พรุ่งนี้หลงเหยียนจะจากไปแล้ว เซียวอวี่เอ๋อและหลงเหยียนรู้จักกันเพียงสามวันเท่านั้น ทว่านางกลับไม่อยากให้หลงเหยียนจากไป ขณะที่พูดนั้น ร่างเซียวอวี่เอ๋อก็ขยับเข้าใกล้หลงเหยียน หลงเหยียนระวังตัวมากกว่าเดิม ไม่รู้ว่านาง้าทำอะไรกันแน่ เหตุใดถึงเหมือนหยุนฉีไม่มีผิด ทว่านางมีเอกลักษณ์ที่รู้สึกคุ้นเคยนัก จึงทำให้เขาอยากอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า เช่นนั้นหลงเหยียนถึงจะพอใจ
“พี่เหยียน อย่าไปเลยได้หรือไม่ อวี่เอ๋อ อวี่เอ๋อยินดีดูแลท่านไปทั้งชีวิต” ใบหน้าที่งดงามแนบหลงเหยียน
หลงเหยียนแทบหยุดหายใจ ในขณะที่หลงเหยียนยังไม่ทันตั้งตัว เซียวอวี่เอ๋อก็ใช้มือทั้งสองข้างกอดเอวหลงเหยียน เขาสะดุ้งเฮือก จากนั้นก็หลับตาลง คล้ายเป็ผู้ถูกกระทำอย่างไรอย่างนั้น
หลงเหยียนอายุสิบหกปี อยู่ในวัยพลุ่งพล่าน ทว่าเมื่ออยู่ตรงหน้าสตรีนางนี้ ร่างกายเขากลับอ่อนแรง ทำให้ชายชาตรีที่แข็งแกร่งกลับกลายเป็อ่อนแอ
ในความคิดนั้นเขานึกถึงหลงหลิง นั่นคือสตรีผู้เป็ดั่งเซียน ต่อให้หญิงสาวที่ยืนตรงหน้างดงามมากเพียงใดก็มิอาจเทียบชั้น หลงเหยียนใช้พลังปราณขยับหญิงสาวตรงหน้าออกอย่างแ่เบา
หลงเหยียนควบคุมไว้ได้ เขาก็คือสุภาพบุรุษ จิตที่แข็งแกร่งจากิญญาัทำให้เขามีสติขึ้นมามาก
“เสี่ยวอวี่ โปรดระวังกิริยาด้วย ข้า... ข้าหลงเหยียนไม่มีทางเกิดความคิดเช่นนั้นกับเ้าในเวลานี้แน่ ข้าเป็คนยึดในคุณธรรม ไม่หวั่นไหวกับทั้งสุราและสตรีหรอก ข้า ข้าไม่ใช่คนแบบที่เ้าคิด”
หลงเหยียนตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
เซียวอวี่เอ๋อมองหลงเหยียนที่ร่างกายเกิดปฏิกิริยาทว่ากลับพูดปฏิเสธ ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวผู้นี้แสดงถึงความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย จากนั้นนางก็นั่งตัวตรง “พี่เหยียน ดูเหมือนท่านเป็คนที่ไม่เลวเลยจริงๆ ท่านปู่เคยบอกว่า ในชีวิตนี้ เราต้องเผชิญเื่ราวและรูปแบบของคนมากมาย ความจริงเป็เื่ที่โหดร้าย โดยเฉพาะความรัก ความรักคือสิ่งที่แตะต้องไม่ได้ คนที่ส่งยิ้มให้เ้าในวันนี้ บางครั้งอาจทรยศในวันพรุ่งนี้ก็ได้ หากอยากมองโลกนี้อย่างแจ่มแจ้ง เช่นนั้นก็ต้องเบิกตาตนให้สว่างเสียก่อน มองทุกอย่างให้ชัดเจน ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถพึ่งพิงได้ บางครั้ง เพียงชั่วพริบตา หัวใจของเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว”
หลงเหยียนพยักหน้าเบาๆ “ขอบคุณอวี่เอ๋อที่เตือน ข้าก็เกือบลืมไปเสียแล้ว”
