มือทั้งสองของนางกุมปลายดาบในมือของม่อเวิ่นเฉินเอาไว้แน่นโลหิตแดงซึมไหลออกมาจากฝ่ามือก่อนจะค่อยๆ หยดลงไปบนผืนดินที่อยู่เบื้องล่าง
มุมปากของนางมีเืไหลซึมออกมาเล็กน้อยขณะที่สายตาของนางกำลังจ้องตรงไปที่ม่อเวิ่นเฉินแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อและโศกเศร้าจนแทบจะขาดใจเหตุการณ์เช่นนี้เป็สิ่งที่นางไม่อาจทำใจยอมรับได้...
มือของม่อเวิ่นเฉินที่กำลังถือดาบเอาไว้สั่นไม่หยุดเขาเองก็จ้องตรงไปทางซูฉีฉีที่อยู่เบื้องหน้าตนตอนนี้เขาไม่กล้าขยับเพราะเขากลัวว่าหากขยับแม้เพียงนิดเดียวตัวดาบก็จะทิ่มแทงร่างกายของซูฉีฉีลึกขึ้น
เขาคาดคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าดาบของตนจะแทงเข้าไปในร่างกายของนาง
เขาโกรธนาง กล่าวโทษนาง แต่ไม่เคยเลยที่จะคิดอยากสังหารนาง
เมื่อครู่เพราะความโกรธทำให้เขาเอ่ยปากไล่นางกลับไปที่โรงซักล้างเขาทำเช่นนี้เพียงเพราะอยากให้นางมีสติขึ้นมาให้นางได้รู้ชัดว่าเขาม่อเวิ่นเฉินมอบอะไรให้กับนางบ้าง
เขาเพียงแค่อยากจะปัดเข็มทองที่นางซัดออกมาจากมือก็เท่านั้น
เพราะถึงอย่างไรเสียฮวาเชียนจือก็เป็ญาติผู้น้องของเขาเขาได้รับปากเสด็จน้าแล้วว่าจะดูแลนางเป็อย่างดี...
ริมฝีปากของม่อเวิ่นเฉินกำลังสั่น “ฉีฉี...”
น้ำเสียงของม่อเวิ่นเฉินแ่เบาและอ่อนโยนมากราวกับกลัวว่าถ้าเสียงดังเกินไปจะทำให้ซูฉีฉีใเอาได้
ฮวาเชียนจือที่อยู่ในอ้อมกอดของม่อเวิ่นเฉินไม่ได้ขยับตัวแววตาของนางยามนี้เต็มไปด้วยความสะใจและตื่นเต้น แผนการของนางสำเร็จดีเกินคาด
“ม่อเวิ่นเฉินที่แท้ท่านก็เกลียดข้าถึงเพียงนี้...” ซูฉีฉีค่อยๆเอ่ยออกมาทีละคำ ก่อนที่โลหิตจะทะลักออกมาจากปากของนางมือทั้งสองออกแรงดึงดาบที่แทงทะลุหัวใจของตนออก
ตอนนี้มือทั้งสองของซูฉีฉีอาบไปด้วยโลหิตสีแดงสด
นางใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตนในการก้าวถอยไปด้านหลังแววตายามนี้เหลือไว้เพียงความสิ้นหวัง
แผลบริเวณหน้าอกยังคงมีโลหิตไหลออกมาไม่หยุดนางรู้สึกได้ว่าประสาทััของตนค่อยๆ หายไปทีละนิด ร่างกายค่อยๆ เย็นลงเรื่อยๆแต่ว่าต่อให้รู้สึกหนาวเพียงใดก็เทียบมิได้กับความสิ้นหวังที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้
นางไม่อาจยอมรับได้ ยอมรับไม่ได้จริงๆ
สุดท้ายแล้ว นางกลับต้องมาตายด้วยน้ำมือของเขา
ม่อเวิ่นเฉินโยนดาบยาวในมือทิ้งก่อนจะเหวี่ยงฮวาเชียนจือให้กระเด็นออกจากอ้อมอกของตนสาวเท้ายาวก้าวไปด้านหน้า “ฉีฉี...” น้ำเสียงยามนี้ก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวังเช่นกัน
อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความเ็ป ความโศกเศร้า ะเืใจ
ตอนนี้ทั้งร่างกายและมือของเขาล้วนอาบไปด้วยเืของซูฉีฉี
เหลยอวี๊เฟิงที่ไล่ตามมาถึงนั้นก็ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิมสายตาจับจ้องไปที่ภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า
เขามองไปที่ซูฉีฉีที่ยามนี้ร่างกายอาบไปด้วยเืกำลังค่อยๆก้าวถอยไปทางด้านหลัง ก่อนที่นางร้องะโออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง “ไม่ต้องก้าวเข้ามา...”
