หลิวเต้าเซียงมองไปที่จางกุ้ยฮัวที่ไม่ยอมทนอีกต่อไป พลันทอดถอนใจว่าขอเพียงบ้านฝั่งมารดามีกำลัง เวลาแต่งออกเรือนไปจึงจะมีที่ยืนอย่างมั่นคงจริงๆ
ตอนนี้คนในหมู่บ้านต่างก็รู้ว่าน้องชายของจางกุ้ยฮัวได้ดี ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีใครคอยหนุนหลังพี่สาวคนนี้อีกต่อไป
“เช่นนั้นก็ดี แล้วเงินที่ซานกุ้ยเก็บมาได้ก้อนนั้นเล่า? ถึงอย่างไรก็ควรนำมาตอบแทนพวกข้าที่เป็พ่อแม่ครึ่งหนึ่งสิ” หลิวฉีซื่อเอ่ยปากทีราวกับสิงโตอ้าปาก
นางซื้อบ้านพร้อมที่นามาแต่ยังไม่ออกดอกออกผล ทั้งยังต้องทุ่มเข้าไปหลายร้อยตำลึง ส่วนที่หมู่บ้านสามสิบลี้ ครอบครัวของนางยังต้องสร้างบ้านเอ้อร์จิ้นย่วนที่ใช้หลังคากระเบื้องหินดำ ส่วนบุตรชายและหลานชายทั้งหลายก็แบมือขอเงินเพียงอย่างเดียว
ในอดีตยังพอได้เงินจากการขายหมูไม่กี่ตัว แต่ตอนนี้ในบ้านไม่มีจางกุ้ยฮัวแล้ว ส่วนชุ่ยหลิวก็โตในจวนตระกูลหวง ไม่เข้าใจเื่เหล่านี้ ส่วนอิงเอ๋อร์ก็เป็เด็กรับใช้ของหลิวเสี่ยวหลัน จึงให้นางปรนนิบัติแต่บุตรสาว ไม่มีเวลาว่างมาดูแลเื่เหล่านี้
เมื่อเป็เช่นนี้ ไก่ เป็ด และหมูในบ้านจึงไม่อาจเลี้ยงได้อีกต่อไป หลิวฉีซื่อสูญเสียแหล่งรายได้ก้อนใหญ่ไป
อีกทั้งบรรดาฮูหยินเซียงเซิน ั้แ่รู้ข่าวว่าครอบครัวของนางมีการแยกบ้าน ก็ไปมาหาสู่กับนางน้อยลง ยังมีบางคราที่หลิวฉีซื่อไปถึงบ้าน อีกฝ่ายก็หาข้ออ้างบอกว่าไม่อยู่บ้าน
เื่เหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทุกคนได้รับข่าวลือเื่บิดามารดาของหลิวเต้าเซียงได้รับพิษ
แต่หลิวฉีซื่อไม่ได้กล่าวโทษตนเอง นางโทษจางกุ้ยฮัวที่เป็ดาวกาลกิณี กระทั่งย้ายออกไปก็ทิ้งความอัปมงคลไว้ให้ที่บ้าน
หลี่เจิ้งที่อยู่ด้านข้างเริ่มทนฟังไม่ไหวจึงวางจอกเหล้าอย่างแรง จากนั้นเอ่ยกับหลิวต้าฟู่ที่นั่งดื่มเป็เพื่อนว่า “เ้าทนดูต่อไปได้หรือ อย่าบอกนะว่า เ้าไม่รู้ว่าภรรยาของเ้ามีความคิดชั่วๆ อะไรอยู่”
ใบหน้าชราของหลิวต้าฟู่แดงเล็กน้อย “ข้าจัดการนางไม่อยู่หรอก อีกอย่าง ซานกุ้ยก็ไม่มีลูกชายสืบทอดสกุล ข้าทั้งสองก็คงไม่ใช้จ่ายเงินของเขาไปเรื่อย ต่อไป หากเขามีทายาท ก็คงเก็บไว้ให้เด็กคนนั้นย่อมได้”
หลี่เจิ้งโกรธจนแทบหงายหลัง “หลิวต้าฟู่ เหตุใดที่ผ่านมาข้าจึงไม่รู้ว่าเ้าไร้ความสามารถเช่นนี้? ภรรยาของเ้าว่าอย่างไรก็ตามนั้นหรือ? ฮึ เ้าไม่สน แต่เื่นี้ ข้าสนแน่”
บุรุษที่ดีไม่สู้กับสตรี
หลี่เจิ้งคงไม่มานั่งตอแยหรือปะทะกับหลิวฉีซื่อด้วยการใช้วาจา เช่นนั้นคงถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้
เขาเหลือบมองไปที่ภรรยา ท่านย่าหวงจึงพยักหน้าให้
เขาวางตะเกียบลงจากนั้นก็ขอขมากับผู้าุโทั้งหลายบนโต๊ะ ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาหลิวฉีซื่อ “ฉีหรุ่ยเอ๋อร์ เหตุใดเ้าจึงรู้ว่ากุ้ยฮัวจะไม่ให้กำเนิดลูกชาย? พวกนางสองสามีภรรยาเองก็ยังหนุ่มยังสาว เ้าเองก็เพิ่งให้กำเนิดเสี่ยวหลันเมื่อไม่ถึงสิบปีที่ผ่านมาไม่ใช่หรือ?”
