“ใช่แล้ว ระหว่างเปิ่นหวางหลับอยู่เ้าได้รับข่าวคราวอะไรหรือไม่?” เฉินอ๋องถาม
มุมปากของเขาแฝงรอยยิ้มขณะมองนางคล้ายกำลังรอดูสีหน้าท่าทางไม่พอใจของนาง
“ไม่มีเื่สำคัญอะไรมากนักเพคะ”หรงหว่านซีตักแกงหน่อไม้อ่อนให้เขาหนึ่งถ้วยด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามด้วยตักให้ตนอีกหนึ่งถ้วย นางกล่าวเพียงประโยคนี้โดยไม่มีปฏิกิริยาอื่นใด
เฉินอ๋องหัวเราะ“เด็กผู้หญิงเช่นเ้าช่าง...ทำให้ผู้อื่นอัดอั้นตายจริงๆ...”
“หม่อมฉันทำให้เตี้ยนเซี่ยอัดอั้นตันใจอะไรกันเพคะ?”ตอนนี้ถึงคราวหรงหว่านซีเป็ฝ่ายยกยิ้มมุมปากมองเขา
เฉินอ๋องกลับไม่ปกปิดแต่สารภาพออกมาว่า“เหตุใดเ้าถึงไม่ถามข้าว่าเหตุใดถึงเลื่อนตำแหน่งหลูเหม่ยเหริน หรือเ้าไม่โกรธ?”
“มีเื่อะไรให้โกรธเพคะ?”หรงหว่านซียกยิ้มพลางเอ่ยอย่างราบเรียบ “เพราะเตี้ยนเซี่ยแค่นึกสนุกอยากจะสร้างปัญหาให้หม่อมฉันเพื่อทดสอบความสามารถและการควบคุมอารมณ์เท่านั้นเพคะ”
“หึๆ...” เฉินอ๋องเอ่ยทั้งรอยยิ้ม“อาจไม่เป็เช่นนั้น เปิ่นหวางอาจจะจงใจฉีกหน้าเ้าเพราะเ้าลงโทษเหม่ยเหรินที่เปิ่นหวางรักก็ได้”
“จริงหรือเพคะ?” หรงหว่านซีเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “เตี้ยนเซี่ยทรงโปรดปรานหลูเหม่ยเหรินเช่นนี้ถือเป็เื่ดีเพคะ”
เฉินอ๋องถูกหรงหว่านซีตอกหน้าหงาย จึงหันหลังหนีไปด้วยความโมโห!
“เ้านี่...”เฉินอ๋องส่ายหน้าและไม่เอ่ยสิ่งใดอีก
เดิมนึกอยากดูว่าหรงหว่านซีจะรับมืออย่างไรแต่เขาไม่เคยคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะรู้ทันเขาเร็วขนาดนี้ในเมื่อนางดูออกว่าเขาจงใจฉีกหน้านาง อยากรู้ว่านางจะรับมือกับเื่นี้อย่างไรสตรีนางนี้จึงแสร้งทำเป็ทองไม่รู้ร้อนและไม่ทำอะไรทั้งนั้นนางไม่ยอมให้เขาได้ดูเื่สนุกเพื่อให้เขาต้องรออย่างเปล่าประโยชน์
ช่าง...ทำให้ผู้อื่นสำลักจนขาดอากาศหายใจตายเหลือเกิน...
ทว่าวันข้างหน้ายังอีกยาวไกลเขาไม่เชื่อว่านางจะชนะหรือสุขุมเช่นนี้อยู่ตลอด
เขาใคร่รู้เสียจริงว่าความอดทนและความเข้มแข็งของเด็กผู้หญิงคนนี้มีขีดจำกัดอยู่จุดใดแท้จริงแล้วนางต้องถูกกลั่นแกล้งถึงขั้นไหน นางถึงจะแสดงความกรุ่นโกรธกับเขา
เห็นทีเื่วุ่นวายเล็กๆ น้อยๆเช่นนี้จะยังไม่พอ ต้องสร้างปัญหาใหญ่แก้ยากให้นางสักหน่อยถึงจะดี...
หลังทานอาหารกลางวันเพราะเฉินอ๋องนอนเต็มอิ่มแล้ว ยามบ่ายจึงไม่รู้สึกง่วง
หรงหว่านซีเริ่มรู้สึกง่วงทว่าเฉินอ๋องกลับบอกว่า “ไปกันเถิด ไปดื่มสุรากัน!”
