“ข้าจะขอกล่าวตามตรง เป็ฮุ่ยเมี่ยนเนื้อแพะเ้าค่ะ สิ่งที่ต้องใช้ก็คือ น้ำแกงเนื้อแพะ”
หูเอ้อร์หัวเราะออกมา กล่าวด้วยรอยยิ้มมั่นใจว่า “น้ำแกงเนื้อแพะ พวกเราสองคนก็ทำเป็”
“น้ำแกงเนื้อแพะที่ท่านทำเป็มิใช่น้ำแกงที่ข้ากล่าวถึง น้ำแกงเนื้อแพะที่ข้ากล่าวถึงแปลกใหม่กว่าของพวกท่าน ทั้งยังมีเครื่องโรยหน้าด้วย” หลี่หรูอี้เห็นพวกเขาสองคนสบตากัน ก็ไม่คิดพูดจาไร้สาระกับพวกเขาให้เสียเวลาอีก “ราคาแปดสิบตำลึง”
เมื่อได้ยินดังนั้นครอบครัวหลี่ก็ตื่นตะลึง สูตรก๋วยเตี๋ยวฮุ่ยเมี่ยนเนื้อแพะคราวนี้แพงกว่าสูตรแป้งย่างใส่ไข่ถึงเกือบสามเท่าเชียว
“แปดสิบตำลึงก็แปดสิบตำลึง พวกเราอยากจะดูสักหน่อยว่าน้ำแกงเนื้อแพะที่เ้ากล่าวถึงคือน้ำแกงอะไร” หูเอ้อร์คิดในใจว่า แม่นางน้อยผู้นี้เป็พยาธิในท้องของพวกเขาหรือไรกัน รู้ด้วยว่าพวกเขาพกเงินมาแปดสิบตำลึง ช่างเถิด ใกล้ปีใหม่แล้ว ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะทำฮุ่ยเมี่ยนเนื้อแพะให้จวนอ๋อง เ้านายจะต้องมอบรางวัลให้อย่างงามแน่นอน
เหอซานกล่าวขึ้นว่า “ยังมีเครื่องโรยหน้าเ่าั้ด้วย เ้าบอกหน่อยเถิดว่ามันคืออะไร”
“เขียนสัญญาก่อนค่อยว่ากันเ้าค่ะ” หลี่หรูอี้ยังคงทำตามกฎ มิได้ลดหย่อนขั้นตอนการค้าขายให้พวกเขาเพียงเพราะเห็นพวกเขาเป็ลูกค้าเก่า
ตอนนี้หม่าซงพาคนมารับเต้าหู้พอดี ครอบครัวหลี่เชิญคนกลางมาด้วย เพียงแค่ค่าคนกลางก็ต้องจ่ายเงินไปห้าตำลึงแล้ว
หม่าซงมิได้ทำการค้ากับบ้านหลี่เพียงครั้งเดียว เพียงแค่ขายเต้าหู้ตระกูลหลี่ก็ได้เงินถึงเกือบร้อยตำลึงแล้ว นี่ยังไม่รวมกิจการค้าใบชาและผ้าไหมที่รุ่งเรืองขึ้นตามการขายเต้าหู้เ่าั้ด้วย
ในตอนที่หม่าซงเห็นหูเอ้อร์และเหอซานหยิบตั๋วเงินออกมา ก็รู้สึกสงสัยจึงจงใจกล่าวกับหลี่ซานด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “บ้านเ้าจะขายสูตรฮุ่ยเมี่ยนเนื้อแพะ เหตุใดไม่บอกข้าสักคำเล่า ข้ามีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ข้างนอกสองร้าน จะสู้ร้านในตำบลไม่ได้เชียวหรือ เห้อ... หลี่ซาน ท่านทำเช่นนี้ไม่มีน้ำใจเลยจริงๆ”
