กวนฮุ่ยเอ๋อเคยเป็แพทย์มาก่อน
ผู้หญิงทำงาน ความคิดย่อมไม่ล้าสมัย แต่ยุค 80 ความคิดของเธอที่มีต่อเื่ชายหญิงเห็นได้ชัดว่าคงไม่อาจเปิดกว้างได้เท่ากับ่ศตวรรษที่ 21
‘อดีต’ ของเซี่ยเสี่ยวหลานช่างน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ ทำเอากวนฮุ่ยเอ๋อตั้งสติไม่ได้ไปชั่วขณะ
อย่างไรก็ตามกวนฮุ่ยเอ๋อไม่คิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะมีความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่ไม่น่าพิศมัย สารภาพออกมาตามตรงเช่นนี้เท่ากับไม่มีอะไรในกอไผ่อย่างแน่นอน
หากยิ่งปิดบังก็แสดงว่ายิ่งมีปัญหา!
เซี่ยเสี่ยวหลานเองใช่ว่าจะไม่สะทกสะท้าน แม้ภายนอกดูนิ่งเฉย แต่กวนฮุ่ยเอ๋อสังเกตเห็นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานแอบมองเธออยู่บ่อยครั้ง
เซี่ยเสี่ยวหลานอาจคาดหวังว่าจะได้กำลังใจจากเธอ กวนฮุ่ยเอ๋ออ้าปากแต่กลับพูดอะไรไม่ออก
เธอไม่ถือสาเลยจริงหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานเป็แฟนกับลูกชายเธอ ไม่ใช่ลูกสาวของเธอเสียหน่อย!
คนเป็แม่ย่อมรู้สึกสงสารลูกสาวที่พบเจอกับอุปสรรค แน่นอนว่าหลิวเฟินคงยืนอยู่ข้างเดียวกับเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างเต็มที่ ต่อให้เมื่อก่อน ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ จะมีนิสัยี้เี นิยมชื่อเสียงและผลประโยชน์จอมปลอม แต่หลิวเฟินไม่มีทางทำไม่ดีกับเธอ คนเป็แม่ย่อมคาดหวังในตัวลูกของตน อย่าว่าแต่นิสัยที่มีปัญหา ต่อให้เป็นักโทษคดีฆาตกรรมหรือวางเพลิง ญาติหลายคนก็ยังรู้สึกว่าเพียงกลับตัวกลับใจได้ก็พอแล้ว!
เซี่ยเสี่ยวหลานมองตาปริบๆ กวนฮุ่ยเอ๋อกล่าวออกไปอย่างไม่โกหก
“เื่นี้ฉันคงต้องคุยกับคุณอาของเธอก่อน”
เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนยังไง กวนฮุ่ยเอ๋อคงไม่อาจบอกได้ว่าเชื่อใจเธอร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ในเมื่อโจวเฉิงรู้ข่าวลือเ่าั้แล้วยังไม่สนใจ ดังนั้นต่อให้กวนฮุ่ยเอ๋อข้องใจจุดไหน ก็คงเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเซี่ยเสี่ยวหลานทันทีไม่ได้
ความสัมพันธ์ของมนุษย์เริ่มต้นจากคนแปลกหน้าจนกระทั่งเป็คนสนิท จากคนสนิทกลายเป็คนใกล้ชิด แม้เซี่ยเสี่ยวหลานกับกวนฮุ่ยเอ๋อจะยังไม่ถึงขั้นสนิทกัน แต่ก็ไม่นับว่าเป็คนแปลกหน้าเสียทีเดียว แต่หากจะให้บอกว่าเชื่อเซี่ยเสี่ยวหลานหมดใจ กวนฮุ่ยเอ๋อก็คงทำไม่ได้เช่นกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานลุกขึ้นยืน
“ฉันสร้างความวุ่นวายให้คุณน้าแล้วค่ะ ฉันไม่เคยทราบว่าตระกูลหวังอยู่ในวงสังคมนี้ด้วย”
‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ คนก่อนนึกว่าหวังเจี้ยนหัวเป็แค่จือชิงจากในเมือง เธอไม่รู้เลยสักนิดว่าเขาคือลูกชายข้าราชการตกอับ แต่กับเซี่ยเสี่ยวหลานคนปัจจุบัน พอเธอรู้จักกับโจวเฉิงก็ดูออกทันทีว่าโจวเฉิงไม่ใช่คนธรรมดา ในเมื่อถูกใจชอบพอกันแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานจะยอมเขี่ยโจวเฉิงทิ้งเพียงเพราะว่าหวังเจี้ยนหัวเป็ชาวปักกิ่งอย่างนั้นหรือ?
