ฮวาชีเยว่พาเทียนซีกลับไป ลู่ซินและโหย่วชุ่ยยืนรอพวกนางอยู่ด้านนอก เห็นฮวาชีเยว่เดินออกมาอย่างเหม่อลอยก็ให้ใจแป้ว
ฮวาชีเยว่อุ้มเทียนซีขึ้นรถม้า ผู้คนโดยรอบต่างพากันชี้นางแล้วกระซิบ
“เหมือนจะเป็คุณหนูสกุลฮวา กล่าวว่านางขี้ขลาดมาแต่เล็ก ทั้งยังถูกปฏิบัติราวกับขยะในจวนสกุลฮวา ชิ มิคาดจะได้พบนางวันนี้ ดูไม่คล้ายในข่าวลือแม้แต่น้อย”
“ใช่ ได้ยินว่าลูกสาวสายตรงสกุลฮวาหน้าตาน่าเกลียดนัก ทว่าเห็นนางแล้ว นางก็หน้าตาดี..."
“ดูท่าทีของนางเถอะ! นางย่อมต้องเป็ลูกสาวตระกูลผู้ดีมีเงินโดยแท้”
ฮวาชีเยว่มองเทียนซีที่จับชายเสื้อตนเองอย่างเงียบๆ เขายังคงดูหวาดกลัวฮวาชีเยว่อยู่บ้าง
ฮวาชีเยว่ทราบดีว่าในใจเทียนซีย่อมต้องมีเงามืด นางจึงได้ปลอบประโลมเขาเมื่อกลับถึงจวน
“เรายัง้าตัวยาอีกหนึ่งชนิด มีเพียงเทพโอสถจึงจะมีใน ทว่าตามที่หนานอ๋องกล่าว การได้สมุนไพรนี้มาคงไม่ง่ายนัก คงต้องเข้าหาสกุลจี้นี้ให้ดี” ฮวาชีเยว่เอ่ยพึมพำ นางคิดขึ้นมาได้ว่าเทียนพี่อาจจะมีสมุนไพรชนิดนี้อยู่ก็ได้
ลู่ซินครุ่นคิดกับถ้อยคำของฮวาชีเยว่
“กล่าวว่าสมุนไพรคือทุกสิ่งอย่างของเทพสมุนไพร ทุกปีมีผู้คนนับไม่ถ้วนไปอ้อนวอนขอร้องขอสมุนไพรจากเขา ทว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นจึงจะได้สิ่งที่้าเ้าค่ะ” ลู่ซินเอ่ยขณะรินน้ำชาส่งให้ฮวาชีเยว่อย่างอ่อนโยน
ฮวาชีเยว่จิบน้ำชาช้าๆ “ถูกต้อง ดังนั้นเราจะได้สมุนไพรนั้นมาหรือไม่ก็ยังไม่อาจทราบได้”
โหย่วชุ่ยยิ้ม มองเทียนซี “คุณหนู ท่านและนายน้อยย่อมทำได้เ้าค่ะ อย่างไรตอนนี้นายน้อยก็ไม่เป็ไรแล้วไม่ใช่หรือเ้าคะ?”
