แม้ว่าเขาจะเคยมาบ้านของเซี่ยเจิงแล้วครั้งหนึ่ง แต่ชวีเสี่ยวปอก็ยังคงรู้สึกสับสนกับตรอกซอกซอยมากมายที่ดูแทบจะเหมือนกันทั้งหมดอยู่ดี โดยเฉพาะในตอนที่เซี่ยเจิงพาเขาเลี้ยวไปเลี้ยวมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว จนทำให้ชวีเสี่ยวปอรู้สึกรำคาญขึ้นมา จึงพูดโพล่งออกไปว่า : “เซี่ยเจิง นายคงจะไม่ได้เอาฉันไปขายใช่ไหม? ที่จริงแล้วนายคือพวกค้ามนุษย์เหรอ”
“ได้” เซี่ยเจิงหยุดรถ ราวกับว่าคำพูดของชวีเสี่ยวปอเตือนให้นึกอะไรขึ้นได้อย่างไรอย่างนั้น “เป็คำแนะนำที่ดี ตอนนี้เนื้อหมูกิโลละเท่าไหร่นะ? ”
“บ้าหรือไง” ถ้าในเื่ปากคอเราะร้ายแล้วล่ะก็ ตัวเขาเองดูเหมือนจะไม่เคยชนะเซี่ยเจิงเลยสักครั้ง ชวีเสี่ยวปอเตะไปที่ล้อหลังของจักรยานหนึ่งที แล้วบ่นว่า : “ทำไมยังไม่ถึงอีก ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว”
“ใกล้จะถึงแล้วเนี่ย นายไม่ได้กลิ่นอะไรเหรอ? ” เซี่ยเจิงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
“ไม่ได้กลิ่นนะ” ชวีเสี่ยวปอทำท่าสูดหายใจเข้าจมูก ถึงแม้จะพูดอย่างนั้น แต่ในอากาศก็มีกลิ่นหอมที่น่าพึงพอใจลอยมาจริงๆ เขาจึงมองสำรวจไปอีกครั้ง แล้วก็เห็นเข้ากับร้านเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล หน้าร้านมีหม้อนึ่งไม้ไผ่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่สองอัน เ้าของร้านกำลังเปิดฝาหยิบซาลาเปาร้อนๆ ออกมา ภายใต้แสงของโคมไฟเก่าๆ สีเหลืองอุ่นที่แขวนไว้ที่หน้าประตูส่องสว่างให้เห็นไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากหม้อนึ่งได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่า ซาลาเปาลูกเล็กๆ เ่าั้กำลังบีบตัวขาวๆ อ้วนๆ ของตัวเอง ทั้งยังเท้าเอวและะโออกมาเสียงดังว่า : “มากินฉันเร็ว! มากินฉันเร็วเข้า!”
ซาลาเปาจานหนึ่งที่กองราวกับูเาลูกเล็กๆ ถูกยกมาเสิร์ฟ ชวีเสี่ยวปอจึงไม่เกรงใจแล้ว เขารีบคีบซาลาเปาขึ้นมาหนึ่งอันแล้ววางลงในจานที่อยู่ตรงหน้าพร้อมทั้งเป่าลมออกไปให้มันหายร้อน ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้อยากที่จะทำตัวดูเป็เด็กไม่ยอมโตต่อหน้าของเซี่ยเจิงสักเท่าไหร่หรอก แต่ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ซาลาปามันน่ากินขนาดนี้กันล่ะ
“กินไปก่อนนะ ถ้าไม่พอยังมีอีก” เซี่ยเจิงกลับไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา จากนั้นเขาจึงหยิบถ้วยเล็กๆ ออกมาเทจิ๊กโฉ่วให้ชวีเสี่ยวปอ
ชวีเสี่ยวปอที่เป่ามาสักพักแล้วอดไม่ไหวที่จะกัดคำใหญ่ลงไปหนึ่งคำ ไส้ของซาลาเปาและน้ำซุปที่ถูกห่อผสมรวมกันไว้อย่างอัดแน่นก็แตกกระจายไปทั่วทั้งปาก แต่ยังไม่ทันที่จะได้รู้รสชาติอะไรเลย เขาก็กลืนมันลงไปหมดซะหมดแล้ว หลังจากซาลาเปาสองลูกเข้าไปรองที่ก้นกระเพาะของชวีเสี่ยวปอเรียบร้อยแล้ว ในตอนนั้นเขาถึงจะค่อยๆ กินให้ช้าลง
เซี่ยเจิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา ในขณะที่ค่อยๆ กินซาลาเปาไปอย่างช้าๆ เขาก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไปด้วย
ร้านซาลาเปานี้เล็กมาก สามารถวางโต๊ะตามแนวหน้ากระดานได้เพียงสองตัว ทั้งในร้านยังร้อนจนชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่ามีเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าผาก แต่เขากลับรู้สึกสบายไปทั้งตัว
“นายดูอะไรอยู่เหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอยื่นนิ้วออกมาเคาะเบาๆ ไปที่โต๊ะสองครั้ง เพื่อพยายามดึงความสนใจของเซี่ยเจิง
