ศิษย์ทั้งหลายต่างไม่พอใจ อาจารย์ทั้งหลายต่างมีโทสะ
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินเหตุผลเช่นนี้รู้สึกน่าขันอยู่บ้าง ใช้สัตว์เลี้ยงเทพตัวหนึ่งมาตัดสินฝีมือการทำอาหารของเทพอาหารคนหนึ่ง ฐานะและตำแหน่งเป็เื่น่าขันเช่นนี้เองหรือ!
นางหันไปมองนกแก้วในมือเด็กหนุ่ม ที่พวกเขากล่าวว่าเป็สัตว์เลี้ยงเทพ คงจะเป็เ้านี่กระมัง? ระหว่างที่พิจารณามันอยู่พลันได้ยินเสียงนกแก้วพูดออกมาว่า “ขยะ! ขยะ! ไม่กิน! ไม่กิน!”
เอ๊ะ? ถึงกับพูดภาษาคนได้ด้วย?
เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกสนใจมันขึ้นมาบ้างแล้ว
ในกลุ่มของอาจารย์ มีคนหนึ่งสีหน้าเขียวคล้ำ เขาคือคนที่ปรุงอาหารเมื่อสักครู่ ปรากฏว่า ไช่ตงหลิน ที่เป็เทพอาหารขั้นสามถูกสัตว์เลี้ยงเทพรังเกียจว่าทำอาหารไม่อร่อย และเป็เทพอาหารที่มีฝีมือปรุงอาหารเยี่ยมยอดที่สุดของสำนักศึกษาเทียนหง!
อาหารที่ตนทำถูกสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งด่าว่าเป็ “ขยะ” ต่อให้เป็คนที่ฝึกฝนตนมาดีกว่านี้ก็ยากจะทนได้
เขาก้าวขึ้นไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วพูดว่า “ฝีมือการปรุงอาหารของไช่โหม่วไม่ดีพอ ทำให้สาขาเทพอาหารต้องมัวหมอง ไช่โหม่วยินดีถูกถอดถอนและลาออกจากการเป็อาจารย์! แต่สาขาเทพอาหารจะถูกถอดถอนไม่ได้! นอกจากไช่โหม่วแล้ว ในสาขาเทพอาหารยังมีอาจารย์เทพอาหารคนอื่นๆ อีก พร์ของพวกเขาไม่ได้ด้อยกว่าไช่โหมวแม้แต่น้อย วันหน้าพวกเขาจะกลายเป็เทพอาหารที่เก่งกาจคนหนึ่งแน่นอน!”
“อาจารย์ไช่!” อาจารย์ทุกคนได้ยินแล้วซาบซึ้งใจอย่างมาก ในอกรู้สึกได้ถึงความอุ่นซ่านที่ไหลบ่าเข้ามา
ไช่ตงหลินหยิบป้ายชื่อแผ่นหนึ่งออกมาจากอก เดินเข้าไปหารองอาจารย์ใหญ่แล้วยื่นป้ายนั้นออกไป “ไช่โหม่วไร้ความสามารถ ทำให้สาขาเทพอาหารต้องอับอายขายหน้า ตอนนี้ไช่โหม่วขอลาออกจากการเป็อาจารย์ขอรับ!”
“อาจารย์ไช่ อย่านะ!” ครั้งนี้ศิษย์ทั้งหลายต่างพากันเอ่ยปากเกลี้ยกล่อม แต่ละคนกระบอกตาแดงก่ำ ในใจรู้สึกเป็ทุกข์
รองอาจารย์ใหญ่มองป้ายชื่อในมือของไช่ตงหลิน เขาไม่ได้ยื่นมือออกไปรับทันที แต่กลับมองไปทางเทพอาหารหลัว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “เทพอาหารหลัว เื่นี้ไม่มีวิธีการแก้ไขแล้วหรือ?”
เทพอาหารหลัวแค่นหัวเราะเสียงเย็นอย่างดูแคลน “ต่อให้เขาลาออกก็ไม่มีประโยชน์! คุณชายน้อย...สัตว์เลี้ยงเทพของคุณชายเฟิงกินแต่อาหารเทพจนเติบใหญ่ ปากลิ้นของมันคือตัวทดสอบอาหารเทพ มีเพียงอาหารที่ได้รับการยอมรับจากมัน จึงจะนับเป็อาหารที่ยอดเยี่ยมได้! นี่เป็ความจริงที่สมาคมเทพอาหารของพวกเราต่างรู้ดี มิใช่ข้ามีเจตนาจะสร้างความลำบากใจให้กับพวกเ้า!”
