อวิ๋นอี้รู้จักใบหน้านี้ เคยเจอกันที่สนามแข่งม้าในวังเมื่อคราก่อน รู้สึกว่าเขาจะชื่อ ตู้อี้ซ่าว หากจำไม่ผิด เขาเป็สหายรักที่โตมากับนางมิใช่หรือ?
แต่อย่างไรนางก็รู้สึกว่านายสหายรักผู้นี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก
แค่พูดถึงใบหน้านี้ ที่มีลักษณะของบุรุษเ้าชู้ไม่มีผิด ดวงตาลูกท้อที่ราวกับวังน้ำไหลสดใสเป็ประกาย ราวกับแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ดูเย้ายวนด้วยริมฝีปากที่โค้งเล็กน้อย ชวนหลงใหลเป็ที่สุด
ตู้อี้ซ่าวรู้ดีเกี่ยวกับความได้เปรียบด้านหน้าตาของเขา และด้วยหน้าใบนี้ค่อนข้างเป็ที่ยอมรับในแวดวงของเหล่าสตรี
คราก่อนที่อยู่ในวัง ก็เดินตามคุณหนูสูงศักดิ์ต้อยๆ ใช้คารมให้พวกนางพากันหัวเราะได้ไปตามๆ กัน
อวิ๋นอี้เห็นเข้าหลายคราโดยมิได้ตั้งใจ ทุกคราบังเอิญเห็นเขาวางมือลงบนร่างของสตรีหน้าไม่ซ้ำกัน
ครานี้ที่จวนอวิ๋น ในตอนเช้านางเห็นเขา เขายังเป็ราวกับผีเสื้อดอกไม้ในหมู่สตรีอีกเช่นเคย
เขาตามหานางทุกที่หรือไรกัน เกลี้ยกล่อมสตรีไปทั่วคงจะถูกกว่า?
อวิ๋นอี้ี้เีหักหน้าเขา ก็ปล่อยให้เขาพูดต่อไปว่าคิดถึงนางเพียงใด เป็ห่วงนางเท่าใดต่างๆ นานา และเมื่อเขาหยุดพูด นางก็รีบยิ้มและตบมือเขา “พูดมาเยอะเพียงนี้ เ้าต้องกระหายมากเลยใช่หรือไม่? เรานั่งลงจิบชาก่อนแล้วค่อยว่ากัน เป็อย่างไร?”
“ไม่เลย ไม่เลย” ตู้อี้ซ่าวโบกมือปฏิเสธอย่างผยอง “อวิ๋นเออร์ เ้ายังมิเคยเล่าเลยว่า เ้ารอดชีวิตมาได้เยี่ยงไร เ้าตกหน้าผาลงไปเชียวนะ! ท่านเทพช่วยเ้าไว้หรอกหรือ?”
อวิ๋นอี้ทึ่งในจินตนาการของเขา ดึงให้เขานั่งลงด้วยตัวเอง " เื่มันยาว เรานั่งลงก่อนเถิด ทุกคนจะได้เริ่มดื่มกันได้"
"ข้าไม่รีบ" ตู้อี้ซ่าวพูด "เ้าลองพูดมาก่อน"
อวิ๋นอี้ถึงกับสำลัก ตอนนี้นางคิดว่าไม่ใช่ว่าตู้อี้ซ่าวไม่น่าเชื่อถือ แต่เขาไม่มีสมองเสียมากกว่า
นางบอกใบ้หลายคราแล้ว แต่บุรุษผู้นี้ยังคงพูดพล่ามอย่างซื่อบื้อ มัวอยู่แต่ในโลกของตัวเอง
ช่วยไม่ได้ อวิ๋นอี้ดึงมือออกจากฝ่ามือของเขา “เ้าจะนั่งไม่นั่ง?”
“อ๊ะ?”
“จะนั่งไม่นั่ง?”
