“โฮก”
บริเวณกลางป่าใกล้กับเขตป่าลึกบนเทือกเขาอันหนานได้ปรากฏเสียงคำรามดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด เวลานี้เด็กหนุ่มสองคนหนึ่งถือดาบหนึ่งถือกระบี่กำลังเผชิญหน้ากับพยัคฆ์ร้ายขนสีโลหิตตัวหนึ่ง
พยัคฆ์ร้ายตัวนี้มีความยาวหนึ่งจั้ง* และมีขนสีแดงโลหิตปกคลุมทั่วทั้งตัว มันเปล่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างดุร้าย เขี้ยวคมสองซี่ด้านหน้าของมันมีความยาวเท่ากับกริชสั้นเล่มหนึ่ง
(*1 จั้งเท่ากับ 2.5 เมตร)
พยัคฆ์โลหิต สัตว์อสูรระดับจื่อฝู่!
มู่เฟิงและมู่ขวงต่างหันมามองสบตากัน จากนั้นพวกเขาได้แยกกันเคลื่อนไหวไปฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ก่อนที่คนทั้งคู่จะพุ่งเข้าจู่โจมพยัคฆ์โลหิตในเวลาเดียวกัน
ดวงตาสีทองเข้มของพยัคฆ์โลหิตจ้องมองเด็กหนุ่มทั้งสองที่กำลังพุ่งเข้ามาจู่โจมมันอย่างเหยียดหยาม จากนั้นมันก็ได้เลือกที่จะกระโจนเข้าหามู่เฟิงก่อนเพื่อหวังจะสังหาร
พยัคฆ์โลหิตะโออกไปไกลเจ็ดถึงแปดเมตร มันเปิดปากเปื้อนเืเตรียมพุ่งเข้ากัดมู่เฟิง คนที่บังอาจมาท้าทายความยิ่งใหญ่ของมัน มันจะกลืนกินอีกฝ่ายไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก
มู่เฟิงะโถอยหลังกลับในทันที ส่งผลให้พยัคฆ์โลหิตงับได้เพียงอากาศว่างเปล่าเท่านั้น และในเวลาเดียวกัน มู่เฟิงก็ง้างกระบี่ขึ้นและฟันลงไปยังร่างของพยัคฆ์โลหิตอย่างรวดเร็วและดุดัน
พยัคฆ์โลหิตกางกรงเล็บและตบไปทางมู่เฟิงในทันที เป็ผลให้กระบี่ของมู่เฟิงกระทบเข้ากับกรงเล็บของมันจนเกิดเป็เสียงโลหะกระทบกัน
ด้วยพละกำลังที่มหาศาลของพยัคฆ์โลหิต ทำให้มู่เฟิงต้องถอยหลังออกไปสองก้าว
“ตายเสียเถอะ!”
ทันใดนั้นเอง มู่ขวงก็กระโจนเข้ามาพร้อมกับดาบในมือ เขาฟันดาบลงเหนือศีรษะของสัตว์อสูร จากเสียงทะลวงผ่านอากาศของดาบ สามารถบ่งบอกได้ว่าดาบนี้ทรงพลังมากเพียงใด
หางของพยัคฆ์โลหิตตวัดไปยังหน้าอกของมู่ขวงราวกับแส้เหล็ก เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นและปรากฏรอยแผลเป็ทาง แรงมหาศาลของมันทำให้มู่ขวงกระเด็นออกไปไกล
“เคล็ดดาบคลั่ง”
คราวนี้มู่เฟิงได้ใช้กระบี่ในมือแทนตัวดาบ เขากระโจนร่างขึ้นกลางอากาศก่อนจะบิดตัวและฟาดกระบี่ไปทางพยัคฆ์โลหิตอย่างรุนแรง
ถึงอย่างไรพยัคฆ์โลหิตก็ไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นมันจึงไม่อาจต้านทานทักษะพลังปราณได้ เมื่อถูกกระบี่เล่มนั้นฟาดฟันลงมา มันจึงทำได้เพียงร้องคำรามด้วยความเ็ป
“หมัดทะลวงลมปราณ!”
หลังมู่เฟิงดึงกระบี่กลับไปแล้ว เขาได้ใช้พลังหมัดโจมตีออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหมัดนี้ของเขาเป็การะเิพลังปราณจากเส้นลมปราณทั้งหมดสิบสองจุด หมัดที่เปล่งออร่าแสงสีขาวได้พุ่งกระแทกหัวของพยัคฆ์โลหิตเข้าอย่างจัง
เปรี้ยง!
