ฉินิหยวนแสดงสีหน้าหวาดกลัวสุดขีดครั้นััได้ถึงบางสิ่งที่กำลังไหลไปทั่วร่าง ร่างกายภายในของมันพลันร้อนขึ้นราวกับมีไฟลุกโชนอยู่ภายใน
ไป๋เฉินขบเคี้ยวขนมพลางเอ่ย "หากเ้าไม่ยอมปริปาก เืในร่างกายของเขาจะไหลเวียนย้อนกลับ ส่งผลให้ระบบการหายใจและระบบการทำงานของหัวใจผิดปกติ หากปล่อยไว้เกินหนึ่งนาทีเ้าจะได้ลิ้มลองรสชาติของความทุกข์ทรมานที่สุดในชีวิต แต่เ้าจะยังไม่ตายเพราะข้าจะทำให้การไหลเวียนกลับตามเดิมและทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าข้าจะพึงพอใจ"
ระหว่างที่ไป๋เฉินกล่าวใบหน้าของฉินิหยวนเริ่มจะปวดบูมเนื่องจากโลหิตที่ไหลเวียนไปยังสมองทำให้เกิดอาการเืคลั่งใน สมองของเขาตระหนักได้ถึงความเ็ปที่ทรมานเสียยิ่งกว่าการตัดแขนตัดขา
ดวงตาของมันเป็สีแดงจากเส้นเืฝอยที่แตกพร่า ภายในรูม่านตามีเพียงแต่ความสิ้นหวังฉายอยู่
วินาทีนั้นฉินิหยวนไม่ลังเลเลยที่จะผงกศีรษะเพื่อเป็การส่งสัญญาณว่ามันจะยอมบอกทุกๆอย่าง
"เอาล่ะ เนื่องจากข้ายังพอมีความเมตตาปราณี หากเ้าไม่กล่าวสารภาพทุกสิ่งภายในเวลาหนึ่งนาที เ้าคงจะรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อไป..." ไป๋เฉินพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับกดลงไปยังตำแหน่งชีพจรเพื่อคืนการไหลเวียนโลหิตโดยที่ยังมิได้ถอนปราณโลหิตออกมาและดึงถุงเท้าออกจากปาก
ฉินิหยวนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง "ปะ-ไป๋เฉิน หากข้าบอกเ้า...เ้าจะไม่สังหารข้าใช่หรือไม่?"
คิ้วของไป๋เฉินย่นลง "เ้าไม่มีสิทธิ์ในการต่อรอง! แน่นอนว่าหากเ้าไม่ปริปาก...ข้ายังมีวิธีการดีๆมากกว่านี้เยอะ"
"แป้ก!"
ไป๋เฉินดีดนิ้วโดยพลัน ในเวลาเดียวกันความร้อนเริ่มพวยพุ่งจากตันเถียนของฉินิหยวนเพื่อเป็การบีบบังคับ
"อ๊ากกก!!! ข้าจะบอก! ข้าจะบอก!"
"ในวันนั้นที่ตระกูลไป๋กำลังตกเป็เป้าหมายของทั้งสามเมือง แต่ไป๋หนานเทียนยังคงความเด็ดเดี่ยวและมีอำนาจสูงสุด แต่ทว่าบิดาของข้าไปบอกกล่าวที่หลบซ่อนของแม่ของเ้าและเ้าให้แก่เ้าเมืองเทียนเฟิงได้รับรู้..."
ฉินิหยวนบอกเล่าทุกอย่างด้วยความหวาดกลัวเสียงสั่นระเรื่อ จนของเหลวสีเหลืองเริ่มไหลมาตามกางเกง
ฉินฟง้าจะครอบงำอำนาจของตระกูลฉินมาเนิ่นนานั้แ่เมื่อฉินเหยียนได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลและมีความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับตระกูลไป๋ ในยามนั้นตระกูลฉินเป็ที่ครหาว่าตกเป็เบี้ยล่างของตระกูลไป๋ แน่นอนว่าฉินเหยียนยอมรับความจริงข้อนี้โดยปริยาย แต่สำหรับฉินฟงแล้วมันมิอาจยอมรับได้!