ในที่สุดคนไร้เส้นเอ็น [1] อย่างตู้อี้ซ่าวก็รับรู้ถึงความไม่ปกติ เขายิ้มไปให้คนรอบๆ แล้วรีบนั่งลง “อวิ๋นเออร์ พูดกระไรข้าย่อมฟังทั้งนั้น”
ทันทีที่เขานั่งลง ก็นั่งได้เหมาะเจาะนัก แย่งที่นั่งของหรงซิวได้พอดิบพอดี
ทุกคนที่โต๊ะมองดูพร้อมกัน แต่ตู้อี้ซ่าวไม่ได้สังเกต สนแค่ว่าตัวเองจะนั่งลงคุยกับอวิ๋นอี้
อวิ๋นอี้เหม่อไปเลย ไอ้คนที่พูดมากเช่นนี้นี่มาจากที่ใดกัน?
นางมองไปทางหรงซิวอย่างระมัดระวัง ใบหน้าของอีกฝ่ายมืดมนลงตามคาด ที่โต๊ะเดียวกัน อวิ๋นฉีสังเกตได้ เขาจึงยิ้มเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากให้หรงซิวมานั่งด้วยกัน
หรงซิวมองมาที่นาง อวิ๋นอี้มองหน้าเขาอย่างวิงวอน เขาถึงได้เม้มปากแล้วนั่งลง
บรรยากาศที่โต๊ะแปลกไปเล็กน้อย อวิ๋นเส่าต้าวยิ้มแย้ม เรียกให้คนไปยกอาหารเข้ามา ขณะที่คนอื่นๆ มองดูตู้อี้ซ่าวด้วยสายตาแปลกๆ มีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ยังพูดต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน
เขาไปเอาคำพูดมากมายมาจากที่ใดนัก?
ตู้อี้ซ่าวยืนกรานที่จะถามนางว่ารอดมาได้อย่างไร คนทั้งโต๊ะจ้องมาที่นาง ดูเหมือนจะสนใจกันนัก นางจึงต้องระดมสมองสร้างเื่ขึ้นมา
สรุปคือ นางบังเอิญตกลงไปในน้ำแล้วก็ได้รับการช่วยเหลือในเวลาต่อมา หลังจากชีวิตพลิกผันหลายครา นางก็กลับมาที่เมืองหลวง ขณะเดียวกัน พยายามย้ำว่านางความจำเสื่อมไป
หลังจากได้ยินเื่นี้ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจกับเื่ราวอันน่าเศร้าของนาง
เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังถอนหายใจ อวิ๋นเส่าต้าวจึงเริ่มบอกให้เริ่มทานข้าวกันได้พอเหมาะพอดี
อวิ๋นอี้เห็นว่าไม่มีผู้ใดพูดถึงเื่นี้อีกแล้ว นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก คว้าตะเกียบเตรียมตัวจะทานข้าว แต่ก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ
เสียงเข้ามาข้างหู เมื่อหันหน้าไปดู ก็พบว่าเป็ตู้อี้ซ่าว
อวิ๋นอี้ตะลึง
นางถามด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า "เ้าเป็กระไรไป?"
"อวิ๋นเออร์ ข้าเพียงคิดว่า เ้าช่าง...น่าสงสารนัก" ตู้อี้ซ่าวขยี้ตา
“มิเป็ไร มันผ่านไปหมดแล้ว” อวิ๋นอี้พูดอย่างใจเย็น นางจำกระไรไม่ได้อยู่ดี
"จะผ่านไปได้เยี่ยงไร!" ตู้อี้ซ่าวไม่เห็นด้วย "อย่างไรข้าก็รู้สึกแย่"
อวิ๋นอี้ไม่รู้จะตอบอย่างไร จึงเออออไปเบาๆ
ผู้ใดจะรู้ว่าตู้อี้ซ่าวยังคงมีเื่จะพูด ในขณะที่กำลังทานอยู่ เขาแอบเข้ามาใกล้นางและกระซิบถามว่า "อวิ๋นเออร์ เ้ากับหรงซิวเพลานี้เป็อย่างไรบ้าง?"
อวิ๋นอี้หวั่นใจ เขาเป็บุรุษ จะมาสนใจชีวิตรักของนางด้วยเหตุใด หรือว่านางเคยมีความสัมพันธ์กับตู้อี้ซ่าวจริงๆ?
นางครุ่นคิดหนัก แต่ปากก็ตอบไปอย่างระมัดระวัง "ก็ดี"
"ดีหรือ?" ตู้อี้ซ่าวหัวเราะ "เขาดีต่อเ้าได้หรือ?"