ซูฉีฉีพูดกับม่อเวิ่นเฉิน
เสียงนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวังที่กระทั่งเหลยอวี๊เฟิงซึ่งเพิ่งมาถึงยังสามารถรู้สึกได้
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่เขารู้แต่ว่าสภาพเช่นนั้นไม่มีทางรอดชีวิตได้แน่ ดาบแทงทะลุหัวใจต่อให้เป็เทพเซียนก็ไม่อาจช่วยนางได้
เขาเพียงแต่ไม่เข้าใจว่าซูฉีฉีที่เป็เช่นนี้เหตุใดยังคงพยายามบังคับตัวเองไม่ให้ล้มลงผมยาวที่ยุ่งเหยิงของนางโบกสะบัดไปตามแรงลม เสื้อสีแดงเปียกเป็แถบใหญ่ซึ่งเหลยอวี๊เฟิงรู้ดีว่านั่นคือคราบเืของนาง
“ฉีฉี อย่าถอยต่อไปอีกเลย” ม่อเวิ่นเฉินไม่กล้าขยับอีกได้แต่ร้องะโออกไป
ด้านหลังของซูฉีฉีคือเหวลึก
ในเวลานี้ ใจของม่อเวิ่นเฉินรู้สึกเ็ปเหมือนมีมีดแหลมค่อยๆกรีดเนื้อเขาออกทีละชั้นๆ เจ็บจนชาไปทั่วร่าง
เขาเห็นความสิ้นหวังบนใบหน้าของซูฉีฉีได้อย่างชัดเจนในเวลานี้ม่อเวิ่นเฉินเองก็รู้สึกสิ้นหวัง
ซูฉีฉีค่อยๆ หันกลับไปมองม่อเวิ่นเฉิน แววตาค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็ว่างเปล่าแล้ว นางยอมใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตนในการหลบหนีไปจากที่นี่นางอยากจะหนีให้พ้นจากม่อเวิ่นเฉินหนีให้พ้นจากทุกสิ่งอย่างที่เขาให้ไว้กับนางในชาตินี้
ความเ็ป ความอ่อนโยน ความสุข ความสิ้นหวัง ความไม่ยินยอมอีกทั้งความหวัง นางล้วนอยากจะหนีพ้นจากพวกมัน ถ้าหากเป็ไปได้ชาติหน้านางยอมเกิดเป็วัวเป็ควายยังดีเสียกว่าต้องกลับมาเป็สตรีข้างกายของม่อเวิ่นเฉิน...
ความสิ้นหวังเช่นนี้เ็ปลึกเข้าถึงกระดูก ทรมานยิ่งกว่าความรู้สึกเคียดแค้นเสียอีก
ด้านหลังของนางเป็เหวลึกซูฉีฉีที่อยู่ท่ามกลางสายลมจ้องตรงไปที่ม่อเวิ่นเฉินอีกครั้ง จากนั้นนางก็ค่อยๆหลับตาลง รับแรงลมที่กระทบมาที่ร่างตนพร้อมปล่อยร่างให้ดิ่งลงเหวลึกไป
“ไม่!” ม่อเวิ่นเฉินรีบเหาะตัวไปด้านหน้าเมื่อครู่ที่เขาไม่กล้าขยับตัวไปด้านหน้าก็เพราะว่ากลัวซูฉีฉีจะตกลงเหวลึกทว่าตอนนี้นางกลับเลือกที่จะะโลงไปเอง!
