ยามดึกสงัด ได้ยินเสียงออกจากประตู เฉียวเยว่แน่ใจว่ามารดากลับไปแล้ว
นางมองซ้ายมองขวา กลิ้งไปที่ขอบเตียงโดยไม่มีใครรู้เห็น ก่อนจะไถลตัวลงมาหยิบกล่องขนมใต้เตียงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และยิ้มอย่างมีชัย
หลังจากนั้นก็กินอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับหนูตัวเล็กๆ ที่ออกหาอาหารกินกลางดึก
กินอิ่มแล้ว ก็กอดกล่องขนมอย่างมีความสุข พลางถอนหายใจให้ความเป็โดราเอมอนของหรงจ้านอีกครา
แม้ว่าทุกคนจะบอกว่าเขาประหลาด แต่คนผู้นี้มักปรากฏตัวในเวลาที่นาง้าที่สุดเสมอ และมักมอบสิ่งของที่นาง้าที่สุด และไม่เคยโกรธนางเลย
เป็ชายหนุ่มที่ดีคนหนึ่งจริงๆ
ชายหนุ่มเช่นนี้หากมาอยู่ในยุคปัจจุบันจะต้องเป็คนขยันขันแข็ง เคารพกฎหมาย เป็เสาหลักในการสร้างชาติให้เจริญรุ่งเรืองเป็แน่!
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมอบสุนัขตัวหนึ่งให้นาง นี่คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก ฮึกๆ คันหัวใจยุบยิบ อยากไปดูหมาน้อยจังเลย
"ฮือๆ ปล่อยข้า ปล่อยข้า ข้าจะอยู่กับหมาน้อย ข้า..."
เสียงดังขึ้นระลอกหนึ่ง เฉียวเยว่ใได้สติกลับมา
นี่มันเสียงของฉีอันชัดๆ หลังจากเขากลับมา ก็ชอบสุนัขน้อยอย่างมาก ไม่นึกว่าเ้าเด็กคนนี้จะแอบมาดูสุนัขตอนกลางดึก ด้วยเกรงว่าตนเองจะถูกจับได้ เฉียวเยว่จึงรีบเอากล่องขนมไปซุกซ่อน ส่วนตนเองก็ปีนขึ้นเตียง เอาผ้าห่มคลุม กรนคร่อกฟี้แกล้งทำเป็หลับ
เวลาไม่นานหลังจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากห้องด้านนอกตามคาด ดูเหมือนว่ามีคนเลิกม่านขึ้นมองเข้ามา หลังจากนั้นก็จากไป
เฉียวเยว่ถอนหายใจอย่างโล่งอก น่ากลัวเหลือเกิน
อาจเป็เพราะความตื่นเต้นมาก ประกอบกับนางเองก็ง่วงแล้ว อ้าปากหาวหวอดหนึ่ง แล้วพลิกตัวก้นน้อยๆ เผยออกมาด้านนอก ไม่ช้าก็ผล็อยหลับไป
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องเข้ามาแยงตา แม้จะเป็ฤดูหนาว แต่วันนี้อากาศดีมาก เฉียวเยว่ปีนขึ้นมานั่งขยี้ ท่าทางยังสะลึมสะลืออยู่บ้าง
อวิ๋นเอ๋อร์ยกน้ำเข้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้นาง เด็กหญิงตัวน้อยลูบดวงหน้าของตนเองพลางเอ่ยเสียงเบา "มื้อเช้าข้าอยากกินตีนไก่"
อวิ๋นเอ๋อร์หัวเราะ "มีที่ไหนกินตีนไก่แต่เช้า คุณหนูคนดี บ่าวจะเตรียมให้มื้อกลางวันนะเ้าคะ"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ ระหว่างล้างหน้า จู่ๆ ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมากะทันหัน "ลูกสุนัขเล่า?"
อวิ๋นเอ๋อร์สะดุ้งใ แต่ก็ตอบอย่างรวดเร็ว "คุณหนูไม่ต้องเป็ห่วง เลี้ยงอยู่ในห้องหนังสือเ้าค่ะ"
"เช่นนั้นก็เร็วๆ หน่อย ข้าจะรีบไปดูมัน" เฉียวเยว่ละล่ำละลัก
หลังจากอวิ๋นเอ๋อร์ทำธุระให้นางเสร็จเรียบร้อย เฉียวเยว่ก็สวมเสื้อสีชมพูกับกระโปรงตัวเล็กสีเดียวกัน แลดูน่ารัก แล้วเดินออกมาจากห้อง ตั้งท่าจะวิ่งไปทางห้องหนังสือ แต่ถูกอวิ๋นเอ๋อร์คว้าตัวไว้ "คุณหนูไปรับประทานอาหารเช้าที่ห้องของไท่ไท่ก่อนดีหรือไม่ หากท่านไม่เชื่อฟังแต่โดยดี ไท่ไท่จะโกรธเอานะเ้าคะ"
เฉียวเยว่ทำแก้มป่อง แต่ยังคงเชื่อฟังไปหาไท่ไท่สามก่อน ซูซานหลางเห็นนางมา ก็มองไปข้างหลังของนาง "น้องชายของเ้าล่ะ?"