อวิ๋นอี้มองไปอย่างสงสัย มีแต่ความไม่เข้าใจในสายตา ได้ยินเพียงเสียงดูแคลนที่ตู้อี้ซ่าวพูด “หากเขาดีกับเ้าจริง มันคงเป็เพียงแค่การแสดง เขาหลอกผู้อื่นได้ แต่หลอกข้ามิได้!"
"เ้าหมายความอย่างไร?" อวิ๋นอี้ขมวดคิ้ว "พูดมาให้ชัด"
ตู้อี้ซ่าวมองหรงซิวแล้วหันกลับมา พูดเสียงทุ้ม เบาๆ “จะอย่างไร ข้ามักจะรู้สึกว่าเขามีเป้าหมายซ่อนเร้นในการทำดีกับเ้า อภิเษกกับเ้าเป็จุดประสงค์ของเขา เช่นคราที่เ้าตกหน้าผา ข้าได้ยินมาว่าเพราะไปปีนเขากับเขา แล้วผลเป็อย่างไรเล่า หากว่าเขาใส่ใจเ้าจริงๆ เ้าจะตกลงไปได้เยี่ยงไรกัน?"
ที่แท้คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น มีหรงซิวด้วยหรือ?
อวิ๋นอี้ประหลาดใจ และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบตาเข้ากับหรงซิว
แววตาของเขามืดมิด จ้องมองมาที่นางอย่างไร้อารมณ์ ราวกับว่าเขาได้ยินการสนทนาของทั้งคู่
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อวิ๋นอี้ถึงรู้สึกผิดขึ้นมา
นางลดขนตาลงอย่างอายๆ คีบอาหารให้ตู้อี้ซ่าว "ทานก่อน มีกระไรก็ค่อยว่ากัน"
การสนทนาระหว่างทั้งสองดึงดูดความสนใจของหรงซิว นางไม่ได้กล้าขนาดที่จะพูดนินทาต่อว่าผู้ใดต่อหน้าเขา
อวิ๋นเหยียนที่นั่งอยู่ข้างนาง ย่อมดูออกว่านางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ยิ้มและเอ่ยปากช่วยคลี่คลายสถานการณ์ เขาเอามือข้างหนึ่งเกาะไหล่ของตู้อี้ซ่าวไว้ แล้วดึงเขาไปคุยเื่สตรีที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง
ตู้อี้ซ่าวถูกดึงความสนใจไปก็ครานี้
อวิ๋นอี้รู้สึกขอบคุณในใจเงียบๆ และนั่งตัวตรงทานข้าวอย่างจริงจัง
หลังอาหาร อวิ๋นเส่าต้าวเรียกหรงซิวไปที่ห้องหนังสือ ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หรงซิวถึงจะได้เดินออกมา
ทั้งสองออกเดินทางกลับจวน งานเลี้ยงวันเกิดวุ่นวายทั้งวัน จนถึงตอนนี้หัวของอวิ๋นอี้ก็มึนไปหมด
ค่ำคืนที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงรถม้า
อวิ๋นอี้เอนพิงกำแพงรถด้วยความง่วง แต่เพราะการจ้องมองหรงซิว แก้มของนางจึงร้อนอยู่ตลอด
ในที่สุดก็กลับถึงจวน นางลงจากรถม้า และเข้าไปในห้อง นางบอกให้เซียงเหอเตรียมอาหาร หรงซิวรอเซียงเหอออกไปแล้วก็ปิดประตู
เขาเดินเข้ามา กอดอกแล้วยืนอยู่หน้านาง มองลงมาที่นาง "อวิ๋นเออร์ วันนี้ตู้อี้ซ่าวพูดกระไรกับเ้าบ้าง?"
อวิ๋นอี้มองเขาด้วยหางตา เห็นแววตาของเขาสงบ และกระแอมเบาๆ "มิได้พูดกระไรเพคะ”
หรงซิวไม่ค่อยเชื่อ จากนั้นฉีกยิ้มแล้วพูด "ไม่ว่าเขาจะพูดกระไร เ้าอย่าไปเชื่อเขานะ"
เชิงอรรถ
[1] ไร้เส้นเอ็น 缺根筋 หมายถึง หัวรั้น คิดถึงแต่เื่ของตนเอง