เทียนซีพยักหน้าอย่างหนักแน่นให้แก่คำของโหย่วชุ่ย แสดงให้เห็นว่าเื่นี้เขาไม่ใส่ใจ
ฮวาชีเยว่รู้สึกเศร้าแทนเทียนซี เขามักคิดถึงคนอื่นอยู่เสมอ แม้กับคนไม่ดีเขาอาจจะมีลูกไม้อะไรบ้าง ทว่าที่แท้เขาเป็คนดีมาก
ลู่ซินและโหย่วชุ่ยรู้สึกไม่สบายใจเพราะคุณหนูของพวกนางตบหน้าคุณหนูสาม แม้คุณหนูสามจะเป็ฝ่ายผิด ทว่าอย่างไรอี๋เหนียงสามก็ยังเป็ที่โปรดปรานของฮูหยินผู้เฒ่า
“คุณหนู...พวกเราจะทำอย่างไรกันดีเ้าคะ? หากคุณหนูสามไปฟ้องฮูหยินผู้เฒ่าเข้าแล้ว…”
“ฟ้องหรือ? หากนางกล้า นางจะยิ่งต้องลำบากกว่านี้” ฮวาชีเยว่แค่นเสียง ผู้ใดที่รังแกนาง นางย่อมไม่เมตตา
โหย่วชุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่กล่าวอะไร อย่างไรผ่านวันคืนแห่งความอับอายมามาก คุณหนูพวกนางเปลี่ยนไปก็ดีแล้ว
เมื่อเทียนซีทานอาหารกลางวันเสร็จ ฮวาชีเยว่ก็สั่งให้โหย่วชุ่ยไปนำเสื้อผ้าชุดใหม่มาสวมให้เทียนซี
เมื่อสวมชุดใหม่แล้วเทียนซีก็ดูอารมณ์ดีขึ้น สนิทกับฮวาชีเยว่มากกว่าเดิม ฮวาชีเยว่สั่งให้โหย่วชุ่ยไปเรียกพ่อบ้านหวางมา จากนั้นทั้งสองก็อยู่ในห้องในอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นพ่อบ้านหวางก็หน้าซีดรีบร้อนก้มหน้าจากไป
ฮวาชีเยว่ก้าวออกมาพร้อมรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้าแล้วพูด “ไปกันเถอะ ไปเรือนท่านย่า เล่นสนุกกันเสียหน่อย” จากนั้นนางจึงจูงมือเทียนซี มุ่งหน้าสู่เรือนฮูหยินผู้เฒ่า
ในห้องพักผ่อนเรือนฝูซิน อี๋เหนียงสองเพิ่งฟ้องเสร็จ ฮวาเสี่ยวอีและอี๋เหนียงสามก็เข้ามาถึงด้วยท่าทีโมโหร้าย เคียดแค้นต่อฮวาชีเยว่
ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้วเมื่อได้ยินทุกคนเอ่ยถึงฮวาชีเยว่ คิดว่าบุตรีภรรยาเอกผู้นี้เปลี่ยนไปมากนัก ก่อนหน้านี้คนมีแต่จะตัวสั่นทุกครั้งที่เห็นอี๋เหนียงสองและคนอื่นๆ
เพราะเส้นลมปราณของฮวาชีเยว่ถูกคนทำร้ายจนแตกสลายโดยไม่ทราบเหตุผล ฮวาชีเยว่จึงไม่กล้าพบใครอีก กระทั่งแม่นมของตนเองนางก็แทบไม่กล้าเข้าหา
“ไม่เคยคิดว่าฮวาชีเยว่จะใจกล้าเพียงนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “เ้ารอสักครู่ อีกประเดี๋ยว...ชีเยว่ก็คงมาแล้ว”
“ท่านย่าเ้าคะ แม้ชีเยว่จะรู้ความแล้ว ทว่านางกลับซ่อนสมุนไพรหายากเอาไว้ในเรือนทั้งยังไม่มอบให้ท่านย่า นางทำเกินไปแล้ว”
ฮวาเมิ่งซือพูดด้วยท่าทีราวกับ้าทวงความยุติธรรมให้ผู้เป็ย่าของตน
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ่งมีสีหน้าไม่พอใจ อี๋เหนียงสองเพิ่งจะฟ้องนางว่าฮวาชีเยว่ปลูกสมุนไพรล้ำค่าแล้วนำไปขาย แทนที่จะส่งมาที่เรือนฝูซินย
