อยู่ที่บ้านสวนจนถึงวันที่ยี่สิบเดือนหก หย่งหนิงโหวเย่ก็ส่งคนมารับ ทุกคนต่างเก็บข้าวของของตนเองกลับไปที่จวนโหว
สวี่ตี้เข้าร่วมการสอบเซียงซื่อ ตอนเช้าตื่นขึ้นมาทานข้าวเช้า หลังจากไปทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่าเสร็จ ก็พาเพื่อนร่วมเรียนสองคนไปสอบ
จางจ้าวฉือหลังจากส่งสวี่ตี้ที่ประตูหน้าแล้วก็ไปหาฮูหยินผู้เฒ่าที่เรือน ปรากฏว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้อยู่ในห้อง แต่อยู่ที่ห้องพระโพธิสัตว์ที่หลังเรือน นางจึงไปหาที่นั่น
ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังปักธูปไหว้พระ พอเห็นจางจ้าวฉือเดินมาก็รีบเรียกนางเข้ามาทันที “ข้ามาจุดธูปไหว้พระโพธิสัตว์ ขอให้ท่านคุ้มครองตี้เกอของพวกเราให้สามารถสอบติด”
จางจ้าวฉือรีบคุกเข่าลง หลังจากกราบด้วยความเคารพจากนั้นก็จุดธูป เมื่อเสร็จแล้วก็พยุงฮูหยินผู้เฒ่าออกมาจากห้องพระ
แม่นมเสิ่นรีบร้อนมาที่เรือนหน้า กล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่าว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ ฮูหยินใหญ่พาคุณหนูใหญ่มาหาเ้าค่ะ บอกว่าจะมาเข้าพบท่านเ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ามองสถานการณ์ จางจ้าวฉือเองก็มองฮูหยินผู้เฒ่าด้วยสีหน้างุนงง ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “พวกนางนี่ก็นะ นี่มันแมวดำเข้าเรือน ไม่ใช่เื่ดี พวกเราไปดูกันก่อนว่าพวกนางจะทำอะไร”
สวี่สาวแต่งตัวเรียบร้อย มัดผมทรงเฟยเซียน ประดับด้วยปิ่นประดับรูปนกเฟิ่งหวง จากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ตรงหว่างคิ้วก็ยิ่งมีร่องลึก
เห็นฮูหยินผู้เฒ่าเข้ามาก็รีบลุกขึ้นทำความเคารพหญิงชรา “ท่านย่า หลานมาทำความเคารพท่านเ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือ รอจนตนเองนั่งลงแล้วจึงเอ่ยปากถาม “พ่อสามีแม่สามีของเ้า่นี้เป็อย่างไรบ้าง? สิงเกอ่นี้การเรียนเป็อย่างไรบ้าง? เขาเองก็ต้องเข้าร่วมการสอบเซียงซื่อนี่?”
