ในฐานะศิษย์หลักของตำหนักดาวเหนือ ซ่งอวี้ชุนไม่เพียงแต่มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น แต่ยังมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย นางติดอยู่ที่ระดับสูงสุดของขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้ามาเป็เวลาสองปีแล้ว ทว่าความแข็งแกร่งของนางนั้นค่อนข้างแข็งแกร่งดีจริงๆ
ซ่งอวี้ชุนเป็คนใจแคบ นางขี้อิจฉาอย่างถึงที่สุด และไม่เคยคำนึงถึงผู้อื่นเลย
นอกจากนี้ตระกูลซ่งยังมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง และในตระกูลของนางยังมีปรมาจารย์อยู่ด้วย ซึ่งทำให้นางมีนิสัยบ้าอำนาจั้แ่อายุยังน้อย ใครก็ตามที่กล้าขัดแย้งกับนางจะถูกลงโทษด้วยหมัดและเท้า ทั้งยังถูกกวาดล้างทั้งตระกูลอีกด้วย
ซูอวิ๋นมองหมัดของซ่งอวี้ชุนโดยไม่คาดหวังอะไรมากนัก
แม้ความแข็งแกร่งของซ่งอวี้ชุนจะถือว่าโดดเด่นในหมู่สหายร่วมสำนัก แต่ซูอวิ๋นรู้ดีว่าหมัดนี้ไม่สามารถคุกคามหนิงเทียนได้
ความเข้าใจของถังจิ้นอู่เกี่ยวกับหนิงเทียนนั้นจำกัดอยู่เพียงสิ่งที่ได้ยินมา และเขาไม่เคยเห็นหนิงเทียนทำอะไรด้วยตาของตนเอง ในความเห็นของเขา หมัดของซ่งอวี้ชุนปล่อยออกไปนั้นเป็ไปตามพลังที่ขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้าควรมี และมันมากพอที่จะจัดการหนิงเทียน และทำให้เขาคุกเข่ายอมรับความพ่ายแพ้
“ศิษย์ตำหนักดาวเหนือ สมควรได้รับชื่อเสียงในด้านการทำความสะอาดมดตามที่คาดไว้...”
ถังจิ้นอู่ไม่ตระหนี่คำชม ท้ายที่สุดแล้วซ่งอวี้ชุนก็มีความงามที่ยิ่งใหญ่ในสายตาของเขา
ในแง่ของความงาม ซ่งอวี้ชุนเคยงามที่สุดในบรรดาศิษย์หลักในสาขากูอวิ๋นของตำหนักดาวเหนือ ความงามของนางไม่ด้อยไปกว่าซูอวิ๋นอย่างแน่นอน เพียงแค่ทั้งสองมีบุคลิกที่ต่างกัน
ยิ่งไปกว่านั้นในบรรดาซูอวิ๋น ถังจิ้นอู่ และซ่งอวี้ชุน แม้ซ่งอวี้ชุนจะมีขอบเขตต่ำที่สุด แต่ในแง่ของสถานะ นางถือว่าสูงที่สุด เพราะนางเป็ศิษย์ของหนึ่งในสามสำนักที่ยิ่งใหญ่ของซิงซิวซึ่งเป็ของสำนักชั้นหนึ่งในดินแดนหยวนซิง ขณะที่ซูอวิ๋นและถังจิ้นอู่ล้วนเป็เพียงศิษย์หยวนซิวจากสำนักชั้นสองเท่านั้น
เมื่อมองซ่งอวี้ชุนที่ลงมือด้วยความโกรธ หนิงเทียนก็หัวเราะเยาะ “ช่างโง่เขลาเสียจริง”
หนิงเทียนซึ่งแต่เดิมสงบราวกับสาวพรหมจารี จู่ๆ ก็กลายเป็เหมือนพยัคฆ์คลั่ง มือขวาออกหมัดออกไปด้วยสีหน้าเ็า พลังิญญาจำนวนนับไม่ถ้วนในความว่างเปล่ารวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็หมัดรุนแรง พลังของหนิงเทียนราวกับเปลวเพลิงผลาญห้วงอากาศ
เมื่อถังจิ้นอู่เห็นเช่นนี้ เขาก็หัวเราะและพูดว่า “โต้กลับหรือ? ช่างกล้าระ...”
