“เป่าจู เซวียนเซวียนคือพี่สะใภ้ของเ้า เ้าระวังคำพูดด้วย” ซ่งจื่อเฉินปรายตามองซ่งเป่าจูอย่างเ็า หากมิมีคนนอก เขาคงตบหน้านางไปแล้ว นางมีสิทธิ์อะไรมาแผดเสียงใส่ภรรยาตัวน้อยของเขาเช่นนี้
“บ้านอื่นมีสะใภ้เช่นนางด้วยหรือเ้าคะ?เพิ่งแต่งเข้าบ้านมาก็แย่งอำนาจคนในบ้านซ่งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมิให้เกียรติท่านแม่ของข้าด้วย” ยิ่งซ่งเป่าจูพูดก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นางกล่าวโทษจิ่นเซวียนทุกคำ
เวลานี้ซ่งผิงเดินมาและลากซ่งเป่าจูออกจากเก้าอี้กลม
“ลูกเนรคุณ เ้าไสหัวกลับไปพิจารณาตนเองที่ห้องเดี๋ยวนี้”
“ข้าจะพูด ข้าเกลียดนาง หากพี่ซู่ซินเป็พี่สะใภ้ของข้า นางจะมิรังแกข้าเช่นนี้แน่เ้าค่ะ” ซ่งเป่าจูหักหลังโจวซู่ซินไปโดยปริยาย โจวซู่ซินเห็นซ่งจื่อเฉินมองมาทางนางนิ่งๆ นางจึงหลบสายตาของเขาด้วยความหวาดกลัว
“เด็กเป่าจูเหลือเกินจริงๆ นางทำให้พี่สะใภ้ของนางอับอายต่อหน้าทุกคนได้อย่างไร”
“คงมิใช่เพราะโจวซู่ซินใส่ความคิดแย่ๆ ให้นางหรอกหรือ” ทุกคนลดเสียงลงเมื่อพูดถึงโจวซู่ซิน แต่ถึงอย่างนั้นจิ่นเซวียนก็ยังได้ยินอยู่ดี
สตรีนางนี้มิธรรมดาเลย ทำให้ซ่งเป่าจูสร้างความอับอายให้นางต่อหน้าทุกคนได้
“ท่านพ่อ ซ่งเป่าจูมิรู้ความ ข้ามิคิดเล็กน้อยกับนางหรอกเ้าค่ะ ท่านอย่าใส่ใจเลย” จิ่นเซวียนแย้มยิ้มสง่างาม มิโกรธแม้แต่นิดเดียว
“ซย่าจิ่นเซวียน เ้ามันนางปีศาจจิ้งจอก มิเพียงล่อลวงพี่ห้า ยังล่อลวงท่านพ่อด้วย ท่านพ่อถึงยกตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวให้เ้าทันทีที่มาถึงบ้านของพวกเรา เ้ามีดีที่ใด......” ซ่งเป่าจูยังพูดมิทันจบ ซ่งผิงก็ตบหน้านาง
คำพูดพวกนี้เกินขีดจำกัดของซ่งผิงแล้ว หากซ่งผิงมิลงมือ จิ่นเซวียนจะจัดการนางเอง
“ซ่งผิง เ้ามีสิทธิ์อะไรมาตีลูกสาวของข้า” เฉียวซื่อลุกขึ้นจากโต๊ะ และชี้หน้าด่าซ่งผิง
“เฉียวจินฮวา ลูกสาวดีๆ ถูกเ้าเลี้ยงจนกลายเป็เช่นนี้ เ้ายังกล้าถามข้าอีก คำพูดของนางเมื่อครู่ควรพูดออกมาหรือ?” ซ่งผิงผิดหวังยิ่งนัก สายตาราวกับทัณฑ์เลาะกระดูก[1] ของเขาทำให้เฉียวซื่อตัวสั่น
“เป่าจูทำเพื่อประโยชน์ของบ้านหลังนี้ ท่านต่างหากคือหัวหน้าครอบครัว ท่านปล่อยให้เด็กผู้หญิงเป็หัวหน้าครอบครัวได้อย่างไร บ้านซ่งของพวกเราจะมิขายหน้าบ้านอื่นหมดหรือเ้าคะ?” เฉียวซื่อตัดสินใจเสี่ยงโชค นางอยากใช้เื่หัวหน้าครอบครัวมาโจมตีจิ่นเซวียน
ทุกคนทำสีหน้าเหลือเชื่อเมื่อได้ยินเื่นี้ บ้านซ่งให้ลูกสะใภ้ที่เพิ่งแต่งเข้าบ้านมาเป็หัวหน้าครอบครัวหรือ มิเคยมีผู้ใดทำเช่นนี้มาก่อน
โจวหลี่เจิ้งอยากล้างมลทินให้หลานสาวของเขา เขาจึงเบี่ยงประเด็นมาที่จิ่นเซวียน
“อาผิงเอ๋ย แม้สะใภ้ของจื่อเฉินจะมีความสามารถ แต่เ้าให้นางเป็หัวหน้าครอบครัวเช่นนี้ มิสมควรนัก นี่มิทำให้สามหลักห้าคุณธรรม[2] สับสนกันไปหมดหรือ?”
