26.
บรรยากาศตอนนี้น่าอึดอัดมาก
ผมยืนเผชิญหน้าอยู่กับลูกพีชและพี่อูนโดยมีพี่ปรงยืนอยู่ข้างหน้าเหมือนเป็เกาะกำบังให้ ผมไม่ได้พูดอะไรเลยั้แ่ที่เดินมาหยุดอยู่ตรงนี้ แต่ผมก็พยายามสังเกตอาการของทั้งคู่ว่าเป็อย่างไรตอนที่พี่ปรงเอ่ยถามคำถามออกไป
พี่อูนในเวลานี้ดูนิ่งกว่าในเวลาปกติมากจนผมรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่เคยเจอพี่อูนในโหมดจริงจังแบบนี้มาก่อน ส่วนลูกพีชก็ดูเหมือนปกติ เขายืนกอดอกมองมาทางผมด้วยสายตาที่ดูไม่เป็มิตรมาก ๆ ไม่รู้ทำไม แต่ผมกลับรู้สึกว่าตอนนี้ลูกพีชกำลังเป็ตัวของตัวเองสุด ๆ เวลาที่เขาแกล้งยิ้มแล้วเดินเข้ามาพูดดีกับผม ในตอนนั้นมันเหมือนเขากำลังฝืนอยู่
“ว่าไง มีอะไรจะพูดหรือเปล่า” พี่ปรงเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง เขามองไปทางลูกพีชด้วยสายตาที่น่ากลัวแบบที่เขาชอบทำ ผมเลิกกลัวสายตาแบบนั้นของเขาไปนานแล้ว แต่วันนี้เขาก็ทำให้ผมกลัวมันขึ้นมาอีกครั้ง เพราะพี่ปรงในเวลานี้ดูโกรธมาก เขาพร้อมจะเอาเื่ทุกคนโดยไม่สนว่าใครหน้าไหนทั้งนั้น
“มึงใจเย็น ๆ ค่อยพูดกันได้ไหมวะ” พี่อูนพูดขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นห้ามพี่ปรง แต่พี่ปรงก็ขยับตัวหนีเพื่อไม่ให้พี่อูนแตะตัวเขา ซึ่งนั่นก็ทำให้พี่อูนที่ดูเหมือนจะใจเย็นในตอนแรก เริ่มใจร้อนขึ้นมา
“มึงก็รู้เื่นี้ด้วยใช่ไหมไอ้อูน”
“กูยังไม่รู้เลยว่ามึงพูดถึงเื่อะไร”
“มึงก็ลองถามน้องรหัสมึงดู” พี่ปรงพูดพร้อมกับหันไปมองลูกพีชที่ตอนนี้ก็ยังคงยืนกอดอกอยู่เหมือนเดิม ผมบอกเลยว่าตอนนี้พี่ปรงเขาใจเย็นสุด ๆ แล้วนะ เพราะถ้าเขาใจร้อนมันจะยิ่งกว่านี้อีก
“กูกำลังคุยกับลูกพีชอยู่ แล้วมึงก็เดินเข้ามาหาเื่โดยที่กูยังไม่รู้เลยว่ามึงพูดถึงเื่อะไร กูว่ามึงกลับไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่าไหม ใจเย็นเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกัน” พี่อูนพยายามพูดให้พี่ปรงกลับไปก่อน แต่แน่นอนว่าพี่ปรงไม่มีทางยอม
“ตอนนี้กูเย็นมากแล้ว”
“ให้กูคุยกับน้องเอง”
“ก็คุยกันให้รู้เื่ตรงนี้ไปเลย”
“ตอนนี้มึงอารมณ์ร้อน คุยไปก็มีแต่จะยิ่งแย่เปล่าวะ”
“ไม่หรอกครับ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเื่มันเป็มายังไง ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่เห็นจะต้องกลัวพี่ปรงเลยนี่” คราวนี้เป็ผมที่พูดขึ้นบ้าง หลังจากที่ปล่อยให้พี่ปรงออกหน้าแทนไปซะเยอะ ผมรู้สึกว่าเื่นี้มันเป็เื่ที่ผมต้องสู้ด้วยตัวเอง แล้วผมก็ไม่อยากให้พี่ปรงต้องมาคอยช่วยอะไรผมตลอดเวลาอีกแล้วล่ะ
ลูกพีชเลื่อนสายตามาสบตากับผม วินาทีนั้นที่ผมรู้สึกได้ว่ากำลังถูกสายตาของใครบางคนทิ่มแทงอยู่ ผมจึงเลือกที่จะหันหน้าหนีไปมองหน้าพี่อูนแทน ลูกพีชในเวลานี้ดูไม่ได้กลัวอะไรเลยทั้งนั้น และการที่เขาเอาแต่เงียบโดยไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ มันเหมือนเขากำลังยอมรับเป็ั์ ๆ ว่าสิ่งที่พี่ปรงกล่าวหาเขา มันเป็เื่จริง
