“ไม่ได้บอกอะไรทั้งนั้น! นั่นคือบ้านที่ปักกิ่งนะ บทจะซื้อก็ซื้อราวกับซื้อเสื้อผ้า ไม่คิดจะปรึกษาป้าเลยสักนิด...”
เสียงของหลี่เฟิ่งเหมยเจือไปด้วยความน้อยใจ
สองสามีภรรยาแยกกันอยู่มานานเกินไป การสื่อสารที่ไม่ทันท่วงทีมักสร้างปัญหาได้โดยง่าย
ตอนนี้การที่หลิวหย่งซื้อบ้านแล้วค่อยบอกหลี่เฟิ่งเหมย สำหรับเธอไม่ใช่การเซอร์ไพรส์ แต่คือเื่น่าใต่างหาก
แม้เงินส่วนใหญ่จะเป็หลิวหย่งที่หามาได้ แต่เงินทุนของหลิวหย่งได้มาจากไหนเล่า ตอนนั้นโครงการตกแต่งภายในบ้านพักเทศบาลเมืองเผิงเฉิงถูกยกให้ ‘หย่วนฮุย’ เป็ผู้รับผิดชอบ แน่นอนว่าเงินทุนของหลิวหย่งนั้นยังขาดอีกมหาศาล ไม่ใช่แค่เซี่ยเสี่ยวหลานที่ให้ความช่วยเหลือเขา แม้แต่เงินที่หลี่เฟิ่งเหมยได้จากร้านขายเสื้อผ้าก็ถูกส่งไปที่เผิงเฉิงทั้งหมด
ร้านเสื้อผ้ามีรายได้ทุกวัน แถมยังมีเงินจ้างพนักงาน ทว่าค่าใช้จ่ายส่วนตัวของหลี่เฟิ่งเหมยกลับต้องประหยัดถึงขีดสุด
เพราะเธอกลัวว่าหลิวหย่งที่อยู่เผิงเฉิงจะไม่มีเงินใช้ นอกจากเงินปันผลที่ได้ หลี่เฟิ่งเหมยกับหลิวเฟินได้เงินเดือนคนละ 200 หยวน โดยเงินเดือนก้อนนี้ เธอเก็บไว้กับตัวเองแค่ไม่กี่สิบหยวนเท่านั้น ที่เหลือเธอยกให้หลิวหย่งทั้งหมด หากไม่ใช่เพราะมีหลิวจื่อเทาต้องดูแลอีกคน หลี่เฟิ่งเหมยคงใจร้ายกับตัวเองยิ่งกว่านี้แน่นอน นอกจากเงินกินข้าว เธอคงไม่ใช้เงินแม้แต่แดงเดียว
การใช้ชีวิตคู่ คนหนึ่งหาเงินก้อนโตนอกบ้าน อีกคนก็ใช่ว่าจะไม่เพียรพยายาม
หลี่เฟิ่งเหมยต้องดูแลธุรกิจร้านเสื้อผ้า อีกทั้งยังต้องดูแลลูกชาย หากไม่ได้ความทุ่มเทของเธอ หลิวหย่งคงไม่มีทางรับงานข้างนอกได้อย่างสบายใจหรือคงไม่กลับบ้านมาหลายเดือนเช่นนี้ได้ ่สองเดือนที่สภาพทางการเงินตึงมือถึงขีดสุด เงินแค่หกเหมาหลี่เฟิ่งเหมยยังต้องคิดแล้วคิดอีก แต่หลิวหย่งกลับใช้เงินหกหมื่นหยวนในคราวเดียวแล้วค่อยบอกเธอ ใช่แล้ว แม้หลิวหย่งจะไม่ได้ใช้เงินไปกับการเที่ยวเสเพล แต่เป็การซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้กับครอบครัว ทว่าการที่เขาไม่ปริปากบอกหลี่เฟิ่งเหมยเลยสักคำ ทำทุกอย่างเสร็จแล้วค่อยบอกทีหลัง นี่ต่างหากคือเื่ที่หลี่เฟิ่งเหมยโกรธมากที่สุด
เซี่ยเสี่ยวหลานได้แต่ไหลไปตามน้ำ เื่นี้ลุงของเธอทำไม่ถูกต้อง เป็สามีภรรยากันแต่ไม่ปรึกษากันใช้ได้เสียที่ไหน เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็รู้สึกผิด ตอนนั้นเธอมัวแต่ดีใจ คุยเื่เรือนสี่ประสานที่ปักกิ่งกับแค่หลิวหย่งเพียงคนเดียว เธอนึกว่าหลิวหย่งคงบอกหลี่เฟิ่งเหมยเอง เซี่ยเสี่ยวหลานจะได้ไม่ต้องเล่าซ้ำอีกครั้งให้ป้าสะใภ้ของเธอฟัง
ใครจะไปรู้ว่าหลิวหย่งดันไม่พูดจาสักคำ?
เซี่ยเสี่ยวหลานบอกหลิวหย่งเป็คนแรก เพราะเธอสนิทกับหลิวหย่งมากกว่า และหลิวหย่งก็เป็คนเด็ดขาดกว่าหลี่เฟิ่งเหมย... แต่การที่หลี่เฟิ่งเหมยโกรธแบบนี้ ทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานต้องย้อนกลับมาพิจารณาตัวเองอีกครั้ง
เธอคงเคารพป้าสะใภ้ไม่มากพอสินะ
จิตใต้สำนึกของเธอคิดว่า หลี่เฟิ่งเหมยไม่สามารถวิเคราะห์ได้ถึงประโยชน์ของการตั้งรกรากที่ปักกิ่ง
“ดูสิ ที่จริงเื่นี้ฉันเป็คนผิด...”
“หลานไม่ผิด! หลานทำไปเพราะหวังดีกับครอบครัว มีหรือป้าจะแยกแยะไม่ได้ แต่เป็เพราะลุงของหลาน ตอนนี้หาเงินได้หน่อยก็ทำเป็ย่ามใจ ป้าจะไม่ปิดบังแล้วกัน ป้าน่ะกลัวว่าลุงของหลานจะมีผู้หญิงอื่นที่เผิงเฉิง”
ที่แท้นี่ต่างหากคือสิ่งที่ทำให้หลี่เฟิ่งเหมยเป็กังวล
ผู้ชายคนหนึ่งหากรวยเร็วเกินไป ผู้หญิงก็จะรู้สึกกังวลว่าจะควบคุมเขาได้ยาก
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่กล้าการันตีแทนลุงของเธอได้
หากเขาทำเื่ผิดต่อหลี่เฟิ่งเหมยจริง เธอควรเผชิญหน้ากับหลิวหย่งอย่างไรดี?
ธุรกิจครอบครัวเพิ่งเริ่มต้นขึ้นก็เกิดปัญหาแฝงหลากหลายรูปแบบ เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถพาครอบครัวให้ร่ำรวยไปพร้อมกันได้ แต่เธอไม่สามารถควบคุมความคิดของทุกคนได้
หลิวหย่งทำให้หลี่เฟิ่งเหมยไม่เชื่อใจ เื่ของสามีภรรยาต้องให้ลุงของเธอเป็ผู้จัดการเอง เซี่ยเสี่ยวหลานทำได้เพียงเกลี้ยกล่อมทั้งสองฝ่าย ปลอบใจหลี่เฟิ่งเหมย และสะกิดเตือนหลิวหย่งให้รู้ตัว
หลิวหย่งรับโทรศัพท์แล้วนิ่งอึ้งไป
เขาเองก็อดกลั้นความโกรธอยู่เต็มท้อง
เขาอยากทำเซอร์ไพร์สให้หลี่เฟิ่งเหมย ตอนกลับจากปักกิ่งมาเผิงเฉิง เขาจึงได้แวะไปที่ซางตูก่อน เขาไม่ได้เจอภรรยากับลูกชายมาห้าเดือนแล้ว กว่าจะมีเวลาว่างนั้นไม่ง่ายเลย เขาอยู่ซางตูสองวัน ทว่ากลับใช้เวลาหนึ่งวันครึ่งไปกับการทะเลาะในเื่นี้!
ก็แค่บ้านหลังเดียวมิใช่หรือ ซื้อก็ซื้อไปแล้ว เขาไม่ได้เอาเงินไปทำอย่างอื่นเสียหน่อย
เขาอยากใช้เวลาอยู่กับลูกเมียให้เต็มที่สักสองวัน แต่หลี่เฟิ่งเหมยกลับกัดเื่นี้ไม่ปล่อย ถึงหลิวหย่งจะไม่ได้ปะทะกับเธอ แต่ก็กักเก็บความโกรธเอาไว้กับตัวเอง เขาอยู่นอกบ้านต้องทนรองรับอารมณ์ของคนอื่น กว่าจะหาเงินได้นั้นไม่ง่ายเลยทีเดียว ต้องเครียดเื่การก่อสร้าง เครียดเื่คนงานที่จ้างมา ไหนจะกลัวลูกค้าไม่ชำระเงิน และยังกลัวไม่มีงานอีกด้วย
อย่างไรรงานเลี้ยงสังสรรค์ที่จำเป็เขาคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เลี้ยงเหล้าเลี้ยงอาหารเป็เื่ปกติ หลิวหย่งต้องดื่มเหล้าจนเมาหมดสภาพเป็ประจำ โดยเฉพาะเวลาออกไปกับหลิวเทียนเฉวียน หลิวเทียนเฉวียนมักจะพาเขาไปในที่ที่มีผู้หญิงนั่งดื่มเป็เพื่อนอยู่เสมอ ดื่มเหล้านั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลิวหย่ง แต่เขาไม่เคยแตะต้องผู้หญิงพวกนั้นเลยสักครั้งเดียว
หลิวเทียนเฉวียนยังหัวเราะที่เขากลัวเมียอีกด้วย แต่หลิวหย่งก็ไม่ได้ว่าอะไร
เขานึกว่าตนนั้นได้รักษาเนื้อรักษาตัวเป็อย่างดี แต่ตอนทะเลาะกับหลี่เฟิ่งเหมย เธอกลับสงสัยเขาเกี่ยวกับเื่นี้อีก จะไม่ให้หลิวหย่งโกรธได้อย่างไร
ซื้อบ้านเป็เื่ที่ดี แต่มันกลายเป็ชนวนให้หลิวหย่งทะเลาะกับหลี่เฟิ่งเหมยเสียได้ เซี่ยเสี่ยวหลานคาดไม่ถึงจริงๆ! เมื่อก่อนหลิวหย่งก็เคยออกจากบ้านไปตั้งหลายเดือน แต่พวกเขาก็ไม่เคยทะเลาะกันด้วยเื่พวกนี้นี่นา ตอนนี้ทำไมถึงเปลี่ยนไปน่ะหรือ? เซี่ยเสี่ยวหลานคิดออกแค่ว่า เป็เพราะเื่ ‘เงิน’
เซี่ยเสี่ยวหลานเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จเธอจึงรีบทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ ซึ่งก็คือการบอกหลิวเฟินว่า ตนอยากซื้อบ้านที่ปักกิ่ง
หลิวเฟินเตรียมใจไว้แล้วล่วงหน้า ลูกสาวไปเรียนหนังสือที่ปักกิ่ง การอยู่ทำงานที่ปักกิ่งย่อมดีที่สุด
ได้ยินว่าคนหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มทำงานต้องรอหน่วยงานจัดสรรบ้านพักอย่างยากลำบาก พอหลิวเฟินคิดได้ อีกหน่อยเซี่ยเสี่ยวหลานคงตั้งรกรากที่ปักกิ่ง เธอก็เห็นด้วยทันทีที่ลูกสาวบอกว่าจะซื้อบ้านที่นั่น
“บ้านต้องซื้ออยู่แล้ว แต่ลูกมีเงินพอหรือเปล่า แม่ได้ยินลุงของลูกบอกว่า เขาใช้เงินซื้อบ้านตั้งหกหมื่นหยวน!”
สมที่เป็แม่บังเกิดเกล้าของเธอจริงๆ
หนึ่งปีกว่าที่ผ่านมานี้ เซี่ยเสี่ยวหลานให้ความเคารพหลิวเฟินมาโดยตลอด แม้เงินส่วนใหญ่เธอจะเป็ผู้หา แต่จะใช้อย่างไรเธอก็บอกกับหลิวเฟินทุกครั้ง ตอนหลังหลิวเฟินไม่อยากดูแลบัญชีของครอบครัว และไม่อาจควบคุมความคิดทางธุรกิจของเซี่ยเสี่ยวหลานได้เช่นกัน เื่ของหลิวหย่งคราวนี้ทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจว่า ต่อไปหากเธอจะทำอะไรเธอต้องปรึกษากับแม่ก่อนทุกครั้ง
“ที่ฉันอยากซื้อบ้านที่ปักกิ่ง นอกจากจะเอาไว้ให้คนในครอบครัวอยู่แล้วนั้น ฉันก็อยากรอให้ราคาบ้านเพิ่มสูงขึ้นด้วย ไว้มีเงินเย็นเมื่อไร ฉันจะทุ่มเทกับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่อไป ลุงก็คิดเช่นเดียวกัน พวกเราพอตื่นเต้นก็เลยลืมปรึกษาป้าสะใภ้...”
อีกด้านหนึ่งของสายโทรศัพท์ หลี่เฟิ่งเหมยเองก็กำลังเงี่ยหูฟังอยู่
หลังหลิวเฟินวางสายแล้วก็ปลอบเธอว่า “พี่สะใภ้ พี่ว่าคนอย่างพี่ชายฉัน หลายปีมานี้ไม่เคยชายตามองสาวคนไหน เขาจะทำเื่ผิดทีต่อพี่ได้อย่างไร ที่เสี่ยวหลานพูดพี่คงได้ยินแล้วใช่ไหม พี่โทรหาพี่ชายฉันเถอะนะ”
หลี่เฟิ่งเหมยกัดฟันกรอด “ไม่โทร ถ้าเขาอยู่ทางใต้แล้วทำเื่ผิดต่อพวกเราสองแม่ลูกขึ้นมาจริงๆ ฉันจะหย่าแล้วพาเทาเทากลับบ้านเกิดเสีย!”
หลิวเฟินเป็คนพูดไม่เก่ง เธอจึงไม่รู้ว่าควรโน้มน้าวอย่างไรดี
——————————————-
“น้องหลิว เพื่อการร่วมงานของเราสองพี่น้อง พี่ชวนน้องมาตั้งกี่ครั้งแล้ว ถ้าน้องยังบอกปัดอีกล่ะก็ พี่คงเสียใจแย่... มาๆ มาดื่มกันสักแก้ว”
เพราะหลิวหย่งทะเลาะกับหลี่เฟิ่งเหมย เมื่อหลิวเทียนเฉวียนชวนเขาออกมาดื่มเหล้า เขาจึงตอบตกลง
เมื่อก่อนหลิวเทียนเฉวียนต้องเป็ฝ่ายขอให้ดื่ม แต่ครั้งนี้หลิวหย่งยกแก้วดื่มเองโดยไม่อิดออด หลิวเทียนเฉวียนเห็นเขาดูอารมณ์ไม่ดีจึงยิ่งสวมบทบาทพี่ชายผู้เอาใจใส่
แม้หลิวหย่งจะปิดปากเงียบ แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของผู้เชี่ยวชาญอย่างหลิวเทียนเฉวียนไปได้
แค่หลุดพูดออกมาไม่กี่คำ หลิวเทียนเฉวียนก็พอจะเดาเื่ราวได้อย่างคร่าวๆ
“น้องหลิว ถ้าผู้หญิงที่บ้านไม่ไว้หน้ากันก็ควรกำหลาบเสียบ้าง น้องยิ่งยอมอ่อนข้อนั่นก็เท่ากับยอมตกเป็ทาสแม่เสือร้ายน่ะสิ”
หลิวเทียนเฉวียนหัวเราะร่า “เดี๋ยวพี่จะแนะนำสาวน้อยแสนอ่อนโยนให้น้องเอง ดีหรือไม่”
แม้หลิวหย่งดื่มจนเมาพอสมควร ทว่าเขาก็อยากปฏิเสธ
หลิวเทียนเฉวียนหาได้สนใจไม่ เขาปรบมือ จากนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องแล้วมานั่งข้างกายหลิวหย่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้