นในหมู่องค์ชาย นอกจากลี่อ๋องหวงผู่เหลียนเผิงที่ฝีมือไม่เลว นอกนั้นล้วนแต่อยู่ในระดับครึ่งๆ กลางๆ
แน่นอนว่าหวงผู่เหลียนเซวียนย่อมต่างกัน
ด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่าง เขาจึงได้เคารพหมอเทวดาเผยจื้อหย่วนเป็อาจารย์ั้แ่อายุเจ็ดแปดขวบ นับจากนั้นก็ติดตามอาจารย์ฝึกยุทธ์และท่องเที่ยวหาประสบการณ์ไปทั่ว มีกลับมาเมืองหลวงบ้างเป็ครั้งคราว เขามีพร์ในการฝึกยุทธ์ ทั้งได้อาจารย์ที่มีชื่อเสียงชี้แนะ หลังอายุสิบสี่สิบห้าปี วรยุทธ์ก็อยู่ในระดับสูงสามารถเอาชนะยอดฝีมือทั่วเมืองหลวง
ต่อมาอาจารย์ของเขาจากไปแล้ว เขาก็อาสาไปเฝ้ารักษาการณ์ที่ชายแดน หลังผ่านประสบการณ์ในสนามรบมาหลายปี กลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง ทั่วร่างก็ยิ่งเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจกร้าวแกร่งจนน่าตกตะลึง
หาไม่เพราะปัญหาเื่สถานะ เขาต้องเป็คนที่อู่เซวียนตี้ปรารถนาให้สืบทอดราชบัลลังก์อย่างแน่นอน
หวงผู่เหลียนลี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
แม้ว่าเขาจะไร้คุณสมบัติเป็ผู้สืบทอดปณิธานใหญ่ แต่ความคิดเห็นของเขาก็มีผลต่ออู่เซวียนตี้อย่างใหญ่หลวง
องค์ชายใหญ่มีอุปนิสัยอ่อนโยน อยู่ในกฎเกณฑ์ ทำสิ่งใดก็ไม่ถูกใจอู่เซวียนตี้ ดังนั้นแม้จะเป็พระโอรสองค์โตที่กำเนิดจากหวังฮองเฮา ตลอดหลายปีมานี้ อู่เซวียนตี้ก็ยังคงไม่มีความคิดจะแต่งตั้งเขาเป็รัชทายาท
แต่องค์ชายใหญ่มีความสัมพันธ์อันดีกับองค์ชายเจ็ด ตราบใดที่มีเขาอยู่เคียงข้าง อู่เซวียนตี้ก็ย่อมจะใคร่ครวญตามความคิดเห็นของเขา
เบี้ยขององค์ชายใหญ่ก็จะยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น
ใช่ว่าหวงผู่เหลียนลี่จะไม่เคยลองดึงเขามาเป็พวก เสียดายเ้านั่นเป็พวกน้ำมันเกลือซึมไม่เข้า [1] ทั้งมีอุปนิสัยเย่อหยิ่งและเ็า คุยกันแค่ไม่กี่ประโยค ก็รำคาญแล้ว คิดจะดึงมาเป็พรรคพวก ให้ปีนขึ้น์ยังจะง่ายกว่า
"พี่เจ็ดๆ ท่านกลับมาจากที่ใด ระหว่างทางมีเื่น่าสนุกบ้างหรือไม่" หวงผู่เหลียนหยวนตามติดอยู่ข้างกายเขา
ด้วยเป็พระโอรสองค์เล็ก จึงได้รับความโปรดปรานจากอู่เซวียนตี้ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงมักโอนอ่อนผ่อนตามเขา ครั้นแล้วจึงกลายเป็คนอยู่ไม่สุข มิกลัวเกรงฟ้าดิน
แม้จะอยู่ต่อหน้าูเาน้ำแข็งอย่างเหลียนเซวียน ก็ไม่รู้สึกกลัวเท่าไร
"ข้าไม่ได้ไปเที่ยวเล่น" เหลียนเซวียนปรายตามองเขาเรียบๆ
"งั้นท่านไปทำอะไรล่ะ" พอหวงผู่เหลียนหยวนเอ่ยถาม สายตาทุกคนก็จ้องมาที่เขา
