เดิมทีท่านจ้าวอยากจะไปส่งซ่งอวี้และพวกสาวใช้กลับหมู่บ้านเสี่ยวหนิวด้วยตนเอง แล้วรวดทดสอบผลการเรียนของซ่งอวี้ในระยะที่ผ่านมานี้ด้วย แต่ยังไม่ทันเดินทางออกจากอำเภอ ลูกศิษย์ในร้านยาถงอันก็มาหา พูดกระซิบข้างหูเขา จากนั้นสีหน้าของท่านจ้าวก็ฉายความลำบากใจ
เื่ที่นายน้อยมาหาเขาเป็ความลับ เหตุใดจึงมีคนแพร่งพรายเื่นี้ออกไปได้? ท่านจ้าวกังวลเล็กน้อยแต่ก็เกรงใจที่จะจากไป สีหน้าของเขาจึงฉายความลังเลและลำบากใจ
"ท่านอาจารย์ ท่านไปทำงานของท่านเถอะเ้าค่ะ ข้ายังต้องจัดหาที่พักให้พวกอาฝูก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาเล็กน้อย ข้ากลัวว่าท่านจะเหนื่อยล้า" ถึงแม้ซ่งอวี้จะไม่รู้ว่าท่านจ้าวลำบากใจเื่อะไร แต่นางก็พูดขึ้นก่อน
ท่านจ้าวพยักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธ "เวลานี้ข้ามีธุระต้องทำจริงๆ ไม่ไปกับเ้าแล้ว วันนี้ให้เ้านำรถม้านี้ไปใช้ก็แล้วกัน ไว้รอเ้าไม่้า ค่อยให้สารถีขับกลับมาเอง" ท่านจ้าวไม่รอซ่งอวี้ปฏิเสธ ก็ลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังร้านยาถงอัน
เป็เช่นนี้แล้ว ซ่งอวี้ไม่อาจไล่ตามไปเพื่อคืนรถม้าให้เขากระมัง? อีกทั้งเวลานี้นางจำเป็ต้องใช้รถม้าคันนี้จริงๆ นางต้องรับพวกอาฝูกลับเรือน ไม่อาจเดินด้วยเท้าเปล่ากระมัง?
ซ่งอวี้ถอนหายใจด้วยความจนปัญญา ทว่าจดจำน้ำใจของท่านจ้าวที่มีให้นางเอาไว้
"ไปกันเถอะ พาพวกเ้ากลับไปก่อน" ซ่งอวี้บอกกับสาวใช้ที่อยู่ข้างกาย ในเมื่อซื้อพวกนางมาแล้ว วันข้างหน้าย่อมต้องกินและนอนด้วยกัน ย้ายบ้านก็เป็เื่จำเป็เช่นเดียวกัน
เสี่ยวหมานไม่เคยนั่งรถม้ามาก่อน เวลานี้นางจึงยื่นหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างตลอดเวลา ดวงหน้าของนางเผยรอยยิ้ม เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งอวี้ เสี่ยวหมานก็พูดขึ้น "คุณหนู บ่าวไม่ใช่คนท้องที่ ท่านพ่อและท่านแม่ของบ่าวตั้งใจขายบ่าวมาอยู่ที่ไกลๆ ดังนั้นบ่าวจึงอยู่ที่ร้านค้าทาสมาโดยตลอด พี่อาฝูก็เช่นเดียวกันเ้าค่ะ"
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง ไปยังที่พักของพวกนาง พูดตามตรง สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ดีทั้งเล็กและแออัดราวกับที่พักราคาถูก แต่ว่าคนที่มาค้าตัวเป็ทาสที่นี่ล้วนมีฐานะยากไร้พวกเขาจึงไม่ได้รู้สึกรังเกียจ
เสี่ยวหมานและอาฝูแยกย้ายกันไปเก็บข้าวของ เวลาเพียงหนึ่งน้ำชาก็กลับมาแล้ว ในมือของเสี่ยวหมานมีห่อผ้าบางๆ มองดูแล้วน่าจะเป็เสื้อผ้าหนึ่งชุด ทางด้านอาฝูมีมากกว่านางเล็กน้อย มือขวาจูงมือเด็กผู้ชายรูปร่างซูบผอมคนหนึ่งเอาไว้ ได้ยินว่าอายุใกล้จะสิบสองแล้วแต่ดูจากส่วนสูงคล้ายจะตัวเล็กกว่าเด็กแปดขวบเล็กน้อย
เด็กชายซ่อนอยู่ด้านหลังอาฝู ด้วยความซูบผอมจึงทำให้ดวงตาของเขาดูกลมโตอย่างผิดปกติ
ซ่งอวี้มองเพียงปราดหนึ่งก็ดูออกแล้ว เด็กคนนี้ขาดอาหารขั้นรุนแรง หัวใจของนางบีบรัดด้วยความเ็ป ในโลกยุคปัจจุบันไม่มีผู้ใดปล่อยให้ลูกซูบผอมถึงขั้นนี้เพียงเพราะไม่มีข้าวสาร?