สวี่สาวหัวเราะแล้วตอบ “ท่านย่า พ่อสามีกับแม่สามีของข้าสบายดีเ้าค่ะ การเรียนของสิงเกอก็พอไปได้เ้าค่ะ อาจารย์ที่เรียนด้วยบอกว่าปีนี้เขาเข้าสอบคงจะไม่มีปัญหา พวกเราเองก็วางแผนเอาไว้แล้วว่าจะให้เขาเข้าสอบปีนี้ อายุก็ยังไม่เยอะ สอบหลายครั้งก็ไม่เป็อะไร”
ลูกชายคนโตของสวี่สาวหรือก็คือจ้าวซือสิงสอบติดได้เป็ซิ่วไฉแล้ว อายุเพียงสิบกว่าปีก็เป็ซิ่วไฉ สองสามีภรรยาสวี่สาวออกไปไหนก็รู้สึกหน้าตาเปล่งปลั่ง พูดถึงลูกชายคนโตกับฮูหยินผู้เฒ่า บนใบหน้าของสวี่สาวก็มีความภูมิใจ
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะพยักหน้า “เป็เ้ากับซื่อจื่อสอนมาดี”
สวี่สาวหัวเราะรับคำ เห็นจางจ้าวฉือยืนอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าก็เอ่ย “ท่านย่า น้องสะใภ้ก็อยู่พอดีเลย ตระกูลสามีของข้ามีครอบครัวหนึ่งมีลูกสาวอายุพอๆ กับตี้เกอ ข้าอยากจะมาปรึกษากับพวกท่านว่าเหมาะสมหรือไม่”
จางจ้าวฉือได้ยินแล้วก็หัวเราะ “พี่สาวใหญ่ ต้องขอโทษจริงๆ ความหวังดีของท่านพวกเราใช้ใจรับไว้แล้ว ตี้เกอของพวกเราได้หมั้นหมายเอาไว้นานแล้วเ้าค่ะ หนังสือแต่งงานก็เขียนเสร็จแล้ว รอแค่อายุของเด็กทั้งสองคนถึงวัยที่เหมาะสมเท่านั้น”
สวี่สาวได้ยินก็ทำสีหน้าใ มองหน้ากันไปมาระหว่างโหวฮูหยิน ซึ่งโหวฮูหยินก็พูดด้วยความแปลกใจ “เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนล่ะ”
จางจ้าวฉือหัวเราะแล้วเอ่ย “เป็ลูกสาวของสหายร่วมงานของคุณชายสามเ้าค่ะ เด็กหญิงหน้าตางดงาม นิสัยดี ทั้งยังฉลาด ข้าเห็นแล้วก็ชอบ คุณชายสามก็เห็นว่าเหมาะสมกับตี้เกอของพวกเรา หลังจากพวกเราถามความเห็นของท่านย่าเรียบร้อยแล้ว ก็จัดการหมั้นพวกเขาเลยเ้าค่ะ”
สีหน้าของโหวฮูหยินย่ำแย่อยู่เล็กน้อย บนใบหน้าของสวี่สาวถึงขั้นมีความโกรธปรากฏออกมา คงเพราะว่าฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ที่นี่ จึงพยายามปกปิดความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ให้มากที่สุด
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเหอะๆ “เื่แต่งงานเป็เื่ใหญ่ จึงให้ความสำคัญกับคำพูดของบิดามารดาเป็ใหญ่ ในเมื่อเหราเอ๋อร์กับภรรยาต่างคิดว่าเหมาะสม เช่นนั้นก็กำหนดคู่แต่งงานเสีย ข้าถามตี้เกอมาแล้ว แม่นางของครอบครัวนั้นก็เรียนหนังสือกับบิดามารดาและพี่ชายคนโต แล้วก็เรียนกับแม่นมลู่มาสองปี แม่นมลู่ก็บอกว่านางเป็เด็กดี”
สวี่สาวกล่าว “เช่นนั้นเหตุใดพวกเ้ากลับมาแล้วถึงได้ไม่พวกบอกกล่าวกับพวกเราเลย?”
จางจ้าวฉือเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “พี่ใหญ่ ยังไม่ได้จะแต่งงานตอนนี้เสียหน่อย เพียงแค่หมั้นกันเท่านั้น จึงไม่มีความจำเป็ที่จะต้องบอกกับท่านโดยเฉพาะไม่ใช่หรือ? ท่านวางใจเถิด รอตอนที่หลานชายของท่านจะแต่งงาน มีบัตรเชิญไปให้ท่านแน่นอนเ้าค่ะ”
โหวฮูหยินกับสวี่สาวนั่งอยู่ได้ครู่หนึ่ง ก็หาข้ออ้างว่ายังมีธุระอีกก่อนจะออกไป ระหว่างทางที่เดินไปยังเรือนของโหวฮูหยิน สวี่สาวก็พูดอย่างหงุดหงิดใจ “ท่านแม่ ท่านว่าพวกเขาหมายความว่าอย่างไร? สวี่ตี้หมั้นแล้วนั้นเป็เื่จริงหรือโกหกกันแน่?”