“ดูไปเรื่อย” เซี่ยเจิงหันจอมือถือไปทางชวีเสี่ยวปอ คล้ายกับจะส่งสัญญาณให้เขาดู ในหน้าจอก็ปรากฏขึ้นเป็หน้าโมเมนต์ของเพื่อน “ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย”
“อ๋อ” ชวีเสี่ยวปอกวาดตามองไปทีหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้พูดออะไรต่ออีก
เซี่ยเจิงเลื่อนหน้าจอดูอีกสองที แล้วจู่ๆ ก็เห็นว่ามีแจ้งเตือนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอัน
ข้อความใหม่ มีผู้กล่าวถึงคุณ
ชวีเสี่ยวปอโพสต์สถานะ
“ซาลาเปาน้อยกับซาลาเปาั์”
มีภาพประกอบเป็รูปเซี่ยเจิงที่เพิ่งแอบถ่ายไปเมื่อครู่นี้ อาหารที่กินอยู่ในปากยังไม่ได้กลืนลงไป แก้มป่องออกมาข้างหนึ่ง เหมือนกับหนูแฮมสเตอร์ตัวน้อยที่กำลังเก็บสะสมอาหาร
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ ” ชวีเสี่ยวปอดูท่าทีของเซี่ยเจิง และคิดว่าเขาต้องเห็นมันแล้วแน่ๆ
“ขำบ้านนายสิ” เซี่ยเจิงกดรูปเข้าไปดูให้ชัดๆ ไม่ต้องพูดถึงเลย รูปรูปนี้ถ่ายได้...ค่อนข้างดีมาก ซึ่งมันไม่ใช่ทั้งการเลือกมุมหรือเลือกแสงดีอะไร แต่มันเป็รูปที่ดูมีชีวิตชีวามากเลยทีเดียว
มันแบบ...มันแบบ...
“รูปไม่สวยเหรอ? งั้นฉันลบทิ้งนะ? ” ชวีเสี่ยวปอเอียงคอมองเซี่ยเจิง
“ฮะ? ”
เซี่ยเจิงจู่ๆ ก็เหมือนกับิญญาเพิ่งจะกลับเข้าร่างอย่างไรอย่างนั้น พอจะเริ่มพูดก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ติดอ่างขึ้นมา
“ปะ เปล่า เก็บไว้เถอะ มันก็สวยอยู่”
“โอ——เค——” ชวีเสี่ยวปอลากเสียงยาว เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น ทำเพียงแค่กัดซาลาเปาลูกที่สามคำเล็กๆ พร้อมทั้งดูคอมเมนต์ตอบกลับใต้ภาพที่เด้งขึ้นมาเป็ครั้งคราว
คนแรกที่ตอบกลับมาคือซือจวิ้น
“อร่อยไหม? ”
“ฉันหมายถึงซาลาเปานะ”
ชวีเสี่ยวปอยิ้มกว้างจนเผยให้เห็นเขี้ยวของเขา แล้วตอบกลับไปว่า “ไสหัวไป”
ข้อความตอบกลับของคนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีสาระอะไรอย่างพวก “ความโหดร้ายยามดึก” “อ้วนตายเลย” อะไรทำนองนี้ และยังมีอีกหลายข้อความที่ชมว่าเซี่ยเจิงหล่อ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ชวีเสี่ยวปอก็เห็นว่ามีคนตอบกลับมาด้วยเครื่องหมาย “ ? ”
ซึ่งก็คือเซี่ยเจิง
มันทำให้ชวีเสี่ยวปอคาดไม่ถึงเลยเสียจริงๆ
เขาและเซี่ยเจิงไม่ได้คุยกันมาตั้งนานแล้ว และก็ไม่รู้ว่าทำไม ก่อนที่เขาจะสารภาพรักกับเธอ ตอนอยู่ในโรงเรียนต่อให้คนจะเยอะมากแค่ไหนเขาก็จะเห็นเธอเป็คนแรกเสมอ ทว่าในตอนนี้ชวีเสี่ยวปอไม่รู้ว่าเป็เพราะความสนใจของเขาไม่ได้ไปอยู่ที่ตรงนั้นแล้วหรือเปล่า หรือเป็เพราะผลลัพธ์ของการสารภาพรักนั้นดูน่าเวทนาเกินไป แต่ความสามารถพิเศษของเซี่ยเจิงที่สามารถเปล่งแสงประกายท่ามกลางผู้คนได้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามันได้หายไปแล้ว
ดังนั้นเขาเองจึงไม่เคยได้ไปอธิบายเื่ของเขากับเซี่ยเจิงให้เธอฟังเลย ถ้าเธอจะรู้สึกใมันก็ไม่ได้แปลกอะไร
“นายดูนี่สิ” ชวีเสี่ยวปอยื่นมือถือไปให้เซี่ยเจิงดู ทั้งยังยิ้มแห้งออกมา “เธอดูเหมือนจะคาดไม่ถึง”
“แล้วนายไม่ได้รู้สึกเกินคาดเหรอ” เซี่ยเจิงเลิกคิ้ว “ซาลาเปานี่อร่อยขนาดนี้"
“นี่...ความคิดของนายะโไปไหนแล้วเนี่ย” ชวีเสี่ยวปอตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ แต่คำพูดนี้ของเซี่ยเจิงกลับทำให้เขาคิดถึงเื่นี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน อย่าว่าแต่เซี่ยเจิงเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนเช่นกัน
ว่าวันหนึ่งเขากับเซี่ยเจิงจะมานั่งกินซาลาเปาด้วยกัน ทั้งยังดูกลมเกลียวกันถึงเพียงนี้
เขายังถ่ายรูปเซี่ยเจิงให้ทุกคนดูอีกด้วย !
