หินกระจกเมฆาคือก้อนหินที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่เมื่อนำมาวางไว้บนมือกลับให้ความรู้สึกที่ร้อนและนุ่มนวลไหลเวียนไปมาเหมือนที่นางพูดไว้ไม่มีผิดว่าหินชนิดนี้เหมาะกับผู้ที่ใช้หัวใจการฝึกฝนระดับต่ำและยากที่จะบังคับพลังิญญาของตัวเอง ซ่งคนแบบนี้ยังมีอยู่อีกมากและซ้งเชียนก็เป็หนึ่งในนั้น หากเขาสามารถทำใจให้แน่วแน่คงจะบรรลุไปนานแล้ว
“สร้อยหินกระจกเมฆานี่เท่าไร?” ข้าถามขึ้น
นางมองอย่างสงสัยแล้วตอบกลับ“ข้าว่าถ้าเ้าซื้อของแบบนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะสำหรับผู้ฝึกฝนในขั้น์ของชิ้นนี้เปรียบได้กับดอกไม้ในแจกันที่จะมีหรือไม่มีก็ได้”
ข้าอดไม่ได้ที่จะยิ้มออก“ขอบคุณแม่นางที่ชี้แนะ แต่ข้าไม่ได้ซื้อไปใช้เองแต่จะซื้อไปให้เพื่อนต่างหาก”
“อ้อ”
นางเม้มปากเล็กๆแล้วพูดต่อ “สร้อยเส้นนี้จะบอกว่าแพงก็ไม่ใช่ จะบอกว่าถูกไปก็ไม่เชิงเพราะหาได้ยากในแผ่นดินหลงหลิง ราคาจึงอยู่ที่ประมาณห้าแสนไปจนถึงหนึ่งล้านเหรียญหลงหลิงอีกอย่างของชิ้นนี้ก็อยู่ในระดับสูงไม่น้อยหากข้าจะขายให้เ้าสักหนึ่งล้านเหรียญคงไม่แพงจนเกินไปใช่ไหมล่ะ?”
ข้าถึงกับชะงักเมื่อได้ยินราคาเงินทั้งชีวิตของข้ากับที่บ้านรวมกันยังได้แค่แปดถึงเก้าแสนเหรียญถ้าเกิดนางยืนยันจะขายหนึ่งล้านเหรียญจริงๆ ข้าคงไม่มีเงินซื้อแน่ๆ
ดวงตาที่เหมือนรู้ทันของนางมองมาก่อนจะว่าพลางยิ้ม“แต่ว่า...ถ้าเ้าอยากจะได้จริงๆ ข้าจะลดราคาขายให้เ้านิดหน่อยอย่างเช่นแค่สี่ห้าแสนเหรียญ แต่ว่าเ้าจะต้องรับปากข้าอย่างหนึ่ง
“เ้าว่ามาก่อนสิ”
“นับแต่นี้เป็ต้นไป ถ้าเ้าคิดอยากจะขายวัตถุดิบหรืออาวุธิญญาจะต้องนึกถึงหอเจ็ดเทพของเราเป็ที่แรก ขอเพียงแค่เ้ารับข้อเสนอนี้ข้าจะยอมขายในราคาห้าแสนเหรียญหลงหลิง เพราะราคาเดิมนั้นสูงถึงล้านเหรียญหลงหลิงดังนั้นเ้าจะต้องไตร่ตรองให้ดีๆ ล่ะ”
การยอมทำตัวใจกว้างเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ทางค้าขายถือว่านางรู้จักลู่ทางการทำธุรกิจอยู่ไม่น้อย
ข้าพยักหน้ารับแล้วตอบไป“มันก็ไม่ได้เป็ข้อเรียกร้องที่มากจนเกินไปแต่ขอบอกเ้าไว้ก่อนว่าของที่ข้าเอามาขายไม่ใช่ของดีอะไรร้านหอเจ็ดเทพมีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อเทียบกันแล้วของของข้าก็เหมือนกับเศษขยะไม่กี่ชิ้นเท่านั้น เพราะเหตุนี้จึงขอถามเ้าสักหน่อยว่าทำไมเ้าถึงยอมเสียเงินหลายแสนเหรียญเพื่อแลกกับข้อเสนอนี้?”
หยางเซี้ยนจะหัวเราะออกมาเบาๆจนพนักงานที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องหันมามองก้อนเนื้อที่สั่นกระเพื่อมภายใต้เสื้อรัดรูป“ก็ไม่มีอะไรมาก ร้านอาวุธอย่างพวกเรานอกจากต้องรู้จักสินค้าให้มากแล้วการรู้จักคนให้มากก็เป็สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันและข้าก็คิดว่าในวันข้างหน้าเ้าจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็ใหญ่เป็โตและมีอาวุธิญญาชั้นดีให้พวกเราได้แน่ เพราะแบบนี้จึงยอมยื่นข้อเสนอนี้ออกมาแต่เ้าไม่ต้องกังวลไป เพราะพวกเราจะให้มากกว่าร้านอื่นๆ อย่างแน่นอน!”
