“เ้า!!”
ร่างสูงที่อยู่บนหลังม้าได้แต่สบถออกมาด้วยความไม่พอใจ นี่เขาผิดอันใดอีกนางถึงได้แสดงท่าทางโมโหเขาเช่นนี้ เซี่ยหวายอีถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ
ทุกคนในขบวนราชทูตต่างก็ต้องลงมาจากรถม้าเพื่อเข้ารับการตรวจสอบและลงทะเบียนก่อนเข้าไปในกองทัพ หยวนชิง หลิงและจ้าวหงอิงก้าวลงมาจากรถม้าเดินตามทหารไป ถึงแม้ว่านางจะทำท่าไม่สนใจแต่สายตาของนางก็คอยมองหาร่างสูงของเซี่ยหวายอีอยู่เช่นเดิม
“หายไปไหนแล้วนะ ข้านี่ช่างขี้ลืมเสียจริง เดินทางด้วยกันมาตั้งนานแต่ข้าไม่เคยถามชื่อเขาเลย แล้วอย่างนี้เวลามีปัญหาจะไปตามเขาได้จากที่ใด”
หยวนชิงหลิงได้แต่ก่นด่าตนเองในใจ เพราะอารมณ์ที่มาก่อนเหตุผลทำให้นาลืมเื่ที่สำคัญไปเลย จ้าวหงอิงมองใบหน้าของหยวนชิงหลิงที่มีท่าทางยุ่งยากใจ นางจึงเอ่ยถามออกมาเบาๆ
“เกิดสิ่งใดขึ้นหรือเ้าคะ”
หยวนชิงหลิงพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันไปตอบคำถามนาง
“ข้าลืมถามชื่อหัวหน้าองครักษ์ผู้นั้นเอาไว้น่ะสิ หากวันหน้าพวกเราเกิดเื่ยุ่งยากขึ้นมา บางทีอาจจะสามารถใช้ชื่อของเขาเป็เกราะกำบังภัยได้ ตอนนี้อยู่ในสถานที่ที่มิใช่บ้านเมืองของเรา สิ่งใดทำให้พวกเราสามารถปกป้องตนเองได้เราก็ควรทำ”
จ้าวหงอิงพยักหน้าเห็นด้วย นางเองก็ช่วยหยวนชิงหลิงมองหาร่างสูงของหัวหน้าองครักษ์ผู้นั้น แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองจะไม่มีวันได้เห็นพวกเขาอีก
หลังจากที่ลงทะเบียนรายชื่อเข้าไปในกองทัพแคว้นเซี่ยเสร็จเรียบร้อยแล้ว หยวนชิงหลิงก็มารวมกลุ่มกับเหล่าสตรีบรรณาการจากแคว้นฉิน เื่ที่หยวนชิงหลิงเคยพูดเอาไว้เกี่ยวกับสิ่งที่พวกนางจะต้องประสบหลังจากนี้ ทำเอาสาวงามเ่าั้ แสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด
บุรุษร่างสูงใบหน้าค่อนข้างหล่อเหลาผู้หนึ่ง เดินมาหยุดยืนที่ลานฝึกด้านหน้าค่าย ที่ที่พวกหยวนชิงหลิงกำลังยืนอยู่
“ฟังทางนี้ ท่านแม่ทัพมีเื่ที่จะแจ้งให้ทุกคนทราบ”
เบื้องหน้าของทุกคน มีบุรุษชุดดำรูปร่างสูงใหญ่เดินตรงมายังพวกนาง บนใบหน้าของเขาสวมหน้ากากสีดำเอาไว้ครึ่งหน้า กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทำเอาทุกคนรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก นี่สินะแม่ทัพเซี่ยผู้โด่งดัง หยวนชิงหลิงคิดในใจ
นางยืนอยู่ด้านหน้าของสตรีทั้งหมด พร้อมเผชิญหน้ากับแม่ทัพเซี่ยด้วยท่าทางกล้าหาญ ดวงตากลมโตของนางมองตรงไปยังเขาไม่มีท่าทีหวั่นเกรง
“เ้าคงจะเป็ท่านหญิงลู่จิวผู้โด่งดังสินะ คนของข้าที่เดินทางไปแคว้นฉินต่างก็เอ่ยถึงเ้าไม่ขาดปาก ความกล้าหาญของเ้านั้นมีมากล้นไม่ต่างจากความงามของเ้าเลย ข้าช่างถูกใจเ้าเสียจริง”
นิ้วมือเรียวจับปลายคางของนางเล็กน้อย หยวนชิงหลิงไม่แม้แต่จะหลบสายตาจากเขา หากนางแสดงท่าทางหวาดกลัวออกมาแม้เพียงนิด พวกนางทั้งหมดอาจถูกทหารหยาบคายเ่าั้ข่มเหงรังแก
