คาดไม่ถึงว่าภรรยาแท้ๆ ของอัครมหาเสนาบดีจะไม่สนใจชีวิตของคนรับใช้ หากเื่นี้แพร่ออกไปไยมิใช่นางต้องกลายเป็หญิงอำมหิตแล้วหรือ?
“พระเก้าพันปี ข้าน้อยพลั้งปากไปชั่วขณะ ไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้นเ้าค่ะ” นางแซ่หลี่อธิบายด้วยสีหน้าขมขื่น สำนึกเสียใจจนเวียนหัวมวนท้องไปหมด
“ไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้นหรือ? ทุกคำพูดล้วนต้องกลั่นกรองจากความคิด หากเ้าไม่ได้คิดเช่นนั้น แล้วจะพูดจาแบบนี้ออกมาได้หรือ” อวี้เสวียนจีเลิกคิ้ว ดวงตาเปล่งประกายคมปลาบ
ข่มขู่นางแซ่หลี่จนตื่นตระหนกกระทั่งไม่กล้าพูดจา “นี่...”
ในใจซูเต๋อเหยียนย่อมตำหนินางแซ่หลี่เป็ธรรมดา แต่เพื่อลูกในครรภ์ของนางแล้ว เขาจำเป็ต้องออกหน้าอีกครั้ง “ท่านอ๋องเก้าพันปี นางแค่อบรมสั่งสอนบ่าวไพร่จึงกล่าววาจาเช่นนี้ออกมา แต่ไม่ได้คิดทำแบบนี้จริงๆ ขอรับ”
“งั้นหรือ? เมื่อครู่ข้าได้ยินนางกล่าวว่าอัครมหาเสนาบดีซูไม่ยุ่งเกี่ยวเื่นี้ เดิมทีข้าอุปราชยังไม่อาจเชื่อ ทว่าตอนนี้ดูไปแล้ว อัครมหาเสนาบดีซูออกจะผ่อนผันต่อนางมากเกินไปแล้ว ถ้าเื่นี้แพร่ไปถึงพระกรรณของฮ่องเต้เข้า ไม่ทราบว่าอัครมหาเสนาบดีซูจะอธิบายว่าอย่างไร?” ซูเต๋อเหยียนไม่ออกเสียงยังดี ออกเสียงทันทีก็กลายเป็ตัวรับะุจากปากอวี้เสวียนจีไปแล้ว
ผ่อนผันภรรยากระทำการสังหาร นี่เป็ความผิดร้ายแรง ไม่ต้องพูดถึงว่าเื่ไปถึงพระกรรณของซ่งหลิงซิว แค่เื่ถึงหูชาวบ้าน นั่นก็น่าอับอายเกินพอ
ซูเต๋อเหยียนแทบจะจินตนาการได้ถึงปฏิกิริยาของชาวบ้าน ที่กำลังชี้ด่าเขาแล้ว
“ท่านอ๋องเก้าพันปีปรีชาสามารถ ข้าน้อยย่อมไม่ผ่อนปรนให้เกิดเื่แบบนี้ขึ้นในจวนอัครมหาเสนาบดีเด็ดขาด เพียงแต่ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ไม่เหมาะที่จะถูกตำหนิลงโทษ รอจนคลอดลูกออกมา ข้าน้อยต้องสั่งสอนอย่างเข้มงวดแน่ๆ ขอรับ” ซูเต๋อเหยียนก้มศีรษะกล่าวน้ำเสียงจริงใจ คนที่ไม่รู้ความต้องซาบซึ้งสุดประมาณไม่ผิดแน่
ซูเฟยซื่อเลิกคิ้ว ตามคาดขิงแก่ยิ่งนานยิ่งเผ็ดร้อน กลยุทธ์ไม้นี้ของซูเต๋อเหยียนแข็งแกร่งกว่าของนางแซ่หลี่มากนัก
ไม่ต้องพูดถึงน้ำเสียงแบบนี้ กระทั่งท่าทีของเขา ไม่โต้แย้งทั้งไม่ขอร้อง แต่ละประโยคให้ความสำคัญแก่ลูก แม้ว่าเื่นี้แพร่ออกไปก็ย่อมไม่มีใครตำหนิเขาได้
ทั้งนี้ทั้งคู่ก็กำลังจะเป็พ่อแม่คน หากไม่มีจิตนึกสงสาร นั่นก็คงเป็ไปไม่ได้
ดังนั้นถ้าอวี้เสวียนจียังคงพัวพันในเื่นี้ เขาคงถูกผู้คนตำหนิว่าไร้ซึ่งมนุษยธรรม
เดิมอวี้เสวียนจีไม่คิดจะรับประโยชน์ใดๆ จากเื่นี้ แต่เมื่อเขาได้ยินซูเต๋อเหยียนกล่าวเช่นนี้ จึงรีบเปลี่ยนเื่ไปทันที “ในเมื่ออัครมหาเสนาบดีซูได้กล่าวมาทั้งหมดนี้แล้ว เื่นี้ก็ให้แล้วกันไปเถิด ข้าอุปราชมาที่นี่วันนี้เพื่อแสดงความยินดีต่ออัครมหาเสนาบดีซูแทนฝ่าา ฮ่องเต้ทรงทราบว่าอัครมหาเสนาบดีซูได้บุตรชายตอนสูงวัย ทรงยินดีเป็พิเศษ ไม่เพียงให้คนพระราชทานเงินทองมากมาย ยังให้ข้าอุปราชนำน้ำแกงบำรุงมาถ้วยหนึ่งด้วย ทหาร นำน้ำแกงที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานเข้ามาซิ”
ได้ยินคำว่าน้ำแกง ซูเต๋อเหยียนกับนางแซ่หลี่ต่างสั่นสะท้านอย่างไม่อาจห้าม เห็นได้ชัดว่าเื่ที่ซูเต๋อเหยียนถูกวางยายังคงค้างคาอยู่ในใจ
น้ำแกงนี้ยังเป็อวี้เสวียนจียกมาอีก
เห็นแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องอกสั่นขวัญแขวนกันทั้งนั้น!