อู่ซื่อโหวฮูหยินกล่าว “คงจะจริงนั่นล่ะ จะเอาเื่แต่งงานของลูกมาล้อเล่นได้หรือ? เ้าเองก็นะ เหตุใดถึงต้องหาเื่แต่งงานให้กับตี้เกอด้วย? เื่แต่งงานของเขาถึงแม้จะไม่ใช่พวกเหล่าสามเป็คนกำหนด ก็ยังมีฮูหยินผู้เฒ่า สวี่ตี้เป็หลานชายคนโต จะสู่ขอเ้าสาวฮูหยินผู้เฒ่ากับโหวเย่ก็ต่างให้ความสนใจ”
สวี่สาวเอ่ย “ช่างเถิดๆ เื่นี้ก็ช่างมันเถิด ท่านแม่ ฮูหยินผู้เฒ่านั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่ จะไม่ช่วยพวกเราถามหรือ?”
คนที่สวี่สาวอยากจะให้ฮูหยินผู้เฒ่าไปถามให้นั้นเป็คนสกุลโจว ถึงแม้สกุลโจวจะเป็ครอบครัวบัณฑิต แต่ว่าคนที่บุตรชายคนโตของสกุลโจวแต่งงานด้วยนั้นเป็ถึงธิดาพระเชษฐาของเหลียงเฉิงตี้ มีศักดิ์เป็องค์หญิงพระองค์หนึ่ง ถูกเหลียงเฉิงตี้มอบนามให้ว่าองค์หญิงหลงอวี้
ถึงแม้องค์หญิงหลงอวี้จะเป็องค์หญิง แต่ว่านางเป็ธิดาเพียงองค์เดียวขององค์ชายเฉิง หลังจากที่เหลียงเฉิงตี้ครองราชย์ เฉิงหลิงก็ช่วยเหลือพระองค์ไว้มาก แล้วก็เพราะว่ามีการช่วยเหลือจากโอรสองค์โตของฮ่องเต้องค์ก่อนช่วยเหลือ เื่ราวมากมายของเหลียงเฉิงตี้ถึงผ่านไปได้อย่างราบรื่น เพราะเหตุนี้ เหลียงเฉิงตี้จึงดีกับองค์ชายเฉิงมาก ซึ่งก็ปฏิบัติกับองค์หญิงหลงอวี้ธิดาองค์เดียวขององค์ชายเฉิงดีมากเช่นกัน
ตอนที่องค์หญิงหลงอวี้เลือกสามี เหลียงเฉิงตี้ก็ช่วยดูบุตรชายของชนชั้นสูงมากมายในเมืองหลวง เพียงแต่น่าเสียดายที่องค์หญิงหลงอวี้กลับชมชอบบุตรชายจนๆ ในชนบทที่เพิ่งจะสอบติดจิ้นซื่อ หรือก็คือโจวชิ่งชุน
หลังจากแต่งงานไปแล้ว โจวชิ่งชุนก็ทำงานอยู่ในสำนักราชบัณฑิตหลวงอยู่ตลอด ได้รับความชอบจากเหลียงเฉิงตี้ หลังจากลูกสาวคนโตของโจวชิ่งชุนกับองค์หญิงหลงอวี้เกิดมา ก็ได้รับตำแหน่งเ้าเมือง
ที่สวี่สาวให้ความสนใจก็คือบุตรสาวคนโตขององค์หญิงหลงอวี้ เ้าเมืองโจวเหยียนหรัน ถึงแม้โจวเหยียนหลันจะมีมารดาเป็องค์หญิง แต่ว่าก็เป็เด็กหญิงที่นิสัยอ่อนโยนมาก เป็บุคคลที่คนมากมายในเมืองหลวง้าให้เป็ลูกสะใภ้หลานสะใภ้ ที่สวี่สาวให้ความสำคัญก็คือโจวเหยียนหรันมีมารดาที่เป็องค์หญิง อีกทั้งเหลียงเฉิงตี้กับองค์ชายเฉิงยังมีอำนาจ
โหวฮูหยินถอนหายใจ “สาวเอ๋อร์ ในเมื่อเื่ของสกุลโจวจะตอบได้ยาก เช่นนั้นพวกเรารอก่อนแล้วกัน หลังจากซือสิงไปสอบที่ราชวังหลวงอีกตอนปีหน้า หากสอบติดแล้ว เป็จิ้นซื่อั้แ่อายุยังน้อย แบบนี้ยังจะหาครอบครัวภรรยาไม่ได้อีกหรือ?”