“มึงบอกทานตะวันว่ามึงรู้แล้วว่าใครเป็คนทำ สรุปว่าใครทำ” คราวนี้พี่ปรงหันไปถามพี่อูนแบบจริงจัง เมื่อเขาเห็นว่าถามลูกพีชแล้วลูกพีชไม่ยอมตอบ ซึ่งพี่อูนก็ชะงักไปทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น เขาเหลือบตาไปมองลูกพีชนิดหน่อย ก่อนจะหันกลับมาสบตากับผมที่ยืนอยู่ด้านหลังพี่ปรง เขาทำท่าเหมือนไม่อยากพูดอะไร
“พี่อูนคิดว่าพีชเป็คนทำ” ยังไม่ทันที่พี่อูนจะตอบอะไรกลับมา จู่ ๆ ลูกพีชก็ชิงพูดขึ้นก่อน เขาพูดออกมาด้วยสีหน้านิ่ง ๆ จนผมเดาไม่ออกว่าเขากำลังรู้สึกแบบไหนอยู่ แน่นอนว่าความรู้สึกผิดไม่น่าใช่หนึ่งในนั้น
“แล้วจริงหรือเปล่า” พี่ปรงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“กูถึงบอกไงว่ากูกำลังคุยกับลูกพีชเื่นี้อยู่” พี่อูนพูดแทรกขึ้นมา วันนี้พี่อูนเขาดูแปลกมาก ทำไมผมรู้สึกเหมือนเขาพยายามจะปกป้องลูกพีชยังไงไม่รู้ เขาพยายามคะยั้นคะยอให้พี่ปรงกับผมกลับไปก่อน ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วเขาควรจะคุยเื่นี้ต่อหน้าผมที่เป็คนโดนกระทำ เพราะผมไม่รู้ว่าลับหลังไปแล้วเขาจะคุยกันยังไง
“งั้นคุยกันตอนนี้เลย กูฟังด้วย” และพี่ปรงก็พูดในสิ่งที่ใจผมคิดออกมา
“ก็ได้ ถ้ามึง้าแบบนั้น” พี่อูนตอบกลับมาเพียงเท่านั้น ก่อนที่เขาจะหันไปสบตากับน้องรหัสของตัวเองที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มพูดต่อ “เอากุญแจมาคืนพี่หรือเปล่า”
“เอามา” ลูกพีชตอบกลับ เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าผ้าสีขาวของเขาที่สะพายอยู่ ก่อนจะหยิบพวงกุญแจพวงหนึ่งออกมาและส่งมันกลับไปให้พี่อูน พวงกุญแจนั้นมีกุญแจอยู่หลายสิบดอก ซึ่งน่าจะเป็กุญแจที่ใช้เปิดประตูห้องต่าง ๆ ในคณะ
แสดงว่าเื่กุญแจที่พี่ปรงพูดถึงก่อนหน้านี้ก็เป็เื่จริง เขาบอกผมว่าพี่อูนมีกุญแจพวงใหญ่ ๆ ที่สามารถเปิดประตูห้องทุกห้องภายในภาคได้ ที่พี่อูนต้องเป็คนถือเพราะเขากลับบ้านช้าตลอด เขาเป็คนที่มาเช้าและกลับบ้านเย็นที่สุด เขาก็เลยได้รับมอบหมายให้คอยดูแลกุญแจพวงนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีกุญแจของห้องควบคุมระบบโรงเรือนด้วยเหมือนกัน
ระบบโรงเรือนเป็ระบบที่สามารถควบคุมได้โดยการใช้มือกดในตู้ระบบที่โรงเรือน และสามารถควบคุมจากระยะไกลได้ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่ห้องควบคุม ซึ่งภายในห้องควบคุมจะไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปได้ตามใจชอบ ยกเว้นก็แต่มีกุญแจสามารถเปิดเข้าไปได้ ซึ่งผมเดาว่าถ้าลูกพีชเป็คนทำจริง ๆ แสดงว่าเขาก็รู้ว่ากุญแจที่พี่อูนถืออยู่มีกุญแจของห้องควบคุมด้วย
“มึงให้ลูกพีชยืมกุญแจไปได้ยังไง ในนั้นมันมีกุญแจหลายห้องที่ไม่อนุญาตให้ใครเข้านะ” พี่ปรงเริ่มถามซักไซ้ขึ้นมา เขาเป็คนที่เคร่งครัดเื่กฎระเบียบมาก ๆ ขนาดผมที่สนิทกับเขามากขนาดนี้ ยังไม่เคยได้เข้าห้องเพาะเห็ดเลย เพราะเขากับพี่อูนตกลงกันไว้ว่าจะไม่ให้ใครเข้า ถ้าไม่ได้ขออนุญาตพวกเขาทั้งสองคนก่อน
“วันนั้นลูกพีชมาบอกกูว่าลืมของไว้ที่ห้องภาค เลยจะขอยืมกุญแจไปเปิดเอา เพราะมีคนล็อคห้องไปแล้ว ตอนนั้นกูก็รีบด้วยเพราะเห็นว่ามึงรออยู่ เลยให้กุญแจไปทั้งพวงเลย”
“แล้วลูกพีชเอาไปเปิดแค่ห้องภาคจริง ๆ หรือเปล่า?”