คำพูดเหล่านี้ของเขาพูดราวกับมีเหตุผลเต็มประดา ทำให้ผู้คนไม่อาจหาช่องโหว่ได้ ราวกับเขาพูดออกมาจากส่วนลึกของจิตใจว่านี่เป็เหตุผลที่แท้จริง
“ไม่มีคุณสมบัติ! ไม่มีคุณสมบัติ!” นกแก้วตัวนี้ช่างรู้จังหวะจะโคนอีกทั้งปากคอเราะราย
ไช่ตงหลินได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยนจากเขียวเป็ม่วงด้วยถูกดูิ่ดูแคลนอีกครั้ง!
เทพอาหารหลัวพูดอีกว่า “ในเมื่ออาจารย์ไช่เป็อาจารย์ที่มีฝีมือปรุงอาหารดีที่สุดในสาขาเทพอาหารของพวกเ้า กระทั่งอาหารที่เขาทำออกมายังไม่ผ่าน คนอื่นๆ ก็ไม่ต้องกล่าวถึงแล้ว! เพื่อไม่เป็การปล่อยให้เทพอาหารที่ไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติสอนศิษย์ไปในทางผิดๆ ยามนี้มีศิษย์จำนวนน้อย ไม่สู้ถอดถอนให้เร็วยิ่งขึ้น!”
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนโกรธแค้น
“ทำเกินไปแล้ว!”
“ดูถูกดูแคลนกันมากไป!”
“เป็คนของสมาคมเทพอาหารก็จะทำอะไรก็ได้หรือ?”
เทพอาหารหลัวแค่นหัวเราะเสียงเย็น “พวกเ้าอย่าเพิ่งมีโทสะ สมาคมเทพอาหารก็เช่นนี้แหละ! ขอเพียงเป็คนที่มีความสามารถจริงๆ จึงจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมในสมาคมเทพอาหาร สำหรับพวกเ้า...”
เขาหัวเราะดูแคลนแล้วส่ายนิ้วมือไปมา “กระทั่งเป็เ้าหน้าที่เก็บกวาดอุจจาระของสมาคมเทพอาหารก็ยังไม่มีคุณสมบัติ!”
โครม!
บรรยากาศพลันลุกฮือขึ้นทันใด!
ทุกคนรู้สึกโกรธแค้นอย่างที่สุด!
บอกว่าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติกระทั่งเก็บกวาดอุจจาระของสมาคม? นี่มันจะดูิ่กันเกินไปแล้ว!
เทพอาหารหลัวมองข้ามสายตาโกรธแค้นของทุกคนแล้วยังพูดจาท้าทายอีก “อย่างไร ไม่ยอมรับหรือ? มีปัญญาพวกเ้าก็มาทำอาหารสักจานสิ หากได้รับการยอมรับจาก ต้าหยวนซ่วย ข้าจะเก็บคำพูดนั้นกลับคืนมา หาไม่ ก็หุบปากซะ!”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา ทั้งโกรธทั้งแค้น แต่กลับไม่มีใครกล้าก้าวออกมา
ลองตรองดู กระทั่งอาจารย์ไช่ที่เป็เทพอาหารขั้นสามยังล้มเหลว พวกเขาจะทำสำเร็จได้อย่างไรกัน? ถึงเวลานั้นไม่เท่ากับเป็เื่อับอายขายหน้าผู้คนหรือ
ดังนั้น ไม่ว่าในใจทุกคนจะโกรธแค้นเพียงใด ทว่ากลับไม่มีใครสักคนก้าวออกมา
บรรยากาศตรงนั้นจึงตึงเครียดถึงที่สุด!
คุณชายน้อยที่กำลังหยอกล้อนกแก้วในมือขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการของเทพอาหารหลัว แต่คนของสำนักศึกษาเทียนหงสู้คนอื่นไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยเล่า
เทพอาหารหลัวเห็นเช่นนั้นจึงยิ่งได้ใจ เขาะเิเสียงหัวเราะดังลั่น “อย่างไรเล่า? สาขาเทพอาหารของพวกเ้าไม่มีคนจริงๆ แล้วหรือ?”
ท่านาุโทั้งหลายต่างมองหน้ากัน พวกเขาต่างร้อนใจทว่าจนปัญญาที่พวกเขาช่วยอะไรไม่ได้!