“เ้าไปคนเดียวเถิด...” หรงหว่านซีเดินเข้าไปในห้องบรรทม
“ไปคนเดียวมันน่าเบื่อ”เฉินอ๋องเอ่ย “วันนี้ข้าจะพาเ้าไปหอเทียนเซียง หลังออกจากท้องพระโรงองค์รัชทายาท้านัดหมายข้า แต่ข้าอยากกลับมาสงบศึกให้เ้าถึงไม่ได้ไป”
หรงหว่านซีได้ยินเช่นนั้นจึงยกยิ้มเอ่ย“ข้ามีเื่อะไรให้เ้าต้องมาสงบศึก? เหตุใดถึงพูดได้น่าฟังถึงเพียงนี้?เ้าไม่ได้รีบกลับมาสร้างปัญหาให้ข้าหรอกหรือ?”
ไม่รอให้เฉินอ๋องกล่าวสิ่งใดหรงหว่านซีก็โบกมือปฏิเสธ “ข้าไม่จำความผิดครั้งนี้ของเ้าก็ถือว่าไว้หน้ามากแล้วเ้าอย่าได้เย้าแหย่ข้านัก ทางที่ดีควรจะรู้จักพอประมาณบ้าง”
“เ้ากับข้าอะไรกัน...”เฉินอ๋องเอ่ย “เหตุใดเ้าถึงไม่เคารพเปิ่นหวางเช่นนี้? ข้าจะจำไว้ว่าเ้าทำผิด”
หรงหว่านซีหัวเราะก็รู้ว่าเมื่อครู่แค่หยอกล้อกันเป็ครั้งคราว นึกไม่ถึงว่าจะไม่เหมาะสมเสียได้พวกเขาเรียกแทนตัวกันว่าเ้ากับข้าตรงๆ มาตั้งนานแต่เฉินอ๋องกลับฉวยโอกาสนี้จดจำความผิดของนางเสียอย่างนั้น แสดงให้เห็นความพยายามสุดความสามารถแล้วอีกครู่คงจะบอกว่า “เสมอกัน” แน่นอน
แต่เฉินอ๋องกลับไม่เอ่ยออกมา ก็ใช่เพราะเป็เื่ที่รู้แก่ใจกันอยู่แล้ว
หรงหว่านซีมองเฉินอ๋องผลัดอาภรณ์คาดไม่ถึงว่าเขาจะสวมอาภรณ์สีดำแลดูสุขุม เดิมทีเขาเหมือนหยกงามล้ำเลิศรูปงามเป็อย่างมาก เมื่อยามนี้สวมอาภรณ์ตัวยาวสีดำจึงขับใบหน้าที่น่าตกตะลึงเป็ทุนเดิมให้ยิ่งหล่อเหลาอย่างชัดเจน
อาจเพราะเมื่อครู่เอ่ยวาจาหยอกล้อกันมากเกินไปทำให้ยามนี้หรงหว่านซีกำลังมองเขาโดยไม่ปิดบังความชื่นชมของตนอย่างใด“เตี้ยนเซี่ยมีบุคลิกสง่างามเช่นนี้เหมาะกับการสวมอาภรณ์สีดำและสีนวลพระจันทร์ยิ่งนักสีที่สวมใส่ในยามปกติของแต่ละวันทำให้เสน่ห์ของเตี้ยนเซี่ยหม่นหมองเดิมทีสูงสง่าดุจเทพเซียน กลับถูกสีสันธรรมดาเ่าั้ทำให้กลายเป็คุณชายจอมเ้าชู้ผู้หนึ่ง”
“ขอบน้ำใจพระชายาที่เยินยอ”เฉินอ๋องยืนเอามือไพล่หลัง บุคลิกปราดเปรียวมีเสน่ห์ทว่าวาจาในปากกลับฟังดูหัวแข็งรักอิสระ“เปิ่นหวางยินดีจะคลุกอยู่กับดอกไม้งามของโลกแห่งโลกียวิสัยลุ่มหลงมัวเมาอยู่กับเหล่าหญิงงามร่างอรชรน่าทะนุถนอม...”