“แม่นางช่างเป็คนที่ตรงไปตรงมาเสียจริงๆ”ข้าว่าแล้วล้วงเอาบัตรเครดิตเป็การรับข้อเสนอ“เอาเป็ว่าข้าซื้อสร้อยเส้นนี้แล้วกัน”
“ดี มาเอาบัตรพ่อหนุ่มนี่ไปรูดสิ”
เสียเงินไปห้าแสนเหรียญเพื่อแลกกับสร้อยหินกระจกเมฆาสร้อยเส้นนี้จะทำให้ซ้งเชียนมีพัฒนาการฝึกฝนที่ดีขึ้นบางทีอาจจะทำให้เขาทลายขีดจำกัดของตัวเองจนสามารถบรรลุขั้น์ภายในหนึ่งปีเลยก็ได้!
หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยหยางเซี้ยนจึงพูดดักไว้ “ปู้อี้เชวียนอาจเพราะ่นี้เ้ากำลังฝึกฝนวิชาลมหายใจัหรือพลังบางอย่างที่ต้องสูญเสียลมปราณค่อนข้างมากทำให้พลังลมปราณของเ้าลดน้อยลงไปข้าว่าลองขึ้นไปชั้นสองเพื่อดูพวกยาสมุนไพรสักหน่อยไหม? ทางเรามีมากมายให้เ้าเลือกสรรและจะลดราคาให้อย่างแน่นอน”
นางพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนว่าเกิดมาเพื่อทำอาชีพนี้โดยเฉพาะ
พอขึ้นมาถึงชั้นที่สองก็เป็อย่างที่นางพูดเอาไว้เพราะถึงแม้ราคาจะสูงจนน่าใแต่ว่าของที่มีอยู่นั้นถือได้ว่าเป็ของชั้นเลิศกว่าของใดๆ ในแผ่นดินนี้
เมื่อข้าจำเป็ต้องฝึกฝนเคล็ดวิชาาและวิชาลมหายใจัดังนั้นจึง้ายาเพื่อช่วยบำรุงและฟื้นฟูลมปราณมากที่สุดเพราะแค่โสมโลหิตห้าร้อยปีอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ
จะต้องยึดเอาโสมโลหิตเป็หลักในการบำรุงและฟื้นฟูร่างกาย!
ข้ายืนอยู่หน้าตู้ที่มีโสมโลหิตเรียงลดหลั่นกันเป็ชั้นๆรวมทั้งมีการบอกอายุและระดับไว้อย่างเรียบร้อยนึกไม่ถึงว่าโสมโลหิตร้อยปีจะมีราคาถึงสองแสนเจ็ดหมื่นเหรียญหลงหลิงขึ้นไปส่วนโสมโลหิตที่อายุสามร้อยปีก็ยังมีราคาถึงเจ็ดแสนเหรียญหลงหลิงหรือแม้แต่โสมโลหิตที่มีอายุเก้าร้อยปีที่ราคาสูงลิ่วจนน่าใถึงห้าล้านเหรียญหลงหลิง!
นอกจากจะเป็ลูกคนรวยคงไม่มีใครซื้อมันไปกินอย่างแน่นอน
นางยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆก่อนจะมองที่ข้ากับโสมโลหิตสลับกันแล้วหัวเราะพลางพูดขึ้น “มันแพงมากใช่ไหมล่ะ? แต่ถ้าเ้าอยากได้อันไหนล่ะก็ บอกข้ามาเลย...”
ข้ายื่นมือชี้ออกไปยังโสมโลหิตที่มีอายุกว่าสี่ร้อยปี“อันนี้ราคาเท่าไร ข้าขอแบบราคาต่ำที่สุด...”
“อันนี้เหรอ...ราคาอยู่ที่หนึ่งล้านแปดแสนเหรียญหลงหลิงแต่จะลดเหลือหนึ่งล้านสองแสนหกหมื่นเหรียญหลงหลิงก็แล้วกัน”
“ฮะ! แพงขนาดนี้เลยเหรอ?”
“แพงเหรอ?” นางกะพริบตาถี่แล้วพูดเสนอ“เอาแบบนี้แล้วกัน เ้าอยากได้ราคาไหนลองบอกข้ามาสิ”
“สามแสนเหรียญ ตอนนี้ข้ามีอยู่แค่นี้แหละ”
“สามแสนเหรียญ...”
นางถึงกับยืนนิ่งก่อนจะพูดแย้งเพราะเสียเปรียบ“แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ นี่มันโสมโลหิตอายุสี่ร้อยปีเชียวนะ!”