ปรากฏเป็เสียงกระแทกหมัดดังสนั่น ร่างขนาดั์ของสัตว์อสูรที่มีน้ำหนักมากกว่าเจ็ดร้อยถึงแปดร้อยจินได้กระเด็นออกไปไกลสี่ถึงห้าเมตร พยัคฆ์โลหิตกระอักเืออกมาจากปาก มันไม่สามารถพยุงร่างของตัวเองให้ลุกขึ้นมาได้ชั่วขณะ
“ตายเสีย!”
มู่เฟิงเสือกไสเสียบแทงกระบี่ใส่มันอย่างเหี้ยมโหด คมกระบี่แทงทะลุหัวของพยัคฆ์โลหิตในทันที ถือเป็การจบความเ็ปและพรากลมหายใจของมันไปอย่างสมบูรณ์
มู่ขวงขยับลุกขึ้นจากพื้นพลางปัดฝุ่นออก เขามองไปยังมู่เฟิงด้วยความใ หากจะให้เขาทำเช่นอีกฝ่ายเกรงว่าคงไม่อาจทำได้
“พี่เฟิง พลังหมัดของท่านช่างน่ากลัวนัก เกรงว่าหากเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีวรยุทธ์ต่ำกว่าระดับจื่อฝู่ขั้นสามคงได้รับาเ็หนัก หรือกระทั่งอาจจะถึงตายเลยก็ได้เลย”
มู่ขวงอุทานออกมาด้วยความใ
มู่เฟิงยิ้มบาง เวลานี้เส้มลมปราณของเขาสามารถกักเก็บพลังปราณได้มากถึงสิบสองจุดแล้ว ดังนั้นเมื่อเขาะเิพลังปราณออกมา มันย่อมเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่
เพียงแต่วรยุทธ์ระดับทงม่ายของเขายังไม่สามารถปลดปล่อยพลังปราณออกมาสู่ภายนอกได้
“ข้าจะใช้เืของพยัคฆ์โลหิตตัวนี้ทำการฝึกฝนก่อนแล้วกัน”
มู่เฟิงยกยิ้มก่อนจะกล่าวกับมู่ขวงโดยไม่ได้สนใจคำพูดของอีกฝ่ายมากนัก เด็กหนุ่มอีกคนพยักหน้าและทำหน้าที่คอยปกป้องมู่เฟิงเหมือนเช่นทุกที
มู่เฟิง้าพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาให้เร็วที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะเริ่มดูดซับพลังเืจากพยัคฆ์โลหิต และในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ได้หยิบไข่ฟองสีขาวออกมาก่อนจะวางมันไว้ด้านข้าง
พลังเืที่ถูกกลั่นออกมาหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้โดยไม่ทันคาดคิดพลังเืส่วนน้อยยังได้ถูกไข่พญางูเหลือมดูดซับเข้าไปอีกด้วย
จุดตันเถียนจื่อฝู่บริเวณหน้าท้องส่วนล่างของมู่เฟิงเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาเล็กน้อย พลังเืที่เขาดูดซับเข้าไปกำลังหล่อเลี้ยงบริเวณนั้น เป็ผลให้มันได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาทีละน้อย...