ก่อนจะเอ่ยคำว่า ‘รนหาที่ตาย’ จบ หมัดของหนิงเทียนก็ปะทะกับหมัดของซ่งอวี้ชุน หมัดที่ดุร้ายและรุนแรงกระแทกพื้นราวกับอุกกาบาต เปลวเพลิงเดือดคำรามพร้อมเสียงแตก ตามมาด้วยกระดูกหักและเสียงกรีดร้อง ก่อนร่างหนึ่งจะลอยกระเด็นกลับหัวกลับหางออกไป
ดวงตาของซูอวิ๋นเบิกกว้าง รูม่านตาของนางกระชับขึ้น แววตาเริ่มมืดมน
ซ่งอวี้ชุนกรีดร้องลั่น แขนขวาของนางถูกหมัดของหนิงเทียนทำลายจนแตกเป็เสี่ยงๆ ยามนี้นางเหลือเพียงไหล่เปลือยเปล่าและเืที่พุ่งกระฉูด
ความเ็ปรุนแรงทำให้ใบหน้านางบิดเบี้ยว นางทั้งใและหวาดกลัว ทว่าที่เหนือกว่าคือความรู้สึกรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง
ริมฝีปากของถังจิ้นอู่ที่อ้าออกครึ่งหนึ่งกลายเป็อ้าค้างด้วยความใ เขารู้สึกราวติดอยู่ในความฝันก็ไม่ปาน
หนิงเทียนนิ่งเฉยราวคลื่นลมสงบ เขาทำราวกับหมัดเมื่อครู่คือการตบยุงที่เต็มไปด้วยความรังเกียจและความเฉยเมย
ครู่ต่อมาหนิงเทียนก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายซ่งอวี้ชุน ร่างของเขาราวกับเงาที่พาดผ่านท้องฟ้า ทอดยาวไปหลายสิบจั้ง มือขวาของเขาตบไหล่เบาๆ ทันใดนั้นซ่งอวี้ชุนก็รู้สึกถึงน้ำหนักของเขาไท่ซาน และอดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลงบนพื้นหญ้าริมทะเลสาบ
เืไหลออกมาจากปากและจมูกของซ่งอวี้ชุน อวัยวะภายในทั้งห้าล้วนได้รับความเสียหาย ดวงตาที่โกรธแค้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและกังวล
หนิงเทียนยืนอยู่ตรงหน้านางพร้อมทั้งเอ่ยเยาะเย้ย “ตอนนี้เชื่อแล้วหรือยัง? ข้าบอกเ้าแล้วว่าหญิงเลวคนนั้นอยากให้เ้าตายอย่างจริงใจ ทว่าเ้ากลับซาบซึ้งใจต่อนาง ช่างโง่เขลาและน่าสงสารยิ่งนัก”
ซ่งอวี้ชุนทั้งอับอายและโกรธ นางไม่เคยถูกดูิ่เช่นนี้มาก่อน นางหวังว่าตนจะสามารถต่อสู้กับหนิงเทียนได้ แต่ความสยดสยองภายในทำให้นางไม่สบายใจและหวาดกลัว
“หนิงเทียน ข้าต้องปล่อยเ้าไป ข้าจะ...อ๊าก!!!”
หนิงเทียนตบนาง ยามนี้ปากของนางบิดเบี้ยวไปเสียแล้ว
“ความตายนั้นใกล้เข้ามาแล้ว เ้ายังโง่เขลาอยู่อีก ไม่รู้จริงๆ ว่าเ้ามีชีวิตอยู่จนแก่ขนาดนี้ได้อย่างไร”
“เ้ากล้าทำร้ายข้า ปู่ของข้าเป็ปรมาจารย์ของตำหนักดาวเหนือ ข้าจะ...”