“ใช่แล้ว เป็ข้าเอง ข้ารับพระบรมราชโองการจากฮ่องเต้แคว้นฉิน ให้เดินทางมาที่แคว้นเซี่ย ทำหน้าที่เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น ขอท่านแม่ทัพเซี่ยโปรดให้เกียรติ”
หยวนชิงหลิงเอ่ยออกมาเสียงเรียบ ถึงภายนอกนางจะดูไม่รู้สึกอะไร แต่หัวใจของนางกลับเต้นกระหน่ำเป็กลองศึก นางกลัวเขาจริงๆ เพียงแต่ไม่แสดงออกมาให้เห็นเท่านั้น มีเพียงแผ่นหลังบอบบางที่หลั่งเหงื่อเย็นออกมาจนเปียกชุ่ม
“โอ้!! ได้แน่นอน พวกเาาวแคว้นเซี่ยจะดูแลสาวงามทุกคนที่มาจากแคว้นฉินเป็อย่างดี สิบวันหลังจากนี้พวกเ้าจะได้เดินทางกลับไปยังเมืองหลวงแคว้นเซี่ยพร้อมกับกองทัพอย่างยิ่งใหญ่”
เอ่ยจบแม่ทัพเซี่ยหรือจิ้นอ๋องเซี่ยหวายอีที่ใส่หน้ากากสีดำก็หันไปสั่งคนของตน
“จัดที่พักและอาหารให้พวกนาง ห้ามทหารเข้าใกล้กระโจมที่พักของสตรีที่มาจากแคว้นฉิน และสั่งเฝ้ายามรอบละสองคน”
“อ้อ! ข้าลืมบอกไปอย่างหนึ่ง ห้ามพวกเ้าเดินเพ่นพ่านไปรอบๆ เด็ดขาด ข้าอาจจะสั่งทหารไม่ให้เข้าใกล้พวกเ้าได้ แต่หากพ้นจากสายตาของข้าแล้ว ข้ามิอาจห้ามบุรุษกลัดมันนับหมื่นที่ห่างจากภรรยามาเนิ่นนานเ่าั้ได้ หากยังอยากเดินทางไปยังเมืองหลวงแคว้นเซี่ยโดยสภาพยังสมบูรณ์อยู่ ก็จงทำตามคำแนะนำของข้าอย่างว่าง่าย เอาล่ะวันนี้พูดคุยกันเพียงเท่านี้ก็พอ ท่านหญิงลู่จิว ขอตัวก่อน”
เอ่ยจบเขาก็ก้มหัวให้นางเล็กน้อยก่อนผละจากไป หยวนชิงหลิงขยับตัวอย่างอึดอัด นางอยากจะคุยเื่บิดาของนางกับเขา แต่น่าเสียดายที่ร่างสูงไม่เปิดโอกาสให้นางได้ถามเลยสักนิด
กระโจมที่พักของหยวนชิงหลิงถูกแยกออกจากสตรีทั้งสิบเก้าคน ส่วนหลี่อันหรงนางไม่รู้ว่าพวกเขาพานางไปที่ใดแล้ว ทหารแคว้นเซี่ยต่างก็คิดว่าคุณหนูเ่าั้ที่มาจากแคว้นฉิน จะต้องสร้างปัญหาให้พวกตนเป็แน่ เพราะที่นี่เป็เพียงค่ายทหารที่แสนทุรกันดาร
ไม่มีบ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติให้ความสะดวกสบายดั่งเช่นในจวนตระกูลใหญ่ แต่น่าเสียดายที่พวกนางต่างก็ทำให้พวกเขาต้องผิดหวัง ไม่มีใครโวยวายเื่ที่พักหรืออาหาร ชุดเสื้อผ้าของพวกนางต่างก็ซักกันเอง
เหล่าทหารแคว้นเซี่ยมองแม่นางน้อยแคว้นฉินด้วยสายตางุนงง เกิดสิ่งใดขึ้นกับพวกนางกันแน่ สตรีที่งดงามและบอบบางเดินหิ้วถังน้ำใบใหญ่กลับไปที่กระโจมที่พักของตนโดยไม่ร้องขอให้บุรุษช่วยเหลือเลยสักนิด
วิถีชีวิตการเป็อยู่ใน่หลายวันของพวกนางในค่ายทหาร ต่างก็ถูกรายงานไปยังเซี่ยหวายอีอย่างละเอียด บุรุษร่างสูงในชุดเกราะสีดำพยักหน้ารับรู้
“ทหารของเราเตรียมตัวเสร็จหรือยัง เ้าไปสั่งพวกนางว่าพรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางไปที่เมืองหลวงพร้อมกองทัพ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เข่อซิงที่ถอดหน้ากากหนังมนุษย์ออกแล้ว กลายเป็หนุ่มรูปงามท่าทางเ้าชู้ขี้เล่น รับคำแล้วออกไปจากกระโจมที่พักของแม่ทัพแคว้นเซี่ยทันที