รองอาจารย์ใหญ่และอาจารย์ใหญ่สบตากันอย่างจนใจ
ท่านหญิงชิงเสียถอนใจเสียดาย “น่าเสียดายที่ข้าไม่มีพร์ของเทพอาหาร หาไม่แล้วละก็ ต่อให้รู้ว่าต้องพ่ายแพ้ ข้าก็ต้องลองดูสักครั้ง! ต่อให้คนแพ้ แต่คนไม่แพ้!”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะเบาๆ “ท่านหญิงพูดถูก บางครั้งทั้งๆ ที่รู้ว่าทำไม่สำเร็จแต่ก็ต้องทำ! คนแพ้ได้ แต่ใจแพ้ไม่ได้!”
นางพูดพร้อมกับก้าวออกไปข้างหน้า ท่านหญิงชิงเสียใรีบคว้าแขนนางเอาไว้ “เ้าทำอะไร? เ้ามิใช่เทพอาหารสักหน่อย จะไปก่อความวุ่นวายอะไรกัน?”
“ใครบอกว่าข้ามิใช่เทพอาหาร?” เฟิ่งเฉี่ยนปลดมือของนางออกแล้วยิ้ม “ในเมื่อข้าได้ตัดสินใจที่จะเข้ามาเป็ส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาเทียนหงแล้ว ย่อมต้องทำเพื่อสำนักศึกษาเทียนหง!”
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของท่านหญิงชิงเสีย เฟิ่งเฉี่ยนได้เดินออกไปถึงตรงกลางของห้องโถงแล้ว นางยืดอกพูดเสียงดัง “ใครบอกว่าสาขาเทพอาหารไม่มีคนแล้ว?”
สายตาทุกคู่ล้วนพุ่งเข้ามาหานางในชั่วพริบตา!
คนส่วนใหญ่ของที่นี่ล้วนไม่รู้จักนาง เห็นนางก้าวออกมากะทันหัน แต่ละคนรู้สึกประหลาดใจยิ่งยวด
ท่านาุโกู่ตกตะลึงเช่นกัน ต่อมาเขากระทืบเท้าด้วยความร้อนใจ “เ้ากลับมานี่! เ้าไปทำอะไรที่นั่น?”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่แยแสเขา แต่กลับมองไปทางเทพอาหารหลัว “ตามความหมายของท่าน หากมีคนทำอาหารเทพออกมาแล้วได้รับการยอมรับจากสัตว์เลี้ยงเทพตัวนี้ สาขาเทพอาหารก็ไม่ต้องถูกถอดถอนใช่หรือไม่?”
เทพอาหารหลัวขมวดคิ้ว “เ้าเป็ใคร?”
มีคนจำเฟิ่งเฉี่ยนได้ จึงชี้มาที่นางแล้วพูดว่า “นาง...นางมิใช่คนในวันนั้นที่หอตำราหรือ นางคือ แม่นางเฟิง ที่เปิดตำรารอบเดียวก็สามารถท่องตำรากลับหลังได้อย่างไหลลื่น?”
เมื่อได้รับการย้ำเตือนจากเขา ทุกคนจึงจำได้ ที่แท้นางก็คือคนมหัศจรรย์ที่ท่องตำราได้อย่างร้ายกาจคนนั้น
สำหรับเื่มหัศจรรย์อันเหลือเชื่อเหล่านี้ ถูกพูดต่อกันอย่างรวดเร็ว ดูสิ กระทั่งอาจารย์ใหญ่ที่มีงานล้นมือทุกวันก็ยังพอจำเื่ของนางได้ สายตาที่มองนางจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เฟิงชิงอวี่ช้อนตาขึ้นด้วยความแปลกใจ ใบหน้าของเด็กหนุ่มมีความอยากรู้อยากเห็น
เทพอาหารหลัวฟังเข้าใจในที่สุด คนผู้นี้นับว่ามีชื่อเสียงอยู่ในสำนักศึกษาเทียนหงอยู่บ้าง ท่องตำราเก่ง? ได้ นับว่าเ้ามีความสามารถอยู่บ้าง แต่เ้าท่องตำราเก่งเกี่ยวอะไรกับการทำอาหารเล่า? นี่มิใช่เลอะเลือนหรือ?
“แม่นาง ตอนนี้ข้าพูดเื่การทำอาหาร หาก้าท่องตำรา เ้าไปท่องที่อื่น พวกเราไม่มีเวลาฟัง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้