หวังเจี้ยนหัวกับโจวเฉิงรู้จักกัน ครอบครัวของพวกเขารู้จักกัน เื่นี้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยรู้มาก่อน!
เดิมทีเธอกับหวังเจี้ยนหัวก็ไม่ได้ผูกพันกันมากนัก ดังนั้นถ่านไฟเก่าจะไม่มีวันลุกโชน และด้วยความบาดหมางต่างๆ หากบอกว่ามีความแค้นต่อกันคงถูกต้องกว่า เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าหากไม่เล่าเื่นี้ เมื่อถึงเวลาที่ตระกูลหวังจงใจหาเื่กัน และทำให้ตระกูลโจวตกที่นั่งลำบากขึ้นมา...
ต่อให้เบื่อชีวิตแค่ไหนเธอก็ไม่อยากโกหกหลอกลวงพ่อแม่ของโจวเฉิง
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดเื่เลวร้ายทั้งหมดออกมาแล้วก็รู้สึกโล่งใจมากโข
เฮ้อ ทว่าเื่อย่างการฆ่าตัวตายมันช่างน่าขายหน้าเหลือเกิน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากพูดถึงด้วยซ้ำ
กวนฮุ่ยเอ๋อฟังแล้วก็รู้สึกไม่อยากเชื่อเช่นกัน เซี่ยเสี่ยวหลานที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอเป็คนฉลาดมาก ดูไม่เหมือนสักนิดว่าจะเป็คนที่ถูกใครปั่นหัวเอาได้ง่ายๆ
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
“อายุยังน้อย อ่อนต่อโลกน่ะค่ะ...”
ไม่ได้ จะอยู่บ้านโจวต่อไปไม่ได้อีกแล้ว กวนฮุ่ยเอ๋อกับโจวกั๋วปินจะคิดอย่างไรเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อาจควบคุมได้ เธอรีบลุกขึ้นบอกลากวนฮุ่ยเอ๋อทันที
เวลาเที่ยงแบบนี้ กวนฮุ่ยเอ๋อตั้งใจว่าจะชวนเซี่ยเสี่ยวหลานทานข้าวด้วยกัน แต่ประธานเซี่ยกลับหนีไปอย่างรวดเร็ว
พอโจวกั๋วปินกลับถึงบ้าน กวนฮุ่ยเอ๋อก็เล่าเื่ของเซี่ยเสี่ยวหลานให้เขาฟังทันที ปฏิกิริยาแรกของโจวกั๋วปินคือประหลาดใจ
“คุณถามเธอเื่พวกนี้ทำไมกัน?”
นี่เป็การขยี้าแของคนอื่นมิใช่หรือ?
ไม่ได้คบกับหวังเจี้ยนหัวหรือต่อให้คบกันแล้วเลิกราภายหลัง นั่นก็เพราะไม่เหมาะสมจะเป็คู่ครองกันเท่านั้น
ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวก็จริง แต่ก็ไม่ควรเกินงามจนถึงขนาดไม่พูดคุยกับเพศตรงข้ามเลย!
