เ้าอ้วนหวงจ้องเ้าของร้านโจวด้วยความโกรธ จากนั้นหัวเราะเสียงเย็น "ในเมื่อสงสัยในทักษะทางการแพทย์ของข้า แล้วเหตุใดจึงต้องมาขอให้ข้ารักษาเล่า”
เ้าของร้านโจวเลิกคิ้วขึ้นมองเ้าอ้วนหวง และพูดอย่างสบาย ๆ "ถ้าไม่ใช่เพราะหมอซวียังไม่กลับมา แล้วกลัวว่าเด็กน้อยจะอาการหนัก จะมาให้เ้าอ้วนหวงอย่างเ้ารักษาหรือ? คนนอกไม่รู้ แต่คนในจะไม่รู้ได้เชียว? เทียบกับหมอซวีแล้ว วิชาแพทย์ของเ้าไม่ได้ห่างกันแค่น้อยๆ เลย”
ในอดีต หากไม่ใช่เพราะหมอซวีทำงานหามรุ่งหามค่ำ ปรุงยาเพื่อยับยั้งโรคระบาด เมืองเหมาอันคงจะกลายเป็นรกบนดินไปแล้ว
เงยหน้ามองหลิวจือโม่ที่มีใบหน้าที่สงบ เ้าของร้านโจวแอบถอนหายใจในใจ น่าเสียดายที่นางหลิวอยู่ไม่ถึงตอนนั้น ทิ้งลูกๆ ไว้แล้วจากไป
เ้าอ้วนหวงเกลียดที่คนอื่นเปรียบเทียบวิชาแพทย์ของเขากับหมอซวี ตาเขาแดงก่ำ ชี้นิ้วให้เ้าของร้านโจวออกไป
ถ้าไม่ใช่เพราะตาแก่ซวีโชคดีปรุงยาออกมายับยั้งโรคระบาดได้ เขาจะมีทุกวันนี้ได้หรือ?
หลิวจือโม่ไม่สามารถทนเห็นเ้าของร้านโจวถูกดูถูกเช่นนี้ เขาเอื้อมมือไปแตะหน้าผากน้องสาว รู้สึกถึงอุณหภูมิที่ลดลง เขาผ่อนคลายเล็กน้อย ยิ้มและพูดกับเ้าของร้านโจว "เ้าของร้านโจว น้องข้าดีขึ้นแล้ว ไปกันเถอะ” เขาไม่้าอยู่ในไป๋เฉ่าถังนี้อีกต่อไป
เ้าของร้านโจวยืนขึ้น ตบฝุ่นที่ไม่มีอยู่บนเสื้อคลุม มองเ้าอ้วนหวงด้วยรอยยิ้ม "เ้าอ้วนหวง ไม่ใช่ว่าข้าอยากตำหนินะแต่การรับแขกแบบนี้คนที่เสียหน้าไม่ใช่เ้า แต่เป็เ้านายเ้า” พูดเสร็จก็เดินออกจากไป๋เฉ่าถังไปก่อน
เ้าอ้วนหวงจ้องมองเ้าของร้านโจวด้วยสีหน้าเย็นะเื จนกระทั่งอีกฝ่ายลับตาไปจึงส่งเสียงหึอย่างเ็า สะบัดมือเดินเข้าไปในห้อง
สักวันหนึ่งไป๋เฉ่าถังจะกำจัดจี้ซื่อถังแน่
กลับมาถึงจี้ซื่อถัง หลิวจือโม่ดึงหลิวจือเยี่ยนมาคุกเข่าขอบคุณเ้าของร้านโจวและเด็กขายยาสำหรับความช่วยเหลือ
หลิวจือโม่รู้ว่าถ้าเด็กขายยาไม่ไปหาเ้าของร้านโจว เ้าของร้านโจวก็จะไม่รู้เื่ของเขา
“นายน้อยหลี่ เกรงใจเกินไปแล้ว รีบลุกเถอะ” เ้าของร้านโจวยื่นมือไปช่วยพยุงทั้งสองคนขึ้น ก่อนจะพูดอย่างใจดี “นี่ก็ดึกแล้ว ไข้น้องสาวก็เพิ่งลด พักที่นี่หนึ่งคืนแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับเถอะ!"