และวัตถุประสงค์ของฉินฟงคือการทำให้ก่อเกิดาขนาดใหญ่เพื่อให้ฉินเหยียนเข้าร่วมาและถูกสังหารลงในาครานั้น และมันคาดเดาไปเองว่าหลังจากยุทธ์การัเขมือบ กองกำลังของตระกูลไป๋และตระกูลฉินจะถึงคราวเสื่อมถอย จนมันจะกลายเป็พระเอกขี่ม้าขาวและหลังจากนั้นมันจะกดขี่ตระกูลไป๋ให้อยู่ภายใต้ตระกูลฉินได้โดยการนำของมัน
แต่ทว่ากลับเกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน เมื่อไป๋หนานเทียนได้ทนรับแรงกระแทกไว้เพึยงผู้เดียวโดยที่มิได้ส่งผลลบต่อกองกำลังของตระกูลฉินแม้แต่น้อย ซ้ำยังสังหารกองกำลังนับหมื่นของศัตรูจนสิ้น...และแผนการของฉินฟงก็ถึงคราวล่มสลาย
เหตุผลที่มันพยายามจะกำจัดไป๋เฉินมีอยู่สองประการ
หนึ่งคือการลบล้างภัยคุกคามที่ยังหลงเหลืออยู่
สองคือในเมื่อมันมิอาจขึ้นครองตำแหน่งผู้นำตระกูลฉินได้ มันจึงวางแผนส่งไม้ต่อให้ฉินิหยวนรับตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไป
จะกล่าวได้ว่าไป๋เฉินเปรียบเสมือนก้างขวางคอชิ้นใหญ่!
หลังจากได้รับข้อมูลทุกสิ่งอย่าง ไป๋เฉินยัดถุงเท้ากลับตามเดิม ไม่ว่าจะเป็เื่ราวเกี่ยวกับบิดาของตนหรือแม้แต่การใช้อำนาจของตระกูลฉินเพื่อกดขี่หญิงสาวจนทำให้หลายๆครอบครัวล่มสลายไปโดยที่ไม่มีผู้ใดกล้าพูดอันใด รวมถึงผู้สมรู้ร่วมคิดและผู้ร่วมกระบวนการ ข้อมูลทั้งหมดตกอยู่ในมือของไป๋เฉินจนสมบูรณ์
ไป๋เฉินได้รับแม้แต่ชื่อแซ่ของตระกูลที่มันเคยทำชั่วช้าไว้ทั้งหมด รวมถึงจุดสำคัญการเปลี่ยนแปลงของตระกูลไป๋
"ฮ่าย~ ไม่คาดคิดว่าไป๋หนานเทียนจะโดนหอกข้างแคร่แทงอย่างหนักหน่วงเช่นนี้" ไป๋เฉินกุมขมับและส่ายศีรษะอย่างเห็นอกเห็นใจ
'ดูเหมือนว่าสมมติฐานที่ไป๋เฉินคนเก่าตั้งมาโดยตลอดเป็ความจริง!'
'แต่ไป๋เฉินคนเก่าไม่้าให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลต้องเป็ปฏิปักษ์ต่อกัน ฉะนั้นไป๋เฉินคนเก่าจึงเก็บเงียบงันมาโดยตลอด'
ไป๋เฉินยืนขึ้นพลันวางแผนเรียบเรียงเหตุการณ์ไว้ในหัว "ฉินฟงคือตัวจุดชนวนของเื่นี้ และเ้าเมืองเทียนเฟิงเปรียบได้ดั่งอาวุธที่ถูกชักนำโดยฉินฟงเพราะมีข้อตกลงผลประโยชน์ร่วมกัน...เ้าเมืองเทียนเฟิง้าลบล้างตระกูลไป๋ ส่วนฉินฟง้ายึดครองอำนาจจากฉินเหยียน อะไรจะช่างเหมาะเหม็งถึงเพียงนั้น"
ไป๋เฉินเดินไปยังฉินิหยวนที่กำลังแสดงสีหน้าหวั่นกลัว เขากล่าวด้วยรอยยิ้มนุ่มนวล "เอาล่ะ เวลาของเ้าหมดลงแล้ว...จงจำไว้! ชาติหน้าอย่ามาซ่ากับพี่!"