สวี่สาวเอ่ยด้วยความร้อนใจ “ท่านแม่เ้าคะ ท่านไม่รู้หรือ แม่สามีคนนั้นร้ายกาจแค่ไหน ซือสิงกำลังเตรียมสอบ อยากจะให้นางเพิ่มโจ๊กรังนกให้กับซือสิงเพิ่มก็ไม่ได้ บอกว่าลูกชายของข้าก็อยากจะได้ของที่นอกเหนือจากนี้ ข้าก็ต้องควักเงินออกมาเอง แล้วก็มาพูดว่าในจวนลำบากอย่างนั้น ลำบากอย่างนี้ บ้านมารดาของนางสองปีนี้ใช้ชีวิตยิ่งหรูหรามากขึ้นเรื่อยๆ นางเอาเงินในจวนไปให้กับบ้านมารดาตัวเองหมดแล้ว”
โหวฮูหยินกล่าว “สาวเอ๋อร์ ข้ายังพูดคำเดิม เ้าดูแลสินเดิมของตนเองให้ดี เลี้ยงลูกสามคนให้มีชีวิตที่ดี อย่าคิดแต่เื่อำนาจการดูแลจวนของพวกเ้า ดูแลจวนนั้นไม่ใช่เื่ดี ทั้งยังกินแรง ไม่มีเื่ดีเลย”
สวี่สาวทำหน้าโกรธ เอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ “ท่านแม่ ท่านยืนอยู่ข้างใครกันแน่เ้าคะ? ท่านดูสิ ครอบครัวตำแหน่งโหวมากมายในเมืองหลวง มีบ้านไหนบ้างที่ลูกสะใภ้จะเป็แบบข้า ข้าแต่งงานไปที่สกุลจ้าวหลายสิบปี ก็ถูกแม่สามีกดอยู่เบื้องล่างตลอด ตอนนี้ข้าเป็เื่ตลกในเมืองหลวง ท่านแม่ ข้ากล้ำกลืนความโกรธนี้ไม่ลงแล้วจริงๆ เ้าค่ะ”
โหวฮูหยินถอนหายใจ ”สาวเอ๋อร์ ั้แ่เด็กเ้าก็ชอบที่จะเอาชนะ การใช้ชีวิตเช่นนี้มันไม่ได้จริงๆ เ้าฟังคำแม่ กลับไปดูแลสินเดิมของตัวเองดีๆ ดูแลลูกทั้งสามคนดีๆ ตอนนี้จวนหย่งผิงโหวไม่ใช่จวนหย่งผิงโหวในตอนนั้นแล้ว ตอนนี้ใช้ชีวิตก็คอยแต่แสวงหาแต่ผลประโยชน์”
สวี่สาวฟังโหวฮูหยินด้วยสีหน้ารำคาญ โหวฮูหยินเห็นท่าทางของสวี่สาวก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรง “ตอนนี้พ่อของเ้าคงจะกลับมาแล้ว เ้าไม่ใช่บอกว่ายังมีเื่จะพูดกับพ่อเ้าหรือ? ข้าไปห้องตำรากับเ้าแล้วกัน”
สวี่สาวคิด “ท่านแม่ ทางด้านของข้ายังมีเื่อีกมากมาย วันนี้ไม่ไปหาท่านพ่อแล้ว ท่านก็เอาชาเถี่ยกวนอินครึ่งจินที่ข้าเอามาไปให้เขาก็พอแล้วเ้าค่ะ”
โหวฮูหยินกล่าว “สวี่สาว แม่ยังคงพูดคำเดิมนะ จัดการกับสินเดิมของตนเองให้ดี ขอแค่ในมือมีเงินอยู่ เ้าอยู่ในจวนคนอื่นก็จะไม่มีทางดูถูกเ้า เื่ของจวนหย่งผิงโหว เ้าพยายามอย่าไปยุ่งมาก แม่สามีของเ้ามาขอยืมเงิน ห้ามให้ยืมเด็ดขาด จะพูดจาน่าฟังอย่างไรก็ห้าม”