หลังจากเข้ามายังเทือกเขาอันหนานนานกว่าครึ่งเดือน เด็กหนุ่มทั้งสองได้ล่าสังหารสัตว์อสูรไปแล้วหลายตัว และด้วยผลลัพธ์ของผลชิงหยวนที่มู่ขวงได้ดูดซับพลังปราณเข้าไป ทำให้เขาสามารถทะลวงขึ้นสู่ระดับจื่อฝู่ได้สำเร็จ อีกทั้งยังเป็ระดับจื่อฝู่ชั้นสูง สิ่งนี้ทำให้มู่ขวงรู้สึกตื่นเต้นอยู่พักใหญ่
ส่วนการที่เขาสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับจื่อฝู่ชั้นสูงได้นั้น คาดว่าอาจจะเป็เพราะร่างกายของเขาเคยผ่านการฝึกด้วยวิธีการผลาญโลหิตหลอมกายามาก่อน
สำหรับวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ของมนุษย์นั้นได้มีการแบ่งแยกระดับชั้นออกไปตามปริมาณของพลังปราณที่บรรจุอยู่ภายในเส้นลมปราณ โดยระดับชั้นที่สามารถบรรจุพลังปราณได้มากที่สุดก็คือระดับจื่อฝู่ชั้นยอด นอกจากนี้ยังมีระดับจื่อฝู่ชั้นสูง ระดับจื่อฝู่ชั้นกลางและระดับจื่อฝู่ชั้นต่ำ โดยเรียงลำดับจากปริมาณมากไปน้อย
หากยิ่งมีระดับชั้นที่สูงมากเท่าไร นั่นหมายถึงความจุของพลังปราณที่มากขึ้นเท่านั้น
กล่าวได้ว่าวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ชั้นต่ำนั้นบรรจุพลังปราณที่สามารถใช้ทักษะพลังปราณออกมาได้เพียงสามครั้งเท่านั้น ส่วนระดับจื่อฝู่ชั้นกลางจะสามารถใช้ทักษะพลังปราณออกมาได้หกครั้ง ซึ่งมากกว่าระดับจื่อฝู่ชั้นต่ำเป็เท่าตัว ส่วนระดับจื่อฝู่ชั้นสูงนั้นจะเหนือกว่าระดับจื่อฝู่ชั้นต่ำสามเท่า และสำหรับระดับจื่อฝู่ชั้นยอดจะเหนือกว่าระดับจื่อฝู่ชั้นต่ำถึงสี่เท่า
ในอดีตวรยุทธ์ของมู่เฟิงคือระดับจื่อฝู่ชั้นสูง
ซึ่งในความเป็จริงแล้วระดับชั้นของจื่อฝู่ เคล็ดวิชาการฝึก รวมถึงระดับขั้นของปราณกระดูกและทักษะร่างกาย ทั้งหมดนี้ล้วนมีความสัมพันธ์กัน
หากเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีปราณกระดูกขั้นสามหรือขั้นสี่ ย่อมสามารถทะลวงผ่านระดับจื่อฝู่ได้เพียงระดับชั้นธรรมดาเท่านั้นไม่มีทางเป็ระดับชั้นสูงได้ ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็ระดับจื่อฝู่ชั้นต่ำ
หากกล่าวกันตามหลักเหตุผล คุณสมบัติของมู่ขวงนั้นสามารถทะลวงเปิดได้เพียงระดับจื่อฝู่ชั้นกลางเท่านั้น แต่เวลานี้เขากลับสามารถทะลวงเปิดได้ถึงระดับจื่อฝู่ชั้นสูง เช่นนี้จะไม่ให้เขารู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร
เมื่อก้าวขึ้นสู่ระดับจื่อฝู่ นั่นหมายความว่าเขาได้ก้าวเข้าสู่ประตูแห่งการฝึกยุทธ์อย่างเป็ทางการ และได้กลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์อย่างแท้จริง สามารถปลดปล่อยพลังปราณออกมาสู่ภายนอกเพื่อสังหารผู้คนจากระยะไกลได้
ส่วนด้านมู่เฟิงนั้น เวลานี้เขาสามารถทะลวงผ่านเส้นสมปราณได้หมดทั้งสิบสองจุดแล้ว และหลังจากที่เขาได้ดูดซับพลังเืจากอสูรร้ายจำนวนสามตัว รวมถึงสัตว์อสูรอีกมากมาย ในที่สุดจุดตันเถียนจื่อฝู่ของเขาก็ได้รับการฟื้นฟู
จุดตันเถียนส่วนกลางของมู่เฟิงคือพื้นที่สำหรับกักเก็บพลังปราณส่วนหนึ่ง โดยปริมาณของพลังปราณที่ถูกบรรจุอยู่ภายในนั้นมีมากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ชั้นต่ำถึงสี่เท่า!
แน่นอนว่าทุกอย่างล้วนเป็ไปตามการคาดการณ์ ระดับชั้นจื่อฝู่ของมู่เฟิงที่ได้รับการฟื้นฟูกลับมานั้นมีระดับชั้นที่สูงขึ้นกว่าเดิม นั่นคือระดับจื่อฝู่ชั้นยอดซึ่งเป็ระดับชั้นสูงสุด!
เวลานี้เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นหนึ่งที่สามารถทะลวงผ่านเส้นลมปราณได้สิบสองจุด ดังนั้นพลังปราณที่เขามีจึงท่วมท้นเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกัน พลังปราณทั้งหมดได้พวยพุ่งมารวมกันบริเวณจุดตันเถียนจื่อฝู่ราวกับธารน้ำที่กำลังไหลหลาก จากนั้นมันก็ได้เกาะกลุ่มรวมตัวกันจนกลายเป็เกลียวคลื่นพายุสีขาวพิสุทธิ์!