หรงหว่านซีหัวเราะ นางไม่เอ่ยสิ่งใดอีกเพียงแต่ลุกขึ้นถอนสายบัวทำความเคารพ “หม่อมฉันส่งเสด็จเตี้ยนเซี่ยเพคะ”
“อืม ดีมากพระชายาจะต้องรักษาความใจกว้างเช่นนี้เอาไว้ ไม่เพียงแต่ไม่ห้ามเปิ่นหวางนอกจากนั้นยังส่งเปิ่นหวางไปอยู่ในโลกแห่งโลกีย์อีก ดีมาก... ดีเหลือเกิน...”
เฉินอ๋องยกยิ้มพลางเดินออกไป
หรงหว่านซีมองแผ่นหลังเหยียดตรงของเขาในหัวหวนนึกถึงคำพูดประโยคนั้นของเขา “ดีที่ตอนนี้ยังอยู่แค่ในจวนอ๋อง...”
คนผู้นี้ ยากแท้หยั่งถึง...
เขาแสดงออกราวกับไม่ได้เจตนาจะเปิดเผยอะไรทว่าหรงหว่านซีรู้ว่าประโยคนั้นไม่ใช่คำกล่าวเลื่อนลอย เขาจงใจแกล้งนางจงใจทำให้นางไม่อาจแยกแยะจริงหรือเท็จ เพราะอยากให้นางคาดเดาและสับสน
แต่เหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้? แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะนึกสนใจนางคาดว่าเขาคงแค่ว่างจนไม่มีอะไรทำ พอดีกับที่นางไม่ใช่คนโง่จึงคิดอยากจะหาเื่มาประลองฝีมือกันเล่น
“จะประลองก็ประลอง”หรงหว่านซีหัวเราะพลางส่ายหน้า ลอบเอ่ยกับตนเองว่า “ผู้ใดกลัวกันเล่า...”
ถือว่าเฉินอ๋องรักษาสัญญา เขาบอกว่าวันนี้จะไม่ทำเื่ซ้ำเติมผู้อื่นผลคือหลังเวลาอาหารค่ำก็กลับมาเสียแล้วนอกจากนั้นหรงหว่านซียังพบว่าคืนนี้บนร่างเขาไม่มีกลิ่นสุราแม้แต่นิดมีเพียงกลิ่นลมหายใจสดชื่นบางเบาอันเป็เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาเหมือนเดิม...
เฉินอ๋องค้างแรมกับหรงหว่านซีแค่หนึ่งคืนคืนถัดมาทำตามความ้าของหรงหว่านซีโดยการไปค้างแรมที่อื่น
หรงหว่านซีนึกว่าเฉินอ๋องจะไปหาหลูเหม่ยเหรินที่พึ่งเลื่อนตำแหน่งแต่กลับได้ยินว่าเฉินอ๋องไปหาิ่กูเหนียง
แน่นอนว่าตอนที่นางรู้เื่นี้ก็คือเช้าวันถัดมา
เช้าตรู่ของวันนี้ หรงหว่านซีเรียกจิ้นหมัวหมั่วเข้ามาพบ
“เชิญจิ้นหมัวหมั่วนั่งลงเถิด”
หรงหว่านซีเรียกจิ้นหมัวหมั่วมายังตำหนักจาวเต๋อนางกำลังนั่งอ่านตำราอยู่ในห้องตำราขนาดเล็กชี้นิ้วไปยังเก้าอี้ทางหน้าต่างแล้วเอ่ยกับจิ้นหมัวหมั่ว
จิ้นหมัวหมั่วกล่าวขอบพระทัยก่อนจะนั่งหลังตรงลงบนเก้าอี้
“ก่อนหน้านี้ที่ท่านอ๋องเรียกเหม่ยเหรินและกูเหนียงมาปรนนิบัติหมัวหมั่วบันทึกไว้บ้างหรือไม่?” หรงหว่านซีเอ่ยถาม
“ทูลเหนียงเหนียง ไม่เคยเพคะ”จิ้นหมัวหมั่วเอ่ย
อันที่จริงนางรู้ว่าการทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมนักเพราะถึงอย่างไรเื่ที่บรรดาฮูหยินถูกเรียกให้ไปปรนนิบัติควรจะมีพระชายาเอกเป็ผู้ใส่ใจจดบันทึกเตี้ยนเซี่ยไม่ได้สั่งให้นางทำ นางเป็เพียงข้ารับใช้คนหนึ่งจึงไม่เหมาะนักหากจะทำเื่เช่นนี้โดยพลการ