“นี่ไม่เกี่ยวกัน เขาเก็บเงินได้ เราเลี้ยงเขามาจนโตป่านนี้ หรือว่าไม่ควรให้เงินยามแก่เฒ่ากับพวกข้าเลยหรือ?” หลิวฉีซื่อยืนกรานหนักแน่นว่านั่นเป็เงินที่หลิวซานกุ้ยเก็บได้
ท่านย่าหวงเหลือบมองนางอย่างดูแคลน ไหนบอกว่าบ้านตนเองรวยนักรวยหนามิใช่หรือ ลำพังเงินหนึ่งร้อยตำลึงยังจ้องตาเป็มัน ช่างน่าขายหน้าแทนจวนตระกูลหวงเหลือเกิน
“เ้าเห็นกับตาหรือ?”
“ทุกคนรู้ดี แม้ว่าข้าจะไม่เห็นกับตาแล้วเกี่ยวอะไรด้วย” ถึงอย่างไรหลิวฉีซื่อก็ตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ว่า้าเงินก้อนนั้น
ท่านย่าหวงยิ้ม “ข้าว่า ฉีหรุ่ยเอ๋อร์ เ้าคงตกสู่กับดักของเงินจนตาบอดแล้วล่ะ คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าเงินนี้มีที่มาอย่างไร แต่ข้าจะไม่รู้เชียวหรือ? ก่อนหน้านี้ซานกุ้ยได้นำจดหมายกับตั๋วเงินของจางอวี้เต๋อที่เขียนให้พี่สาวมาที่บ้านข้า ตามที่จางอวี้เต๋อได้ระบุไว้คือ เขาออกเงินหนึ่งร้อยตำลึงเป็สินเ้าสาวให้พี่สาวตนเอง ที่ดินรกร้างตรงหน้าบ้านกับที่ดินหลังเนินเขาเล็กด้านหลังล้วนเป็สมบัติของจางกุ้ยฮัว พวกเ้าเบิ่งตาให้กว้าง อย่าได้เข้าใจผิดว่าเป็ของตนเองอีกเลย ถึงตอนที่ถูกขับไล่ออกมา ข้าไม่ช่วยเกลี้ยกล่อมหรอกนะ!”
