บทที่ 19 ศิษย์อัจฉริยะ
ศิษย์สายนอกมากมายบนยอดเขาชิงจู๋ล้วนจนปัญญา ไป๋อวี้รับมือยากจริงๆ แต่ก็ยังห่างชั้นจากฉินชูอย่างเห็นได้ชัด
ตอนเผชิญหน้ากับฉินชู พวกเขารู้สึกไร้พลังอย่างสิ้นเชิงและไม่มีทางโจมตีโดนตัวเขาได้เลย ตอนนี้พวกเขาต่างพากันจับตามองสถานการณ์หลังจากนี้ หากฉินชูสามารถเอาชนะศิษย์สายนอกบนยอดเขาชิงหยุนได้จริงๆ ต่อให้พวกเขาต้องเสียหน้าก็ไม่เป็ไร แต่ถ้าเอาชนะไม่ได้ พวกเขาก็จะรุมเล่นงานฉินชูเสีย ไม่งั้นพวกเขาคงต้องแบกรับความรู้สึกขายขี้หน้าแบบนี้อยู่ร่ำไป
ฉินชูมาถึงยอดเขาชิงหยุนและรับภารกิจมามากมายท่ามกลางสายตาไม่เป็มิตรจากบรรดาลูกศิษย์
เมื่อรับภารกิจเสร็จก็ออกจากหอคุณูปการ แต่ตัวยังไม่ทันพ้นคานประตู หลิ่วเจ๋อกับพวกพ้องก็เข้ามาขวางเขาเอาไว้
“อะไรกัน ไม่กล้ารอจนถึงวันที่ข้าจะมาท้าสู้หรือไง พวกเ้าจะลงมือตอนนี้เลยหรือ” เมื่อเห็นหลิ่วเจ๋อ มือของฉินชูก็เอื้อมไปแตะด้ามกระบี่ทันที เขาในตอนนี้อาจยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกหลิ่วเจ๋อ แต่เขาไม่มีทางนั่งรอความตายแน่นอน
สายตาของหลิ่วเจ๋อที่จ้องมองฉินชูนั้นอัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร เื่ขายขี้หน้าของเธอที่เกิดขึ้นบนยอดเขาชิงหยุนถูกลือสะพัดไปทั่วยอดเขาชิงหยุน แม้คนอื่นไม่พูดกับปาก แต่ภายในใจกลับไม่พอใจเป็อย่างยิ่ง ไม่พอใจในความอวดดีของหลิ่วเจ๋อ หากอวดดีที่ยอดเขาชิงหยุนคงไม่เป็ไร แต่นี่กลับไปอวดดีที่ยอดเขาชิงจู๋ ซ้ำยังถูกหยามกลับมาอีก แบบนี้ถือเป็จุดด่างพร้อยของยอดเขาชิงหยุนเลยก็ว่าได้
“ไปตายซะ!” หลิ่วเจ๋อชักกระบี่ออกมา
“ข้ารู้ว่าเ้าอยากฆ่าข้า แต่เ้ากล้าหรือ” ฉินชูมองหลิ่วเจ๋ออย่างดูถูก
“ฟันแขนเ้าขาเ้าสักข้างจะเป็ไรไป” หลิ่วเจ๋อง้างกระบี่ขึ้น เธออยากฆ่าฉินชูให้ตายเต็มทน แต่ด้วยกฎของสำนัก เธอจึงทำไม่ได้ ทว่าหากเธอสามารถทำให้ฉินชูพิการได้ ก็ถือว่าเป็การระบายอารมณ์สักเล็กน้อย
ทันใดนั้นเอง ผู้ดูแลอวี่ก็เดินเข้ามาในหอคุณูปการ “หลิ่วเจ๋อ ขืนเ้าลงมือวันนี้ขึ้นมา ยอดเขาชิงหยุนจะต้องแบกรับความขายขี้หน้าไปตลอดกาล เื่ที่เ้าไปสร้างเื่ที่ยอดเขาชิงจู๋ ในฐานะผู้ดูแลอย่างข้าไม่อยากบ่นอะไรเ้ามากนัก คนที่แข็งแล้วทำตัวอวดเบ่งถือเป็เื่ปกติ แต่ตอนนี้ข้าชักจะรู้สึกผิดหวังกับเ้าเสียแล้ว”
“หลิ่วเจ๋อ ถึงเ้าจะไม่อาย แต่อย่างน้อยก็ต้องไว้หน้ายอดเขาชิงหยุนบ้าง” หญิงสาวในชุดขาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาด้านหลังหลิ่วเจ๋อ
เมื่อเห็นหญิงสาวคนนี้ หลิ่วเจ๋อถึงกลับหน้าถอดสี ก่อนโค้งตัวคารวะ “คารวะศิษย์อาเ้าค่ะ”
“เ้าคือฉินชูใช่หรือไม่ หากเ้าเอาชนะศิษย์สายนอกบนยอดเขาชิงหยุนนี้ได้ ข้าซั่งชูอวี๋คนนี้จะรอคำท้าสู้ของเ้าตอนที่เ้ามาท้าสู้ศิษย์สายในที่นี่” หญิงสาวชุดขาวมีนามว่าซั่งชูอวี๋