แสงเย็นวาบฉายขึ้นดวงตาของหนิงเทียน เผยให้เห็นเจตนาฆ่า และซ่งอวี้ชุนเห็นมันแล้ว
ในยามนั้นซ่งอวี้ชุนได้แต่หวาดกลัว นางตระหนักแล้วว่าตนทำผิดพลาดร้ายแรงไปเสียแล้ว นางไม่ควรอวดความแข็งแกร่งและต่อสู้อย่างดุเดือด ทั้งยังดึงท่านปู่ออกมาอวดอ้างให้อีกฝ่ายหวาดกลัว
หลายคนไม่กล้ายุ่งกับหลานสาวของปรมาจารย์
แต่ ณ เวลานี้แผนการที่ดีที่สุดของหนิงเทียนคือการฆ่าทุกคนและปิดปากพวกเขา เื่นี้จะต้องถูกเก็บให้เงียบที่สุด ไม่เช่นนั้นจะเป็การเรียกหาศัตรูที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังให้ตนเองหรอกหรือ?
ด้วยปฏิกิริยาที่สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ ซ่งอวี้ชุนจึงเรียกใช้สมบัติลับในทันที มันเป็สมบัติช่วยชีวิตที่พ่อของนางมอบให้ ซึ่งเป็ยันต์กระดาษสีทอง
หนิงเทียนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ปราณกระบี่ทำลายห้วงอากาศจากการสะบัดนิ้ว ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะช้าเกินไป
ยันต์กระดาษสีทองที่ถูกเผาไหม้ในสายลม กลายเป็ควันพันรอบร่างของซ่งอวี้ชุน แล้วเคลื่อนย้ายร่างของนางออกไปในขณะที่ปราณพุ่งเข้ามาอย่างพอดิบพอดี
เสียงกรีดร้องสั้นๆ บรรยายถึงความหวาดกลัวต่อปราณกระบี่ของหนิงเทียน แม้ในท้ายที่สุดแล้วซ่งอวี้ชุนจะหนีไปได้ แต่นางก็ได้รับาเ็สาหัสจากการโจมตีของหนิงเทียน
ทั้งหมดนี้เป็สิ่งที่คาดเดาไม่ได้ มันเกิดขึ้นเร็วมากจนซูอวิ๋นและถังจิ้นอู่ที่เฝ้ามองการต่อสู้ต้องตกตะลึง
ทั้งคู่ไม่คาดคิดเลยว่าซ่งอวี้ชุนผู้หยิ่งผยองจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและหนีไปทันที
หนิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เช่นเดียวกับที่ซ่งอวี้ชุนคาดเดา เขา้าฆ่าคนปิดปากจริงๆ เพียงแต่ว่าชีวิตของซ่งอวี้ชุนไม่ควรถูกทำลาย ดังนั้นนางจึงถอยห่างออกไปหนึ่งก้าว
เมื่อหันกลับมา หนิงเทียนก็มองซูอวิ๋นและถังจิ้นอู่ แล้วเดินไปหาทั้งคู่อย่างช้าๆ
ใบหน้าของซูอวิ๋นเ็า นางจับจ้องหนิงเทียน และเริ่มรู้สึกมองเขาไม่ออกมากขึ้นเรื่อยๆ
มันน่ากลัวที่จะบอกว่าคนที่อยู่ในขั้นแรกของขอบเขตผนึกดารา สามารถบดขยี้ผู้บำเพ็ญซิงซิวที่อยู่ที่ขั้นเก้าของขอบเขตผนึกดาราได้อย่างง่ายดาย แต่มันเกิดขึ้นแล้ว
ถังจิ้นอู่หรี่ตาลงเล็กน้อย เมื่อครู่เขายังยกย่องซ่งอวี้ชุนสำหรับความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของนางอยู่เลย ทว่าหนิงเทียนกลับตบหน้าเขาในทันที ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจอย่างยิ่ง