“ลูกพีชเปิดแค่ห้องภาคจริง ๆ กูถามแล้ว ตอนเดินออกมาจากห้องภาคก็ยังเดินสวนกับกลุ่มน้อยหน่าอยู่เลยใช่ไหม” พี่อูนพูดพร้อมกับหันไปถามลูกพีช และอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับเฉย ๆ โดยไม่ตอบอะไรกลับมา
“แต่น้อยหน่าบอกว่าคนที่มันเดินสวนด้วยเป็คนทำนะครับ” ผมพูดขึ้นบ้าง ผมไม่รู้หรอกว่าน้อยหน่ามันพูดเื่จริงเท็จแค่ไหน เพราะตอนนี้ผมคิดว่าผมเชื่อใจใครไม่ได้เลยสักคน
แม้แต่พี่อูนเองก็ด้วย
“ลูกพีชบอกว่าตัวเองกลับก่อนกลุ่มน้อยหน่า”
“น้องมึงมีหลักฐานหรือเปล่าว่ากลับก่อน? น้อยหน่ามันมีนะ”
“แล้วน้องกูจะไปเอาหลักฐานมาจากไหนวะ มันไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดเื่แบบนี้ขึ้น คนที่มีหลักฐานมายืนยันตัวเองมันน่าสงสัยกว่าไหม” พี่อูนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก เหมือนว่าเขาเชื่อคำพูดน้องของตัวเองอย่างสุดใจเลย กลายเป็ว่าเหมือนเขาจะโยนมาที่กลุ่มของน้อยหน่าอีกครั้ง
“สรุป มึงจะบอกว่าลูกพีชไม่ได้ทำ”
“…”
“งั้นไปขอดูกล้องวงจรปิดกันเลยไหม เดี๋ยวกูโทรไปหาอาจารย์ตอนนี้เลย เห็นบอกว่าเขาทำเื่ขอดูกล้องไปั้แ่วันนั้นแล้ว วันนี้น่าจะได้รับอนุญาตแล้วแหละ” พี่ปรงพูดขึ้นก่อนจะล้วงมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำท่าเหมือนจะกดโทรหาอาจารย์
พี่อูนมองตามการกระทำนั้นด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่ผมกลับสังเกตเห็นลูกพีชมีแววตาที่เปลี่ยนไป ดวงตาของเขาเบิกโพลงเหมือนกำลังใ เขาเปลี่ยนท่ายืนและเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว
“ไม่ต้องโทรหรอกครับพี่ปรง” ผมหันไปจับมือพี่ปรงก่อนจะพูดขึ้น สายตาของผมจ้องไปยังลูกพีชที่ยืนอยู่ตรงข้าม และพยายามใช้สายตากดดันให้เขายอมพูดความจริงออกมา
ตอนนี้ผมมั่นใจมาก ๆ ว่าเขาเป็คนทำแน่นอน แวบหนึ่งตอนที่พี่อูนพูดแก้ตัวให้เขาสารพัด มันเหมือนเขาแสดงออกมาว่าเขากำลังสะใจอยู่ที่พี่อูนเข้าข้างเขามากกว่าผม แต่มันก็เป็แค่ความรู้สึกที่ผมเดาขึ้นมาเอง
“ก็จะได้รู้กันไปเลยว่าใครทำ ถ้าไม่ใช่ลูกพีชจริง ๆ พี่ก็พร้อมจะขอโทษที่มากล่าวหาแก แต่ถ้าสมมติว่าแกเป็คนทำจริง ๆ แกจะว่ายังไง” พี่ปรงพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าลูกพีช ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็หลบสายตาพี่ปรงไปและไม่ตอบอะไรกลับมา
“ทำไมมึงต้องเพ่งเล็งลูกพีชขนาดนั้น” พี่อูนถามขึ้นบ้าง