หลี่ซานคิดเป็จริงเป็จังจึงรีบโบกมือแล้วกล่าวด้วยท่าทางอึดอัดว่า “เถ้าแก่หม่า เื่นี้ครอบครัวข้าคิดไม่รอบคอบเอง ต่อไปหากจะขายสูตรอาหารจานแป้งอีกจะต้องบอกท่านแน่นอน”
หูเอ้อร์รีบยัดตั๋วเงินให้หลี่ซานแล้วกล่าวอย่างร้อนใจว่า “ไม่ต้องแล้ว พวกเราทำการค้ากับบ้านเ้ามาสองครั้งแล้ว นับเป็สหายกัน พวกเ้าจะขายสูตรอาหารจานแป้งให้ผู้อื่นอีกได้อย่างไร”
เหอซานทราบดีว่าผู้ที่เป็คนตัดสินใจเื่ต่างๆ ในบ้านหลี่มิใช่หลี่ซาน จึงหันไปกล่าวกับหลี่หรูอี้อย่างจริงใจว่า “คุณหนูหลี่ ทุกเื่ย่อมมาก่อนได้ก่อน มาหลังได้หลัง พวกเรารู้จักครอบครัวเ้าก่อนเขา เ้าจะต้องเก็บสูตรอาหารจานแป้งไว้ให้พวกเรา”
“เ้าค่ะ” หลี่หรูอี้รับตั๋วเงินที่หลี่ซานส่งมาให้ จากนั้นจึงยัดใส่เข้าไปในถุงเงิน นางอารมณ์ดียิ่งนัก รีบส่งสูตรให้เหอซานแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “เมื่อครู่ข้าเขียนสูตรเครื่องโรยหน้าและน้ำแกงเนื้อแพะลงไปในกระดาษแล้ว พวกท่านไปที่ห้องครัวกับข้าเถิด ข้าจะสอนพวกท่านทำฮุ่ยเมี่ยน”
สองศิษย์พี่น้องหนึ่งอ้วนหนึ่งผอมเดินตามนางไปติดๆ ขณะที่หูเอ้อร์เดินไปถึงประตูยังจงใจยักคิ้วให้หม่าซงที่อยู่ไม่ไกลด้วยท่าทางยียวนอีกด้วย
“พวกเขาไม่ใช่พ่อค้า” หม่าซงเดินทางมาแล้วั้แ่เหนือจรดใต้ ไม่ว่าคนเช่นไรก็เคยพบทั้งสิ้น จึงมีสายตาเฉียบคมยิ่งนัก เพียงมองก็ทราบว่าพวกเขาสองคนมิใช่พ่อค้าที่เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว
หลี่ซานถามอย่างแปลกใจ “เช่นนั้นพวกเขาทำอะไร”
หม่าซงกล่าวอย่างเนิบช้า “ข้าดูแล้วพวกเขาคล้ายพ่อครัวในจวนผู้สูงศักดิ์เสียมากกว่า”
เด็กชายทั้งสี่แห่งบ้านหลี่กล่าวขึ้นพร้อมกันด้วยความแปลกใจ “ลุงหม่า ท่านดูออกได้อย่างไร”
หม่าซงหรี่ตา “ดูจากการแต่งกายและอาภรณ์ที่สวมใส่ รวมไปถึงกิริยาท่าทางและคำพูดคำจา”
ในห้องครัวมีเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกใจของหูเอ้อร์และเหอซานดังแว่วออกมา “ที่แท้เส้นฮุ่ยเมี่ยนก็ทำเช่นนี้นี่เอง ใส่เกลือลงไปในแป้งด้วย”
“ประเดี๋ยวก่อน ขอข้าดูสูตรน้ำแกงเนื้อแพะก่อน”
“มีเครื่องโรยหน้าด้วย”
หลี่หรูอี้มีความอดทนสูง นางรอครู่หนึ่งแล้วถามกลับไปว่า “เป็อย่างไรบ้าง”