ถังจิ้นอู่ผู้หยิ่งผยองมาโดยตลอด ไม่เคยยอมรับว่าตนทำผิดพลาด แม้เขาจะทำผิดพลาด มันก็ยังเป็ความผิดของหนิงเทียน
“ตาของเ้าแล้ว”
หนิงเทียนมองถังจิ้นอู่ วางแผนที่จะกำจัดเขาก่อน จากนั้นค่อยๆ ชำระบัญชีเก่ากับซูอวิ๋น
ระหว่างเขากับซูอวิ๋นมีความคับข้องใจมากเกินไป และเขาไม่้าให้บุคคลภายนอกอยู่ด้วย
ถังจิ้นอู่คำราม “เ้าคิดว่าเพราะเอาชนะซ่งอวี้ชุนได้ แล้วเ้าจะมีสิทธิ์ะโต่อหน้าข้าหรือ? ช่างโง่เขลา ระหว่างขอบเขตเปลี่ยนผ่านและขอบเขตผนึกดารานั้นมีโลกที่แตกต่างกัน และเ้าไม่มีวันเข้าใจว่าขอบเขตเปลี่ยนผ่านนั้นน่ากลัวเพียงใดสำหรับขอบเขตผนึกดารา”
“อยากสื่อถึงสิ่งใดก็บอกว่า เป็เ้านั่นแหละที่รู้สึกไม่ดี แล้วยังพยายามทำให้ข้ากลัวด้วยคำพูดพวกนี้อีกหรือ?”
เนตรเสน่ห์ของหนิงเทียนสามารถมองเห็นความผันผวนทางอารมณ์ของผู้อื่นได้ แม้เขาจะยังไม่เข้าใจความคิด แต่เขาก็สามารถสรุปได้คร่าวๆ หนึ่งหรือสองสิ่ง
ความเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้ของถังจิ้นอู่นั้นยับยั้งลงไปมากแล้ว จากในตอนแรกที่ไม่สนใจหนิงเทียนจนถึงตอนนี้ที่มองเขาต่างออกไป การเปลี่ยนแปลงความคิดครั้งนี้ชัดเจนอย่างยิ่ง
“เ้าคนไม่รู้ดีชั่ว! ถ้าอยากตายข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้เ้าเอง”
ถังจิ้นอู่ค่อนข้างโกรธ เดิมทีเขา้าทำให้หนิงเทียนใ หาได้นึกไม่ว่าหนิงเทียนจะไม่สะทกสะท้านเลย
ซูอวิ๋นไม่ได้พูดอะไร นางยัง้ายืมมือของถังจิ้นอู่สังหารหนิงเทียนเช่นเดิม
ทั้งสองอยู่ในขั้นแรกของขอบเขตเปลี่ยนผ่าน และเป็ยอดฝีมือของปรมาจารย์ในสำนักชั้นสองเหมือนกัน ยากที่จะบอกว่าใครแข็งแกร่งและใครอ่อนแอกว่ากัน
ซูอวิ๋นตัดสินแล้วว่าหนิงเทียนสามารถกวาดล้างคู่ต่อสู้ในขอบเขตผนึกดาราได้ แต่เขาจะไม่สามารถเอาชนะคนที่แข็งแกร่งในขอบเขตเปลี่ยนผ่านได้ เพราะช่องว่างระหว่างสองขอบเขตนั้นใหญ่เกินไป
สายลมพัดผ่านริมทะเลสาบ
หนิงเทียนยืนอย่างสงบ ทั้งยังมองถังจิ้นอู่อย่างเ็า ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะชักกระบี่ออกมาด้วยเจตนาฆ่าที่พุ่งสูงขึ้น
ยอดฝีมือหยวนซิวมีเืลมที่แข็งแกร่ง ซึ่งนี่เป็คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม
เมื่อเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนผ่าน สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในสายเืจะปรากฏขึ้น ซึ่งกำหนดความสำเร็จโดยตรงใน่ครึ่งหลังของชีวิต