เฉียวเยว่กางนิ้วมือ "ข้าจะทราบได้อย่างไร"
"เมื่อคืนนายน้อยนอนดึก เช้านี้ยังไม่ตื่นเลยเ้าค่ะ" อวิ๋นเอ๋อร์ตอบ
เด็กชายตัวน้อยจะออกมาดูลูกสุนัขตอนกลางดึก เกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่ฟัง
"เด็กไม่ดี" เฉียวเยว่ค่อนแคะ
ซูซานหลางชำเลืองมองนาง ซึ่งทำตัวราวกับเป็เด็กดี "เ้าต้องเป็แบบอย่างที่ดี"
เฉียวเยว่เชิดหน้า "ไม่มีปัญหาอยู่แล้วเ้าค่ะ"
นางยิ้มร่าเริง
อิ้งเยว่เห็นนางอารมณ์ดีก็เอ่ยถาม "มีเื่ดีอันใดหรือ?"
เฉียวเยว่ทำเสียงหืม สีหน้างุนงง
"เห็นเ้าดูมีความสุข ข้าก็นึกว่าเ้ามีเื่ดีอันใด" อิ้งเยว่กล่าว
เฉียวเยว่ดึงกระโปรงตัวน้อยแล้วหมุนเป็วงกลม "เพราะข้ามีลูกสุนัขแล้ว ข้าย่อมจะเบิกบาน"
นางมักขี้เล่นเช่นนี้เสมอ ไท่ไท่สามยกยิ้มเอ่ยว่า "เมื่อวานอวี้อ๋องส่งของขวัญมาเยอะมาก มีผ้าสีสันสดใสอยู่หลายผืน หากไม่ใช่เ้าสาว ก็มีแต่เด็กน้อยที่สวมใส่แล้วถึงจะสวย แม่คิดว่าจะตัดอาภรณ์ให้พวกเ้าสวมใส่่ปีใหม่คนละสองสามชุด"
อิ้งเยว่ทำตาโต "ตัดชุดใหม่? ได้หรือเ้าคะ?"
นางชอบเสื้อผ้าใหม่เป็ที่สุด หากมีชุดใหม่เยอะๆ ก็เยี่ยมไปเลย
สำหรับสตรี เสื้อผ้าอาภรณ์กับแป้งชาดเครื่องประทินผิวคือสิ่งที่ขาดไม่ได้
ไท่ไท่สามพยักหน้า นางนึกดูสักครู่ ก็เอ่ยถาม "เฉียวเยว่ เ้าว่าอย่างไร?"
เฉียวเยว่รู้สึกข้องใจพลางเกาศีรษะ นางจะคิดอะไร? "เหตุใดต้องถามความเห็นของข้า?"
"ความจริงสิ่งของเหล่านี้อวี้อ๋องมอบให้แก่เ้า แม่ถือวิสาสะจัดการ เ้าเห็นด้วยหรือไม่?"
ถึงแม้จะเป็เด็ก แต่ไท่ไท่สามก็รู้สึกว่าควรถามความคิดเห็นของบุตรก่อน อย่างไรเสียผู้อื่นก็มอบสิ่งของให้นาง แม้ว่าสุดท้ายคนที่จะต้องมอบของขวัญตอบแทนกลับไปก็คือพวกเขา แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะทำสิ่งใดโดยพลการ
"ย่อมเห็นด้วยอยู่แล้ว ข้ายังเล็กไม่รู้ความอันใด ต้องให้ท่านพ่อท่านแม่จัดการอยู่แล้ว ท่านแม่เห็นว่าควรมอบให้ใครหรือจะตัดอาภรณ์ให้ผู้ใดล้วนดีทั้งสิ้น เสื้อผ้าเก็บไว้นานไป เนื้อผ้าก็จะไม่สดใหม่แล้ว" เฉียวเยว่ตอบทันควัน
อิ้งเยว่หัวเราะพรืด "ไม่สดใหม่? เ้านึกว่ามันเป็ผลไม้ตามฤดูกาลหรือ?"