ฉินิหยวนส่งสายตาร้องขอความเมตตา แต่ทว่าไป๋เฉินบีบกำปั้นอย่างสุดแรง
"ครืน~"
ทันใดนั้นร่างที่สมบูรณ์ของฉินิหยวนเริ่มที่จะซูบผอมลงทีละเล็กทีละน้อย ผิวชุ่มช่ำกลับกลายเป็สีซีด ใบหน้าตอบราวกับคนติดยา และในวินาทีต่อมาไป๋เฉินกวักข้อมือเบาๆก่อนที่ปราณสีโลหิตหนึ่งหยดพ่วยพุ่งออกจากลำคอ
บัดนี้แก่นแท้โลหิตของฉินิหยวนถูกดูดออกจากร่างโดยสมบูรณ์
"ดูดกลืน!" ไป๋เฉินส่ายศีรษะก่อนจะกวักหยาดโลหิตเข้าสู่ร่างกายของตนผ่านทางขม่อม ในเวลานั้นมีอักขระ 血 ปรากฏขึ้น
เขารีบนั่งลงเข้าสู่ฌาณ พลังปราณสีโลหิตวนเวียนรอบๆกายคลับคล้ายกับพายุขนาดย่อม จุดตันเถียนหมุนเวียนโลหิตทวนเข็มนาฬิกาผสานเข้ากับรากปราณ!
เส้นชีพจรทั้งสิบสามบวมขึ้นด้วยการไหลเวียนโหมกระหน่ำ!
"บู้ม!"
"ปราณปฐีขั้น 1!"
"ปราณปฐีขั้น 2!"
"ปราณปฐีขั้น 3!"
"ปราณปฐีขั้น 4!"
"ปราณปฐีขั้น 5!"
"ช่างกระชุ่มกระชวยเสียจริง" ไป๋เฉินลืมตาขึ้นยืดแขนบิดี้เีพลันมองไปยังร่างไร้ิญญาของฉินิหยวนที่ตัวผอมแห้งติดกระดูก "ขออภัย เนื่องจากข้าได้รับค่าจ้างมาแล้ว หากจะไม่ทำตามภารกิจคงจะผิดจรรยาบรรณของนักฆ่า"
ั์ตาสีโลหิตส่องประกายความกระหายเื ไป๋เฉินพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดเพื่อสงบสติอารมณ์
จากนั้นเขาลากร่างที่เบาหวิวของฉินิหยวนออกจากห้องใต้ดินไป
.
.
.
เช้าวันรุ่งของวันถัดไปหน้าอาคารตระกูลฉิน เสียงมากมายพัลวันกรีดร้องดังสนั่น ฝูงชนจากภายนอกกว่าร้อยชีวิตกำลังล้อมวงมองขึ้นไปอย่างหวาดกลัว และหนึ่งในนั้นมีร่างของหญิงสาวในอาภรณ์สีบานเย็นที่แสดงสีหน้าสะใจถึงขีดสุด
เพราะฉากที่ปรากฏตรงหน้าคือร่างผอมซูบที่มิอาจบอกได้ว่าเป็ผู้ใดห้อยโตงเตงอยู่เหนือประตูสูงตระกูลฉินด้วยเชือกสามเส้น แต่การแต่งกายด้วยอาภรณ์สีฟ้าสามารถบ่งบอกได้ว่าร่างนั้นคือฉินิหยวนที่สิ้นชีพไปเสียแล้ว!
"ร่างนี้คือผู้ใดกัน?"
"นั่นคือนายน้อยฉิน!"
"ฉินิหยวน! ฉินิหยวนตกตายไปแล้ว!"
"ไป! ไป! ไปเรียกผู้นำมาเร็วเข้า!"
การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากการตบหน้าตระกูลฉินฉาดใหญ่ สังหารสมาชิกตระกูลฉินและแขวนประจานไว้เบื้องหน้าตระกูลฉิน แน่นอนว่าตระกูลฉินจะได้รับความอัปยศอดสูสุดขีด!
"เกิดอะไรขึ้น!?" จู่ๆฉินเหยียนะโออกมาเสียงดัง ทันใดนั้นสายตาประสบเข้ากับร่างไร้ิญญาของชายหนุ่มที่ถูกแขวนไว้เหนือประตู
ในวินาทีเดียวกันฉินฟงก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เมื่อสังเกตเห็นภาพอันน่าอเนจอนาถตรงหน้า มันพลันกระอักเืออกมาด้วยความสิ้นหวัง
ฉินเหยียนพุ่งทะยานตัดเชือกหนาสามเส้นลงมา พร้อมอุ้มร่างของฉินิหยวนไว้ จู่ๆสายตาของเขาพบเข้ากับม้วนกระดาษที่คาบอยู่ในปากของฉินิหยวน
ภายในม้วนกระดาษมีใจความอยู่ว่า :
ฉินิหยวนพยายามกดขี่ตระกูลข้าราชบริพารของตระกูลฉินที่มีธุรกิจค้าขายร่วมกันผ่านทางค่าคุ้มครองเป็สื่อกลางโดยใช้อำนาจและชื่อเสียงของตระกูลฉินในทางที่มิชอบ
ซ้ำยังลักพาตัวหญิงสาวงดงามจากตระกูลข้าราชบริพารต่างๆเพื่อกระทำการย่ำยีขืนใจโดยที่เ้าตัวไม่ยินยอม หลังจากนั้นมันได้ขายหญิงสาวที่มันเล่นจนสาแก่ใจให้แก่ซ่องบุปผา และแม้แต่เ้าเฒ่าฉินฟงก็ยังลิ้มลองหญิงสาวต่อจากมันอีกด้วย ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่ ช่างเป็ตระกูลฉินที่มีอำนาจล้นฟ้าอะไรเยี่ยงนี้!
ภายในมีการอธิบายชื่อตระกูลที่ถูกกดขี่ไม่ต่ำกว่าสิบตระกูลและผู้เสียหายที่ซึ่งเป็หญิงสาวไม่น้อยกว่ายี่สิบนาง!
รวมถึงผู้สมรู้ร่วมคิดในการลักพาตัวมาให้ฉินิหยวนรวมสี่คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือพ่อบ้านของฉินฟงเอง
ทั้งหมดนี้คือวีรกรรมอันระยำตำบอนของฉินิหยวนที่ใช้อำนาจชื่อเสียงของตระกูลฉินไปในทิศทางที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างรุนแรง
เมื่อได้อ่านข้อความในม้วนกระดาษจนจบ สีหน้าของฉินเหยียนแดงก่ำด้วยความเดือดดาล จนเขาเผลอสบถออกมา "เ้าสัตว์เดรัจฉาน! มันสมควรตาย!"
เสียงะโของฉินเหยียนดังลั่นสนั่นปลุกทุกผู้คนในตระกูล
ตามมาด้วยร่างของฉินเยว่ฉานและฉินเหวินเทียนที่วิ่งออกมาอย่างหน้าตาตื่น
ตรอกซอยเล็กๆเื้ัตระกูลฉิน ร่างสีขาวของไป๋เฉินเดินออกมาพลางหาวอย่างสลึมสลือด้วยสีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับเด็กหนุ่มที่อยากรู้อยากเห็น
เขามองตรงไปยังใบหน้าที่สิ้นหวังของฉินฟงด้วยรอยยิ้มนุ่มนวล "ฉินฟง นี่เป็เพียงแค่จุดเริ่มต้น ต่อจากนี้จะมีบางสิ่งที่สนุกกว่านี้ให้เ้าได้ดูอีกมากมายเกินว่าเ้าจะจินตนาการได้"
"ความสิ้นหวังยังไม่สิ้นสุด เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งฆ่าตัวตายไปเสียก่อน..."