“ท่านปู่หลี่เจิ้ง สตรีเองก็ทำในสิ่งที่ผู้ชายทำได้เช่นกันเ้าค่ะ หากมิมีสตรี โลกนี้จะมีผู้ชายได้อย่างไร ผู้ใดเป็หัวหน้าครอบครัวสำคัญด้วยหรือเ้าคะ?” จิ่นเซวียนยิ้มแสยะโต้แย้งโจวหลี่เจิ้ง เป็เพียงหลี่เจิ้งกลับมาแสดงอำนาจกับนางเช่นนี้ คิดว่านางอ่อนแอรังแกง่ายหรือ?
ผู้คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวนหนึ่งคือสตรี พวกนางใยิ่งนัก เมื่อได้ยินจิ่นเซวียนพูดเช่นนั้น ตามความเข้าใจของพวกนาง นางพวกเป็ได้เพียงผู้ติดตามผู้ชาย มิอาจมีปากมีเสียง
“คนบ้านจื่อเฉิน ข้ามิได้มุ่งเป้ามาที่เ้า ข้าเพียงมิเห็นด้วยกับวิธีของเ้าก็เท่านั้น” โจวหลี่เจิ้งมิคิดว่าจิ่นเซวียนจะโต้แย้งเขา
“ท่านปู่หลี่เจิ้ง บางทีท่านอาจจะคิดว่าผู้หญิงควรเป็ทาสรับใช้ของผู้ชาย แต่ข้ามิคิดเช่นนั้นเ้าค่ะ ข้าคิดว่าทุกคนเท่าเทียมกัน หลายครอบครัว คนหาเงินมิได้มีเพียงผู้ชาย ผู้หญิงหลายคนหาเงินได้มากกว่าผู้ชายเสียด้วยซ้ำ พวกท่านพูดเสมอว่าผู้หญิงมิควรเสนอหน้าออกมา ข้าขอถามทุกท่านที่อยู่ที่นี่ หากมิมีภรรยาคอยทุ่มเทดูแลบ้านเพื่อพวกท่าน พวกท่านจะเลี้ยงดูครอบครัวได้จริงหรือเ้าคะ?”