“ได้ คุณเปิดกว้างอยู่คนเดียว ส่วนฉันมันพวกหัวโบราณ! ฉันก็แค่เป็ห่วงเื่ความสัมพันธ์ของเธอกับคนในครอบครัว และประเด็นนี้เธอเป็คนพูดขึ้นมาเอง ใครจะไปรู้ว่าจะเคยเกิดเื่มากมายขนาดนั้น เธอเล่าเื่ความขัดแย้งของที่บ้านให้ฉันฟังจนหมด... เธอไม่ใช่คนโง่สักหน่อย ทำไมถึงซื่อตรงขนาดนี้กันนะ”
กวนฮุ่ยเอ๋อคิดไม่ตก ด้วยระดับสติปัญญาของคนที่สอบติดหัวชิง จะไม่รู้เลยหรือว่าเื่ไหนที่ไม่ควรบอกกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม
อย่าว่าแต่ปี 1985 เลย ต่อให้ผ่านไปอีก 30 ปีหรือ 300 ปี จากมุมมองของครอบครัวฝ่ายชายก็มักอยากให้ว่าที่ลูกสะใภ้ ‘บริสุทธิ์ผุดผ่อง’ แม้มันอาจจะดูเพ้อฝันไปบ้างแต่ทุกครอบครัวล้วนมีความคาดหวังอยู่จริง มิเช่นนั้นเหตุใดเวลาผู้ชายที่ยังไม่เคยแต่งงาน้าคบหากับผู้หญิงที่หย่าร้างแล้ว ครอบครัวฝ่ายชายถึงได้ค้านหัวชนฝากันทั้งนั้นเล่า!
ความคิดแบบคนหัวโบราณของชาวจีนไม่มีทางถูกลบล้างไปได้ง่ายๆ
โจวกั๋วปินมองหน้าภรรยาของตน “ทำไมเธอถึงซื่อตรง คุณไม่รู้จริงหรือ”
อธิบายอดีตที่ชวนให้ตั้งข้อสงสัยว่ามีมลทินให้ฟังทั้งหมด ก็เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาว่าจะมีคนเอาเื่นี้มาเป็เครื่องมือโจมตีตัวเองในภายหลัง เซี่ยเสี่ยวหลานทำเช่นนี้นับว่าชาญฉลาดที่สุดแล้ว
อาจเพราะวันนี้คุยถึงเื่นี้พอดี เซี่ยเสี่ยวหลานจึงตัดสินใจเล่าทุกอย่างออกมาตามตรง
วิธีการนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงความฉลาดเฉลียวของเซี่ยเสี่ยวหลาน และแสดงให้เห็นถึงความเชื่อใจที่เธอมีให้แก่ตระกูลโจว คิดว่าหลังกวนฮุ่ยเอ๋อได้ฟังแล้วคงไม่ขับไล่ไสส่งกันทันทีอย่างแน่นอน
กวนฮุ่ยเอ๋อเงียบไปทันที ภายในจิตใจของเธอรู้สึกสับสนวุ่นวาย
เริ่มแรกเธอไม่ชอบเซี่ยเสี่ยวหลานเลยแม้แต่น้อย จวบจนถึงตอนนี้เธอก็ไม่อาจให้การยอมรับอย่างเต็มที่ ทว่าความเปิดเผยของเซี่ยเสี่ยวหลานนี้คือจุดที่ทำให้กวนฮุ่ยเอ๋อรู้สึกชื่นชม
“ฉันแค่กำลังห่วงว่าเรากับตระกูลหวังอยู่วงสังคมเดียวกัน อาจต้องเจอกันบ่อยๆ ”
“ครอบครัวเราอยู่วงสังคมเดียวกับคนแซ่หวังั้แ่เมื่อไร?”
เสียงของโจวกั๋วปินเจือไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง
คนตระกูลโจวตั้งใจทำงาน เจริญรุ่งเรืองขึ้นทุกวัน หวังก่วงผิงอยู่ที่ไร่มาแปดปี นั่นคือความถดถอย ตอนนี้หลังเขากลับมารับราชการก็พยายามหลอมรวมกับคนในแวดวงเดียวกันอย่างเต็มที่ แต่กลับดูแปลกแยกอย่างเห็นได้ชัด
โจวกั๋วปินไม่คิดว่าตนกับหวังก่วงผิงจะเป็คนประเภทเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่คนในวงสังคมเดียวกัน!
กวนฮุ่ยเอ๋อถูกตอกกลับจนพูดไม่ออก และชักรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
“ใครกันที่เป็คนบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่คู่ควรกับโจวเฉิง ได้ ตอนนี้ฉันเลยกลายเป็ตัวร้ายอยู่คนเดียว ส่วนคุณเปลี่ยนบทบาทใหม่เป็คนดีศรีสังคมผู้ใจกว้าง!”
การทำให้ภรรยาโกรธเป็เื่ที่น่ากลัวยิ่งนัก
โจวกั๋วปินพบว่าใบชาดีๆ ของตนถูกริบไปจนหมด เขาจ้องก้านชาที่ลอยอยู่ในถ้วยด้วยความเงียบงัน งานอดิเรกหนึ่งเดียวของเขาคือการดื่มชา ดังนั้นการเอาก้านชามาใส่แทนใบชาเช่นนี้ทรมานยิ่งกว่าไม่ให้ข้าวกินเสียอีก
ลำบากกวนฮุ่ยเอ๋อแล้ว ไม่รู้ว่าเธอไปหาก้านชามาจากไหน ถึงได้มีกลิ่นเหม็นหืนของเชื้อราปะปนอยู่ด้วย!
การสอบสวนของโจวเฉิงสิ้นสุดลงแล้ว ไม่รู้ว่าภรรยาของเขาได้บอกเซี่ยเสี่ยวหลานหรือเปล่า เด็กสาวคนนี้เป็คนจริงใจ เพราะฉะนั้นไม่ควรปล่อยให้เธอเป็กังวล
—------------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานเล่าอดีตของตนให้กวนฮุ่ยเอ๋อฟังตามความเป็จริง ซึ่งนั่นก็เท่ากับบอกประวัติของตัวเองกับตระกูลโจวจนหมดสิ้นแล้วนั่นเอง
พอได้ยินว่าการสอบสวนของโจวเฉิงสิ้นสุดลงแล้ว เธอก็เดาว่าโจวเฉิงคงรู้สึกเหมือนถูกปรักปรำ เธออยากกอดเขาเพื่อปลอบใจเหลือเกิน แต่น่าเสียดายที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่ไหน!
เกียรติยศของครอบครัวทหารมักได้รับคำชื่นชมจากผู้อื่นอยู่เสมอ แต่ภายใต้คำว่า ‘เกียรติยศ’ ล้วนต้องแลกมาด้วยการพลัดพรากของคู่รัก
เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจหาข้อมูลและได้รู้ว่า เพจเจอร์เครื่องแรกของเซี่ยงไฮ้มีมาั้แ่ปี 1983 ทว่าที่ปักกิ่งยังไม่เคยเห็นใครใช้มาก่อน คาดว่าคงเริ่มเป็ที่แพร่หลายภายใน่ปีสองปีนี้ แต่จะเป็่ไหนนั้นเธอไม่แน่ใจ
สิ่งที่เธอกลุ้มใจก็คือ ต่อให้มีเพจเจอร์แล้วหน่วยงานของโจวเฉิงจะอนุญาตให้ใช้หรือไม่
เซี่ยเสี่ยวหลานหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่นเพื่อเขียนจดหมายหาโจวเฉิง ไว้โจวเฉิงกลับวิทยาลัยทหารบกเมื่อไรคงได้อ่านจดหมายเหล่านี้ เขาจะได้รู้ว่าเธอคิดถึงเขามากเพียงใด
และเป้าหมายระยะสั้นลำดับต่อไปของเธอก็คือ การคว้าอันดับในการแข่งขันภาษาอังกฤษมาให้ได้นั่นเอง!