ถึงแม้โหวฮูหยินจะไม่ได้ดูแลเรือน แต่ว่านางเองก็ผ่านชีวิตมานานหลายปี ที่สำคัญที่สุดคือ จวนหย่งหนิงโหวแข็งแกร่งมาก โหวฮูหยินรู้ว่าชีวิตที่มีเงินในมือนั้นช่างสะดวกสบาย สวี่สาวแต่งงานออกไปตั้งหลายปีแล้ว ปีก่อนๆ สวี่สาวยังพอไหว หลายปีมานี้โหวฮูหยินได้ให้เงินสวี่สาวไปแล้วไม่น้อย สินเดิมของสวี่สาวก็เยอะแยะมากมาย แม่สามีของสวี่สาวใช้ข้ออ้างว่าในจวนขาดเงิน จึงได้ไปขอยืมเงินจากสวี่สาวมาจำนวนไม่น้อย หลังจากยืมเงินไปแล้วก็ไม่คืน สวี่สาวไปทวง นางก็บ่ายเบี่ยง อู่ซื่อรู้ แม่สามีของสวี่สาวผู้นี้อยากจะบ่ายเบี่ยงไม่คืนเงินไปเรื่อยๆ
แม่สามีของสวี่สาวไม่ได้มีแค่สามีของสวี่สาวเป็ลูก นางชอบที่สุดก็คือลูกชายคนเล็กของตนเอง ในมือมีเงินก็จะเอาไปให้ทางน้องสามีของสวี่สาว นี่เป็เหตุผลที่สวี่สาวไม่ชอบแม่สามีของตนเอง ต่อไปจวนหย่งผิงโหวจะต้องส่งให้กับซื่อจื่อ แต่ว่าแม่สามีเอาของในจวนไปให้กับน้องสามีของตนเช่นนี้ รอต่อไปส่งมาถึงมือนางก็เป็แค่เปลือกว่างเปล่า สวี่สาวไม่ยอมอยู่แล้ว
สวี่สาวพยักหน้า “ท่านแม่ ข้ารู้แล้วเ้าค่ะ ท่านวางใจก็พอ”
หลังจากส่งสวี่สาวกลับไปแล้ว โหวฮูหยินก็ถือใบชาเอาไปให้หย่งหนิงโหวเย่ที่ห้องตำรา
หย่งหนิงโหวเย่เห็นโหวฮูหยินเข้ามา ก็ให้นางไปเก้าอี้หลัวฮั่นของห้องตำรา
ความสัมพันธ์ของโหวเย่กับโหวฮูหยินดีขึ้นมากแล้ว หาได้ยากที่ฮูหยินของตนเองมาหาที่นี่ โหวเย่จะต้องดูแลนางดีๆ
ชิงเฟิงรีบนำชาไป๋โบตั๋นที่โหวเย่ให้ความสำคัญมาชง ก่อนที่โหวเย่จะเอ่ย “นี่ของสะสมของข้า เ้าลองชิมดูว่าเป็อย่างไร”
โหวฮูหยินดื่มเข้าไปหนึ่งอึกแล้วเอ่ย “รสชาติไม่เลวจริงๆ เ้าค่ะ”
จิบเข้าไปอีกหลายอึกโหวฮูหยินก็กล่าว “นี่คือของที่สาวเอ๋อร์เอามาให้เข้า เดิมทีนางจะมาหาท่าน เห็นบอกว่าในจวนมีเื่อะไรสักอย่าง แล้วก็กลับไป”
หย่งหนิงโหวเย่ถอนหายใจ “ลูกสาวคนนี้ของพวกเรานางกำลังหลบหน้าข้า ครั้งที่แล้วตอนที่ข้าเจอกับซื่อจื่อจวนหย่งผิงโหว ก็พูดคุยกับเขาอยู่หลายประโยค คาดว่าคงกลับไปมีเื่กับสาวเอ๋อร์ ตอนแรกพวกเราควรจะห้ามสวี่สาว แต่งงานไปที่ครอบครัวนี้เช่นนี้ ลูกสาวได้รับความลำบาก พวกเราที่เป็พ่อแม่ก็ไม่สบายใจ”
โหวฮูหยินกล่าว “ผู้ใดบอกว่าไม่ใช่ล่ะ โหวเย่ สาวเอ๋อร์อยากจะให้คุยเื่แต่งงานให้ซือสิงเ้าช่วยได้หรือไม่?”