ทว่าความจริงแล้วสิ่งที่เกินความคาดหมายที่สุดกลับคือเซี่ยเจิง แต่ถ้าหากชวีเสี่ยวปอคิดดูอย่างละเอียดแล้ว เขาก็จะพบว่าเซี่ยเจิงดูแตกต่างไปจากเมื่อครู่เล็กน้อย
ซึ่งก็คือหลังจากที่เขาดูรูปที่ชวีเสี่ยวปอถ่ายเสร็จ
เขาไม่กล้าบอก และจะไม่บอกชวีเสี่ยวปอเป็อันขาด ใน่เวลาสั้นๆ ที่ตัวเขาได้เห็นรูปรูปนั้น สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในหัวของเขาก็คือ
“มันเป็ความรู้สึกของการที่แฟน(ญ)ถ่ายรูปให้แฟน(ช)”
เหมือนกับว่าเพียงแค่ดูรูปก็สามารถจินตการนึกถึงคนถ่ายได้เลย เขากำลังถือโทรศัพท์ และจ้องไปที่หน้าจอพลางยิ้มออกมา
เซี่ยเจิงสะบัดศีรษะไล่ความคิดนั้นออกไป จากนั้นจึงเหลือบไปมองชวีเสี่ยวปอครั้งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่รู้เื่อะไรเลย แต่เซี่ยเจิงกลับยิ่งอยากที่จะยืนยันให้แน่ชัดว่าในตอนที่ชวีเสี่ยวปอถ่ายรูปเขาเมื่อครู่นี้ จะคิดเหมือนอย่างที่เขาคิดด้วยหรือเปล่า...
ไม่ ไม่หรอกมั้ง
คงจะไม่เป็อย่างนั้นหรอก
หลังจากที่เซี่ยเจิงจัดการอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วเขาจึงสงบลง เพียงแต่ในความรู้สึกที่สงบลงนี้กลับมีความรู้สึกผิดหวังที่ยากจะปกปิดได้ปะปนคละเคล้ากันอยู่ เซี่ยเจิงไม่อาจบอกได้ว่าความรู้สึกผิดหวังนี้มีสาเหตุมาจากตรงไหน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังเงยหน้าขึ้นไปมองชวีเสี่ยวปออีกครั้ง และรู้สึกว่าตัวเองควรจะปล่อยวางเื่เหล่านี้ไปก่อนชั่วคราว
“จุกมาก” ชวีเสี่ยวปอลูบท้อง เขาประเมินปริมาณในการรับประทานอาหารของตัวเองสูงเกินไป เป็ไปตามแบบฉบับที่ว่าดวงตาใหญ่แต่ท้องเล็กนิดเดียว [1] จึงทำให้มีซาลาเปาเหลืออยู่ประมาณครึ่งจานได้ แต่เขาก็ไม่มีกำลังที่จะสู้ต่อแล้ว ชวีเสี่ยวปอจึงยื่นมือมาชี้ที่คอ “มันขึ้นมาถึงคอแล้ว”
“เก่งสุดๆ ที่เหลือก็ห่อกลับเถอะ” เซี่ยเจิงลุกขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขาไปเอาถุงพลาสติกมาจากไหนกัน หลังจากที่เขาหยิบซาลาเปาใส่ถุงเรียบร้อยแล้ว ชวีเสี่ยวปอก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เซี่ยเจิงจึงยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า : “ลุกขึ้นเร็ว ไปเดินให้มันย่อยซะหน่อย”
“เซี่ยเจิง” ชวีเสี่ยวปอบิดี้เี แล้วก็อยู่พูดเพียงเท่านั้น
“มีอะไรเหรอ? ”
“วันนี้ฉัน นอนค้างบ้านนายได้ไหมอะ? ” ชวีเสี่ยวปอลุกขึ้น แต่เขากลับก้มหน้าลง น้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยชัดเจนทั้งยังแฝงไปด้วยความรู้สึกไม่ยุติธรรม
.............................
เชิงอรรถ
[1] ดวงตาใหญ่แต่ท้องเล็กนิดเดียว เป็สุภาษิตจีน ใช้เปรียบเทียบถึงคนที่เห็นอะไรก็อยากกินไปหมดซะทุกอย่าง แต่เนื่องด้วยปริมาณที่ตนสามารถรับประทานได้มีจำกัดจึงทำให้ทานไม่หมด