ทราบกันอยู่แล้วว่าฮูหยินผู้เฒ่าสุขภาพย่ำแย่และมีอาการไอในหน้าหนาว ทั้งยังมีอาการเวียนศีรษะปวดหัวอีกด้วย
หากนางได้สมุนไพรหายากมาย่อมสามารถรักษาตัวได้ไวขึ้น ทำให้ชีวิตดีและสะดวกขึ้นมาก
ดังนั้นเมื่อได้ยินคำฟ้องของอี๋เหนียงสอง ฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้สึกไม่ยินดีขึ้นมา แม้สมุนไพรหายากจะมีราคาสูง ทว่าสุขภาพนั้นสำคัญยิ่งกว่า
ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งจะพูดจบ ฮวาชีเยว่ก็จูงมือเทียนซีเข้ามา ตามด้วยลู่ซินกับโหย่วชุ่ย
ในห้องพลันเงียบสนิท
ฮวาเสี่ยวอีหน้าบวมครึ่งหนึ่ง จ้องมองฮวาชีเยว่ที่ยังคงดูใจเย็นอย่างเ็า
“ชีเยว่นำบุตรบุญธรรมมาด้วย เทียนซี คารวะท่านย่า อี๋เหนียงสอง และอี๋เหนียงสามสิ” ฮวาชีเยว่โค้งให้ท่านย่าของตน “ท่านย่าเ้าคะ นี่คือเทียนซีที่หลานเพิ่งจะรับมาเลี้ยงได้ไม่นาน แม้จะเกิดมาในครอบครัวที่ดีทว่ากลับถูกสาวใช้รังแก สถานการณ์ค่อนข้างน่าสงสาร ทั้งเขายังถูกสตรีร้ายกาจวางยาพิษจนเป็ใบ้ จึงไม่อาจพูดหรือเรียกท่านย่าได้ หวังว่าท่านย่าจะให้อภัยนะเ้าคะ”
ฮวาชีเยว่เอ่ยอย่างสุภาพด้วยท่าทีใจเย็น
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าน้อยๆ มองเทียนซีอย่างอ่อนโยน นางเอ่ย “น่าสงสารนัก! ชีเยว่ เ้าต้องดูแลเขาให้ดีเล่า”
ฮวาชีเยว่ยิ้มบางแล้วตอบ “ท่านย่าโปรดวางใจเ้าค่ะ หลานย่อมต้องดูแลเทียนซีเป็อย่างดีเสมือนเป็ลูกของหลานเอง”
ฮวาเสี่ยวอีทนโมโหไม่ได้อีกต่อไป นางก้าวออกมา ชี้ฮวาชีเยว่แล้วะโ “ท่านย่าเ้าคะ นางแพศยานี่ตบหน้าหลาน นางทำร้ายหลานไม่มีเหตุผล ขอความยุติธรรมให้หลานด้วยเถอะเ้าค่ะ!”
ใบหน้าของอี๋เหนียงสามมืดครึ้มขึ้นมาเมื่อได้ยินคำของฮวาเสี่ยวอี
แม้อี๋เหนียงสามจะพยายามสอนบุตรสาวของตนให้ดีอย่างไร คนก็ยังเอาแต่ใจ ทั้งเอาตัวเองเป็ใหญ่มากเกินไปจนไม่ยอมฟังนาง
ยามนี้นางหยิ่งผยอง ถึงขั้นเรียกบุตรสาวภรรยาเอกผู้เป็พี่สาวว่านางสารเลว…
เพียะ!
ฮวาเสี่ยวอีไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าอีกข้างของนางก็ถูกฮวาชีเยว่ตบเข้าทันควัน
ฮูหยินผู้เฒ่าทำหน้าเคร่งขรึม มิได้กล่าวอันใดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ มีเพียงมองด้วยสีหน้าทะมึนเท่านั้น
“กล้าพูดจาไร้มารยาทต่อหน้าพี่สาวผู้เป็บุตรภรรยาเอก สมควรถูกตีสักทีหนึ่ง เ้ายังกล้าเรียกพี่สาวสายตรงผู้นี้ว่าแพศยา ทำให้สกุลฮวาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง เ้ายิ่งสมควรถูกตบตีมากกว่านี้!” ฮวาชีเยว่จ้องฮวาเสี่ยวอีอย่างเ็า เห็นแก้มของอีกฝ่ายบวมแดง นางยิ่งดูเฉยเมย