“แตกต่างจากสูตรน้ำแกงเนื้อแพะที่พวกเราทำเป็จริงๆ สูตรของเ้าสามารถขจัดกลิ่นของเนื้อแพะออกไปได้ เมื่อเป็เช่นนี้ก็ทำให้คนที่ไม่ชอบกลิ่นของเนื้อแพะกินได้ด้วย”
“น้ำแกงเนื้อแพะที่พวกเราทำก่อนหน้านี้ไม่ได้เปลี่ยนน้ำหลังต้มเสร็จ แต่ใส่ลงไปในน้ำแกงโดยตรงเลย ส่วนสูตรของเ้าจะนำเนื้อแพะสุกออกมาจากน้ำแกง รอให้เย็นก่อนแล้วนำมาหั่นเป็ชิ้น นำไปเป็เครื่องโรยหน้าร่วมกับหวงฮวา เห็ดหูหนู และเห็ดอื่นๆ”
หลังจากหูเอ้อร์และเหอซานเรียนรู้วิธีการทำฮุ่ยเมี่ยนและอ่านสูตรน้ำแกงเนื้อแพะเรียบร้อยแล้ว ความสงสัยทั้งหมดก็ถูกคลี่คลาย พวกเขารู้สึกพึงพอใจมาก จนคิดว่าหากบ้านหลี่ไม่ยากจนคงไม่ขายสูตรเป็แน่ พวกเขาทำเช่นนี้นับว่าเอาเปรียบบ้านหลี่แล้ว
หม่าซงทำการค้ากับบ้านหลี่จนได้เงินมามากมายและยังเป็ที่นิยมไปทั่ว ไหนเลยจะยอมรับค่าคนกลาง จึงมอบเงินห้าตำลึงให้หลี่หรูอี้
หนึ่งชั่วยามต่อมาหม่าซงและพวกหูเอ้อร์กลับไปแล้ว บ้านหลี่จึงกลับสู่ความสงบอีกครั้ง
หลี่หรูอี้คำนวณบัญชีแล้วกล่าวว่า “ขายสูตรวันนี้ได้เงินมาแปดสิบห้าตำลึง ขายเต้าหู้ให้ลุงหม่าได้ไม่ถึงเจ็ดตำลึง ท่านพ่อ ข้าให้ท่านสองตำลึง”
หลี่ซานไม่ได้ทำอะไรก็ได้เงินมาเปล่าๆ สองตำลึงย่อมรู้สึกยินดี เขากล่าวอย่างใส่ใจว่า “ลูกสาว สูตรของเ้าก็อย่าเอาไปขายหมดเล่า ต่อไปต้องนำติดตัวไปบ้านสามีด้วย”
จ้าวซื่อตำหนิไปว่า “ดูเถิด คนเป็พ่อเช่นเ้าพูดอะไรออกไป หยอกล้อบุตรสาวเช่นนี้ได้อย่างไร”
หลี่ซานกล่าวตอบ “ข้าพูดจริง หากลูกสาวส่งมอบผลประโยชน์ทั้งหมดให้พวกเรา ต่อไปหากแต่งไปบ้านสามีแล้ว บ้านสามีจะตำหนิเอาได้”
จ้าวซื่อเห็นบุตรีสุดที่รักมีใบหน้าไร้อารมณ์ ในใจก็คิดว่าอีกฝ่ายยังอายุน้อยเกินไป ไม่เคยคิดถึงเื่เช่นนี้มาก่อน จึงค่อยๆ กล่าวกับสามีว่า “ที่ท่านพูดก็มีเหตุผลอยู่หลายส่วน แต่ข้าคิดว่าบ้านสามีเช่นนี้ไม่มีก็ช่างเถิด”
หลี่หรูอี้รีบกล่าวทันควัน “ใช่แล้ว คนที่เอาแต่นึกถึงสูตรของข้าย่อมไม่ใช่คนดี ไม่แต่งก็ช่างเถิด” นางนับเงินสิบตำลึงมาให้จ้าวซื่อ ส่วนเงินที่เหลือนางคิดเอาไว้แล้ว หากพี่ชายทั้งสี่ได้เป็ลูกศิษย์ของเจียงชิงอวิ๋น นางจะไปซื้อบ้านที่อำเภอฉางผิง เช่นนี้ก็สะดวกให้พี่ชายเดินทางไปเรียนที่จวนเจียง