“ซูฉีฉี!” เหลยอวี๊เฟิงเองก็ร้องะโออกไปสุดเสียงรีบดีดตัวไปด้านหน้าแต่เพราะอยู่ไกลเกินไปนักทำให้ััไม่โดนแม้แต่ชายเสื้อของนาง
ในขณะที่ม่อเวิ่นเฉินซึ่งกำลังลอยค้างอยู่กลางอากาศนั้นกลับรู้สึกว่าร่างกายของตนถูกรั้งเอาไว้แรงเหนี่ยวรั้งนั้นมาจากสายรัดเสื้อคลุมของตนที่ได้พันเกี่ยวกับร่างของฮวาเชียนจือ
ม่อเวิ่นเฉินสะบัดแขนอย่างแรงทำให้สายรัดของตนนั้นฉีกขาด ก่อนจะรีบพุ่งตัวไปทางยอดเขายื่นมือออกหวังจะคว้าร่างของซูฉีฉี
อยู่ๆสายลมก็พัดกระหน่ำทำให้คนทั้งหลายไม่อาจมองเห็นภาพตรงหน้าได้ชัด
มือที่เอื้อมออกไปเมื่อครู่ของม่อเวิ่นเฉินคว้าได้เพียงแค่ชายกระโปรงที่โบกสะบัดของซูฉีฉีเท่านั้น
แควก!
ร่างของซูฉีฉีร่วงดิ่งลงไปด้านล่างแล้วในขณะที่ม่อเวิ่นเฉินคว้าได้เพียงเศษชายกระโปรงของนางเศษชายกระโปรงที่สีแดงสดไม่ต่างอะไรกับโลหิตของนาง...
เหลยอวี๊เฟิงที่อยู่ในอาการตื่นตระหนกนั้นเมื่อคว้าตัวซูฉีฉีเอาไว้ไม่ทันก็เอื้อมมือไปดึงม่อเวิ่นเฉินที่อยู่ขอบเหวกลับมาแทนเขากลัวกลัวว่าจะเสียบุรุษผู้นี้ไปอย่างกะทันหันเฉกเช่นเดียวกับซูฉีฉีที่ะโลงเหวไป...
ในขณะที่ม่อเวิ่นเฉินนั้นกำลังยืนนิ่งอยู่ที่ยอดเหวไม่ได้รีบร้อนจะะโตามลงไป เขาเป็คนที่มีสติอยู่เสมอแน่นอนว่าจะไม่โง่เขลาถึงขั้นะโตามลงไป
อีกทั้งเขาเองก็รู้ดีว่าต่อให้ซูฉีฉีมีชีวิตอยู่ต่อไปก็คงรู้สึกสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด
และต่อให้นางไม่ะโลงเหวไปก็อาจไม่มีชีวิตรอดอยู่ดี
“เวิ่นเฉิน” เหลยอวี๊เฟิงก้มมองเหวลึกเช่นกันเหวนั้นลึกจนมองไม่เห็นก้นเหว เขากำลังคิดว่าม่อเวิ่นเฉินคงจะทำทุกวิถีทางเพื่อค้นหาศพของซูฉีฉีกระมัง
“ไป”
ม่อเวิ่นเฉินไม่ได้เอ่ยอะไรออกมามากกว่านั้นเขาโยนเศษชายกระโปรงสีแดงสดลงเหวลึกก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
แผ่นหลังของเขานั้นดูอ้างว้าง เศร้าโศก ฝีเท้าที่ก้าวเดินก็ดูหนักอึ้ง...
เขาไม่ได้บอกเหลยอวี๊เฟิงว่าที่เขาไม่ให้คนไปค้นหาศพของซูฉีฉีที่ด้านล่างนั้นก็เป็เพราะว่าเขากลัวที่จะต้องเห็นศพของนางถ้าเขาไม่เห็นศพเขาก็ยังสามารถปลอบใจตัวเองได้และหลอกตัวเองได้ว่าซูฉีฉียังมีชีวิตอยู่มีชีวิตอยู่สักมุมหนึ่งของโลกใบนี้...