คําพูดของนางทำให้ทุกคนในหมู่บ้านเข้าใจว่า พื้นหลังของจางกุ้ยฮัวนั้นหนักแน่นมากเพียงพอ อีกแง่หนึ่งก็เป็การฉีกหน้าฉีหรุ่ยเอ๋อร์อย่างแรง
“ฉีหรุ่ยเอ๋อร์ เป็อย่างไร เ้ายัง้าให้ซานกุ้ยนำเงินออกมาหรือ? หรือว่า เ้ามีจุดประสงค์กับเงินสินเ้าสาวของกุ้ยฮัว? เ้ายังมียางอายอยู่อีกหรือ? ข้าจำได้ว่าในหนังสือแยกบ้าน พวกเ้าเขียนระบุชัดเจนว่าซานกุ้ยได้รับเพียงบ้านผุพังหลังนี้กับที่นาสองไร่ เพราะฉะนั้นจำเป็ต้องตอบแทนพวกเ้าทั้งคู่ปีละสองตำลึง ทรัพย์สมบัติที่เหลืออีกส่วนใหญ่ก็ถูกเ้าแบ่งให้ลูกชายคนอื่นๆ ไปหมด ซานกุ้ยที่น่าสงสาร นึกถึงสมัยอดีตที่ข้าเป็คนช่วยทำคลอดเองกับมือ เด็กน้อยที่ตัวเล็ก ตอนนี้รู้จักว่าอยากเล่าเรียน ข้าว่าปู่ของเ้าที่อยู่อีกภพภูมิคงนอนตายตาหลับแล้ว”
ทุกสิ่งบนโลกล้วนเป็ของชั้นล่าง มีเพียงการเล่าเรียนที่สูงส่ง
หลิวซานกุ้ยได้เปลี่ยนสถานะจากชายขาเปื้อนโคลนมาเป็ผู้มีการศึกษาในชั่วขณะนั้น คนในหมู่บ้านมองเขาด้วยสายตาที่นับถือมากขึ้น
ท่านย่าหวงเหลือบมองหลิวฉีซื่อที่ใบหน้าเปลี่ยนไปโดยทันที จึงเอ่ยอย่างยิ้มแย้มมีความสุขว่า “จะว่าไป ที่นาของพวกเ้าก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยหลังจากที่เขากำเนิดมา”
หลิวฉีซื่อมีไฟโมโหปะทุอยู่ในทรวงอก แต่นางก็ไม่กล้าผิดใจกับฮูหยินหลี่เจิ้ง
แม้ว่านางจะมีจวนตระกูลหวงเป็ที่พึ่ง แต่ตระกูลหวงก็เป็ตระกูลขุนนาง เพียงแต่ว่า คนที่ร้ายกาจที่สุดคือแม่ทัพ
ดังนั้นท่านย่าหวงจึงไม่กลัวฉีหรุ่ยเอ๋อร์ แต่นางก็ไม่จงใจไปตอแยนาง
แต่เพื่อประโยชน์ของหลานชายคนโต ท่านย่าหวงจึงขอยอมก้าวก่าย
ที่น่าแปลกคือคำพูดสบายๆ เพียงไม่กี่คำของท่านย่าหวง กลับทำให้หลิวฉีซื่อหนีหัวซุกหัวซุน?
หนีไปแล้ว!
หลิวเต้าเซียงมองฉากนี้ด้วยท่าทีงุนงง เพราะนางก็เตรียมพร้อมรับมือกับศึกครั้งใหญ่เช่นกัน
หลิวฉีซื่อหายไปแล้ว แต่...
ในตอนอาหารค่ำมีคนมาคุยกับจางกุ้ยฮัว ยามนั้นหลิวเต้าเซียงที่กำลังเล่นอยู่ข้างๆ ก็ได้ยินด้วย
“กุ้ยฮัว ไหใส่น้ำมันหมูที่เพิ่งเจียวใหม่ๆ ของบ้านเ้าไม่เห็นแล้ว ไม่รู้เ้าบ้าที่ไหนแอบหยิบไป”
จางกุ้ยฮัวมีอาการปวดศีรษะเล็กน้อย วันนี้ยุ่งทั้งวัน นางจึงค่อนข้างเหนื่อยล้า และแรงกายไม่เอื้ออำนวย
หลิวเต้าเซียงเห็นว่าสีหน้าของมารดาไม่ค่อยดีนัก จึงรีบถาม “ท่านป้า ไหน้ำมันหมูข้าเคยเห็น น่าจะหนักยี่สิบชั่งเศษ ไหใบใหญ่เช่นนี้ใครอุ้มไปก็น่าจะมีคนเห็น”
ป้าท่านนั้นเองก็รู้สึกว่ามีเหตุผล เมื่อเห็นท่าทีของจางกุ้ยฮัวไม่ดีนักจึงเกลี้ยกล่อมให้นางไปพักผ่อน และตั้งใจไปหาที่ห้องครัวอีกรอบ
ท้ายที่สุดก็หาไหน้ำมันหมูไม่เจอ
แต่ว่า...