"ข้าหมายถึงสีสันและรูปแบบอาจล้าสมัยต่างหากเล่า อาศัย่ที่กำลังเป็ที่นิยม เอามาตัดชุดใหม่ไม่ดีหรือ พวกเราส่งไปให้ท่านย่าด้วยก็ได้ ท่านแม่ก็ตัดชุดใหม่ด้วย ปีใหม่สวมเสื้อผ้าสีสันสดใสหน่อยดูเป็มงคล ไม่เป็ไรหรอกเ้าค่ะ" เฉียวเยว่ตอบอย่างจริงจัง
"ข้าเอาสองชุด ไม่สิ ข้าเอาสามชุดเลย"
ด้วยเกรงว่าไท่ไท่สามจะไม่ยอม นางจึงดึงกระโปรงตัวน้อยของตนเอง พลางเอ่ยถาม "ได้หรือไม่เ้าคะ ผู้อื่นยังเล็ก ใช้ผ้าน้อยมาก น้อยมากๆ เพียงนิดเดียวก็พอแล้ว ใช้เศษผ้าส่วนที่เหลือจากพวกท่านก็ใช้ได้แล้ว"
"เ้าตัวอ้วนขนาดนี้ เปลืองผ้ายิ่งกว่าข้าอีก" อิ้งเยว่ค่อนขอด
เฉียวเยว่ "..."
เพียงชั่วพริบตาวิ่งโผเข้ากอดไท่ไท่สาม "พี่สาวรังแกข้า"
ไท่ไท่สามหัวเราะ "เช่นนั้นอีกสักครู่พวกเรามาเลือกผ้ากันก่อน หลังจากนั้นแม่จะให้คนมาวัดตัวให้ เสร็จแล้วเฉียวเยว่ค่อยไปดูลูกสุนัขดีหรือไม่?"
ไท่ไท่สามรู้ว่าหัวใจของบุตรไปอยู่ที่ลูกสุนัขหมดแล้ว จึงเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
"ดีเ้าค่ะ" นางตอบเสียงดังฟังชัด
หลังจากกินข้าวเรียบร้อย เฉียวเยว่ถึงพบว่า อวี้อ๋องเป็เศรษฐีตัวจริง ของที่เขาส่งมาให้ไม่น้อยเลยจริงๆ
แพรพรรณสิบพับดูเหมือนไม่มากไม่น้อย ทว่าผ้าแต่ละพับล้วนงามวิจิตร เอามาตัดอาภรณ์ให้ผู้ใหญ่ทั้งเสื้อและกางเกงก็ยังเหลือเฟือ ส่วนเด็กๆ ก็สามารถตัดได้ถึงสองชุด
เฉียวเยว่ลูบไล้ผ้าไหมสีม่วงเข้มแทรกดิ้นทองผืนหนึ่ง ปากก็ชมเปาะ "ผืนนี้เหมาะสมกับท่านย่าเป็อย่างยิ่ง ดูมีราคามากเลยเ้าค่ะ"
ต้องบอกว่า แพรพรรณเหล่านี้ไม่เหมาะกับบุรุษ
มิเช่นนั้นก็เอามาตัดชุดให้บิดาได้ เช่นนี้ก็ไม่ต้องให้แล้ว ฮิฮิ
ไท่ไท่สามเอามากางดู ก็จุปากชื่นชม "นี่คือผ้าไหมสองหน้า"
แม้แต่คนที่มีประสบการณ์เห็นอะไรมามากเช่นนางก็ยังรู้สึกใ นี่คือผ้าไหมสองด้านซึ่งมีความพิเศษมาก แม้ทั้งสองหน้าล้วนเป็สีม่วง แต่ลวดลายทั้งสองหน้าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะด้านไหนก็สามารถตัดอาภรณ์ได้ทั้งสิ้น งดงามเป็ที่สุด
ตระกูลผู้ดีมีเงินอย่างพวกเขามักไม่ตัดอาภรณ์แบบที่สามารถสวมใส่ได้สองหน้า แต่ส่วนที่สามารถััได้ถึงความพิเศษของมันก็คือปกเสื้อ คนตระกูลสูงศักดิ์มักจะพิถีพิถันในเื่ภาพลักษณ์เช่นนี้เสมอ