คำของฮวาชีเยว่อุดปากทุกคนในที่นั้นจนสนิท
เทียนซีดูหวาดกลัวอยู่บ้าง ฮวาชีเยว่จึงลูบหลังเขาอย่างอ่อนโยน “เทียนซีไม่ต้องกลัวนะ แม่เพียงโหดร้ายต่อคนที่ขัดแย้งกับแม่เท่านั้น”
“ท่านย่า ท่านก็เห็นแล้วว่าน้องหญิงสามเข้ามาวางท่าโอหังส่งเสียงโหวกเหวกในเรือนหลาน นางเรียกเทียนซีว่าลูกนอกสมรส แดกดันว่าหลานมีลูกทั้งที่ยังไม่แต่งงาน เช่นนั้นหลานจึงต้องสั่งสอนนาง แต่มิคาดนางยังกล้ามารบกวนท่านย่า ล้วนเป็ความผิดหลานเอง”
ฮวาชีเยว่เอ่ยเสียงต่ำ ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ายิ่งขรึมลง
ฮวาชีเยว่กล่าวถูกต้องแล้ว ฮวาเสี่ยวอีอาจหาญเรียกบุตรภรรยาหลวงผู้เป็พี่สาวว่าแพศยาโดยไร้ความเคารพ หากถ้อยคำเหล่านี้ร่ำลือออกไป ผู้คนย่อมต้องคิดว่าสกุลฮวาไม่อาจสั่งสอนคุณหนูสาม คนจึงไม่เคารพพี่สาวและผู้าุโ จึงได้ทำตัวไม่เหมาะสมไร้มารยาทเช่นนี้
“ท่านย่า…” ฮวาเสี่ยวอียังคงไม่ยินยอม ทว่าถูกอี๋เหนียงสามดึงตัวเข้ามาโดยแรงแล้วกดให้คุกเข่าลง
อี๋เหนียงสามรีบคุกเข่าลงเช่นกัน “ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ เป็ข้าสั่งสอนเสี่ยวอีไม่ดี ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดใจเย็นลงเถอะนะเ้าคะ!”
เห็นมารดาก็คุกเข่าเช่นกัน ใจของฮวาเสี่ยวอีพลันเต้นรัวขึ้นมา ฝ่ามือเริ่มมีเหงื่อบาง
“ในเมื่อเ้าสั่งสอนนางได้ไม่ดี เช่นนั้นก็พาตัวนางกลับไปเสีย อย่าให้นางมาก่อเื่ที่นี่!” ฮูหยินผู้เฒ่าออกปากอย่างรังเกียจแล้วจึงจิบชาอึกหนึ่ง
อี๋เหนียงสามรีบขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าที่ใจกว้างแล้วจึงลากฮวาเสี่ยวอีที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ออกไปพร้อมกัน
อี๋เหนียงสองมองหน้าฮวาเมิ่งซือ ต่างฝ่ายต่างมีสีหน้าไม่น่ามอง
ฮวาชีเยว่ยามนี้ราวกับเทพเ้าแห่งความตายที่แสนใจเย็น พร้อมใช้ทุกสิ่งเพื่อจัดการพวกนางได้
“ท่านย่าอย่าโมโหไปเลยเ้าค่ะ หลานมีของมาให้ท่านย่าแปลกใจ”
เห็นใบหน้าหม่นคล้ำดุจน้ำหมึกและสีหน้าไม่ยินดีของฮูหยินผู้เฒ่า ฮวาชีเยว่ก็ยิ้มจาง ส่งสัญญาณให้ลู่ซินนำกล่องงดงามในมือส่งให้กับหลิวมามาที่ยืนอยู่ข้างฮูหยินผู้เฒ่า
หลิวมามารับกล่องยาวหรูหรามาไว้ในมือ จากนั้นเปิดและส่งมันให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่ามองของในกล่องแล้วเป็ต้องตกตะลึงกับภาพหลงแดงในกล่องที่ส่งกลิ่นหอมออกมา ดอกไม้แดงงดงามมีเสน่ห์ ใบเขียวสว่างดุจภาพฝันทอประกายเงินจางๆ แน่นอนว่าย่อมเป็สมุนไพรชั้นหนึ่ง