“นับั้แ่วันนี้เป็ต้นไปเ้าไปเตรียมสมุดเล่มเล็กสักเล่มเตี้ยนเซี่ยเสด็จไปเรือนฮูหยินนางใดในวันใดจะต้องบันทึกไว้อย่างชัดเจนอย่าให้ผิดพลาดแม้แต่นิด เื่นี้เป็เื่เกี่ยวกับสายพระโลหิตของเชื้อพระวงศ์พวกเราไม่อาจสะเพร่า” หรงหว่านซีกำชับ
“เพคะ” จิ้นหมัวหมั่วขานรับ
จากนั้นเอ่ยต่อ“เมื่อคืนวานเตี้ยนเซี่ยเสด็จไปยังเรือนท่าเซวี่ยของิ่กูเหนียงกลับไปหนูปี้จะบันทึกทันทีเพคะ”
หรงหว่านซียกยิ้มและไม่ได้สั่งอะไรนางอีกเอ่ยถามไถ่นางไม่กี่ประโยคจึงสั่งให้นางออกไป
นางรู้ว่าจิ้นหมัวหมั่ว้าพูดให้นางได้ยิน้าจะบอกนางว่าเตี้ยนเซี่ยไม่ได้เสด็จไปหาหลูเหม่ยเหรินแต่ความจริงแล้วนางกลับไม่ได้ใส่ใจแม้แต่นิด
จากครั้งก่อนที่พบหน้ากันบรรดากูเหนียงเหม่ยเหรินในจวนแห่งนี้ แต่ละคนล้วนไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน*...หรืออาจจะยกเว้นหลิวเหม่ยเหรินไว้นางหนึ่ง นางจำเป็ต้องระมัดระวังสักหน่อยเื่นี้คือเื่ที่พระชายาเอกควรจะทำ ดังนั้นนางจะต้องทำให้ชัดเจน
ไม่นานนักหลังเฉินอ๋องกลับจากท้องพระโรงก็สวมชุดราชสำนักตรงมายังตำหนักจาวเต๋อของนางและยังคงมาผลัดอาภรณ์ที่นี่
“อีกสามวันจะเป็วันประสูติขององค์รัชทายาทพวกเราไปสนุกสนานสักหน่อย เ้าก็ตามเปิ่นหวางไปด้วย”
“ข้าไม่ไปดีกว่าองค์รัชทายาทคงไม่เชิญข้าแน่นอน” หรงหว่านซีเอ่ย
เฉินอ๋องเอ่ยหยอกเย้า“เปิ่นหวางรู้สึกว่าการแทนตัวว่าเ้ากับข้าของเ้ายามอยู่กับเปิ่นหวางชักจะคล่องปากขึ้นเรื่อยๆ”
หรงหว่านซีไม่แสดงสีหน้าอะไรชัดเจนนักทว่าคำกล่าวถัดไปกลับแก้ไขสรรพนามแทนตัวเอง “ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยทรงเชิญเตี้ยนเซี่ยแน่นอนว่าคงอยากจะสนุกสนานกัน หากหม่อมฉันติดตามเตี้ยนเซี่ยไปจะไม่ทำให้เตี้ยนเซี่ยกับไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยหมดสนุกหรือเพคะ?”
“ไม่เป็อะไรน้องหญิงหกกับน้องหญิงเจ็ดก็จะไปเช่นกัน เ้าไปเล่นกับพวกนางบุรุษอย่างพวกข้าก็อยู่ด้วยกัน ไม่เป็อะไรหรอก” เฉินอ๋องเอ่ย
แท้จริงแล้วหรงหว่านซีไม่อยากไปนางจึงไม่เอ่ยสิ่งใดอีก ถ้าเฉินอ๋องอยากให้นางไปด้วยมากนักอีกครู่ก็คงจะพูดออกมาเอง หากเฉินอ๋องแค่พูดออกมาเท่านั้นก็คงไม่มีอะไร
“เ้าไม่พูดอะไร ถ้าเช่นนั้นเปิ่นหวางถือว่าเ้าตกลงแล้วเ้าช่วยไปเตรียมของขวัญให้เปิ่นหวางสักชิ้น วันที่แปดเดือนห้า พวกเราไปด้วยกัน”เฉินอ๋องเอ่ย
“หากให้หม่อมฉันติดตามเตี้ยนเซี่ยไปย่อมไม่เป็อะไรเพียงแต่หม่อมฉันไม่เข้าใจความชอบของไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย เื่การเตรียมของขวัญเตี้ยนเซี่ยโปรดสั่งให้จิ้นหมัวหมั่วไปเตรียมเถิดเพคะปีที่แล้วน่าจิ้นหมัวหมั่วก็น่าจะเป็คนเตรียม?”