เนื้อผ้าเช่นนี้มักตัดเป็อาภรณ์ให้ผู้สูงอายุเสียเป็ส่วนใหญ่ น้อยนักที่จะเอามาตัดชุดให้กับเด็กๆ เนื่องจากราคาแพงเกินไป และไม่ช้าก็คับใส่ไม่ได้แล้ว
ส่วนเนื้อผ้าที่แทรกดิ้นทองก็เป็แบบที่เพิ่งออกใหม่ของปีนี้ ไม่มีวางขายตามร้านผ้าสามัญทั่วไป
เฉียวเยว่ไม่รู้เื่เหล่านี้มากนัก แต่รู้สึกว่าผืนนี้ไม่เหมาะกับวัยของพวกนาง "ให้ท่านย่า"
หลังจากนั้นก็รื้อๆ ค้นๆ ดูต่อ ก็หยิบผ้าสีชมพูอ่อนออกมา "ผืนนี้เหมาะสมกับข้า"
แล้วก็ค้นหาต่อไปอีก "ผืนนี้ก็ดีมาก สีฟ้าผืนนี้ก็เหมาะกับข้า ์ ทำอย่างไรดี งดงามเช่นข้า ใส่อะไรก็ดูดีไปหมด ข้าชอบหมดเลย"
เด็กผู้หญิงไม่มีแรงต้านทานของเหล่านี้โดยธรรมชาติ เห็นอิ้งเยว่ยังตื่นเต้นกับของเหล่านี้ ซูซานหลางก็ออกมาจากห้องอย่างเงียบเชียบ รู้สึกว่าไปหาบุตรชายของตนเองดีกว่า
"เฉียวเยว่ อีกประเดี๋ยวเ้านำผ้าไหมสองหน้าสีม่วงเข้มผืนนี้ไปมอบให้ท่านย่าที่เรือนหลัก บอกว่าเ้ามอบให้เข้าใจหรือไม่" ไท่ไท่สามเอ่ย
เฉียวเยว่ยิ้มอย่างมีเลศนัย "ท่านแม่ ท่านนี่ร้ายเหมือนกันนะ"
ไท่ไท่สามถูกนางล้อจนหน้าแดง ทำเสียงดุให้ "ให้เ้าไปก็ไปเถอะ ไหนเลยต้องมาพูดมาก"
เฉียวเยว่หัวเราะฮิฮิ ทำท่าว่าข้ารู้ทันหรอกน่า
ไท่ไท่สามจิ้มหน้าผากของนาง "เ้าได้ยินหรือไม่"
เฉียวเยว่พยักหน้า "เ้าค่ะ ข้าทราบแล้ว"
ไท่ไท่สามบอกเหตุผลให้นางฟัง "แม่ทำเช่นนี้เพราะหวังดีต่อเ้า เ้ากับฉีอันต่างกัน เขาเป็บุรุษ เ้าเป็สตรี มีท่านย่าปกป้องคุ้มครองเ้าปัญหากวนใจทั้งหลายก็จะไม่มากล้ำกราย เ้ากับอิ้งเยว่ไม่เหมือนกัน นางเรียบร้อยไม่ก่อเื่ ส่วนลิงน้อยอย่างเ้า ข้าไม่หวังว่าจะอยู่นิ่งอะไรมาก เพียงแต่เ้าก่อเื่ได้ทั้งวัน ลำพังแค่พวกเราไม่อาจปกป้องเ้าได้ หากมีท่านย่าก็จะช่วยได้มาก"
คำพูดนี้พูดกับเฉียวเยว่ แต่ก็เป็การพูดให้อิ้งเยว่ฟังด้วย แม้ว่านางจะเอาใจใส่เฉียวเยว่มากกว่า แต่นางก็หวังว่าบุตรสาวคนโตจะเข้าใจ ทุกคนล้วนเป็บุตรของนาง นางย่อมรักทุกคน เพียงแต่เฉียวเยว่มักจะเกิดเื่ง่ายกว่า นางไม่อาจวางใจ
เฉียวเยว่กอดคอไท่ไท่สาม "ข้าทราบแล้วเ้าค่ะท่านแม่ ข้าเป็เด็กดีว่านอนสอนง่าย"
แม่หนูน้อยคนดีไปฉอเลาะให้อ๋องน้อยเรียกตนเองว่าไกวเยว่ หากไม่เรียกก็จะไม่ปล่อยมือ
ช่างเป็ "เด็กดีว่านอนสอนง่าย" จริงจริ๊งงงงง....