เด็กๆ ในหมู่บ้านทุกคนที่ได้มากินกับข้าวดีๆ ที่อมน้ำมัน แล้วยังได้กินลูกอม ย่อมเห็นแก่ความดีของครอบครัวนาง
เมื่อรู้ว่าน้ำมันหมูที่บ้านนางหายไป ไม่นานนักก็มีเด็กน้อยคนหนึ่งมารายงาน
มีคนเห็นว่าท่านย่าของนางโมโหและออกจากบ้าน แต่ตอนที่เดินไปถึงประตู ก็เลี้ยวกลับเข้ามาอุ้มไหน้ำมันหมูออกไป ขณะที่เดินออกไปในมือของหลิวเสี่ยวหลันก็หิ้วไก่ย่างไปด้วยสองตัว
หลิวเต้าเซียงมองท้องฟ้าอย่างไร้ซึ่งคําบรรยาย...
เหตุใดหลิวฉีซื่อช่างน่ารังเกียจถึงเพียงนี้?
นางหยิบแผ่นทองแดงยื่นให้เด็กน้อยสองอีแปะ ให้เขาไปซื้อของกิน
เพียงชั่วข้ามคืน คนในหมู่บ้านก็รู้โดยทั่วกันถึงเื่ที่หลิวฉีซื่อมือเท้าไม่สะอาด
ส่งผลให้เมื่อใดที่บ้านไหนมีผักหายไป หรือแตงหายไป ก็จะโยนไปที่หลิวฉีซื่อ
หลิววั่งกุ้ยออกจากบ้านก็ถูกคนพูดแซะ ต่อมาเมื่อรู้เื่ที่มารดาก่อไว้ จึงแบกตะกร้าตำราด้วยใบหน้าที่หมองคล้ำและเหมาเกวียนวัวของเหล่าหวังตรงดิ่งเข้าตำบลไป บอกว่าก่อนตรุษจีนจะไม่กลับมาอีก ต้องทบทวนตำราให้มาก
หลิวฉีซื่อยังคงมีความสุข ดูสิ บุตรชายของตนรักความก้าวหน้าเพียงใด ต่อไปต้องสอบติดจอหงวนแน่นอน
จะว่าไปหลิววั่งกุ้ยเองก็เป็คนที่จิตใจอ่อนไหว แม้ว่าจะจากบ้านไปเรียนเพราะความไม่ชอบใจ แต่ลึกๆ ในใจก็ยังคิดถึงชุ่ยหลิวอยู่
ในตอนบ่ายหลิวฉีซื่อพาหลิวเสี่ยวหลันไปเยี่ยมเยียนบ้านของเหล่าเซียงเซิน หากไม่ไปมาหาสู่ก็คงไม่ได้ ปีนี้เดิมทีมีฮูหยินเซียงเซินหลายบ้านบอกว่าจะเชิญนางไปสอนคุณหนูเย็บปัก แต่แล้วหากไม่อ้างว่าคุณหนูเ่าั้ไปเที่ยวบ้านญาติยังไม่กลับ พวกเขาก็จะอ้างว่าบุตรสาวถูกตามใจจนเคยชิน ไม่อยากเรียนแล้ว อีกทั้งเหล่ามารดาเองก็ไม่อยากบังคับฝืนใจ
ด้วยเหตุนี้ เื่นี้จึงยืดเยื้อไม่มีบทสรุปเสียที
หลิววั่งกุ้ยใช้ประโยชน์จาก่เวลาที่มารดาพาน้องสาวของเขาออกไป ดึงชุ่ยหลิวเข้าไปในห้องตำรา ส่วนที่ว่าพาไปทำอะไรกัน ถึงอย่างไรคนนอกก็ไม่มีใครรู้ แต่เมื่อชุ่ยหลิวออกมาใบหน้าก็แดงระเรื่อดุจดอกท้อ หลิววั่งกุ้ยจูงมือนาง ทั้งจูบทั้งหอม
โชคดีที่ประตูลานบ้านของบ้านตระกูลหลิวปิดอยู่
“คุณชายสี่จะไปจริงหรือ? หากท่านไปแล้ว ใครจะปกป้องข้า?”