ในดวงตาวาวประกายของเธอสะท้อนแววตาเยือกเย็นเอาไว้ เส้นผมดำเงาปลิวสยาย ฉินชูคิดว่าซั่งชูอวี๋ช่างสวยงามยิ่งนัก ทั้งรูปร่างและมาดราศีล้วนแผ่มนตร์เสน่ห์น่าหลงใหลออกมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด
“ขืนเ้ายังจ้องอยู่อีก ข้าจะควักลูกตาของเ้าทิ้งซะ” เมื่อสังเกตเห็นสายตาของฉินชู ศิษย์สายในคนหนึ่งก็พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“เอ่อ... ต้องขออภัย ทุกคนล้วนชื่นชอบความสวยงามเป็ธรรมดา ข้าก็แค่อยากจะชมให้นานเท่าที่จะนานได้ เอาไว้ข้าจะมาท้าสู้กับศิษย์สายในบนยอดเขาชิงหยุนให้จงได้” ฉินชูละสายตาออกมาก่อนพูด
ซั่งชูอวี๋กวาดมองฉินชูพลางเอ่ย “แล้วข้าจะรอ”
ออกจากนอกประตูหอคุณูปการไปได้สักพัก ฉินชูก็หันกลับมาโบกมือให้ซั่งชูอวี๋ ทำเอาพวกลูกศิษย์บนยอดเขาชิงหยุนอยากจะฆ่าเขาให้ตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เพราะซั่งชูอวี๋เปรียบเสมือนเทพธิดานางฟ้าของยอดเขาชิงหยุน แล้วท่าทางลุ่มหลงของฉินชูเช่นนั้นมันก็ช่างขัดหูขัดตาพวกเขาเหลือเกิน
“ซั่งชู เ้าใกล้จะบรรลุตบะและเลื่อนขั้นเป็ศิษย์สายหลักแล้วไม่ใช่หรือ” ผู้ดูแลอวี่มองซั่งชูอวี๋
ซั่งชูอวี๋ประสานมือคารวะผู้ดูแลอวี่เล็กน้อย “่นี้ข้ากำลังฝึกวิชายุทธ์อยู่แขนงหนึ่งและอยากจะทำให้พลังมันเสถียรเสียก่อน แล้วค่อยเข้าฌานฝึกตนเพื่อบรรลุตบะขั้นที่สี่หลิงหยวนเ้าค่ะ”
“เ้าเป็ลูกศิษย์ผู้ปราดเปรื่องที่สุดคนหนึ่งของยอดเขาชิงหยุน ดังนั้นจงอย่าได้ว่อกแว่กหลุดออกจากวิถีฝึกตนของตัวเองเพียงเพราะความคิดอยากจะต่อสู้เพียงชั่ววูบละ” ผู้ดูแลอวี่พูดกับซั่งชูอวี๋
เธอประสานมือให้ผู้ดูแลอวี่อีกครั้งก่อนจากไปโดยไม่สนใจหลิ่วเจ๋อแม้แต่น้อย
เมื่อฉินชูออกจากยอดเขาชิงหยุนมาก็เดินผ่านเขตรอบนอกของเขาชิงจู๋ไป และมุ่งหน้าเข้าสู้เขตป่ารกร้างเพื่อทำภารกิจ ครั้งนี้เขารับภารกิจมาค่อนข้างเยอะ เพราะเขายัง้าแต้มคุณูปการ ระบบการแลกแต้มคุณูปการของสำนักชิงหยุนค่อนข้างเป็ประโยชน์ยิ่งนัก เพราะสามารถแลกตำรายุทธ์และอาวุธได้ตามน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง และขณะทำภารกิจก็ถือเป็การได้ขัดเกลากระบวนท่ากระบี่พื้นฐานไปในตัวอีกด้วย
หลังจากฉินชูจากไป ใบหน้าของหลิ่วเจ๋อก็เต็มไปด้วยแววเกลียดชัง เพราะตัวเธอกลายเป็ตัวตลกและถูกซั่งชูอวี๋ตำหนิต่อหน้าคนอื่น แม้เธอจะเป็ลูกศิษย์ตำแหน่งผู้าุโระดับสาม แต่เมื่อเทียบกับตำแหน่งของซั่งชูอวี๋แล้ว ยังห่างกันอยู่ไกลโข ซั่งชูอวี๋ฝากตัวเข้าสำนักช้ากว่าเธอถึงสามปี แต่กลับบรรลุตบะขั้นที่สามเจินหยวนระดับสูงสุดได้่ต้นปีนี้ ฝึกตนได้เร็วกว่าเธอหลายเท่าตัว นอกจากนี้ยังเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน จากศิษย์สายนอก สู่ศิษย์สายในและทุกๆ ปี ซั่งชูอวี๋ยังถูกจัดเป็กลุ่มหัวกะทิของการประลองยุทธ์บนยอดเขาชิงหยุน