“ท่านย่า สมุนไพรชนิดนี้มีชื่อว่าหลงแดง หลานบังเอิญได้เมล็ดพันธุ์มาจากพระลึกลับรูปหนึ่งยามไปวัดหรงฝู จากนั้นเมื่อหลานลองปลูกดูในสวน น่าประหลาดใจนัก เพียงไม่กี่วันต้นหลงแดงก็เติบโตแล้ว แต่หลานคิดว่าพระรูปนั้นลึกลับเกินไปจนไม่กล้าเชื่อถือ คาดว่าเมล็ดพันธุ์อาจจะเป็สมุนไพรพิษจึงมิได้นำมาให้ท่านย่าดูก่อน หลานสั่งให้พ่อบ้านหวางนำไปขายให้กับร้านยาถงอันในชื่อหลาน มิคาดเ้าของร้านมองแวบเดียวก็ทราบว่าเป็ต้นหลงแดง หลานมั่นใจแล้วจึงนำมาให้ท่านย่าเ้าค่ะ”
ฮวาชีเยว่ยิ้มบาง สีหน้าของอี๋เหนียงสองเปลี่ยนไป นางมิคาดว่าในสวนของฮวาชีเยว่จะมีต้นหลงแดงขึ้นมาได้
ดูไปแล้ว นางกับฮวาเมิ่งซือคงละเลยฮวาชีเยว่เกินไป
นับแต่กลับจากวัดหานเยว่ ฮวาชีเยว่ก็ราวกับกลายเป็คนละคน
อี๋เหนียงสองเฉิงซื่อคิดว่าตนดูถูกฮวาชีเยว่มากเกินไป กระทั่งฮวาชีเยว่มีหลงแดงมาเท่าใด นางก็ยังไม่มีคนคอยจับตาดู
ฮวาเมิ่งซือกำมือแน่นเสียจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ โมโหจนแทบเดือด “ฮวาชีเยว่ เ้าไปเอาหลงแดงมาได้อย่างไร? สิ่งนี้คือสมุนไพรหายากมีไว้เพื่อฝึกยุทธ์” กระทั่งฮวาเมิ่งซือเองก็ต้องพยายามมากนักกว่าจะรู้จักสมุนไพรชนิดนี้
ยิ่งกว่านั้น ผู้คนทั่วไปยากจะมีโอกาสได้เห็นสมุนไพรชนิดนี้ ฮวาเมิ่งซือเป็ผู้ใช้ศาสตร์แห่งชี่ถึงระดับเมฆาทะยานแล้ว แต่นางก็ยังไม่เคยได้เห็นต้นหลงแดงมาก่อน
เห็นต้นหลงแดงทอประกาย ฮูหยินผู้เฒ่าก็มีสีหน้าสดใสขึ้นมา “ดี ดียิ่ง กลิ่นช่างดีเหลือเกิน ชีเยว่ พระลึกลับรูปนั้นมอบเมล็ดพันธุ์มีค่าให้เ้าแล้ว แสดงว่าเ้ามีชะตาเชื่อมโยงกับท่าน ข้าชอบหลงแดงต้นนี้มาก”
ฮวาชีเยว่รับคำอย่างอ่อนโยน ไม่ว่าใครได้รับสมุนไพรล้ำค่าหายากเช่นนี้ย่อมต้องยินดี ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงท่านย่าผู้นี้ของนางที่มีสุขภาพไม่ดีนัก
แม้ท่านย่าของนางจะเคยไม่สนใจฮวาชีเยว่มาก่อน แต่เื่นี้ยังเข้าใจได้ อย่างไรเสียก็ไม่มีใครใส่ใจคนไร้ประโยชน์
“ท่านย่าชอบก็ดีแล้วเ้าค่ะ หลิวมามาโปรดจดจำไว้ด้วยนะเ้าคะ แรกสุดต้นหลงแดงควรจะถูกตุ๋นด้วยไฟแรงจัดหนึ่งชั่วยาม จากนั้นเปลี่ยนเป็เคี่ยวด้วยไฟอ่อนหกชั่วยาม ต้นหลงแดงนี้มีสรรพคุณให้ร่างกายแข็งแรง ขับพิษและโรคร้อยชนิด ช่วยเสริมความงามรูปลักษณ์ และบำรุงหัวใจ เป็ตัวยาที่แพทย์ล้วนแต่ปรารถนา” ฮวาชีเยว่ยิ้มเอ่ย ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้ผู้อื่นนำที่นั่งมาให้นางทันที
ในชั่วขณะนั้น อี๋เหนียงสองดูโกรธแค้นจนหน้าเขียวทีเดียว