หย่งหนิงโหวเย่ตอบ “ฮูหยินของข้า ข้าเป็เพียงโหวเย่คนหนึ่ง อีกทั้งยังไม่ใช่โหวเย่ที่องค์ชายมากมายชมชอบ เ้าว่าข้าจะไปคุยกับคนสกุลโจวอย่างไร? สกุลโจวนั้นเป็พระญาติกับฮ่องเต้ โจวชิ่งชุนนั่นยังเป็คนโปรดของฮ่องเต้ ความสัมพันธ์ขององค์ชายเฉิงกับฝ่าาก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนที่จ้องจวนสกุลโจวตั้งมากมาย ขนาดจวนหย่งผิงโหวของสกุลจ้าว ก็คงจะไม่ต้องตาเลยจริงๆ”
ฮูหยินกล่าว “ข้าได้พูดกับสวี่สาวชัดเจนแล้ว แต่ว่าสวี่สาวไม่ฟัง ข้าไม่มีวิธีแล้วจริงๆเ้าค่ะ ข้าไม่สามารถทนเห็นสวี่สาวต้องยุ่งยากใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แล้วก็ไม่รู้ว่าจวนหย่งผิงโหวนั้นคิดอย่างไร”
หย่งหนิงโหวเย่กล่าว “นี่อย่างไรก็เป็เื่ในบ้านของพวกเขานะ”
ฮูหยินกล่าว “เื่ในบ้านจริงๆ นั่นแหละ พวกเขาลำเอียง งกเงินในจวนของพวกเขาไปให้กับลูกชายคนเล็ก ต่อไปจะให้สวี่สาวกับสามีทำอย่างไร? พวกเขายังมีลูกอีกสามคนนะ พวกลูกๆ จะทำเช่นไร? โหวเย่ พวกเราจะต้องคิดหาวิธีนะ อย่างน้อยก็ไม่ให้แม่สามีของสวี่สาวมีอำนาจดูแลเรือนแล้ว”
หย่งหนิงโหวเย่หัวเราะเสียงเย็น “แล้วให้สวี่สาวดูแลเรือนแล้วจะทำอะไรได้? ก็แค่เปลือกกลวงๆ เปลือกหนึ่ง สาวเอ๋อร์รับต่อมาอยากจะฉุดครอบครัวขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะต้องเติมของเข้าไปเท่าไหร่ เ้าไปดูว่าในจวนของพวกเรามีแม่นมที่ฉลาดแล้วก็มีความสามารถหรือไม่ ให้ส่งไปให้สวี่สาวสองคน อย่างอื่นไม่ต้องไปสนใจ สนใจก็แค่สินเดิมของสาวเอ๋อร์ แล้วก็พวกคนดูแลร้านค้าที่เป็สินเดิมของสาวเอ๋อร์พวกนั้น ข้าจะส่งพ่อบ้านของจวนไปสั่งการ หากคนของจวนหย่งผิงโหวมาซื้อของไม่จ่ายเงินอีก ก็ให้ยื่นฟ้องร้องไปที่หยาเหมิน”
ร้านค้าที่เป็สินเดิมของสวี่สาว ผู้ดูแลร้านล้วนเป็คนที่จวนหย่งหนิงโหวส่งไป หลายปีมานี้ทำการค้าขายดีมาก ร้านค้าพวกนั้นขายของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน จวนหย่งผิงโหวมักจะมาซื้อของแล้วมัดจำเงินไว้ แต่กลับไม่เคยเห็นพวกเขามาจ่ายเงินเลยสักครั้ง