ขันทีน้อยรีบนำน้ำแกงที่บรรจุเต็มถ้วยทองมาวางตรงหน้านางแซ่หลี่ นางมองน้ำแกงสีเหลืองจาง ด้วยไม่รู้ว่าควรจะรับมาหรือไม่
ทว่านางกลับไม่กลัวว่าในน้ำแกงนี้ได้ใส่ยาทำให้แท้ง ถึงอย่างไรการตั้งครรภ์ของนางก็เป็เื่เท็จ
ทว่าหากนางรับน้ำแกงชามนี้มา ซูเต๋อเหยียนย่อมไม่วางใจ เกรงว่าเมื่ออวี้เสวียนจีจากไป เขาต้องเชิญหมอสักคนมาตรวจชีพจรของนางอีก ถ้าเป็เช่นนั้นจริง ไม่ใช่ว่าครรภ์เท็จของนางจะถูกเปิดโปงเอาหรือ?
แต่ถ้าไม่รับ นี่เป็น้ำแกงพระราชทานจากซ่งหลิงซิว หากไม่ดื่ม ไยมิใช่ไม่เคารพต่อฮ่องเต้หรือ?
รับไม่รับล้วนเป็เื่ผิด นางควรทำอย่างไร?
แต่ซูเต๋อเหยียนดูทุกสิ่งนี้อยู่ในสายตา ร้อนใจจนทนไม่ไหว
เขาย่อมต้องไว้ใจซ่งหลิงซิว เพียงแต่ทั้งนี้น้ำแกงชามนี้ได้ผ่านมือของอวี้เสวียนจีแล้ว เขาจะไว้ใจอวี้เสวียนจีได้อย่างไร?
คิดถึงตรงนี้ เขารีบเอ่ยปาก “เมื่อครู่ภรรยาเพิ่งดื่มยาบำรุงครรภ์ไป ตอนนี้ยังไม่กระหาย ก็ให้คนเอาน้ำแกงไปเก็บที่ห้องครัวก่อนดีกว่าไหม รอนางกระหายแล้วค่อยดื่ม?”
ได้ยินวาจาแบบนี้ นางแซ่หลี่รีบเออออตาม “ใช่ๆ ๆ ข้าน้อยยังอิ่มมาก รอสักครู่ค่อยดื่มเ้าค่ะ”
ดื่ม? กลัวว่าพอเขาจากไปทันที พวกเขาก็รีบเทน้ำแกงทิ้ง นี่เห็นเขาเป็คนโง่อย่างนั้นหรือ?
อวี้เสวียนจีส่งเสียงในลำคออย่างเ็าคราหนึ่ง “น้ำแกงชามเดียว คาดไม่ถึงว่าพวกเ้ากลับใช้ข้ออ้างว่าอิ่มเกินไปมาผลักให้พ้นๆ ไป เห็นได้ชัดว่าดูถูกความกรุณาของฝ่าา หรือพวกเ้าคิดก่อฏ?”
น้ำแกงชามเดียวถูกลากไปถึงเื่ก่อฏ พูดจาก้าวะโแบบนี้เกือบจะทำให้ซูเฟยซื่อแทบหลุดขำ
ซูเต๋อเหยียนยิ่งตื่นตระหนกจนรีบคุกเข่าลง “ไม่ๆ ๆ วาจาท่านอ๋องเก้าพันปีหนักเกินไปแล้ว ต่อให้ข้าน้อยมีสิบขวัญก็ไม่กล้าก่อฏ เพียงแต่น้ำแกงนี้...”
“น้ำแกงนี้ทำไมเล่า?” อวี้เสวียนจีมองซูเต๋อเหยียนอย่างชั่วร้ายแวบหนึ่ง ประกายกระหายเืในตาหงส์วูบไหว ราวกับภายในซ่อนไว้ด้วยราชันปีศาจยิ่งใหญ่ดุร้ายตนหนึ่งที่สามารถพุ่งทำลายโซ่ตรวนออกมากินคนได้ทุกเมื่อ
“น้ำแกงนี้” ซูเต๋อเหยียนร้อนใจจนเหงื่อเม็ดโตผุดพรายเต็มหน้าผาก แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้
ซูเฟยซื่อเห็นเช่นนี้ ก็เอ่ยปากตรงๆ “แม่ใหญ่กลัวขม ไม่รู้ว่ารสชาติของน้ำแกงเป็อย่างไรด้วย?”