ทั้งที่เขารู้อยู่แล้วว่าดาบแทงทะลุหัวใจต่อให้ไม่ได้ตกลงไปในเหวลึกก็ต้องตายอยู่ดี ทว่าเขาก็ยังคงหลอกตัวเองราวกับว่ามีเพียงเช่นนี้หัวใจของเขาถึงจะไม่ต้องรู้สึกเ็ปจนเจียนตาย
ไม่นานฮวาเชียนจือก็ถูกองครักษ์ที่ตามมาทีหลังพยุงตัวให้ลุกขึ้น
หลังจากที่ซูฉีฉีหายลับไปจากสายตาของทุกคนนั้นม่อเวิ่นเฉินก็ไม่ได้เหลือบมองฮวาเชียนจืออีกเลย ทำเหมือนนางไม่มีตัวตนก็มิปาน
ม่อเวิ่นเฉินเดินไปตรงด้านหน้าแผ่นหลังของเขายามนี้ดูอ้างว้างยิ่งนัก
เหลยอวี๊เฟิงมองลงไปที่ก้นเหวอีกครั้งมันลึกเสียจนไม่อาจมองเห็นก้นเหวได้ด้วยตาเปล่าต่อให้เขาะโลงไปก็เกรงว่าจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาเช่นกัน
เมื่อคิดถึงครั้งแรกที่พบซูฉีฉีกับท่าทางเด็ดเดี่ยวของนางแม้ว่าจะไม่ได้มีรูปโฉมที่งดงามสะดุดตา แต่กลับมีบุคลิกที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้
เพราะฉะนั้นตอนนั้นเขาเลยได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือนางและมอบยาให้กับนาง
แต่ถึงกระนั้นกลับไม่เคยเอ่ยถึงเื่นี้ให้ใครฟัง
บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าตนอำมหิตกว่าม่อเวิ่นเฉินเสียอีกทั้งที่รู้ดีว่าฮวาเชียนจือชั่วร้ายและโเี้เพียงใดถึงกับเคยเห็นกับตาตัวเองด้วยซ้ำแต่เขาก็ยังคงเลือกที่จะยืนมองอยู่ด้านข้างไม่ยื่นมือเข้ายุ่ง
เมื่อเห็นซูฉีฉีรอดตายอย่างหวุดหวิดทุกครั้งเขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกเ็ปใจหรือสงสารนางเลยแต่เมื่อครู่ตอนที่เห็นร่างของซูฉีฉีค่อยๆ ร่วงดิ่งลงเหวลึกนั้นเขากลับเกิดความรู้สึกเ็ปขึ้นที่หัวใจ เ็ปจริงๆ แล้ว...
ฮวาเชียนจือที่กำลังจะจากไปนั้นก็หันกลับมามองอีกครั้งในดวงตาของนางยังคงมีภาพซูฉีฉีที่ร่างอาบไปด้วยโลหิตสะท้อนอยู่ อยู่ๆแววตาก็มีความไม่สบายใจเผยออกมา ทว่าไม่นานก็จางหายไป
นางทำสำเร็จแล้วจากนี้ไปสตรีข้างกายของม่อเวิ่นเฉินจะมีเพียงนางคนเดียวเท่านั้น
ตำแหน่งพระชายาแม้จะไม่ได้เป็ของนางฮวาเชียนจือทว่าจากนี้ไปก็จะไม่มีพระชายาอีก ในจวนอ๋องนี้นางก็ยังคงครองอำนาจสูงสุดเช่นเดิม
นางคิดว่ามีเพียงนางเท่านั้นที่ฐานะเหมาะสมคู่ควรกับม่อเวิ่นเฉิน
รออีกไม่นานนางจะต้องประกาศให้ทุกคนรับรู้ถึงว่านางคือองค์หญิงแห่งแคว้นป่ายฮวา
สิ่งที่นางอยากได้ นางจะต้องเอามาครองให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม
บนยอดเขากลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้งนอกจากศพของบุรุษร่างใหญ่ทั้งสองที่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นทุกอย่างก็กลับมาเป็ปกติเสมือนไม่เคยมีเื่อะไรเกิดขึ้นมาก่อน
ที่เหวลึกยังคงมีหมอกปกคลุมอย่างหนาแน่น ลมหนาวพัดผ่านทำให้บรรยากาศโดยรอบดูเหน็บหนาวยิ่ง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้