เหลียนเซวียนลูบจอกสุราหยกขาวบนโต๊ะไม่มีคำตอบให้
หวงผู่เหลียนหยวนรู้สึกขัดใจ "พี่เจ็ดมีลับลมคมในอีกแล้ว"
"น้องเก้า ห้ามพูดจาส่งเดช พี่เจ็ดของเ้าย่อมมีความคิดเป็ของตนเอง" เฟิงอ๋องตำหนิน้องชาย
หวงผู่เหลียนหยวนเบะปาก ไม่เห็นด้วย
งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป แต่ความสนใจของทุกคนล้วนมารวมอยู่ที่องค์ชายเจ็ดซึ่งกลับมาอย่างกะทันหัน
ฝ่ายทางหวงกุ้ยเฟย กลับมีคนสนใจเพียงไม่กี่คน
"น้องสาว วันเกิดเ้าครานี้ช่างมีหน้ามีตายิ่งนัก แม้แต่องค์ชายเจ็ดที่หายตัวไปนานยังกลับมาเพื่ออวยพรวันเกิดให้เ้า นับว่าเป็เื่มงคลซ้อนมงคลแท้ๆ"
เต๋อเฟยสวมชุดพิธีการลายเมฆมงคลห้าสีมือโบกพัดผ้าไหมงามวิจิตร หัวเราะคิกคักเดินเข้ามาข้างกายหวงกุ้ยเฟย
เต๋อเฟยเข้าวังก่อนหวงกุ้ยเฟยสองปี ตอนนั้นนางก็เป็โฉมงามอันดับหนึ่งเช่นกัน แต่ความงามย่อมร่วงโรยไปตามกาลเวลา บริเวณหางตาเริ่มมีริ้วรอยแห่งวัยบางๆ
ย่อมไม่อาจเทียบกับหวงกุ้ยเฟยซึ่งยังคงงามสะคราญดั่งบุปผาบานสะพรั่ง
ดังนั้นปรกติแล้วพระสนมที่มีอายุมากหน่อยจึงไม่ชอบเข้าใกล้นางเกินไป ด้วยเกรงว่าจะยิ่งทำให้ตนเองดูแก่ขึ้นไปอีก
แต่วันนี้ไม่เหมือนกัน องค์ชายเจ็ดกลับมาแล้ว
อยู่ร่วมกันในวังหลังมายี่สิบกว่าปี เต๋อเฟยย่อมรู้แจ้งแก่ใจว่าโฉมสะคราญอันดับหนึ่งของซีฉีในปีนั้น ไม่โปรดปรานโอรสของตนเองเพียงไร
ทุกครั้งที่เห็น แม้จะยิ้มพูดคุยด้วย แต่ดวงตากลับไร้แววยิ้มแม้แต่น้อย บางครั้งยังจับได้ว่ามีความรู้สึกชิงชังอันประหลาดชอบกล ผู้เป็แม่คนย่อมรู้ว่านั่นไม่ใช่ท่าทีของมารดาที่รักบุตรพึงมี
เพียงแต่ฝ่าาทรงถูกความลุ่มหลงครอบงำ จึงทรงดำริไปเองว่าที่หวงกุ้ยเฟยร่ำไห้ปลอมๆ ไม่กี่ครั้ง เพราะเป็ห่วงองค์ชายเจ็ด
เต๋อเฟยยิ้มเยาะในใจ
"ขอบคุณในความใส่ใจของพี่สาว เพียงแต่ได้ยินมาว่าเมื่อเดือนก่อนลี่อ๋องไปลวนลามสตรีจากครอบครัวที่ดีคนหนึ่ง จนสตรีนางนั้นไปะโน้ำตาย เ้าควรใส่ใจเื่ของเขาให้มากขึ้นหรือไม่"
ดวงหน้างามพิลาสของหวงกุ้ยเฟยไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย คนที่สามารถทำให้นางตกเป็เบี้ยล่างในวังหลวงแห่งนี้มีไม่มาก สตรีตรงหน้าย่อมไม่ใช่หนึ่งในนั้น
เต๋อเฟยถึงตอกกลับใบหน้าพลันเปลี่ยนสี "น้องสาวอย่าไปฟังคำคนพูดส่งเดช สตรีผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่"
"อ้อ มีชีวิตอยู่ก็แล้วไปหรือ ชื่อเสียงถูกทำลายทวงคืนกลับมาได้หรือไม่"
น้ำเสียงเ็าอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสุกใสเจือไปด้วยความขุ่นเคือง สิ่งที่นางจงเกลียดจงชังที่สุดคือการใช้อำนาจข่มเหงสตรี
ดังนั้นคนหยาบช้าอย่างลี่อ๋องจึงเป็หนึ่งในองค์ชายที่นางเกลียดชัง
เหมือนบิดาป่าเถื่อนผู้นั้นของเขา
"เหลียนเผิงบอกว่าจะแต่งนางเข้าจวน แต่นางไม่รู้จักดีชั่วจะโทษใครได้"
เต๋อเฟยเองก็ไม่พอใจ เป็แค่สตรีตระกูลชาวนาเล็กๆ ให้เข้าจวนก็ถือเป็ความเมตตาใหญ่หลวงแล้ว ยังไม่รู้จักดีชั่ว
"น้องสาวจะสนใจสตรีผู้นั้นไปทำไม" เต๋อเฟยคลางแคลงใจอยู่บ้าง "ฝ่าายังไม่ตรัสอันใด น้องสาวกลับใส่ใจยิ่งนัก"
"ฮึ ฝ่าาจะตรัสอันใดได้ ในสายพระเนตรของพระองค์ก็เป็แค่เื่รักใคร่ประโลมโลกเท่านั้นเอง" หวงกุ้ยเฟยหลุบสายตาซ่อนแววเกลียดชังที่ผุดวาบใต้ก้นบึ้ง
บิดาและบุตรชายย่อมมีศีลเสมอกัน ล้วนแต่เป็พวกชั้นต่ำน่าขยะแขยง
สายตาของนางมองไปที่องค์ชายซึ่งสวมชุดหมั่งผาวกลุ่มนั้น ความเกลียดชังยิ่งรุนแรงขึ้นทุกขณะ
หลังงานเลี้ยงเลิก อู่เซวียนตี้เรียกเหลียนเซวียนไปพบที่ห้องทรงพระอักษร
อู่เซวียนตี้ยืนเอามือไพล่หลัง เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องทรงพระอักษร
"เ้าว่าถูกพิษกร่อนกระดูกสลายเส้นเอ็นของสำนักอิ่นเหมินแห่งซีฉีรึ"
ดวงตากลวงลึกของเขาดำทะมึน ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวใจ แต่ก็วาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว
"ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพบศิษย์พี่เมื่อเดือนก่อน เขาช่วยถอนพิษให้" เหลียนเซวียนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
"ชิงหลันก็กลับมาหรือ" สีหน้าของอู่เซวียนตี้ฉายแววปีติยินดี
่นี้สุขภาพของตนเริ่มถดถอย แม้จะกินยาลูกกลอน ก็ไม่มีผลมากนัก ทำให้เขาหงุดหงิดอย่างมาก
เหลียนเซวียนช้อนตาขึ้นมองสีหน้าหมองคล้ำของอีกฝ่าย ก่อนจะหลุบสายตากลับลงไปอย่างเดิม
เขาไม่คาดหวังอะไรพิเศษกับพระบิดาพระองค์นี้มานานแล้ว
หัวใจของบุรุษผู้นี้นึกถึงแต่ความปรารถนาของตนเองมาเป็อันดับหนึ่ง อะไรที่ไม่ชอบฟังหรือไม่ยินดีมอง ก็เลือกที่จะไม่เชื่อหรือมองข้ามไปเสีย
ตอนเด็กยังไม่รู้ความ มักรู้สึกเสมอว่าถ้ามีเื่อะไร ไปบอกพระบิดา พระองค์จะต้องช่วยจัดการให้ แต่ความเป็จริงก็ให้บทเรียนแก่เขาอย่างรุนแรง
"พ่ะย่ะค่ะ ศิษย์พี่กำลังเดินทางกลับเมืองหลวง"
เขาในตอนนี้ หัวใจด้านชาดั่งศิลามานานแล้ว
"ชิงหลันกลับมาเมื่อไร เรียกเขาเข้าวังทันที" อู่เซวียนตี้ดีใจจนออกนอกหน้า
"พ่ะย่ะค่ะ" เหลียนเซวียนรับปากเรียบๆ
...
[1] น้ำมันเกลือซึมไม่เข้า เป็ความเปรียบถึงคนที่มีทิฐิสูง หัวแข็ง ไม่โอนอ่อนผ่อนตามใครง่ายๆ