"จื้อเอ๋อร์ รีบคำนับเร็วเข้า หลังจากนี้คุณหนูเป็เ้านายของพวกเรา เป็ผู้มีพระคุณของพวกเรา" อาฝูบอกลูกชาย เสียงของนางร้อนใจเล็กน้อย นางกลัวซ่งอวี้จะเปลี่ยนใจกะทันหันเหลือเกิน
หากนางยังขายไม่ออกเช่นนั้นก็ไม่ทันกาลแล้ว!
เมื่อจื้อหย่วนได้ยิน สีหน้ายังคงฉายความหวาดกลัว ทว่าไม่ขัดขืนแล้ว เขาคุกเข่าลงบนพื้นอย่างเชื่อฟัง คำนับให้ซ่งอวี้สามครั้ง
ความรู้สึกที่ถูกเด็กตัวเท่าหน้าแข้งคำนับสามครั้งเป็อย่างไร? เวลานี้หากถามซ่งอวี้ นางจะตอบด้วยความจริงจัง เป็ความรู้สึกปวดใจ
หากบอกว่าเื่อื่นๆ นางสามารถหลอกตัวเองได้ บอกตนเองว่าแท้จริงแล้วนางยังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่มีความเท่าเทียม เช่นนั้นการคำนับสามครั้งของจื้อหย่วน ก็เป็การทำให้นางเลิกหลอกตัวเอง
หางตาของซ่งอวี้มีน้ำตารื้นขึ้นมา นางไม่อาจทนดูภาพเช่นนี้ได้ รีบประคองจื้อหย่วนให้ลุกจากพื้น ปัดฝุ่นบนตัวเขาและเช็ดรอยดำบนใบหน้าด้วยความอ่อนโยน
"เ้าชื่อจื้อเอ๋อร์?"
"เรียนคุณหนู ข้าชื่อโจวจื้อหย่วนขอรับ" เสียงของโจวจื้อหย่วนสั่นเครือเล็กน้อย แต่เด็กสามารถแยกแยะเจตนาร้ายดีของผู้ใหญ่ได้ เขารู้สึกเพียงว่ารอยยิ้มของคุณหนูที่อยู่ตรงหน้าอ่อนโยนยิ่งนัก เสียงก็อ่อนหวาน เป็คนดี ด้วยเหตุนี้เขาจึงผ่อนคลาย ไม่หวาดกลัวนางเหมือนตอนแรกแล้ว
ตอนขึ้นรถม้าจึงมีคนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ซ่งอวี้อยู่บนรถม้าแล้วมองโจวจื้อหย่วนครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นกะทันหัน "จื้อหย่วนมักจะปวดกระดูกบ่อยๆ และมีเืกำเดาไหลใช่หรือไม่?" หากนางดูไม่ผิด น่าจะเป็เช่นนี้
อาฝูมองซ่งอวี้ด้วยความตกตะลึง แล้วพูดออกมา "คุณหนูทราบได้อย่างไรเ้าคะ?" ช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก จนไม่อาจข่มเสียงได้
นี่คือความลับที่อยู่ในใจอาฝูมาโดยตลอด โจวจื้อหย่วนมีอาการเช่นนี้ั้แ่เมื่อสองปีก่อนแล้ว นางใช้เงินสะสมทั้งหมดที่มีแล้วก็ไม่อาจรักษาให้หายได้ จึงทำได้เพียงค้าตัวเป็ทาสเพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีพ
สีหน้าของซ่งอวี้ที่มองโจวจื้อหย่วนเคร่งเครียดเล็กน้อย "ข้าเป็หมอ ประเดี๋ยวกลับถึงบ้านข้าจะลองดูอาการของจื้อหย่วน แต่ข้าไม่อาจรับประกันว่าข้าจะรักษาเขาหาย"