เกลียวคลื่นพายุสีขาวพิสุทธิ์นี้ล้วนบรรจุด้วยพลังทั้งหมดในเส้นโลหิติญญาทั้งสิบสองจุด!
เวลานี้เด็กหนุ่มได้กลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นหนึ่งแล้ว
โดยปกติแล้วระดับจื่อฝู่ขั้นหนึ่งนั้นจะสามารถรวบรวมคลื่นพลังปราณได้มากสุดเพียงหนึ่งลูกเท่านั้น และเมื่อใดที่ก้าวขึ้นสู่ขั้นเก้า ถึงเวลานั้นจึงจะสามารถรวบรวมคลื่นพลังปราณภายในจุดตันเทียนได้เก้าลูก
เห็นได้ชัดว่าคลื่นพลังปราณนี้ของมู่เฟิงทั้งใหญ่และมีความเข้มข้นมากกว่าคลื่นพลังของคนอื่นอย่างชัดเจน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็ผลมาจากระดับจื่อฝู่ชั้นยอดและเคล็ดวิชาการฝึกอันล้ำเลิศของเขา
พรึ่บ!
มู่เฟิงลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาทอประกายแสงสีขาวออกมา รอยยิ้มตื่นเต้นผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาและเด็ดเดี่ยวของเด็กหนุ่ม
“วรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ ในที่สุดข้าก็สามารถฟื้นฟูมันกลับคืนมาได้แล้ว ว่านเอ๋อร์ เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าสามารถกลับคืนสู่ระดับจื่อฝู่ได้อีกครั้งแล้ว จ้าวเหิง เ้ารอก่อนเถอะ ในอนาคตเ้าจะได้ควักลูกตาตนเองเพื่อขอขมาต่อข้าแน่”
มู่เฟิงกำหมัดแน่น รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“พี่เฟิง ท่านฟื้นฟูวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่กลับมาได้แล้วหรือ?”
มู่ขวงเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น
“อืม”
มู่เฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
เด็กหนุ่มหยิบกระบี่ซึ่งเป็อาวุธปราณระดับต่ำออกมา ก่อนจะเริ่มโคจรพลังปราณภายในร่าง จากนั้นเขาก็ง้างกระบี่ขึ้นและตวัดมันไปทางต้นสนขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปสองเมตร
“เคล็ดวิชาดาบเปลวอัคนี!”
พลังปราณภายในเส้นลมปราณพลางเดือดพล่านขึ้นมา ฉับพลันนั้นพลังปราณสีแดงที่มีลักษะคล้ายกับเปลวไฟก็ได้ปรากฏขึ้น จากนั้นมันก็กลายเป็ลำแสงพลังปราณสีแดงเพลิงและกวาดออกไปยังต้นสนเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
ต้นสนเบื้องหน้าถูกตัดขาดลงในทันที หลังจากที่พลังปราณสีแดงเพลิงได้ผ่าต้นสนนี้แล้ว มันยังคงกวาดไปเบื้องหน้าต่ออีกสามเมตรก่อนที่จะสลายหายไปในที่สุด!
“อานุภาพแข็งแกร่งมาก!”
มู่เฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย อานุภาพของพลังกระบี่นี้แข็งแกร่งกว่าพลังระดับจื่อฝู่ขั้นหนึ่งทั่วไปมาก
เคล็ดดาบเปลวอัคนีคือเคล็ดวิชาธาตุไฟที่อยู่ในระดับธาตุทองขั้นต่ำ ในอดีตมู่เฟิงเคยฝึกเคล็ดวิชานี้มาก่อน เคล็ดวิชานี้ถือเป็ทักษะพลังปราณที่มีคุณลักษณะพิเศษ และเมื่อใดที่ใช้ทักษะพลังปราณที่มีคุณลักษะพิเศษออกมา พลังปราณที่ปรากฏย่อมถูกเปลี่ยนไปตามคุณลักษณะพิเศษของตัวเคล็ดวิชา
เดิมทีแล้วพลังปราณนั้นไม่ได้มีคุณลักษณะพิเศษอื่นใด แต่เมื่อใดที่มันถูกใช้ออกมาพร้อมกับทักษะพลังปราณที่มีคุณลักษณะพิเศษ รูปแบบของพลังปราณย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามคุณลักษณะพิเศษนั้น