แน่นอนว่าอู๋ฮวนเข้าใจความกังวลของมารดา ครั้งนี้เธอไม่ได้ตามฟู่ซินหลางไปที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ แต่กลับบ้านอย่างว่าง่าย
ฟู่ซินหลางคิดไม่ถึงว่าอู๋ฮวนจะคิดมากขนาดนี้ ตอนที่เขามาถึงโรงพยาบาลประจำอำเภอ เขาถามที่แผนกฉุกเฉินถึงรู้ว่า มารดาของเขาเป็ลมเพราะทำงานหนักเกินไปจนความดันโลหิตสูง
โชคยังดีที่ตอนที่เธอเป็ลม เธอตกจากเตียงแล้วไปชนเก้าอี้ข้างๆ จนเกิดเสียงดังสนั่นสั่นไหว ทำให้เพื่อนบ้านที่อยู่ชั้นล่างได้ยิน เพื่อนบ้านคนนั้นจึงขึ้นไปเคาะประตูบ้านของเธอ แต่ไม่มีใครตอบรับ เมื่อเขาเห็นเหมยเหนียงนอนสลบอยู่บนพื้นผ่านทางหน้าต่าง จึงตัดสินใจพังประตูเข้าไป...
“โชคดีที่ส่งตัวคนไข้มารักษาได้ทันเวลา หากครั้งหน้าเป็ลมแบบนี้ แล้วไม่มีคนพบเห็นทันเวลา คงจะไม่มีชีวิตรอดแล้วล่ะ”
คุณหมอกล่าวกับฟู่ซินหลางด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในคำพูดนั้นยังแฝงไปด้วยการตำหนิฟู่ซินหลางว่าเขาไม่ดูแลแม่ของตัวเองให้ดี
พอฟู่ซินหลางได้ยินคำพูดพวกนี้ของหมอก็ปวดหัวขึ้นมาทันที หลังจากนี้เขาจะต้องไปเรียนต่อที่วิทยาลัย ไม่อาจอยู่บ้านได้ตลอดเวลา แถมยังพาแม่ไปเรียนด้วยไม่ได้ แต่หากไม่ให้เขาดูแลแม่ของตัวเอง เขาก็คงทำใจไม่ได้เช่นกัน...
ฟู่ซินหลางลำบากใจมาก ตอนนี้เขายิ่งอยากให้อู๋ฮวนแต่งเข้าบ้านเร็วๆ อย่างน้อยๆ ต่อให้อู๋ฮวนทำงานบ้านไม่เป็ เธอก็ยังพอช่วยดูแลแม่ของเขาได้
ฟู่ซินหลางกำลังคิดแผนการในใจ แต่กลับไม่รู้ว่าทางตระกูลอู๋นั้นวางแผนไว้รอบคอบยิ่งกว่าเขา
พออู๋ฮวนกลับบ้านแล้วบอกเื่ที่เหมยเหนียงเข้าโรงพยาบาล ฟางลี่เจินก็ด่าอู๋ฮวนอีกยกใหญ่
“เพราะครอบครัวเป็แบบนี้แหละ ถ้าตอนนี้ลูกแต่งเข้าบ้านเขาไปแล้ว พอแม่ของเขาป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล ลูกจะต้องไปดูแลเขางั้นไม่ใช่หรือ? ถ้าต้องเช็ดอุจจาระปัสสาวะให้ แบบนี้ลูกทำไหวไหม?”
เมื่ออู๋ฮวนฟังคำพูดของผู้เป็แม่ ในใจก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น เธอเป็เพียงคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี จะให้ไปดูแลหญิงชราที่กำลังป่วยแบบนั้น เธอทำไม่ได้หรอก! ยิ่งไปกว่านั้นต้องไปเช็ดอุจจาระปัสสาวะให้คนอื่นอีกด้วย มันน่าขยะแขยงจะตายไป
ฟางลี่เจินเห็นว่าลูกสาวของตนเริ่มลังเล จึงกล่าวเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายต่อ “อยู่บ้านลูกยังไม่เคยดูแลพวกเราแบบนี้เลย พอแต่งเข้าบ้านเขาแล้วก็ต้องซักผ้า ถูพื้น ทำกับข้าว ทำอาหาร แล้วยังต้องดูแลหญิงชราที่กำลังป่วยอีก แบบนี้เรียกว่าวิ่งเข้าหาความสุขงั้นหรือ? ทำไมแม่ถึงรู้สึกว่าลูกกำลังวิ่งเข้าสู่นรกมากกว่า
“ถึงลูกจะบอกว่าคังอิงโง่ แต่เธอก็ยังรู้จักหย่ากับเขา อย่างน้อยๆ ครอบครัวแบบนั้น การหย่าร้างก็คือการวิ่งเข้าหาความสุข! จะให้คนโง่ๆ อย่างลูกไปรับ่ต่องั้นหรือ?”
คำพูดของผู้เป็แม่ทำให้ดวงตาของอู๋ฮวนเป็ประกายขึ้นมา จริงๆ แล้วตอนที่เธอคบหากับฟู่ซินหลาง เขาทำท่าทางรักเธอมาก ทำให้เธอรู้สึกถึงความตื่นเต้นเร้าใจราวกับอยู่ในนิยายรักของฉงเหยา
ตอนนี้คังอิงหย่ากับฟู่ซินหลางแล้ว ไม่มีข้อจำกัดเื่การแต่งงาน พวกเขาไม่จำเป็ต้องแอบคบกันลับๆ อีกต่อไป แต่อู๋ฮวนกลับรู้สึกว่าฟู่ซินหลางไม่มีเสน่ห์เหมือนเมื่อก่อนอีก
ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาเื่ความเป็จริงในชีวิตก็บีบบังคับให้เธอต้องเผชิญหน้ากับมัน ทำให้อู๋ฮวนพลันร้อนใจขึ้นมา
ใช่แล้ว เธอจะทนไปเช็ดอุจจาระปัสสาวะให้หญิงชราคนนั้นได้อย่างไร? พอคิดถึงสายตาอันดุร้ายของหญิงชราคนนั้น อู๋ฮวนก็รู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมาทันใด
“ลูกใจเย็นๆ ก่อน อย่าเพิ่งไปเยี่ยมหล่อนนะ เดี๋ยวแม่ไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูสถานการณ์ก่อน”
ฟางลี่เจินเห็นว่าลูกสาวของเธอเริ่มลังเล ก็รู้สึกวางใจลงเล็กน้อย ฟางลี่เจินกำชับลูกสาวของตนหลายประโยค จากนั้นก็รีบไปที่โรงพยาบาลประจำอำเภอทันที
เดิมทีเธอเป็พยาบาลของโรงพยาบาลประจำอำเภออยู่แล้ว หากจะถามเื่ราวต่างๆ ก็ย่อมทำได้ง่าย เธอเดินไปหลายแผนกเพื่อสืบหาเื่ราวของฟู่ซินหลาง พอกลับมาก็รู้เื่ของเขาหมดเปลือก แม้แต่เื่ที่คังอิงเข้าโรงพยาบาล เธอก็ยังสืบหามาได้ แม้แต่บันทึกการรักษาของคังอิง เธอก็ยังค้นมันออกมาจากแฟ้มเอกสารได้เช่นกัน
ครั้นฟางลี่เจินเห็นคำอธิบายอันน่าเวทนาที่เขียนอยู่ในบันทึกการรักษาของคังอิง เธอก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว โชคดีที่ลูกสาวของเธอไม่ได้แต่งงานกับสัตว์เดรัจฉานตัวนั้น
ฟางลี่เจินถ่ายสำเนาบันทึกการรักษาฉบับนั้นแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ จากนั้นเธอก็กลับบ้านทันที
ด้านอู๋ต๋าซาน เขาไปสังสรรค์ข้างนอก และกลับบ้านมาพร้อมกับกลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้ง ผู้ชายแบบเขามักจะมีงานเลี้ยงสังสรรค์แทบทุกวัน แต่เขาจะกลับบ้านไม่เกินสามทุ่มแน่ๆ
อู๋ต๋าซานกลับถึงบ้านแล้วเห็นว่าภรรยาไม่อยู่บ้าน เขาจำได้ว่าวันนี้ไม่ได้เป็เวรของฟางลี่เจิน จึงหันไปถามลูกสาว
“ฮวนฮวน แม่ของลูกไปไหน? หรือว่าไปนั่งคุยกับพวกป้าๆ อีกแล้ว?”
อู๋ฮวนส่ายหน้า เธอกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ฟางลี่เจินก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน
พ่อลูกเห็นฟางลี่เจินทำสีหน้าบูดบึ้งก็ใ พวกเขาเอ่ยถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ฟางลี่เจินฟาดบันทึกการรักษาลงบนโต๊ะด้วยความโกรธพลางกล่าวว่า “โชคยังดีที่ฉันไปสืบมาอย่างทันท่วงที แม่ลูกคู่นี้ไม่ใช่คนดีเลยสักนิด ลูกยังกล้าไปคบหากับเขาอีกหรือ?”
อู๋ฮวนยังคงไม่เข้าใจ อู๋ต๋าซานหยิบบันทึกการรักษามาดูครู่หนึ่งก็เข้าใจ
เขาเป็ถึงผู้อำนวยการ แถมยังเป็คนที่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของผู้คนมากมายในอำเภอแห่งนี้ ใครจะไปคิดว่าเขาจะไม่ฉลาดกันเล่า
แค่เห็นบันทึกการรักษาฉบับนี้ เขาก็เอ่ยขึ้นทันที “ฮวนฮวน ฟู่ซินหลางชอบทำร้ายร่างกายผู้หญิง ลูกแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ดูพ่อสิ แต่งงานกับแม่ของลูกมานานขนาดนี้ มีแต่แม่ของลูกที่ดุพ่อ พ่อไม่เคยเถียงหรือลงไม้ลงมือกับแม่ของลูกเลยสักครั้ง”
อู๋ต๋าซานถือโอกาสอวดอ้างตนเองเสียเลย
ฟางลี่เจินถลึงตาใส่เขา ก่อนจะกล่าวว่า “คุณอย่าเพิ่งรีบพูดอะไรเลย รีบจัดการกับเื่ของฮวนฮวนก่อนเถอะ!”
อู๋ฮวนมองบันทึกการรักษา อันที่จริงเธอก็รู้ว่าฟู่ซินหลางทำร้ายร่างกายคังอิงจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ตอนนั้นเธอกำลังตกหลุมรักเขา ทำให้รู้สึกสะใจเป็อย่างยิ่งที่ฟู่ซินหลางสั่งสอนคังอิงแบบนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นฟู่ซินหลางยังดูเชื่อฟังเธอมาก ไม่มีท่าทางดุร้ายเหมือนคนที่ชอบทำร้ายร่างกายคนอื่น อู๋ฮวนจึงไม่ได้ใส่ใจเื่นี้มากนัก
แต่ตอนนี้คังอิงได้จากฟู่ซินหลางไปแล้ว หากต่อไปเธอจะต้องหมั้นหมาย และแต่งงานกับฟู่ซินหลาง พอเธอตกจาก์ลงมายังบึงโคลนแห่งความเป็จริงในชีวิต ความจริงที่แฝงอยู่ภายใต้ความอ่อนโยนนั้นก็ค่อยๆ เผยให้เห็น
“พ่อคะ แม่คะ เป็หนูเองค่ะที่ผิดไป หนูจะตัดสัมพันธ์กับฟู่ซินหลางอย่างเด็ดขาด”
อู๋ฮวนปักใจแน่วแน่แล้ว เธอตัดสินใจละทิ้งฟู่ซินหลางอย่างไม่ลังเล
เมื่อเห็นสีหน้าของอู๋ฮวนแล้ว อู๋ต๋าซานกับฟางลี่เจินก็รู้สึกโล่งอก พวกเขามองหน้ากันแล้วถอนหายใจด้วยความสบายใจ…
ฟู่ซินหลางต้องดูแลมารดาที่โรงพยาบาลไปพลาง พยายามง้อขอคืนดีกับอู๋ฮวนไปพลาง
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหากเขาพูดจาดีๆ กับอู๋ฮวนล่ะก็ ก็ยังพอมีหวังอยู่บ้าง แต่การที่เขาตามตอแยแบบนี้นอกจากจะไม่ได้ผล ยังทำให้อู๋ฮวนยิ่งกลัวเขามากขึ้นไปอีก
หากเขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด และตัดสัมพันธ์กับอู๋ฮวน บางทีอู๋ฮวนอาจจะนึกถึงความดีของเขาขึ้นมาจนตัดใจจากเขาไม่ได้
แต่การที่เขาวิงวอนอู๋ฮวนแบบนี้ กลับทำให้อู๋ฮวนรู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรกับการทะนุถนอม และเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายเขา
สถานการณ์ระหว่างคนทั้งสองจึงกลายเป็ เธอหนีเขาตาม ไปโดยไม่รู้ตัว
สุดท้ายพออู๋ต๋าซานรู้ว่าฟู่ซินหลางยังคงตามตอแยลูกสาวของเขาอยู่ เขาก็โกรธมาก…
ฟู่ซินหลางกลับมาถึงบ้านจากโรงพยาบาลใน่กลางดึก เขาถือกล่องข้าวเก็บอุณหภูมิไว้ในมือขณะปั่นจักรยาน หลายวันที่ผ่านมาเขาต้องคอยดูแลแม่ที่เืออกในสมองทั้งกลางวันกลางคืน แถมยังต้องเช็ดอุจจาระปัสสาวะให้เธออีก จนเขาแทบจะสติแตกอยู่แล้ว
จู่ๆ ฟู่ซินหลางก็นึกขึ้นมาได้ ตอนที่คังอิงยังอยู่ เธอเป็คนดูแลเื่ทั้งหมด
ตอนนั้นเขาไม่ต้องทำกับข้าว ซักผ้า แถมคังอิงยังเป็คนหาเลี้ยงครอบครัวอีก จู่ๆ ฟู่ซินหลางก็เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมา หากตอนนี้คังอิงยังอยู่ เขาก็ไม่ต้องทำอะไรเลยไม่ใช่หรือ?
คังอิงจะต้องดูแลแม่เขาอย่างดีแน่นอน และจะไม่มีทางปล่อยให้แม่ของเขาป่วยจนเป็ลมแบบนี้…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้