ในฐานะผู้นำในกลุ่มคนรุ่นใหม่ของสำนักซานเจวี๋ย พลังในขอบเขตเปลี่ยนผ่านของถังจิ้นอู่ไม่ได้อ่อนแอเลย มันคือกระบี่ ทหาริญญาระดับกลางที่มีอันตรายถึงชีวิตที่น่าสะพรึงกลัว
ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีถังจิ้นอู่ก็เป็ผู้ใช้กระบี่ในสำนักซานเจวี๋ยอยู่แล้ว ชุดวิชากระบี่สายลมล่าชีวันนั้นดุร้ายและทรงพลังมาก มันเป็วิชาที่แข็งแกร่งมากในหมู่สหายร่วมสำนักและไม่มีผู้ใดเทียบเคียงเขาได้
“หนิงเทียน เ้ามีคำพูดสุดท้ายก่อนตายบ้างหรือไม่?”
ถังจิ้นอู่ที่เข้าสู่สภาวะการต่อสู้เต็มไปด้วยพลังและจิติญญาแห่งการต่อสู้ เขาขจัดความโกรธ ความหุนหันพลันแล่นก่อนหน้านี้ออกไป และกลายเป็คนมีเหตุผลมากขึ้น นี่คือท่วงท่าพื้นฐานของยอดฝีมือแห่งขอบเขตเปลี่ยนผ่าน
ยิ่งขอบเขตสูงเท่าไร ความสามารถในการควบคุมความผันผวนทางอารมณ์ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
หนิงเทียนััได้ถึงขอบเขตเปลี่ยนผ่านจากถังจิ้นอู่อย่างชัดเจน ทว่าเขายังคงพูดอย่างเ็า “เมื่อข้าเดินออกจากสถานที่แห่งนี้ นั่นคือตอนที่สำนักซานเจวี๋ยถูกทำลาย!”
ถังจิ้นอู่หัวเราะด้วยความโกรธและพูดว่า “เ้ากำลังพยายามบังคับให้ข้าทำสิ่งที่โหดร้ายอย่างจริงใจ! ได้ ข้าจะสนองเ้าเอง”
ถังจิ้นอู่ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า พุ่งตัวขึ้นจากพื้น แล้วยืนอย่างภาคภูมิกลางอากาศเหนือพื้นดินสิบจั้ง มองต่ำลงมายังศัตรูที่ไม่ต่างจากมดที่อยู่แทบเท้าของตน
ในฐานะยอดฝีมือแห่งขอบเขตเปลี่ยนผ่าน ถังจิ้นอู่ใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตนเป็อย่างมาก แม้ว่าการทรมานและสังหารหนิงเทียนจะถูกสงสัยว่าเป็การกลั่นแกล้งเด็กที่อายุน้อยกว่า แต่เขาไม่รีบร้อนเลย ทั้งยังอยากทำให้เื่นี้เสร็จสิ้นอย่างสง่างามอีกด้วย
มีสองจุดประสงค์ในการทำเช่นนี้ หนึ่งคือแสดงท่าทีของตน และทำให้หนิงเทียนดูเหมือนมดที่อยู่ตรงหน้า
ประการที่สองคือการได้รับความโปรดปรานจากซูอวิ๋น เนื่องจากซูอวิ๋นมีความงดงาม ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่นางมีร่างเสวียนหาน นี่คือคู่บำเพ็ญที่ยอดฝีมือหยวนซิวนับไม่ถ้วนใฝ่ฝัน ซึ่งนางจะเอื้อต่อการบำเพ็ญของเขาได้ในอนาคต
หนิงเทียนไม่รู้ว่าถังจิ้นอู่กำลังคิดอะไร เขาแค่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้หยิ่งเกินไป และนั่นคือสาเหตุที่เขาทำแบบนี้