หยวนชิงหลิงที่ได้ฟังเข่อซิงรายงานคำสั่งของเซี่ยหวายอี นางก็พยักหน้าเข้าใจ แต่นางรู้สึกคุ้นเคยท่าทางของนายทหารผู้นี้ยิ่งนัก แม้ใบหน้าของเขานั้นดูจะแตกต่างจากองครักษ์ที่อยู่ในคณะราชทูต แต่กลิ่นอายของเขากลับคล้ายคลึงกัน แต่เื่นั้นมิใช่เื่สำคัญที่นางควรใส่ใจ จึงทำให้นางเลิกสนใจในตัวเขาไปโดยปริยาย และก่อนที่เข่อซิงจะจากไปหยวนชิงหลิงได้เอ่ยรั้งเขาเอาไว้
“ข้ามีธุระกับท่านแม่ทัพเซี่ย ขอเข้าพบเขาได้หรือไม่”
เข่อซิงมีท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า หยวนชิงหลิงเดินตามร่างสูงไปยังกระโจมหลังใหญ่ นางรออยู่ด้านนอกเพื่อให้เข่อซิงเข้าไปรายงาน ไม่นานเขาก็เดินกลับออกมา
“ท่านแม่ทัพอนุญาตให้ท่านหญิงเข้าพบแล้วขอรับ”
หยวนชิงหลิงเดินเข้าไปในกระโจม ร่างสูงใหญ่กำลังนั่งอยู่บนตั่งตัวยาวโดยที่ยังคงเปลือยท่อนบนเอาไว้ ในมือของเขามีทวนพู่แดงที่ดูวาววับและคมกริบวางอยู่บนตัก เขาใช้ผ้าค่อยๆ เช็ดทวนเล่มนั้นอย่างบรรจง
สายตาของนางมองตามนิ้วมือเรียวยาวของเขาที่กำลังขยับไปมา และค่อยๆ ไล่ไปตามลำแขนแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม นางมองเห็นร่องรอยของาแเป็น้อยใหญ่มากมายอยู่บนตัวเขา
ลมหายใจของนางเริ่มรู้สึกติดขัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมองไปยัง แผ่นอกเปลือยเปล่าที่กำลังขยับขึ้นลงตามการหายใจ ก่อนที่สายตาของนางจะมองต่ำลงไปเรื่อยๆ บ้าจริงข้ากำลังทำสิ่งใดอยู่กันแน่ นางรีบดึงสติที่กำลังจะเตลิดไปของตนให้กลับคืนมา
“ข้าน้อยหยวนชิงหลิง คารวะท่านแม่ทัพเซี่ย”
นางย่อตัวทำความเคารพร่างสูงที่เหมือนจะไม่ได้สนใจในการมาของนางเลย หยวนชิงหลิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ต้องมาอยู่ในสถานที่ปิดกับบุรุษเปลือยกายสองต่อสอง ถึงแม้ว่าเขาจะมีรูปร่างที่น่ามองก็ตามที แต่นางก็ยังคงเป็สตรีที่ยังมิได้ออกเรือน หากเื่นี้ให้ผู้ใดรู้เข้าเห็นทีนางคงจะต้องกลายเป็สตรีที่ต้องมลทินไปแล้ว
“เ้ามีธุระใดที่้าคุยกับข้า นอกเหนือจากการยืนมองร่างกายของข้าอย่างนั้นหรือ ท่านหญิงลู่จิว”
หยวนชิงหลิงใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย นี่เขาสังเกตเห็นอย่างนั้นหรือ แล้วเหตุใดถึงไม่ห้ามนางเล่า หยวนชิง หลิงยกกำปั้นปิดปากกระแอมไอแก้เขิน ก่อนตอบคำถามของเขา
“อะแฮ่ม!!..ต้องขออภัยที่ข้าเสียมารยาทต่อท่านแม่ทัพ ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะมีธุระสำคัญกับท่านจริงๆ”
เซี่ยหวายอีวางมือจากอาวุธคู่กายของตน ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับนาง อย่างจริงจัง
“พูดธุระของเ้ามาเถิด”
นางพยักหน้า
“มีข่าวลือมากมายที่แคว้นฉินเกี่ยวกับการต่อสู้ของท่านกับแม่ทัพหยวนิแห่งแคว้นเซี่ย ท่านได้โปรดตอบคำถามของข้ามาตามตรงได้หรือไม่ ท่านคือผู้ที่สังหารบิดาของข้าหรือเป็ผู้อื่นกันแน่”