หลิวจือโม่ประเมินสถานการณ์ ขอบคุณเ้าของร้านโจวอีกครั้ง เ้าของร้านโจวโบกมือและขอให้เด็กขายยาพาพวกเขาไปพักผ่อนข้างใน ส่วนตนเองกลับบ้าน
ด้วยความกลัวว่าหลิวจือโหรวจะเป็ไข้ขึ้นมาอีก หลี่ชิงหลิงและหลิวจือโม่จึงผลัดกันดูแล โชคดีที่วันรุ่งขึ้นเด็กสาวไม่มีไข้แล้ว ทั้งสองคนจึงโล่งใจได้เสียที
หลังจากบอกลาเด็กขายยาเสร็จ พวกเขาก็ขับรถเกวียนกลับบ้าน
ผู้คนในหมู่บ้านตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงาน เมื่อพวกเขาเห็นหลิวจือโม่กลับมาพร้อมกับหลี่ชิงหลิงในเกวียนวัว พวกเขาต่างถามด้วยความสงสัยว่าไปไหนกันมา?
หลิวจือโม่ตอบคำถามของพวกเขาอย่างอดทน ทุกคนต่างพากันปลอบโยนพวกเขาก่อนจะกระจายไปทำงานตามเดิม
หลี่ชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ เห็นหลิวจือโหรวตื่นแล้ว เข้าไปกอดและถามเสียงเบาว่ารู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม
หลิวจือโหรวยังเด็ก แสดงออกไม่เก่ง เด็กสาวขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของหลี่ชิงหลิง แขนเล็กๆ โอบรอบคอและเรียกเสียงเบา "ท่านพี่..."
"จ้ะ? พี่อยู่นี่ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า" หลี่ชิงหลิงแตะที่หน้าผาก รู้สึกโล่งใจเมื่อรู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายปกติ
นางพันผ้านวมรอบร่างของหลิวจือโหรวอีกครั้ง กลัวว่าเด็กสาวจะหนาว
การเคลื่อนไหวนี้ปลุกหลิวจือเยี่ยน เขาลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง เห็นหลิวจือโหรวตื่นแล้วจึงรีบถลาเข้ามาหาอย่างมีความสุข จับมือแล้วส่งเสียงเรียก
เมื่อกลับถึงบ้านหลิว ทันทีที่เกวียนวัวหยุดนิ่ง หลี่ชิงหลิงก็ได้ยินหลี่ชิงเฟิงะโเรียกนางจ้าว "แม่ พวกพี่กลับมาแล้ว" พลางะโพลางวิ่ง เมื่อมาถึงหลี่ชิงหลิงก็มองหลิวจือโหรวในอ้อมแขน "โหรวโหรวหายดีหรือยัง”
"หายดีแล้ว" หลี่ชิงหลิงยิ้ม วางหลิวจือโหรวในอ้อมแขนของหลิวจือเยี่ยน อุ้มผ้านวมออกจากเกวียนวัวเข้าไปวางไว้ในห้อง
นางจ้าวเดินออกมาพร้อมกับโจ๊ก "กลับมาเช้าขนาดนี้คงหิวแย่ รีบมากินเร็ว!" พลางดันโจ๊กไปให้ทุกคน
พวกหลี่ชิงหลิงไม่ได้กลับมาทั้งคืน นางจ้าวเป็ห่วงมาก กลัวว่าจะมีเื่อะไร แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลิวจือโม่ขอบคุณนางจ้าวอย่างสุดซึ้ง ยกโจ๊กที่ต้มให้หลิวจือโหรวเป็พิเศษขึ้นมาเตรียมป้อน
เมื่อนางจ้าวเห็นก็ยื่นมือไป “จือโม่ กินของเ้าไปเถอะ ข้าจะป้อนโหรวโหรวเอง เดี๋ยวหิวแย่”
“ขอบคุณ” หลิวจือโม่ไม่ปฏิเสธ ยกชามแล้วเริ่มกินอย่างรวดเร็ว เขาวางแผนว่าหลังกินโจ๊กเสร็จจะเก็บหญ้าไปให้ผู้นำหมู่บ้าน ขอบคุณผู้นำหมู่บ้านที่ให้เขายืมเกวียน
หลังจากกินโจ๊กเสร็จ หลิวจือโม่บอกให้หลิวจือเยี่ยนคอยดูแลหลิวจือโหรวที่บ้าน ส่วนเขาก็ไปที่ครัวเพื่อหยิบเคียวและตะกร้า เตรียมพร้อมที่จะออกไป
หลี่ชิงหลิงไล่ตามหลังไป หยิบเงินครึ่งตำลึงออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้เขา ให้เขาไปที่หมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อซื้อหมูหนึ่งจินไปให้ผู้นำหมู่บ้าน
ในยุคนี้วัวมีค่ามาก ไม่มีใครยอมให้ยืมกันง่ายๆ ดังนั้นหลี่ชิงหลิงจึงหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำหมู่บ้าน เพื่อได้ยืมในครั้งต่อๆ ไป
หลิวจือโม่ฟังแล้วพยักหน้า กำเงินที่นางให้แน่น ครอบครัวของเขาเป็หนี้นางมากแล้ว เขาจึงไม่ติดใจกับเื่เล็กๆ แค่นี้
เขาแอบสาบานว่าเขาจะต้องเลี้ยงดูครอบครัว หลังแต่งงานกับนางจะได้ไม่ต้องลำบากขนาดนี้
หลังนางจ้าวป้อนหลิวจือโหรวจนหมด หลี่ชิงหลิงที่ไปส่งเด็กสาวกลับมาก็อดพูดไม่ได้
"แม่ ข้าอยากไปูเาซง" ูเาซงอยู่ค่อนข้างไกล นางไม่เคยไป เคยแต่ได้ยินจากพ่อว่าที่นั่นมีผู้คนเบาบางและมีอาหารมากมาย นางจึงอยากไปดู
นางมาลองคิดดูแล้ว ตอนนี้นอกจากการล่าสัตว์ นางไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ การขาดแคลนทุนทรัพย์คือปัญหาใหญ่
แต่ทันทีที่นางจ้าวได้ยินก็ส่ายหัวและคัดค้านทันที การล่าสัตว์นั้นอันตรายมาก หากไม่ระวังอาจตายได้ นางจะวางใจให้ไปได้อย่างไรกัน?
หลี่ชิงหลิงก้มหน้าลง เล็บจิกมือโดยไม่รู้ตัว "ท่านแม่ ให้ข้าไปเถอะ ไม่เข้าไปลึกนักหรอก อยู่แค่ส่วนชายป่า ไม่อันตรายหรอก”
“ไม่ได้ ข้าไม่ให้ไป เลิกคิดเถอะ!” ท่าทีของนางจ้าวหนักแน่นมานางไม่้าสูญเสียลูกสาวต่อจากสามี
หลี่ชิงหลิงเม้มปากแล้วนิ่งเงียบ รู้ว่าไม่ว่าจะพูดมากเพียงใดก็ไม่สามารถโน้มน้าวนางจ้าวได้ แต่นางก็ตัดสินใจแล้วว่าต้องไปสักครั้ง หากไม่ได้ไป นางจะไม่ยอมวางใจแน่
นางจ้าวดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าน้ำเสียงของตนแข็งไป ถอนหายใจเสียงอ่อนลง "เสี่ยวหลิง แม่มีแค่เ้ากับน้อง จะเกิดอะไรขึ้นไม่ได้อีก ไม่งั้นข้าอยู่ต่อไปไม่ได้แน่”
ผ่านไปครู่ใหญ่ หลี่ชิงหลิงจึงเงยหน้าขึ้น "ข้ารู้" แต่ความมุ่งมั่นของนางจะไม่เปลี่ยนแปลง บ้านของนางไม่มีอะไรเลย หากไม่ลุกขึ้นสู้ ชีวิตแบบนี้จะสิ้นสุดเมื่อไร? “ท่านแม่ เมื่อคืนข้าไม่ได้นอนเลย ขอเข้าไปพักก่อนนะ”
"เอาสิ ไปเถอะ!"
นางจ้าวคิดว่าหลี่ชิงหลิงได้ละทิ้งความคิดที่จะไปูเาซงแล้วจึงยิ้มออก
หลังหลี่ชิงหลิงตื่นก็ช่วยนางจ้าวทำไร่ ทำตัวปกติเหมือนที่ผ่านมา
แต่กลางดึกนางลุกขึ้นเงียบๆ หยิบคันธนูและลูกศรที่บิดาเคยใช้ล่าสัตว์ เดินย่องออกจากห้องไปที่ห้องครัว คลำหาตะกร้า เอาคบไฟ หม้อดินเผาบิ่น ใส่ลงในตะกร้า ก่อนจะเดินออกไปอย่างระมัดระวัง
“เสี่ยวหลิง…”
เสียงร้องทำให้เด็กสาวใ หลี่ชิงหลิงกุมหน้าอก หันตัวด้วยความกลัว ก้มหัวไม่กล้ามองนางจ้าวที่ยืนอยู่ที่ประตู
ในใจรู้สึกหมดหนทาง นางระวังตัวขนาดนี้ก็ยังโดนนางจ้าวจับได้
หากไม่ใช่เพราะนางอยากเข้าห้องน้ำก็คงไม่เห็นลูกสาวที่้าออกไปกลางดึก น้ำตาของนางจ้าวรื้นขึ้น ภาพหลี่ชิงหลิงพร่ามัว
ผ่านไปครู่ใหญ่ เมื่อไม่ได้ยินเสียงนางจ้าว หลี่ชิงหลิงก็อดพูดเสียงเบาไม่ได้ "ท่านแม่จะคลอดน้องเร็วๆ นี้ แต่ที่บ้านไม่มีอะไรจะกิน ข้ากลัวว่า ... กลัวท่านจะคลอดไม่ได้ ก็เลย…”
“ต้องไปให้ได้เลยใช่ไหม” น้ำตาของนางจ้าวไหลลงมา
"ใช่…"
"งั้นก็ไปเถอะ!" สิ้นเสียง นางจ้าวก็หันกลับ ไม่มองหลี่ชิงหลิงอีก
หลี่ชิงหลิงเงยหน้ามองนางจ้าวด้วยความไม่อยากเชื่อ แผ่นหลังของมารดาสั่นเทา นางหลับตาลงอย่างแรง ไม่กล้ามองไปมากกว่านี้ ได้แต่กระซิบบอกว่าตนจะกลับมาอย่างปลอดภัย
หลังจากพูดจบก็หันกลับและวิ่งไป
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าห่างไป นางจ้าวปิดปากร้องไห้อย่างหดหู่
หลี่ชิงหลิงมองดวงจันทร์ เดินออกไปนอกหมู่บ้านช้าๆ หลังจากเดินไปประมาณสี่ชั่วยาม ฟ้าสว่างจึงจะพบูเาซงนั้น
นางพบเห็ดที่กินได้บนูเาเป็อย่างแรก จึงนำมาล้างในลำธารข้างูเา ใส่ในหม้อดินเผาต้มกิน
เมื่อกินอิ่มแล้ว นางก็หลับตาพักผ่อน ก่อนที่จะเดินต่อ
หลังจากเดินไปประมาณสองชั่วยามก็เห็นไก่ป่าตัวหนึ่ง ดวงตาพลันเป็ประกายทันที ที่นี่มีอาหารจริงๆ ด้วย
นางรีบหยิบคันธนูและลูกศรเล็งไปที่ไก่ป่าอย่างระมัดระวัง น้าวสายเต็มแรงยิงออกไป แต่น่าเสียดายที่ยิงพลาด ไก่ป่าใและบินหนีไป
หลี่ชิงหลิงขมวดคิ้ว นางไม่ได้ยิงธนูมานานแล้ว มือไม้ไม่คุ้นเคย แถมลูกศรยังหนักเกินไปสำหรับตนในตอนนี้ ไว้มีเงินจะต้องสั่งทำลูกศรที่เหมาะกับตัวเอง
หลังถอนหายใจเบาๆ นางก็หยิบคันธนูขึ้นยิงต้นไม้ตรงหน้าเพื่อฝึกมือ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้