“แล้วทำไมมึงถึงต้องปกป้องลูกพีชขนาดนั้น”
“ก็มันเป็น้องกู”
“แล้วทานตะวันไม่ใช่น้องมึงหรือไง”
“…”
“ถึงเขาจะไม่ใช่น้องรหัสมึง แต่เขาก็เป็รุ่นน้องมึงคนหนึ่งเหมือนกันนะ ที่ผ่านมา มึงก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง มึงเองก็เป็คนที่คอยไปช่วยเขาตลอด กูนึกว่ามึงจะเข้าใจความรู้สึกของทานตะวันซะอีก” พี่ปรงพูดก่อนจะถอนหายใจออกมา เป็จังหวะเดียวกันกับที่พี่อูนเขาหันมาสบตากับผม
ผมไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกไปผ่านทางสายตา แต่ผมก็รู้สึกอย่างที่พี่ปรงเขาพูดจริง ๆ ผมรู้ว่าผมไม่ได้สนิทกับเขาเหมือนที่ลูกพีชสนิท แต่ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะปกป้องลูกพีชมากขนาดนี้ มันทำให้ผมรู้เลยว่าที่ผ่านมาที่ผมเข้าใจว่าผมกับเขาสนิทกัน มันคือผมเข้าใจไปเองคนเดียว เขาไม่ได้รู้สึกว่าสนิทกับผมหรืออะไรทั้งนั้น
“ผมเป็คนทำเอง” ในระหว่างที่พี่อูนกับพี่ปรงเริ่มขึ้นเสียงใส่กัน จู่ ๆ ลูกพีชก็พูดขึ้นเสียงดังจนทำให้พวกเราทั้งสามคนที่เหลือชะงักไป ลูกพีชหันมามองหน้าผมเล็กน้อย สุดท้ายเขาก็เบือนหน้าหนีไปสบตากับพี่อูน
“หมายความว่าไง” พี่อูนถามต่อ
“ผมเป็คนปิดสแลนกันฝนเอง”
“…”
“ที่ยืมกุญแจของพี่อูนไปก็เพราะตั้งใจจะไปปิดสแลนกันฝน ผมไม่ได้ลืมของไว้ที่ห้องภาคหรอก ผมโกหก” ลูกพีชพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เหมือนคนกำลังจะร้องไห้ ใบหน้าของเขาตอนนี้แตกต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ
ผมบอกแล้วว่ายังไงก็ต้องเป็เขา
ไม่ใช่เพราะผมคิดปะติดปะต่อเื่ได้แบบพี่ปรงหรอกนะ แต่ตอนที่เขามองมาทางผม สายตาของเขามันทำให้ผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้มองว่าผมเป็เพื่อนจริง ๆ และทุกครั้งที่เขาเข้ามาทักและพูดดีกับผม คนรอบตัวผมก็ยังสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงได้ดีกับผมขนาดนั้น ทุกอย่างมันดูปลอมไปหมด ไม่แปลกเลยที่ผมจะปักใจเชื่อว่าเป็เขาั้แ่แรก
“แค่นั้นเหรอ” คราวนี้เป็พี่ปรงที่ยกมือขึ้นกอดอกบ้าง เขามองตรงไปยังลูกพีชด้วยสายตาที่ผมเองก็เดาไม่ได้ แต่การยิ้มมุมปากของเขาทำให้ผมรู้แล้วว่าตอนนี้เขาพร้อมจะเล่นงานลูกพีชมาก ๆ
“มันก็ไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับ”
“มีอะไรนอกจากนี้อีก”
“ก็ทุกอย่างเลย”