จิ่นเซวียนกวาดสายตามองทุกคน พวกผู้ชายอยากโต้แย้งนาง แต่พวกเขากลับพูดมิออกสักคำเดียว
พวกเขาปฏิเสธความจริงมิได้ว่าหากมิมีภรรยา ครอบครัวของพวกเขาคงมิสมบูรณ์ สตรีปักภาพขายหนหนึ่งหาเงินได้หลายตำลึง พวกเขาไปทำงานหนักให้ผู้อื่นหลายเดือนได้มาเพียงสองสามตำลึง
“เ้าเถียงข้างๆ คูๆ เกิดเป็หญิงก็ควรฟังชาย เ้าลืมหลักสี่คุณธรรม สามคล้อยตาม[3] ที่ภรรยาควรมีไปแล้วหรือ?” เฉียวซื่อเห็นโจวหลี่เจิ้งขัดจิ่นเซวียน คิดว่าตนเองมีคนหนุนหลังจึงโจมตีจิ่นเซวียนอย่างมิเกรงกลัว
“ท่านมิคู่ควรที่จะพูดถึงหลักสี่คุณธรรม สามคล้อยตามหรอกขอรับ ตัวท่านเองก็ละเมิดกฎเจ็ดข้อนี้ ยังมีหน้ามาประณามผู้อื่นอีกหรือ หากท่านพ่อมิเห็นแก่หน้าของพวกพี่ชาย ทนแล้วทนอีก ท่านคิดว่าจะหลอกทุกคนเกี่ยวกับเื่อื้อฉาวที่ท่านทำได้หรือ?” ซ่งจื่อเฉินตัดสินใจใช้โอกาสนี้กำจัดเฉียวซื่อออกจากบ้านซ่ง หากมิมีเฉียวซื่อ ซ่งเป่าจูคงจะมิกล้าก่อเื่อีก
“เพื่อนบ้านทุกท่าน ข้ามิกลัวว่าพวกท่านจะหัวเราะเยาะข้า ในครานั้นข้าถูกเฉียวจินฮวาวางอุบายใส่ถึงต้องแต่งงานกับนาง หลายปีมานี้ข้าปฏิบัติกับลูกๆ อย่างไร ทุกคนประจักษ์ชัด สตรีนางนี้บอกให้ภรรยาของเฉินเอ๋อร์ส่งเงินให้นางเดือนละหนึ่งร้อยตำลึง ข้ารู้สึกโกรธนางมากจริงๆ เฮ้อ นางตั้งใจจะแย่งสินสมรสของภรรยาเฉินเอ๋อร์ชัดๆ”
เมื่อซ่งผิงสบตากับซ่งจื่อเฉิน เขาก็รู้สิ่งที่ซ่งจื่อเฉิน้าจะสื่อ เขาทนมามากพอแล้ว จึงตัดสินใจหย่ากับหญิงชั่วนี่
“ข้าบอกแล้ว อาผิงจะสู่ขอเฉียวจินฮวาได้อย่างไร คุณสมบัติอย่างเขา หากจะแต่งกับหญิงบริสุทธิ์ก็มิใช่เื่ยาก”
“เฉียวจินฮวาน่ารังเกียจจริงๆ ทำเื่อื้อฉาวแล้วยังมีหน้ามาอวดดีอีก”
“อาผิงปฏิบัติกับลูกๆ อย่างไร พวกเราทุกคนเห็นกับตา หากมิมีอาผิง พวกอาหวาคงอดตายไปนานแล้ว เฉียวจินฮวามิรู้จักสำนึกในบุญคุณเอาเสียเลย ลูกสะใภ้ของนางนี้ก็เพิ่งแต่งเข้ามา นางยังอยากยึดสินสมรสของสะใภ้อีก”
เฉียวซื่อขวางหูขวางตาทุกคนมานานแล้ว เมื่อซ่งผิงเผยความจริงออกมา ทุกคนเลยยิ่งดูถูกนาง
“อาหวา พวกเ้าพี่น้องรีบขอร้องท่านพ่ออย่าให้เขาหย่ากับข้าเร็ว จากนี้ข้าจะเปลี่ยนตนเองแน่” ผลลัพธ์ต่างจากที่เฉียวซื่อคาดไว้ นางกลัวจริงๆ นางผิดใจกับทุกคนในวันเดียว หนนี้นางจบเห่แน่
แม้นางจะมีบ้านพ่อแม่ แต่มิได้ไปมาหาสู่กันมาหลายปีแล้ว นางจึงมิรู้ว่าทางนั้นเหลือผู้ใดอยู่บ้าง
นางจะทำอย่างไรดี!