ก่อนหน้านี้ตอนที่นางไปซื้อบ่าวไพร่ที่อำเภอฉางผิง เคยได้ยินคนกลางพูดถึงเื่ราคาบ้านมาแล้ว
บ้านในเขตทุรกันดารของอำเภอ หากเป็บ้านหนึ่งลานเรือน โดยมีห้องหกห้องและบ่อน้ำจะนับเป็บ้านที่ค่อนข้างดี ราคาห้าสิบตำลึง
บ้านสองลาน มีห้องสิบห้องและบ่อน้ำ ราคาแปดสิบตำลึง
หากเป็บ้านสามเรือนต้องใช้เงินร้อยยี่สิบตำลึง
หากเป็บ้านบนถนนหลัก ราคาก็จะสูงยิ่งขึ้น
ครอบครัวของนางมีคนมาก อีกไม่กี่ปีพี่ชายทั้งสี่ก็จะบรรลุนิติภาวะแล้ว บ้านหนึ่งลานย่อมไม่พออยู่ อย่างน้อยต้องเป็บ้านห้าลาน
ขณะที่นางกำลังไตร่ตรองเื่ซื้อบ้านในอำเภอ หลี่ซานก็กำลังไตร่ตรองเื่ซื้อที่ดิน
ตอนนี้ในมือหลี่ซานสะสมเงินได้สิบกว่าตำลึงแล้ว เงินสี่ตำลึงซื้อที่ดินดีๆ ได้หนึ่งหมู่ ตอนนี้มีพอที่จะซื้อที่ดินได้หลายหมู่แล้ว
เดิมทีเขาอยากซื้อที่ดินในหมู่บ้านหลี่ จึงลองถามกับคนรู้จักหลายคน แต่เขาย่อมรู้สึกไม่ดีที่จะต้องกดราคา เช่นนั้นไปซื้อจากคนนอกหมู่บ้านที่ไม่รู้จักกันจะดีกว่า ที่ดินดีๆ หนึ่งหมู่อาจได้ราคาถูกลงหลายร้อยทองแดง ซื้อหลายหมู่ก็ประหยัดไปหลายตำลึง
สองวันมานี้ในบ้านยุ่งอยู่กับการทำเต้าหู้หลายพันชั่งให้หม่าซง เขาจึงไม่ได้คิดเื่นี้ แต่ตอนนี้มีเวลาแล้ว ทั้งยังมีเงินมากมาย สามารถทำความคิดให้เป็จริงได้แล้ว
“ซู่เหมย ข้าจะไปที่นอกหมู่บ้านสักหน่อย” หลี่ซานบอกกับจ้าวซื่อแล้วจึงเดินออกไป ขี่ลาหรือ หึ... แน่นอนว่าไม่ขี่ หากคนขายที่ดินรู้ว่าที่บ้านเขามีลา ราคาที่ดินคงต้องสูงขึ้นแน่
หลี่หรูอี้เดินเข้ามาเห็นจ้าวซื่อกำลังให้นมน้องชายอยู่ จึงถามไปว่า “ท่านแม่ ท่านพ่อออกไปทำอะไรคนเดียวเ้าคะ”
“ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร” จ้าวซื่อนึกไปถึงตอนที่สามีเดินออกไปเมื่อครู่นี้ แววตาของเขาเปล่งประกายดูตื่นเต้นเป็อย่างยิ่ง ไม่เหมือนออกไปเดินเล่นเพียงเท่านั้น หรือว่า… “วันนี้เ้าให้เงินเขาไปอีกสองตำลึง เขามีเงินสะสมเกือบยี่สิบตำลึง เ้าว่าเขาจะทำอะไรเล่า”
หลี่หรูอี้เปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงแ่เบา “ท่านพ่อคงไม่ไปสถานที่เช่นนั้นหรอกกระมัง?”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้