ชุ่ยหลิวแสดงท่าทีกังวลใจ หลิวฉีซื่อไม่ใช่เ้านายที่ดี ทั้งยังใจร้ายเหี้ยมโหด นางต้องรีบหาที่พึ่ง
หลิววั่งกุ้ยเองก็จนปัญญา เขายังใช้เงินของมารดา หากไม่ทำตัวเชื่อฟัง มารดาผู้ร้ายกาจคงจะหักเงิน
เขาใช้ชีวิตประดุจคุณชายมานาน จะให้ประหยัดอดออมได้อย่างไรกัน
“ชุ่ยหลิวคนดี หากเ้าคิดถึงข้า ก็ไปหาข้าที่ตำบล เ้าเคยบอกว่าเหตุใดไม่ไปที่สถาบัน ก็เพราะข้าทิ้งเ้าไม่ลง คราวนี้เ้าวางใจได้ ข้าจะไปเช่าบ้านพักที่ตำบล เมื่อเ้ามา เราก็จะได้ไม่ถูกใครรบกวน อยากจะทำอะไรก็ทำ!”
ขณะที่พูดเขาก็ใช้นิ้วชี้เชยคางของชุ่ยหลิวที่กำลังเขินอาย ยิ้มแล้วเอ่ย “น้ำค้างหลังฝนตก หมายถึงแม่นางชุ่ยหลิวผู้อ่อนหวาน”
“ก็ได้ ท่านรีบไปเถิด เดี๋ยวคนได้ยิน”
ชุ่ยหลิวเขินจริง หลิววั่งกุ้ยทำใจจากไปไม่ลงจึงเอื้อมมือไปโอบเอวของนางอีกหน “นี่คือการฉวยโอกาส...”
ชุ่ยหลิวทำท่าจะตีเขา หลิววั่งกุ้ยก็คว้าข้อมือของนางไว้ “เป็เด็กดีรออยู่ที่บ้าน สองวันนี้ข้าจะไปหาบ้านเช่า ถึงตอนนั้นเ้าก็หาข้ออ้างออกมาหาข้า”
ทั้งสองพลอดรักกันใต้ระเบียงอีกหนึ่งรอบ จากนั้นจึงแยกกัน
หลังจากหลิววั่งกุ้ยจากไป หมู่บ้านสามสิบลี้ก็อยู่ในความสงบอีกครั้ง ความสนใจของทุกคนพุ่งไปที่การเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิ
หลิวซานกุ้ยไปที่ตำบลแต่เช้าเพื่อซื้อลาดีหนึ่งตัว ลาตัวนั้นอายุเพียงหนึ่งปี ฟันยังดีอยู่ เนื่องจากเกาจิ่วเห็นเกวียนลาก่อนหน้านี้จึงรู้ว่าเขาจะซื้อลา จึงรับจัดการดูแลเื่นี้และบอกให้เขามารับในวันรุ่งขึ้น
คนที่มีความสุขที่สุดในบ้านเห็นจะเป็จางกุ้ยฮัวกับหลิวชิวเซียง นี่หมายถึงอะไร มันหมายถึงครอบครัวของตนกำลังจะรุ่งเรืองแล้ว จางกุ้ยฮัวถึงกับรู้สึกว่าฮวงจุ้ยที่บ้านเดิมนั้นไม่ดี พอออกจากบ้านเดิมไม่เท่าไร บุตรสาวสองคนก็ดูมีชีวิตชีวาและสวยงามมากขึ้น
วันที่ยี่สิบเดือนสาม หลิวสี่กุ้ยส่งคนให้มารับสองสามีภรรยาหลิวต้าฟู่ไปพักที่จังหวัด
หลิวต้าฟู่มาที่บ้านและบอกกล่าวกับหลิวซานกุ้ยว่าอย่าลืมที่นาของบิดามารดาด้วย จึงมอบหมายให้เขาช่วยดูแล
“น้องรองได้ยินหรือไม่ ท่านปู่บอกว่า ท่านปู่ ท่านย่า และอาเล็กจะไปพักที่ตัวเมือง!”
“เอ ข้าไม่รู้” สองพี่น้องกำลังนับลูกไก่ พวกนางได้ลูกไก่กลับมาที่บ้านวันละร้อยถึงสองร้อยตัว ตอนนี้ในบ้านมีสามร้อยกว่าตัวแล้ว
ราคาที่นางบอกกับจางกุ้ยฮัวคือ ตัวละหนึ่งอีแปะครึ่ง ซึ่งเท่ากับราคาในตำบล
และเพราะเหตุนี้ จางกุ้ยฮัวจึงไม่ได้สงสัยนาง
เพราะการขอค้างจ่ายพันธุ์ลูกไก่ไว้ก่อนแล้วยังขอลดราคานั้น ย่อมเป็ไปไม่ได้
-----