ทั้งสองออกจากป่าลึก ต่างก็มีความในใจ เมื่อกลับถึงกระท่อม ไม่รู้ว่าฉินเซียนและเซียวเหยียนกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่ พรุ่งนี้ควรออกเดินทางแล้ว ไม่เช่นนั้น หลงเหยียนคงไปตระกูลอู่ตี้ไม่ทันเวลา
นักหลอมยาเซียวเหยียนหยิบตำราการแพทย์ออกมาจากเสื้อตรงหน้าอก “เสี่ยวหลงเหยียน ถือว่าเรามีวาสนาต่อกัน มันคือสิ่งที่ข้าค้นพบด้วยความยากลำบาก เ้าเอาไปอ่านและวิเคราะห์ดีๆ ไม่แน่มันอาจช่วยเ้าได้มาก”
หลงเหยียนรับตำราการแพทย์มา เปิดหน้าแรกแล้วอ่านตัวหนังสือ้า ‘จุดชีพจรสิบสองจุด และจุดชีพจรยุทธ์แปดจุด ลักษณะของมันเป็การไหลเวียนจากบนลงล่าง มีแค่เส้นชีพจรนามว่าเส้นใต้เท่านั้นที่จะเวียนรอบท้อง โดยเริ่มวนั้แ่ใต้ม้ามและรอบเอวเป็วงกลม รัศมีการวนเหมือนเข็มขัดรัดเอว ชีพจรชง เยิน และฉู่ มีจุดเริ่มต้นชีพจรเดียวกัน ทว่าเมื่อแตกออกไป มันจะแตกแขนงกลายเป็สามสาย และกลายเป็ชีพจรทั้งสามที่แตกต่างกันออกไป’
หลงเหยียนพยักหน้า “ผู้าุโ นี่เป็หนังสือที่ดีมากจริงๆ อีกหน่อยข้าจะอ่านอย่างตั้งใจ ขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิต”
เมื่อพูดจบเขากับฉินเซียนก็คุกเข่าลง คำนับเซียวเหยียนสามครั้ง จากนั้นก็หยิบแผ่นเหล็กออกมาจากถุงผ้าเฉียนคุนแล้วมอบให้ชายชรา
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร อย่างไรก็เชื่อว่าต้องเป็สมบัติบางอย่างแน่ ข้ามอบมันให้ท่านดีกว่า ข้าไม่มีของมีค่าอื่น ถือเป็ของที่ระลึก หากวันหน้ามีโอกาส ข้าต้องกลับมาเยี่ยมเยือนท่านแน่”
เมื่อพูดจบ เซียวเหยียนก็มองแผ่นเหล็กนั้น เขารู้สึกประหลาดใจ “เ้าหมอนี่ไม่เหมือนผู้อื่นจริงด้วย”
เซียวเหยียนพลิกแผ่นเหล็ก กลับยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะบนแผ่นเหล็กมีลำแสงจางๆ ปกคลุมอยู่…
“แผ่น แผ่นเหล็กนี่มีกลไกอะไรบางอย่าง เหมือนมีประตูลับ!”
หลงเหยียนและพวกพ้องตื่นเต้นขึ้นมาทันที จึงเอ่ยถาม “ผู้าุโ ประตูลับคืออะไรหรือขอรับ?” แม้แต่ราชสีห์หิรัณย์เองก็ไม่เคยได้ยินเื่ประตูลับมาก่อน
“ความจริงแล้ว ประตูลับคือวิธีการที่คนในสมัยปัจจุบันใช้มาซ่อนปกปิด ข้าสามารถทำลายประตูลับนี้ได้ คิดว่าคงเปิดกลไกของมันสำเร็จ”
ขณะที่เซียวเหยียนพูดอยู่นั้น พลังปราณระลอกหนึ่งก็ลอยออกมาจากตัว รวบรวมอยู่ที่ประตูลับบานนั้น แล้วลำแสงที่ปกคลุมแผ่นเหล็กก็หายไป
ไม่แปลกใจเลยที่ราชสีห์หิรัณย์ไม่พบความประหลาดของแผ่นเหล็ก ที่แท้มันก็เป็ประตูลับนี่เอง เมื่อก่อนมันไม่เคยได้ยินเื่นี้เลยว่าคนสมัยนี้สามารถสร้างประตูลับได้ด้วย หลังจากประตูลับถูกทำลาย บนแผ่นเหล็กกลับมีกลิ่นอายของกระบี่สังหารั
หลงเหยียนก็สังเกตเห็นเช่นกัน เซียวเหยียนมีความรู้เกี่ยวกับเื่นี้ เมื่อประตูลับจางไป บนแผ่นเหล็กก็ปรากฏผังการควบคุมคล้ายเส้นชีพจร
ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ เหล็กแผ่นนี้ต้องถูกคนสร้างกลไกอะไรบางอย่างแน่ จากนั้นก็ปล่อยเหล็กแผ่นนี้ตกไปในหมู่บ้านตระกูลหยาง พวกเขาเปิดไม่ออก ทว่าก็กลัวคนรู้วิธีการเปิด จึงได้สร้างประตูลับขึ้น สุดท้ายกลับมีคนขโมยมันไป
ตอนนี้รู้ชัดเจนแล้ว อีกหน่อยคงไม่จำเป็ต้องไปหมู่บ้านหยางอีก เวลานี้ ราชสีห์หิรัณย์มุดหัวออกมาจากถุงผ้าเฉียนคุน หลงเหยียนยิ้มพร้อมพูดว่า “สัตว์เลี้ยงน้อยของข้าเป็ยอดฝีมือในการปลดผนึก”
ราชสีห์หิรัณย์คำราม เริ่มใช้พลังรื้อทำลายการควบคุมเหล็กแผ่นนั้น หลงเหยียนมองตาไม่กะพริบ ราชสีห์หิรัณย์มองแล้วก็ไม่เข้าใจ เหตุใดมันถึงมีกลิ่นอายคล้ายกระบี่สังหารั
การควบคุมบนเหล็กแผ่นนั้นเรียบง่ายมากกว่าผนึกบนกระบี่มาก ภายในระยะเวลาหนึ่งก้านธูป ราชสีห์ก็สามารถปลดผนึกได้แล้ว จากนั้นภายในกระท่อมก็ถูกส่องสว่างด้วยแผ่นเหล็ก
ทุกคนมองแผ่นเหล็กด้วยความประหลาดใจ คล้ายก่อตัวกันกลายเป็ภาพวาด ต่อมาก็คล้ายเป็ภาพของลมที่รุนแรง ขณะที่ทุกคนหันไปมองเหล็กแผ่นนั้น ราชสีห์หิรัณย์ก็กัดเหล็กแล้ววิ่งออกไปด้านนอกกระท่อม
“สิงโตน้อย” หลงเหยียนวิ่งตามไปทันที ฉินเซียนและเซียวอวี่เอ๋อรีบตามออกไป ทว่าถูกเซียวเหยียนขวางไว้
“ช่างเถอะ ดูเหมือนบนตัวของหลงเหยียนมีความลับเยอะมากเกินไป อสูรตัวนั้นอยู่ระดับทองคำที่เจ็ด ทั้งยังดูเหมือนฟังหลงเหยียนรู้เื่ ในเมื่อมันหนีออกไป แสดงว่ามันฉลาดนัก ไม่อยากให้ทุกคนรู้ความลับที่ซ่อนในเหล็กแผ่นนั้น”
“ท่านปู่ แค่เหล็กจะมีความลับอะไรได้ หรือมีสมบัติอะไรซ่อนอยู่?”
นักหลอมยาเซียวเหยียนพยักหน้า “หากข้าเดาไม่ผิด เกรงว่าต้องมีสมบัติล้ำค่าซ่อนอยู่กระมัง ข้าััได้ถึงพลังมหาศาลในนั้น คาดว่าต้องเป็การสืบทอดอะไรบางอย่าง”
ราชสีห์หิรัณย์วิ่งออกมาระยะหนึ่ง จากนั้นก็หยุดลง เวลานี้หลงเหยียนก็ตามมาถึงแล้ว
“สิงโตน้อย เ้าหนีอะไร?”
“พี่เหยียน นี่เป็การสืบทอดที่ผู้สูงส่งบางท่านทิ้งไว้ คนส่วนใหญ่ที่ได้รับการสืบทอด ล้วนไม่้าให้คนอื่นเห็นภาพตอนที่ตนยังมีชีวิตอยู่ ไม่เช่นนั้นอาจทำลายประสงค์ของพวกเขา”
ไม่นานหลงเหยียนก็เห็นว่าภาพที่ปรากฏเพราะเหล็กหายไปแล้ว จากนั้นก็ปรากฏภาพยอดฝีมือสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่ มือของหนึ่งในคนนั้นถือกระบี่สังหารัของหลงเหยียน
เมื่อเห็นภาพนี้ หลงเหยียนรู้สึกวูบวาบ เหงื่อออกท่วมตัว เพราะในภาพที่ปรากฏ พละกำลังที่ทั้งคู่ใช้ต่อสู้ดูรุนแรงและน่ากลัวอย่างยิ่ง ราวกับว่าสามารถทำลายพิภพนี้ได้อย่างไรอย่างนั้น
--------------------