ซ่งอวี้ยังพูดไม่จบอาฝูก็คุกเข่าในรถม้าแล้ว "ขอบคุณคุณหนูเ้าค่ะ ขอเพียงรักษาจื้อเอ๋อร์ให้หายดี อาฝูยอมเป็วัวเป็ควายเพื่อตอบแทนบุญคุณของหนู"
หากโจวจื้อหย่วนป่วยเป็โรคนั้นจริงๆ ไม่ใช่เื่ง่ายที่จะรักษาให้หาย แต่ตอนนี้อายุยังไม่ถึงสิบหกหากทำการรักษาอย่างดีก็ยังมีความหวังที่จะหาย
แต่ว่า...ความน่าจะเป็ต่ำมาก
เดิมทีนางอยากจะอธิบายให้อาฝูเข้าใจ แต่ท่าทีดีใจของอาฝูในตอนนี้ราวกับได้โลกทั้งใบ ซ่งอวี้ไม่อาจทำใจบอกความจริงนางได้
ช่างเถอะๆ รอจับชีพจรก่อนค่อยว่ากัน ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ถึงหมู่บ้านเสี่ยวหนิวแล้ว สารถีเคยไปเรือนของซ่งอวี้หลายครั้งแล้วจึงคุ้นเคยเส้นทาง ไม่จำเป็ต้องมีคนนำทางเขาก็จอดรถม้าที่หน้าเรือนของซ่งอวี้แล้ว
พูดตามความจริง เทียบกับเรือนของชาวนาทั่วไปแล้ว ไม่มีอะไรแตกต่างมากนัก เรือนก็ไม่ได้กว้างใหญ่มาก
ซ่งอวี้ให้เงินสารถีเล็กน้อยเป็การขอบคุณ เขาจึงกลับร้านยาถงอันด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
"นี่คือเรือนของข้า นับจากนี้พวกเราก็ใช้ชีวิตที่นี่ ข้าเคยบอกแล้ว ข้าไม่ได้ร่ำรวย เวลานี้พวกเ้าก็น่าจะเห็นแล้ว" เมื่อเข้าไปด้านใน ซ่งอวี้ก็พูดเปิดอก "หลังจากนี้ ชาวนาคนอื่นๆ ทำงานใด พวกเ้าก็ต้องทำงานนั้น พวกเ้ายินยอมหรือไม่?"
นางคิดว่าเสี่ยวหมานและอาฝูจะแสดงท่าทีรังเกียจออกมาเล็กน้อย ทว่าคิดไม่ถึงพวกนางกลับไม่ใส่ใจ แท้จริงแล้วซ่งอวี้คิดผิด ก่อนหน้านี้เสี่ยวหมานและอาฝูไม่เคยมีเ้านายมาก่อน ซ่งอวี้เป็เ้านายคนแรก จึงเป็เื่ธรรมดาที่พวกนางจะไม่มีแิเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนตระกูลใหญ่
อีกอย่าง ก่อนที่พวกนางจะค้าตัวเป็ทาส ความเป็จริงก็ใช้ชีวิตอยู่ในชนบท สำหรับพวกนาง สภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้รู้สึกอุ่นใจมากยิ่งกว่า
ทั้งสองส่ายหน้าแสดงให้เห็นว่าตนไม่รังเกียจแม้แต่น้อย
ซ่งอวี้สบายใจแล้ว ยื่นผ้าห่มสองผืนที่เตรียมเอาไว้ั้แ่ก่อนหน้านี้ให้กับพวกนาง บอกให้พวกนางนอนบนตั่งกับตน
เสี่ยวหมานและอาฝูเอาแต่บอกว่าไม่กล้า ซ่งอวี้จึงได้แต่อธิบาย "แค่ชั่วคราวเท่านั้น เรือนของข้ายังสร้างไม่เสร็จ ดังนั้นไม่มีสถานที่ให้พวกเ้าอยู่ เวลานี้อากาศเริ่มหนาวแล้ว หากพวกเ้าไม่นอนบนตั่งกับข้า คาดว่ายังไม่ทันได้เริ่มงาน ก็หนาวตายแล้ว"
เพียงถ้อยคำเดียวก็ทำให้ทั้งสองคล้อยตาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้