ใครๆ ต่างคาดคิดไม่ถึงว่าซูเฟยซื่อจะพูดขึ้นในเวลานี้ ต่างพากันมองนางด้วยความประหลาดใจ
ในดวงตาซูเต๋อเหยียนยิ่งเต็มไปด้วยความหวัง
ในเวลานี้ เขากลับคิดถึงความดีของซูเฟยซื่อ
ยิ่งจำได้ว่าความทุกข์ยากลำบากของจวนอัครมหาเสนาบดีหลายครั้งในก่อนหน้านี้ ต่างเป็ซูเฟยซื่อช่วยแก้ปัญหาทั้งสิ้น เกรงว่าครั้งนี้...
อวี้เสวียนจียิ้มเล็กน้อย ซูเฟยซื่อถามแบบนี้เพราะคิดสืบค้นเป้าหมายในการมาที่นี่ของเขา ยิ่ง้ารู้ว่าเจตนาการใช้น้ำแกงนี้ ที่แท้เป็อะไร “รสชาติของน้ำแกงนี้ไม่เลว ถ้าคุณหนูไม่เชื่อสามารถลองชิมสักครา ทหาร นำช้อนน้ำแกงมาให้คุณหนูสาม”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น นางแซ่หลี่พลันโล่งอก
นั่นเป็ความคิดที่ดี ให้ซูเฟยซื่อชิมก่อน เช่นนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าน้ำแกงชามนั้นจะมีพิษอีก
ก็ต่อให้มีพิษเป็ซูเฟยซื่อก็ต้องเสียชีวิตก่อน
ทางซูเต๋อเหยียนก็ลอบดีดลูกคิดรางแก้วเงียบๆ ก็ว่าใช้บุตรสาวคนหนึ่งแลกบุตรชายคนหนึ่ง นั่นนับคุ้มค่า!
อืม นางแซ่หลี่ต้องดื่มน้ำแกง ซูเต๋อเหยียนก็คิดแผนทำทุกอย่างเพื่อยับยั้ง ดูราวกับไม่กลัวว่าจะโดนข้อกล่าวหาเื่ก่อฏ
ตอนนี้นางกำลังจะดื่มน้ำแกง แต่ซูเต๋อเหยียนกลับไม่ได้พูดอะไรสักคำ การปฏิบัติที่แตกต่างกันนี้จะไม่ทำให้ผู้คนหวั่นใจได้อย่างไร
โชคดีที่ไม่ได้เป็ซูเฟยซื่อตัวจริง มิฉะนั้นนางคงะโลงแม่น้ำฆ่าตัวตายเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจไปตั้งนานแล้ว
“ในเมื่อท่านอ๋องเก้าพันปีบอกว่าน้ำแกงนี้รสชาติดี ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องใช้ช้อนแล้ว ข้าดื่มเองก็ได้” กล่าวจบ ซูเฟยซื่อก็ถือชามในมือของนางแซ่หลี่มา
เห็นตาทั้งคู่ของนางแซ่หลี่กับซูเต๋อเหยียนจ้องมองนางนิ่งๆ ก็ยกดื่มคำโต ก่อนจะขยับยิ้มมุมปาก “เป็น้ำแกงยาบำรุงที่ดีตามคาด น่าเสียดายว่าเป็น้ำแกงที่ฮ่องเต้พระราชทานแก่แม่ใหญ่ แต่เพราะแม่ใหญ่ยังอิ่ม เช่นนั้นข้าช่วยนางดื่มก็ได้”
น้ำแกงนี้มีพิษหรือไม่ นั่นก็ชัดเจนมากแล้ว นางแซ่หลี่รีบคว้าชามจากมืออีกฝ่าย ใบหน้าเสียดายเต็มประดา “นี่เป็ของพระราชทานจากฝ่าา จะให้คนอื่นดื่มแทนได้อย่างไร?”
ในเมื่อรู้ว่าน้ำแกงนี้เป็ของดี แล้วเมื่อครู่ทำไมไม่ดื่มเองเล่า!
ซูเฟยซื่อมองค้อนในใจอย่างนึกดูถูก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา
อวี้เสวียนจีให้นางดื่มน้ำแกงชามนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าน้ำแกงไม่มีปัญหาจริงๆ แต่ในเมื่อไม่มีปัญหาแล้ว ทำไมอวี้เสวียนจีต้องส่งมาเป็พิเศษกันเล่า?
ตามความเข้าใจของนางที่มีต่ออวี้เสวียนจี แต่ไรมาเขาไม่เคยทำเื่ที่ไร้ประโยชน์ทั้งไร้สาระแบบนี้ เป้าหมายของเขาที่แท้คืออะไรอีก?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้