ถังจิ้นอู่ที่อยู่กลางอากาศเปล่งพลังออกมาอย่างทรงพลัง พร้อมทั้งปล่อยลมหายใจอันน่าหวาดหวั่น พลังเืลมทั่วร่างพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ความผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวเหมือนเมฆดำปกคลุม้า ทำให้หนิงเทียนรู้สึกถึงภัยคุกคามที่ชัดเจน
นี่เป็ครั้งแรกที่หนิงเทียนท้าทายผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเปลี่ยนผ่าน คลื่นพลังผันผวนที่แข็งแกร่งในคราวนี้น่ากลัวอย่างแท้จริง
ร่างกายของหนิงเทียนเริ่มเกร็ง ดวงตาของเขาราวกับคบเพลิง ทักษะเก้าเนตร์รวมกับดวงตาจิติญญา ก่อนจะได้เปิดชั้นการก่อตัวทางจิติญญาภายในม่านตาอย่างรวดเร็ว
หนิงเทียนเริ่มมาจากคนที่ไม่มีพื้นฐานใดๆ เลย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ถึงความแตกต่างที่แท้จริงระหว่างขอบเขตเปลี่ยนผ่านและขอบเขตผนึกดารา
เขารู้เพียงว่าขอบเขตเปลี่ยนผ่านมีพลังมากกว่าขอบเขตผนึกดารา แต่จะดีในด้านใดเป็พิเศษนั้นหนิงเทียนย่อมไม่ทราบ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีความแตกต่างในทิศทางการฝึกฝนระหว่างจื๋อซิวและหยวนซิว ดังนั้นถังจิ้นอู่จึงเต็มไปด้วยความแปลกใหม่สำหรับหนิงเทียน
ความเข้าใจของถังจิ้นอู่เกี่ยวกับหนิงเทียนนั้นถูกจำกัดอยู่เพียงสิ่งที่ได้ยินมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และขอบเขตของเขาเองก็สูงกว่าหนิงเทียนมาก ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจรายละเอียดของหนิงเทียนเลย เขารู้ไม่แน่ชัดว่าหนิงเทียนมีความสามารถอะไรบ้าง
ในแง่ของถังจิ้นอู่ การฆ่าหนิงเทียนเป็เพียงการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ชีวิตและความตายของอีกฝ่ายย่อมอยู่ในกำมือของเขา
ความรู้สึกที่เหนือกว่านี้ทำให้ถังจิ้นอู่ตื่นเต้นมาก เขาจงใจเน้นความสูงและ้าดึงดูดความสนใจของซูอวิ๋น แต่เขาไม่รู้ว่าซูอวิ๋นหมดความอดทนแล้ว ทั้งยังกำลังด่าเขาอยู่ในใจ
หนิงเทียน ‘เห็น’ เบาะแสบางอย่าง ถังจิ้นอู่มีสมบัติิญญาสองชิ้นในร่างกาย สิ่งแรกคือวัตถุเปลี่ยนผ่านซึ่งเป็กระบี่ิญญาที่อยู่ในตันเถียนของเขา นั่นคืออาวุธิญญาที่เกิดจากเขาเอง
สมบัติิญญาชิ้นที่สองก็ยังเป็กระบี่ มันเป็อาวุธิญญาที่ถังจิ้นอู่ได้รับจากวังวนพลังหลากสีในห้องโถงด้านหน้า และยามนี้มันห้อยอยู่ที่เอวของเขา
นอกจากกระบี่ิญญาทั้งสองเล่มแล้ว หนิงเทียนยังเห็นว่าตันเถียนและชีพจรหยวนของถังจิ้นอู่นั้นแตกต่างจากหยวนซิวในขอบเขตผนึกดาราเล็กน้อย