ไท่ไท่สามไม่คิดจะเปิดโปงนาง แต่จิ้มพุงน้อยๆ ของบุตรสาว "ตอนนี้เ้าไปส่งของได้แล้ว"
เฉียวเยว่พยักหน้า "เช่นนั้นข้าไปส่งของแล้วค่อยกลับมาดูลูกสุนัข สุนัขตัวน้อยของข้าฝากให้ฉีอันดูแลแทนไปก่อน"
ไท่ไท่สามถอนหายใจ "เ้าไม่ต้องฝาก เขาก็เต็มใจขันอาสาอยู่แล้วล่ะ"
เฉียวเยว่ยิ้มยิงฟัน เผยให้เห็นฟันน้อยๆ ที่แหว่งไปหนึ่งซี่
ขณะอุ้มแพรพรรณเดินผ่านอิ้งเยว่ ก็แอบจุมพิตพี่สาวอย่างรวดเร็วทีหนึ่ง
อิ้งเยว่ "..."
เด็กคนนี้มักมีนิสัยชอบจุมพิตคนส่งเดชไม่ดีอย่างยิ่ง
"เ้าทำหน้าข้าเปียกน้ำลาย"
เฉียวเยว่หัวเราะฮิฮิ "พี่อิ้งเยว่เลือกผ้าที่ตนเองชอบก่อน ข้ากลับมาพวกเราค่อยตัดชุดใหม่ด้วยกัน พวกเราสามารถใช้ผ้าผืนเดียวกันตัดเป็ชุดคู่แฝดพี่น้อง เวลาออกไปข้างนอกช่วยดึงดูดความสนใจได้ดี"
อิ้งเยว่อับจนถ้อยคำ "เ้าไปเรียนรู้มาจากใครกันนี่ ไป ไป ไป รีบไปหาท่านย่าเถอะ"
เฉียวเยว่หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ะโโลดเต้นออกไปจากห้อง
ระหว่างทางอวิ๋นเอ๋อร์อยากช่วยถือ แต่เฉียวเยว่ไม่ยอม พอเห็นว่ามาถึงเรือนหลักแล้ว เฉียวเยว่ก็พูดเสียงดัง "ท่านย่า ข้านำของขวัญมามอบให้ท่านด้วยนะ"
แต่พอเลิกม่านขึ้น วันนี้ทุกคนต่างอยู่กันครบ นางนับว่ามาสาย
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นท่าทางของนางก็ยิ้มกล่าวว่า "นี่เ้าทำอันใด ยังไม่เข้าไปช่วยอีก ให้คุณหนูเจ็ดถือของหนักเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่ได้เื่เลยจริงๆ"
เฉียวเยว่โบกไม้โบกมืออย่างอารมณ์ดี "ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ข้าไม่รู้สึกหนักเลย นี่คือข้อดีของการเป็คนเ้าเนื้อ มีกำลังวังชามาก ข้า้าเอาของมามอบให้ท่านย่าด้วยตนเองเ้าค่ะ"
นางยิ้มแก้มปริ นำผ้าสองพับมาวางบนตั่ง "ท่านย่า นี่คือของที่ข้ามอบให้ท่านเ้าค่ะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าก้มลงมอง เป็ของดีมากจริงๆ นางเป็สตรีชั้นสูง ย่อมรู้จักสิ่งของเหล่านี้ เพียงแต่...
"เป็ของที่ในวังส่งมาหรือ?" ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถาม
งานฝีมือเช่นนี้ เป็ไปไม่ได้ที่จะซื้อมาจากข้างนอก
เฉียวเยว่พยักหน้า "ใช่เ้าค่ะ ท่านพี่จ้านมอบให้ข้า ท่านแม่บอกว่าไม่เหมาะให้ข้าสวมใส่ ในจวนมีแต่ท่านที่มีบารมีน่าเกรงขามคู่ควรกับผ้าผืนนี้ ข้าก็เลยหยิบมา ท่านย่า รีบดูสิเ้าคะ ว่าชอบหรือไม่"
ความพยายามของเฉียวเยว่ที่จะเอ่ยถึงความอ่อนโยนและความฉลาดปราดเปรื่องของมารดาเมื่ออยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าอย่างไม่ลดละตลอดหลายปี ย่อมจะได้ผลอยู่มาก
แน่นอนว่า มารดาของนางแท้จริงก็ดีมากอยู่แล้ว
"อวี้อ๋องส่งมาหรือ..." สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าคล้ายมีความหมายแอบแฝง
เฉียวเยว่ยิ้มร่าเริง "ใช่เ้าค่ะ"
นางกางผ้าออก นำมาทาบตัวของฮูหยินผู้เฒ่า แล้วพยักหน้าอย่างรู้มาก "เข้ากับท่านย่าอย่างที่คิดไว้เลย"
ฮูหยินผู้เฒ่าถูกหยอกเย้าจนหัวเราะ กอดนางแล้วจุมพิตหนึ่งที "ไยเ้าถึงน่ารักเช่นนี้"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้