ฮูหยินเอ่ยด้วยความกังวล “เช่นนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะเ้าคะ? หากถึงตอนนั้นจริงๆ ก็เป็การฉีกหน้าแล้ว”
หย่งหนิงโหวเย่ถอนหายใจ ”เ้าคิดว่าหากพวกเราไม่ร่ำรวยเช่นนี้ ฮูหยินหย่งผิงโหวจะดูแลเราเหมือนกับญาติพี่น้องหรือ? ฮูหยิน เขาเล็งเงินของลูกสาวพวกเราเอาไว้แล้ว คิดว่านางไม่ได้เื่ อะไรก็ไม่รู้เื่ ยิ่งเป็เช่นนี้ เขาจะยิ่งรังแกนางนะ”
ฮูหยินตอบ “เช่นนั้นถ้าหากสาวเอ๋อร์ไม่ยอมให้ทำเช่นนี้จะทำอย่างไรล่ะเ้าคะ?”
หย่งหนิงโหวเย่หัวเราะเสียงเย็น “ข้าได้คุยกับซื่อจื่อของหย่งผิงโหวแล้ว หากสาวเอ๋อร์ไม่ยอมก็ให้มาหาข้า แต่ก่อนข้าไม่อยากจะให้ลูกสาวทุกข์ใจ ให้นางแต่งไปที่เรือนนั้นเช่นนั้น ตอนนี้ข้าไม่อยากจะเห็นลูกสาวของตัวเองถูกรังแกแล้ว ข้าอยากจะช่วยดึงลูกสาวสักที หากใครไม่ยินยอม ไม่ต้องไปหาลูกสาวของข้า มาหาข้าก็พอ”
หย่งหนิงโหวเย่เข้าใจบุตรสาวของตนเองดี สวี่สาวนั้นอยากจะเอาชนะ แต่ก็เป็คนที่ไม่ชอบคิดวิเคราะห์ คนอื่นๆ พูดดีกับนาง นางก็อยากจะเอาหัวใจของตนเองไปวางอยู่ตรงหน้าของคนคนนั้น
ฮูหยินถอนหายใจ “สาวเอ๋อร์ของพวกเราหากมีการวางแผนมาได้สักครึ่งของเยวี่ยนเอ๋อร์ก็คงจะดี ข้าจะได้วางใจ”
หย่งหนิงโหวเย่มีลูกสาวอยู่สองคน คนโตคือสวี่สาว คนรองคือสวี่เยวี่ยน สวี่สาวแต่งกับจวนหย่งผิงโหว สวี่เยวี่ยนแต่งไปที่ตระกูลชนชั้นสูงเก่าแก่ทางใต้ โดยที่นางแต่งเข้าไปเป็ภรรยาของผู้นำตระกูล มีลูกชายสามคนลูกสาวหนึ่งคน สามีของสวี่เยวี่ยนตอนนั้นเป็ทั่นฮวาหลางในการสอบกับราชสำนักของวังหลวง เพราะไม่มีใจที่จะเดินในเส้นทางขุนนาง หลังจากสำเร็จการสอบกับราชสำนักของวังหลวงแล้ว ก็ลาออกจากขุนนางแล้วกลับมาที่บ้านเกิดแล้วทำกิจการของตระกูลซึ่งก็คือสถาบันศึกษาหนึ่งแห่ง ซึ่งตอนนี้เป็สถาบันที่มีชื่อเสียงมากในต้าเหลียง ส่วนสวี่เยวี่ยนก็ช่วยสามีของนางดูแลสถาบันศึกษา ดูแลทั้งงานในเรือนและงานนอกเรือน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้