“ก็ดีรู้ว่าเ้า้าหลีกเลี่ยง อีกครู่เปิ่นหวางจะมีคำสั่งให้ไปให้ข้ารับใช้ไปทำ”เฉินอ๋องเอ่ย
แม้จะบอกว่าสั่งให้จิ้นหมัวหมั่วไปจัดการเื่นี้ทว่าวันที่เจ็ดเดือนห้าหรงหว่านซีก็ยังเอ่ยถามว่าจิ้นหมัวหมั่วจัดเตรียมอะไรให้องค์รัชทายาทจิ้นหมัวหมั่วบอกว่า เตี้ยนเซี่ยประสงค์จะมอบภาพวาด “ฮุยซานฝูอวิ๋น” (เมฆาลอยเด่นแห่งูเาฮุย)ของเซวียจื่อยวี้
เซวียจื่อยวี้คือผู้มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ก่อนผลงานภาพวาดของเขามีให้พบเห็นไม่มากนัก เฉินอ๋องช่างใจกว้างไม่น้อยของล้ำค่าเช่นนี้กลับมอบให้องค์รัชทายาทตามอำเภอใจ ทว่าฐานะเช่นองค์รัชทายาทคาดว่าภาพล้ำค่าชิ้นนี้คงต้องกองรวมอยู่กับแก้วแหวนเงินทองอื่นๆ อย่างแน่นอนช่างน่าเสียดายจริงๆ
ทว่าของขวัญชิ้นนี้ไม่มีข้อผิดพลาดอะไรหรงหว่านซีจึงไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
ตลอดสองวันมานี้ หลังกลับจากท้องพระโรงเฉินอ๋องยังคงมาเดินวนเวียนอยู่ในตำหนักของนางและร่วมทานอาหารกลางวันทว่ายามบ่ายกลับไม่เห็นแม้แต่เงา ตลอดสองวันนี้ไปหาฉีกูเหนียงและจ้าวกูเหนียง
เช้าวันที่แปดเดือนห้าหรงหว่านซีสวมชุดกระโปรงสีครามท้องทะเลสวยงามเหมาะสม หลังแต่งหน้าแต่งกายเสร็จจึงรอให้เฉินอ๋องกลับจากราชสำนักและไปยังจวนองค์รัชทายาทพร้อมกัน
นางไม่ได้รู้สึกตั้งหน้าตั้งตาคอยเพียงแต่ไม่อยากวุ่นวายเื่แต่งหน้าหวีผมเท่านั้น
เฉินอ๋องกลับมาพบว่านางแต่งหน้าทาปากเรียบร้อยจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“เห็นทีพระชายาจะสนใจการไปร่วมงานเลี้ยงฉลองกับเปิ่นหวางไม่น้อยทีเดียว!”
“เหตุใดท่านถึงไม่บอกว่าข้ารีบร้อนอยากไปพบองค์รัชทายาท?หรือเตี้ยนเซี่ยไม่คิดว่าคำอธิบายเช่นนี้จะดีกว่าสักหน่อย? เพราะถึงอย่างไรข้าก็ลุกขึ้นมาแต่งหน้าทาปากเพราะจะไปจวนองค์รัชทายาท” หรงหว่านซีเอ่ย
“เปิ่นหวางไม่ได้โง่สักหน่อย”เฉินอ๋องคลี่ยิ้ม
หรงหว่านซีแย้มยิ้มเช่นกันเมื่อได้พบคนที่เข้าใจนางเช่นนี้ นางไม่รู้จริงๆ ว่าเป็โชคดีหรือโชคร้าย
นางติดตามเฉินอ๋องมายังจวนองค์รัชทายาทตอนนี้ถือว่ายังมาเร็ว เฉินอ๋องกับนางคือคนแรกที่มาถึง
เมื่อเข้ามายังตำหนักอี๋หลายที่ใช้ต้อนรับแเื่กลับเห็นเพียง...
*ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันใช้ในการเปรียบเทียบกับคนที่เื่มาก มักจะสร้างความยุ่งอยากให้ผู้อื่นเสมอ