เซี่ยหวายอีคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว ว่านางจะต้องมาถามเขาเกี่ยวกับเื่นี้ ร่างสูงลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของกระโจม ก่อนที่เขาจะหยิบบางอย่างออกมายื่นให้นาง
“เ้าคงจะจำลายมือของบิดาตนเองได้กระมัง”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า นางยื่นมืออันสั่นเทาไปยังจดหมายที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ บนซองด้านนอกยังคงมีคราบเืเปรอะเปื้อนเป็ดวงๆ น้ำตาที่เคยคิดว่าเหือดแห้งไปแล้วของนางกลับไหลออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่
นางแทบจะประคองร่างกายตนเองให้มีสติเอาไว้ไม่ได้ หยวนชิงหลิงกลั้นก้อนสะอื้นที่ตีขึ้นมาอย่างยากเย็น นิ้วเรียวของนางแกะผนึกซองจดหมายที่บิดาทิ้งเอาไว้ก่อนตายด้วยมืออันสั่นเทา
หยาดน้ำตาไหลรินออกจากดวงตากลมโตไม่หยุด ทำให้นางมองตัวหนังสือที่อยู่บนกระดาษได้ไม่ชัดเจน หยวนชิงหลิงยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดอยู่หลายครั้งจนขอบตาของนางแดงช้ำ เซี่ยหวายอีเห็นร่างบางที่กำลังพยายามทำตัวเข้มแข็งแล้วอดรู้สึกเวทนามิได้
แม่ทัพหยวน ท่านช่างมีบุตรีที่ดียิ่งนัก ข้ารู้สึกอิจฉาท่านเสียจริง เซี่ยหวายอีคิดในใจ
หลังจากที่หยวนชิงหลิงอ่านเนื้อความในจดหมายทั้งหมด นางก็ไม่สามารถประคองตนเองให้ยืนอยู่ได้อีกต่อไป ร่างบางทรุดลงไปกับพื้นกระอักเืออกมากองโต สติของนางดับวูบไปในทันที แต่มือยังคงกำกระดาษจดหมายที่บิดาเขียนถึงตนเอาไว้แน่น
“หยวนชิงหลิง!!!”
เซี่ยหวายอีรีบพุ่งเข้าไปรับนางก่อนที่ร่างของนางจะล้มกระแทกพื้น แม่ทัพเซี่ยเขย่าร่างที่หมดสติของหยวนชิงหลิงเบาๆ แต่ไร้การตอบสนองกลับมา เขาจึงอุ้มนางไปวางบนเตียง
“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง ไปตาหมอมาให้ข้า”
เสียงคำรามลั่นดังไปทั่วกองทัพของแม่ทัพเซี่ย ทำเอาทหารที่เดินผ่านกระโจมพักของเขาถึงกับสะดุ้งไปตามๆ กัน
“ท่านหมอมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หมอเยี่ยนรีบเปิดผ้าปิดประตูกระโจมเข้าไป เขามองไปยังร่างบางที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ นางอีกแล้วหรือ ั้แ่ที่ออกมาจากแคว้นฉินกี่ครั้งแล้วที่เขาต้องมารักษานาง ท่านหญิงลู่จิวร่างกายของเ้าช่างอ่อนแอยิ่งนัก
“นางเป็อย่างไรบ้าง”
เซี่ยหวายอีถามอาการของหยวนชิงหลิงจากหมอเยี่ยนด้วยความเป็ห่วง
“นางะเืใจมากเกินไปทำให้ลมปราณตีกลับจึงทำให้นางหมดกระอักเืออกมาและหมดสติ ข้าไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พวกท่านพูดคุยเื่ใดกันอยู่ แต่ข้าขอแนะนำสักหน่อยนะท่านอ๋อง อย่าพูดเื่นั้นกับนางอีก ไม่อย่างนั้นจากคนที่ร่างกายแข็งแรงอาจป่วยขึ้นมาจริงๆ ก็ได้”
หมอเยี่ยนออกจากกระโจมไปต้มยาสงบใจและยาบำรุงให้หยวนชิงหลิง เซี่ยหวายอีนั่งมองใบหน้างามที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเงียบๆ จากนั้นเขาจึงออกไปตักน้ำมาเช็ดใบหน้าให้นาง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้