ในปีนั้น นางถูกขายให้หมู่บ้านสกุลโจวมาเป็สะใภ้ของโจวต้าซาน เมื่อเขาตาย นางก็หาเลี้ยงชีพดูแลลูกชายและลูกสาวสี่คนตามลำพัง หากซ่งผิงมิเมตตาเก็บพวกเรามาเลี้ยง นางจะมีวันนี้ได้อย่างไร นางมิยอมกลับไปอยู่ในสภาพนั้นเวลานี้หรอก!
“ท่านแม่ ข้าผิดหวังในตัวท่านมากขอรับ ท่านพ่อมีพระคุณล้นฟ้ากับพวกเรา ท่านยังมิพอใจอีก หนนี้ข้าช่วยท่านมิได้ขอรับ” ซ่งหวาผิงหวังกับแม่ของเขายิ่งนัก พวกเขายอมรับว่าพ่อเลี้ยงปฏิบัติกับพวกเขาดีกว่าพ่อแท้ๆ ของพวกเขาเสียอีก
“เห็นแก่หน้าของลูกๆ ข้าจะให้หนังสือสัญญาหย่ากับเ้าหนึ่งฉบับ จากนี้พวกเราต่างไปตามทางของตนเองเถิด” ซ่งผิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจเจรจาหย่ากับเฉียวซื่อ
“อาผิง เจรจาหย่าเป็เื่ใหญ่ แม้จินฮวาจะมีความผิด แต่นางก็คือแม่ของเด็กๆ เ้าต้องคิดให้ดี” ซ่งผิงขัดหูขัดตาโจวหลี่เจิ้งมานานแล้ว ซ่งผิงเป็คนนอกหมู่บ้านแต่กลับได้ดีกว่าเขา น่าอิจฉายิ่งนัก
“ท่านลุงหลี่เจิ้ง ท่านพูดเสมอว่าให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์ หรือการกระทำชั่วช้าของจินฮวายังมิพอให้ข้าหย่านางอีกหรือขอรับ?” ซ่งผิงยิ้มเยาะ เขาเป็คนต่างถิ่นแล้วอย่างไร?ท่านอย่าดูเบาคนต่างถิ่นอย่างข้าเชียว ข้าดึงท่านลงจากบัลลังก์หลี่เจิ้งได้ทุกเมื่อ หึ คิดว่าตนเองเป็หลี่เจิ้งแล้วจะมิมีผู้ใดรู้เื่ราวอดีตอันสกปรกของเ้าหรือ?
เชิงอรรถ
[1] ทัณฑ์เลาะกระดูก หมายถึง วิธีทรมานนักโทษโดยการขึงตัวนักโทษไว้กับแท่นหรือเสา แล้วใช้มีดกรีด แล่เนื้ออย่างช้าๆ ทั่วร่างกาย แม้กระทั่งส่วนหัว เพื่อให้นักโทษเ็ปทรมานกับาแที่ได้รับจนตาย
[2] สามหลักห้าคุณธรรม หมายถึง 3 หลัก คือ กษัตริย์เป็หลักของขุนนาง พ่อเป็หลักของลูก สามีเป็หลักของภรรยา ส่วน 5 คุณธรรม คือ เมตตา ซื่อสัตย์ ปัญญา จารีตและสัจจะ
[3] หลักสี่คุณธรรม สามคล้อยตาม หมายถึง กรอบคุณธรรมที่ใช้ในการอบรมกุลสตรีชั้นสูง ถูกสร้างขึ้นภายใต้แิของขงจื้อ หลัก 4 คุณธรรม คือ ต้องมีคุณธรรมดี ดำรงอยู่ในกรอบที่ควร กิริยามารยามเพียบพร้อม มีมธุรสวาจา (พูดจาอ่อนน้อม อ่อนหวาน สัตย์ซื่อ ไม่เล่นลิ้น) รูปร่างหน้าตาสะอาดสะอ้านและการบ้านการเรือนมิขาด ส่วน 3 คล้อยตาม คือ หญิงสาวที่ยังมิออกเรือน ต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนของบิดา แต่งงานแล้วก็ต้องเชื่อฟังคำของสามี หากสามีตายต้องเชื่อฟังบุตรชาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้