ท่านปรมาจารย์ผู้คุมยอดเขาชิงหยุนแห่งนี้บอกว่าความสามารถในการฝึกตนของซั่งชูอวี๋ช่างเปี่ยมไปด้วยพร์อย่างน่าใ และที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือพร์ในทักษะการต่อสู้
“มีคนบอกว่าเห็นหลินชางกับมู่เหย่สะกดรอยตามฉินชูไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้ยังไม่กลับมาอีก มีความเป็ไปได้ที่จะถูกฉินชูจัดการ พวกเราออกไปตามหากันดีกว่า” หลังจากระงับความเดือดดาลในใจลง หลิ่วเจ๋อก็เอ่ยปากพูดขึ้น
“เป็ไปไม่ได้ ถึงฉินชูจะสามารถโค่นศิษย์สายนอกได้ก็จริง แต่พลังของเขายังห่างชั้นกับหลินชางและมู่เหย่อยู่มาก” ชายคนหนึ่งเอ่ยปากพูดขึ้น เขาเป็หนึ่งในผู้ติดตามหลิ่วเจ๋อมีนามว่าหลิ่วหยุน
“เ้าฉินชูคนนี้ถือว่าเป็ตัวอันตราย ดังนั้นจะทำอะไรก็ต้องระวังหน่อย” หลิ่วเจ๋อเลิกสบประมาทฉินชูแล้ว
ณ ปากทางเข้าหอคัมภีร์ ลู่หยวนกำลังพูดคุยกับโม่เต้าจื่อและหลิงหยุนจื่ออยู่
“เรียนท่านผู้เฒ่าที่เคารพทั้งสองท่าน ศิษย์ผู้นี้ไม่สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของฉินชูได้ ส่วนศิษย์รับใช้ที่ชื่อไป๋อวี้นั้นมาจากตระกูลไป๋ ก่อนหน้านี้เขาสร้างเื่เอาไว้ที่ตระกูล เลยแอบหนีออกจากตระกูลไป๋มาขอรับ” ลู่หยวนรายงาน ่ที่ผ่านมาเขาได้ตรวจสอบประวัติของฉินชูกับไป๋อวี้ ไป๋อวี้นั้นตรวจสอบง่ายหน่อย แต่ประวัติของฉินชูกลับว่างเปล่า
“ไม่ต้องตรวจสอบแล้ว ในเมื่อมาอยู่ในสำนักชิงหยุนแล้วก็คือคนของสำนักชิงหยุน ปล่อยให้พวกเขาได้อาศัย่เวลาอันเืร้อนของวัยรุ่น พัฒนาตัวเองให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ไปแล้วกัน” โม่เต้าจื่อพูดขึ้น
ในเวลาเดียวกันฉินชูเองก็มาถึงเขตรอบนอกเขามี่หยุน เขาเสาะหาสมุนไพรไปเรื่อยๆ ตอนนี้ประสิทธิภาพของน้ำโอสถที่เข้าใช้จุ่มแช่ไม่ค่อยได้ผลดีเท่าไร ดังนั้นจำเป็ต้องปรับเปลี่ยนส่วนผสม
ครั้นเจอกับสัตว์อสูร ฉินชูเองก็ไม่เคยหนีถอย เขาพุ่งเข้าใส่พร้อมกับกระบวนท่ากระบี่อันคมกริบ แม้เป็กระบวนท่าพื้นฐาน แต่คมกระบี่ของเขาไร้ที่ติจนไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนต้านทานได้
ตอนนี้ฉินชูมีทั้งเข็มขัดเก็บของ กำไรมิติและแหวนมิติติดตัว ทำให้การเก็บของส่งมอบเป็ไปอย่างราบรื่นยิ่งนัก เขาเพียงแค่โยนของที่เก็บมาได้ใส่ๆ ยัดๆ เข้าไปก็เท่านั้น
ตกดึกตัวเขาก็กินโอสถจวี้หยวนและเข้าฌานฝึกตน หลังจากเก็บโอสถจวี้หยวนและหนิงหยวนจนเพียงพอสำหรับการฝึกตนของตัวเองแล้ว ส่วนที่เหลือก็ให้เอ้อพั่งไป
พลังปราณที่เข้มข้นขึ้นในจุดตันเถียนทำให้เขาพอใจเป็ที่สุด มันช่างเป็ความรู้สึกที่น่าปลาบปลื้มยิ่งนัก
ฉินชูฝึกตนจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เขามุ่งหน้าทำภารกิจต่อไปเรื่อยๆ หากเขารักษาจังหวะและความสม่ำเสมอแบบนี้ต่อไป ไม่นานคงบรรลุขั้นจวี้หยวนระดับเก้า เมื่อถึงตอนนั้นจะได้วางแผนบรรลุขั้นที่สองหนิงหยวนที่เป็มาตรฐานการเลื่อนขั้นสู่ตำแหน่งศิษย์สายนอกของสำนักชิงหยุน