เขาต้องหางูตัวเมียให้เยี่ยจิ่วหลานหรือเปล่า?
อวี๋มู่คิดเช่นนี้ แล้วเปิดประตูห้องหินออก หลิงเฟิงกับเยี่ยจิ่วหลานที่ได้ข่าวจึงรีบมา เมื่อเห็นเขาออกมา ทั้งสองก็รีบทำความเคารพ เพื่อต้อนรับเขาออกจากการบำเพ็ญเพียร
อวี๋มู่เลื่อนสายตามาทางเยี่ยจิ่วหลาน พบว่าไม่เจอเพียงห้าร้อยปี เยี่ยจิ่วหลานในตอนนี้ไม่ได้ตัวเตี้ยนิดเดียวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับสูงโปร่งขึ้น และมีใบหน้าหล่อเหลาเฉกเช่นชายหนุ่ม
อืม สูงมาก สูงกว่าเขาครึ่งศีรษะ ผมเผ้าดำขลับถูกรัดด้วยกวาน ใบหน้างดงามอย่างบอกไม่ถูก ั์ตาสีทองเข้มนั้นแฝงกลิ่นอายของปีศาจ ราวกับว่าเป็เสน่ห์เฉพาะของเผ่างูที่มีมาแต่กำเนิด
อวี๋มู่จับจ้องไปที่เยี่ยจิ่วหลาน แล้วเพ่งจิตกวาดตามอง พบว่าพลังของเยี่ยจิ่วหลานตอนนี้เลื่อนขั้นขึ้นมาถึงขั้นสามแล้ว ซึ่งผ่านมาห้าร้อยปีแล้วพัฒนามาได้ถึงระดับนี้ นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว
หลังจากที่แน่ใจเื่พลังแล้ว อวี๋มู่ก็ยังอยากแน่ใจในเื่อื่นด้วย สายตาจึงยังคงไม่ได้ละไปจากตัวเยี่ยจิ่วหลาน
อวี๋มู่ไม่รู้ว่าห้าร้อยปีมานี้เยี่ยจิ่วหลานต้องเผชิญกับอะไรบ้าง สายตาที่มองอวี๋มู่นั้นไม่ได้เขินอายเหมือนอย่างแต่ก่อน กลับกันอีกฝ่ายกลับเผยรอยยิ้มเกลี้ยงเกลาออกมา แล้วเอ่ยถาม “ไยอาจารย์ถึงจ้องมองจิ่วหลานเช่นนี้? ”
อวี๋มู่นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่เหนือศีรษะของเยี่ยจิ่วหลาน พบว่าหัวใจคะแนนความประทับใจสองดวงก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าไปเพิ่มเป็สามดวงั้แ่ตอนไหน
ห้าร้อยปีที่ไม่ได้พบกัน ทำไมเยี่ยจิ่วหลานถึงชอบเขา?
น่าแปลก
จนคิดไม่ตก
ทว่าสิ่งนี้ไม่ได้เป็การขัดขวางไม่ให้เขาถามในสิ่งที่อยากรู้ออกไปตรงๆ
“ข้าเพียงแต่กำลังคิดว่า” เขามองเยี่ยจิ่วหลานด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “เ้ากำลังจะถึง่ฤดูผสมพันธุ์แล้วใช่หรือไม่? ”
บรรยากาศรอบตัวนิ่งเงียบราวกับว่าตายสนิท
จากนั้น ศิษย์พี่ใหญ่อย่างหลิงเฟิงที่มองดูศิษย์น้องเยี่ยจิ่วหลานที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ค่อยๆ ฉีกยิ้มออกมา
เยี่ยจิ่วหลานบีบมือข้างลำตัวแน่น ชายหนุ่มพยายามข่มความรู้สึกพลุ่งพล่านแปลกๆ ในใจ แล้วตอบอวี๋มู่ตามตรง
“เรียนอาจารย์ ใกล้จะถึงแล้วขอรับ”
อวี๋มู่กล่าวในใจว่าที่ระบบกล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว
อวี๋มู่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก็เอ่ยถาม “ถ้าเช่นนั้นเ้า้ากลับไปที่แดนปีศาจสักหนหรือไม่? ”
เยี่ยจิ่วหลานรู้สึกใ ก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่าย “อาจารย์หมายความว่าอย่างไร? ”
อวี๋มู่ขยายความให้เข้าใจง่าย “หาคู่ เ้าจะได้ผ่าน่ผสมพันธุ์ง่ายหน่อย”
เมื่อฟังจบ สีหน้าของเยี่ยจิ่วหลานก็เปลี่ยนเป็ขาวโพลนในที่สุด เด็กหนุ่มแทบจะกัดฟันตอบ “หรือในสายตาของอาจารย์ ข้าเป็คนง่ายๆ เช่นนั้นหรือ? ”
อวี๋มู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าเพียงแต่หวังว่าเ้าจะผ่าน่ผสมพันธุ์ไปได้อย่างราบรื่น”
เยี่ยจิ่วหลานเกิดความรู้สึกโกรธและเสียใจอย่างไม่มีสาเหตุ จากนั้นก็เอ่ยถามอวี๋มู่ “ในสายตาของอาจารย์ สัตว์เดรัจฉานก็ควรเป็สัตว์เดรัจฉานหรือขอรับ ความรู้สึกนั้นเป็เื่ไม่จำเป็ พอถึงฤดูผสมพันธุ์ก็ต้องหาเผ่าพันธุ์เดียวกันเพื่อปลดปล่อยอย่างนั้นหรือ”
หลิงเฟิงรีบคว้าแขนเสื้อของเยี่ยจิ่วหลานแล้วกระตุก ก่อนเอ่ยปราม “ศิษย์น้องจิ่วหลาน ทำไมเ้าถึงพูดกับอาจารย์เช่นนี้?! ”
“…” อวี๋มู่ชะงักเล็กน้อย เขาสบตากับเยี่ยจิ่วหลาน แล้วพบว่าั์ตาของเด็กหนุ่มนั้นเริ่มแดงก่ำ
อวี๋มู่จึงเอ่ยขึ้น “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
“จากที่ข้ามอง อาจารย์หมายถึงเช่นนี้! ”
เยี่ยจิ่วหลานกล่าวคำนี้จบก็รีบร้อนเดินออกไป แค่มองจากด้านหลังก็ดูออกว่าอีกฝ่ายกำลังโมโหยกใหญ่
อวี๋มู่ถามระบบ: เ้าระบบ ทำไมเขาถึงโมโหขนาดนี้ล่ะ?
[??? โฮสต์คุณไม่รู้หรือว่าคำพูดเมื่อครู่นั้นมันบาดลึกในจิตใจขนาดไหน ดูจากคะแนนความประทับใจ เขาน่าจะชอบคุณเข้าแล้ว ถ้าคนที่คุณชอบทำท่าจะยกคุณให้กับคนอื่น หรือให้คุณไปนอนกับคนอื่น คุณจะไม่โกรธเลยหรือครับ?]
อวี๋มู่: นายควรจะรู้ว่า ฉันในตอนนี้ไม่รู้แม้กระทั่งว่าความโกรธมันเป็อย่างไร
[…] จู่ๆ ระบบก็รู้สึกเห็นใจเยี่ยจิ่วหลานขึ้นมา
*
เมื่อกลับถึงที่พัก อวี๋มู่ก็ยื่นมือขวาออกมา เขาพบว่าพิษนั้นค่อยๆ แพร่กระจายขึ้นมาถึงข้อมือ โดยเส้นสีดำกำลังไต่ขึ้นแขนมา
อวี๋มู่ประเมินพิษของจักรพรรดิต่ำเกินไป แม้ว่าเขาจะพยายามควบคุมสิ่งนี้ แต่ตลอดห้าร้อยปีมานี้ เขาก็ทำได้เพียงควบคุมให้มันขึ้นมาถึงแค่แขน ซ้ำการรักษาก็ไม่เป็ผล ดังนั้นคงมีสักวันที่จะส่งผลต่อความสามารถของเขา
ฉะนั้นเขาต้องรีบคิดหาหนทาง
ในขณะที่กำลังครุ่นคิด ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น อวี๋มู่รู้ว่าเป็เยี่ยจิ่วหลาน เขาจึงถกแขนเสื้อลงมา แล้วตอบรับให้อีกฝ่ายเข้ามา
“อาจารย์” เด็กหนุ่มผู้เป็เ้าของใบหน้าหล่อเหลากำลังเดินย้อนแสงเข้ามา ั์ตาสีทองเข้มเหมือนมีลายสีดำเพิ่มขึ้นมาให้เห็น
เยี่ยจิ่วหลานยืนอยู่ไม่ไกลจากอวี๋มู่ ก่อนจะกล่าวขอโทษเขา “ขออภัย อาจารย์ เมื่อครู่เป็ข้าที่เสียมารยาทเอง”
อวี๋มู่มองดูเด็กหนุ่ม แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “อืม รู้ผิดก็ดีแล้ว”
กระนั้นคำพูดต่อมาของเยี่ยจิ่วหลานก็ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว
ชายหนุ่มั์ตาสีดำสะท้อนเงาของอวี๋มู่ในนั้น แล้วเอ่ย “แต่ข้าไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองผิด”
“ข้าเพียงแต่ขอโทษที่ตั้งแง่กับอาจารย์” เขาเอ่ย “แต่เื่ที่อาจารย์ให้ข้าไปหาคู่เพื่อผ่านฤดูผสมพันธุ์ ข้าไม่เห็นด้วย”
อวี๋มู่ถาม “ทำไมกัน? ”
ในที่สุดเยี่ยจิ่วหลานก็เผยรอยยิ้มออกมา แก้มสองข้างมีลักยิ้มสองอัน ทำให้ชั่วขณะนั้นอวี๋มู่นึกถึงเฟิงอวี้
เยี่ยจิ่วหลานเอ่ย “เพราะข้ามีคนที่ข้าชอบแล้ว”
อวี๋มู่รู้ว่าอีกฝ่ายกล่าวอย่างมีความนัย แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยออกมาแต่อย่างใด ทำเพียงแต่เอ่ย “เช่นนั้นยิ่งดี”
“ใช้เวลา่ฤดูผสมพันธุ์กับคนที่เ้าชอบ ปลอดภัยกว่าการหาคนไปเรื่อย”
เมื่อเยี่ยจิ่วหลานได้ยินคำพูดของเขา ก็ชะงักไป ก่อนจะเอ่ยถามต่อ “อาจารย์ก็คิดเช่นนี้หรือขอรับ? ”
อวี๋มู่ตอบรับอืมเสียงเรียบ
ครั้งนี้ท่าทีเ็าของอวี๋มู่ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเยี่ยจิ่วหลาน เขาจึงถาม “ถ้าอย่างนั้นหนนี้อาจารย์ออกจากการบำเพ็ญเพียร ท่านยังจะเก็บตัวในเร็ววันนี้หรือไม่? ”
อวี๋มู่นิ่งคิด ก่อนตอบอีกฝ่าย “ไม่”
เยี่ยจิ่วหลานเมื่อได้ยินคำพูดของอวี๋มู่ ก็เปลี่ยนเป็อารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม
เขามองสำรวจห้องของอวี๋มู่ แล้วเอ่ย “อาจารย์ ห้องของท่านใหญ่มาก ให้ข้าย้ายเข้ามาอยู่ด้วย จะได้หรือไม่ขอรับ? ”
หืม?
อวี๋มู่ไม่กระจ่าง แต่ก็ตอบรับด้วยท่าทีเ็าอย่างเร็วพลัน เขารู้สึกว่าคำขอนี้ก็ไม่ได้มีอะไร จึงตอบกลับไปว่าได้
ขณะนั้น เยี่ยจิ่วหลานตกตะลึงไปเลย เขาเพียงแต่เอ่ยถามด้วยความเผื่อใจ แต่คิดไม่ถึงว่าอวี๋มู่จะตอบตกลงจริงๆ
ความน้อยเนื้อต่ำใจและความโกรธเมื่อครู่หายไปหมดสิ้น ขณะนี้เยี่ยจิ่วหลานรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังฝันไป
[โฮสต์ครับ คุณวางใจที่จะอยู่กับเขาจริงเหรอครับ? คุณน่าจะรู้ว่าเขา “คิดไม่ซื่อ” ใช่ไหมครับ?]
ทำไมจู่ๆ อวี๋มู่ก็เปิดช่องให้? ระบบคิดแล้วก็ไม่อาจเข้าใจได้
กระนั้นความจริงก็พิสูจน์ให้เห็น ว่าสมองของอวี๋มู่นั้นได้ฝึกฝนหนทางไร้ซึ่งจิตจนเปลี่ยนเป็ก้อนหินไปเสียแล้ว เื่เปิดช่องให้อีกฝ่ายนั้นไม่มีทางเป็ไปได้
อวี๋มู่ตอบระบบ: ฉันรู้ว่าเขาคิดอะไร
อวี๋มู่บีบนิ้วมือทั้งห้า แล้วเอ่ยต่อ: และฉันก็ยังรู้ด้วยว่า เขาสู้ฉันไม่ได้
[…]
คำพูดนี้เล่นเอาระบบเงียบไปนานพักใหญ่ ถึงค่อยตอบอวี๋มู่ [ถือว่าคุณยอดเยี่ยม ผมละอยากถอนหายใจแทนเด็กน้อยเยี่ยจิ่วหลานจริงๆ]
หลังจากที่อวี๋มู่ตอบตกลง เยี่ยจิ่วหลานก็วิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเองด้วยความดีใจ เด็กหนุ่มแทบะโโลดเต้น รอยยิ้มผุดบนใบหน้าแทบไม่ได้หยุด
เยี่ยจิ่วหลานไม่ได้รู้เลยว่าความคิดเล็กๆ ของตัวเองนั้น อวี๋มู่นั้นรับรู้หมดแล้ว การเข้าไปพักก็เท่ากับว่าได้เห็นแต่ไม่ได้ัั ยิ่งเวลาผ่านไปก็มีแต่จะยิ่งยากลำบากขึ้นเท่านั้น
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