“หมายความว่าไง แกพูดออกมาตรง ๆ เลยดีกว่า เมื่อกี้พี่เชื่อใจแกมากนะ แต่ตอนนี้พี่ไม่รู้แล้วว่าจะยังเชื่ออะไรแกได้อีกหรือเปล่า” พี่อูนพูดขึ้น ตอนนี้เขาเหมือนสติหลุดไปแล้ว เมื่อกี้พี่อูนเขาเชื่อใจลูกพีชมากจริง ๆ เขาปกป้องลูกพีชจนผมยังแอบน้อยใจ แต่ตอนนี้เขากลายเป็คนที่โมโหแทนผมกับพี่ปรงไปซะอย่างนั้น
“ทุกอย่างที่ผ่านมา ผมเป็คนทำเอง!” ลูกพีชที่ถูกกดดันมาก ๆ ก็ตัดสินใจพูดออกมาเสียงดังอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาหันไปพูดใส่พี่อูนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตัวเอง ผมกับพี่ปรงจึงทำเพียงแค่ยืนมองทั้งสองคนคุยกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรเลย
“ทุกเื่เลยเหรอ”
“ใช่! เื่ที่ผักทานตะวันไม่เคยโตเลย ก็เป็ผมนี่แหละที่ไปทำให้มันไม่โต หรือถ้ามันโต ผมก็ทำให้มันตายหมดเลย” ลูกพีชพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ตอนนี้เขาก็คงสติหลุดไม่แพ้กัน
“ทำมาั้แ่แรกเลยเหรอ”
“เปล่า ผมเริ่มทำั้แ่ที่ทานตะวันเริ่มปลูกครั้งที่สามเป็ต้นมา ครั้งแรกกับครั้งที่สองทานตะวันปลูกไม่ขึ้นเอง” ลูกพีชพูดและเหมือนเขาจะเผลอหัวเราะออกมาเบา ๆ เหมือนว่าเขาไม่ได้รู้สึกผิดเลยกับสิ่งที่ทำ
แน่ล่ะ คนที่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่ดี เขาจะไม่ผิดซ้ำ ๆ มาจนถึงตอนนี้ ที่ผ่านมา ถ้ารวมเื่ที่ลูกพีชมาปิดสแลนกันฝนจนทำให้ผักของผมกับเพื่อนตายกันไปเกือบร้อนต้น ก็เท่ากับว่าลูกพีชพยายามแกล้งผมมาแล้วห้าหกครั้ง
ถือว่ามีความพยายามมากจริง ๆ
มีสิ่งหนึ่งในตัวผมที่ทำให้ผมรู้สึกดีมากที่ไม่เคยไปหลงเชื่อในรอยยิ้มและคำพูดของลูกพีชเลย ผมเป็คนที่มองคนออก ถึงแม้ว่าผมจะเป็คนใจดีหรือหัวอ่อนมากแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่ผมรู้สึกไม่ดีกับใครสักคน คน ๆ นั้นมักจะเป็คนที่คิดไม่ดีกับผมเสมอ ผมรู้สึกถึงความแปลกประหลาดในตัวลูกพีชมาเสมอ ผมถึงได้เว้นระยะห่างกับเขามากพอสมควร ผมไม่เคยพยายามที่จะเข้าไปเป็เพื่อนกับเขาเลย และตอนนี้เขาก็แสดงให้ผมเห็นแล้วว่าที่ผ่านมา ผมคิดถูกมาโดยตลอด
“ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย” ผมเอ่ยถามขึ้นบ้าง สิ่งเดียวที่ผมสงสัยคือผมไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ ทำไมเขาถึงได้อยากแกล้งผมมากขนาดนี้ และแกล้งมากี่ครั้งไม่รู้ต่อกี่ครั้ง เขาน่าจะเข้าขั้นเกลียดผมแล้วล่ะ
“ไม่รู้จริง ๆ เหรอ” เขาหันมาตอบพร้อมกับมองหน้าผม
“แล้วทำไมต้องรู้ด้วย”
“เราอยากได้ทุน”
ทุน?
“ทุนอะไร แล้วมันเกี่ยวกับเราตรงไหน”
“อย่าแกล้งทำเป็ไม่รู้ดิ ก็ทุนเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นที่จะให้คนที่ได้เกรดดีที่สุดในแต่ละชั้นปีไง ที่แกพยายามจะปลูกผักใหม่หลาย ๆ รอบก็เพราะว่าแกก็ต้องรักษาเกรด แกก็อยากได้ทุนเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
“อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะเหมือนตัวเองดิ”
“…”
“เื่ทุนเราไม่รู้เื่มาก่อนเลย แล้วเราก็ไม่เคยคิดด้วยว่าเราเกรดดีจนสามารถได้ทุน แต่ที่เราพยายามจะปลูกผักใหม่ก็เพราะว่าเราไม่อยากยอมรับไง ว่าตัวเองเป็พวกมือห่วย ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น” ผมขยับขึ้นมาข้างหน้าเล็กน้อยในตอนที่เริ่มพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาบ้าง ผมอยากจะร้องไห้ออกมาตรงนี้เลย แต่ก็ต้องกลั้นไว้
“…”
“แค่เพราะอยากได้ทุน แกจำเป็ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ แกรู้ไหมว่าเื่นี้มันเป็แผลใจเราแค่ไหน ตอนแรกเราก็คิดไว้นะว่าจะปล่อยวางเื่นี้ไป แต่พอมาได้ยินว่าแกทำไปแค่เพราะแกอยากได้ทุน มันทำให้เรารู้สึกว่าแกแม่ง…โคตรทุเรศ”
“มันไม่ใช่แค่ทุน แต่มันคืออนาคตเลยนะ!”
“แกก็เดินมาบอกเราดิ เดินเข้ามาคุยกับเรา ไม่ใช่ทำแบบนี้”
“เราคิดว่าแกอยากได้ทุนเหมือนกัน”
“ต่อให้สุดท้ายแล้วเราจะอยากได้ทุนจริง ๆ แกก็ไม่ควรทำแบบนี้กับใคร ถ้าแกภูมิใจกับอนาคตที่แกเหยียบย่ำคนอื่นมา เราก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วอะ” ผมพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ผมจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาพูดอะไรมากมายแบบนี้หรอก แต่พอเห็นความคิดแย่ ๆ แบบนั้นแล้วมันก็อดไม่ได้จริง ๆ
“ก็เลือกเอานะ ว่าจะไปสารภาพกับอาจารย์เอง หรือจะให้พี่ไปบอก” คราวนี้เป็พี่ปรงที่พูดขึ้น เขาหันไปพูดกับลูกพีชด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังมากกว่าเดิม ส่วนพี่อูนก็เงียบไปั้แ่ตอนที่ลูกพีชเริ่มสารภาพ
“พรุ่งนี้ผมจะไปสารภาพกับอาจารย์เองครับ” ลูกพีชตอบกลับมาเพียงเท่านั้น เขาดูเหมือนจะสำนึกผิดแล้วจริง ๆ นะ แต่ผมก็ยังไม่ยกโทษให้อยู่ดี และผมคิดว่าผมก็คงไม่มีวันยกโทษให้เขาได้แน่นอน
“พี่รู้นะว่าอนาคตมันสำคัญกับเราจริง ๆ แต่ก็ต้องไม่ใช่การทำร้ายคนอื่นเพื่อให้ได้มันมา”
“ผมแค่อยากได้ทุนไปญี่ปุ่นเหมือนพี่ แต่ผมก็รู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้ฉลาดเท่าพี่ แล้วเทอมนี้ทานตะวันก็คะแนนดีกว่าผมมาก ๆ ผมก็เลยตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พอทำไปแล้วครั้งหนึ่ง ผมก็ทำต่อไปเรื่อย ๆ จนมันเลยเถิดมาขนาดนี้”
“…”
“ขอโทษนะ”
ลูกพีชหันมาพูดกับผมเพียงเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็เดินหนีออกไปจากวงสนทนาทันที ผมไม่ได้สนใจคำขอโทษขอเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะมันไม่ได้ออกมาจากใจที่รู้สึกผิดของเขาจริง ๆ ผมปล่อยให้คำขอโทษนั้นมันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป
สิ่งที่ผมสนใจจริง ๆ ก็คือคำพูดของลูกพีชที่พูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่เขาจะไป ถ้าผมฟังไม่ผิด มันเหมือนว่าเขาพูดถึงพี่ปรงที่ได้ทุนไปญี่ปุ่น แต่พี่ปรงเขาไม่เคยบอกผมเลย เขาไม่เคยพูดถึงเื่นี้เลยแม้แต่นิดเดียว แล้วถ้าเขาได้ทุนเรียนต่อ ซึ่งมันหมายความว่าหลังจากเรียนจบ เขาก็จะไปเรียนต่อทันที และอีกแค่ไม่กี่อาทิตย์เขาก็จะเรียนจบแล้วด้วย
พี่ปรงเขาคิดจะบอกเื่นี้กับผมเมื่อไหร่กัน