“อืม แต่ข้ามีเงินอยู่แค่นี้แหละ เพราะต้องเหลือเงินไว้ใช้บ้างแต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็ไร เพราะของพวกนี้ข้าไปหามาเองได้”
“ใช่ว่าข้าจะขายให้ไม่ได้” นางเม้มปากพลางครุ่นคิด“เ้าหาโอกาสให้ข้ากับรองเ้าสำนักปู้เสวียนยินได้เจอกันสิแล้ว...แล้วข้าจะยอมยกให้เ้าไปฟรีๆ ไม่สิๆๆข้าจะแถมโสมโลหิตอายุห้าร้อยปีให้ด้วย”
ข้าถึงกับตะลึงและถามเพื่อความแน่ใจ“นี่เ้ากำลังล้อเล่นใช่ไหม? การได้พบหน้าพี่สาวของข้ามันมีราคาขนาดนั้นเลยเหรอ?อย่าบอกนะว่า...หอเจ็ดเทพของเ้าคิดจะปองร้ายพี่สาวของข้า!”
นางยกมือลูบหน้าผากก่อนจะร่ายเหตุผล“ขอร้องล่ะ ปู้เสวียนยินเป็ถึงเทพศาสตราวุธอันดับหนึ่งอย่าว่าแต่หอเจ็ดเทพอย่างพวกเราเลยเ้าลองคิดดูสิว่าทั้งเมืองเขตเหนือมีใครทำอะไรนางได้บ้าง? อย่าว่าแต่คิดที่จะทำร้ายนางเลย แม้แต่นางไม่เคยรังแกคนค้าขายอย่างเราๆก็นับว่าต้องขอบคุณฟ้าดินกันเลยล่ะ!”
ข้าเลิกคิ้วแต่ยังไม่กล้าวางใจนัก “ก็ได้ แต่ข้าจะอยู่ข้างๆ พี่เสวียนยินตลอดและนางก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธข้อเสนอของพวกเ้าทุกอย่าง ตกลงไหม?”
“ได้ ไม่มีปัญหา ข้าแค่อยากจะเจอเพื่อคุยเื่ธุรกิจกับนางก็แค่นั้น”
นางพยักหน้ารับก่อนจะว่าพลางยิ้ม“ให้คนมาเอาโสมโลหิตสี่ร้อยปีกับโสมโลหิตเก้าร้อยปีนั่นใส่กล่องให้พ่อรูปหล่อนี่”
ข้าลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น“ห้าร้อยปี...”
“ฮึๆ แล้วก็โสมโลหิตห้าร้อยปีนั่นด้วย”
“ขอรับ คุณหนูใหญ่!”
…
ใน่พลบค่ำข้ากับหยางเซี้ยนเดินกลับเข้ามาในสำนักแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องของรองเ้าสำนัก
สวี่ลู่ที่เห็นถึงกับชะงักก่อนจะพูดอย่างไม่เชื่อสายตา“นึกไม่ถึงเลยว่าเ้าจะพาผู้หญิงมาด้วย...ข้านึกว่าเ้าจะตกหลุมรักขาขาวๆกับหน้าอกคัพ C ของซูเหยียนแล้วเสียอีกใครจะรู้ว่าเ้ากลับไปตกหลุมรักสาวงามนอกสำนักแบบนี้...เ้าเด็กนี่ เ้าชอบของดิบๆแบบนี้สินะ”
ข้ายิ้มแบบเขินๆแล้วตอบกลับ“นางเป็คนของหอเจ็ดเทพจะมาคุยเื่ธุรกิจกับพี่เสวียนยินเท่านั้นเอง”
“ธุรกิจ? อ๋อ...ถ้าอย่างนั้นก็เข้ามาสิพี่เ้าอยู่ในห้องพอดี”
“อื้ม”
พี่เสวียนยินนั่งอยู่บนเก้าอี้ในชุดของเทพศาสตราและกำลังตรวจงานบางอย่างอยู่เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาเจอข้าก็ยิ้มกว้างแต่พอเห็นว่าไม่ได้มาคนเดียวก็หุบยิ้มลงไปนิดหน่อย“คนนี้คือ?”
“ข้ามีนามว่าหยางเซี้ยน เป็ลูกสาวเ้าของร้านหอเจ็ดเทพพอดีข้าอยากจะมาคุยธุรกิจกับท่านสักเล็กน้อย”
“หืม ธุรกิจ?”
“ใช่ ธุรกิจ”
ปู้เสวียนยินยืดตัวตรงก่อนจะเอนหลังพิงพนักของเก้าอี้พร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกแล้วว่าพลางยิ้ม“แม่นางหยางเซี้ยนเชิญนั่งก่อนแล้วบอกมาสักหน่อยว่าท่าน้าทำธุรกิจกับข้าหรือสำนัก?”
หยางเซี้ยนได้ยินดังนั้นจึงฉีกยิ้มดั่งกุหลาบแรกแย้ม“กับท่าน...ข้าได้ยินข่าวจากคนรับใช้ที่มาจากเมืองตะวันตกว่าท่านรองเ้าสำนักกำลังตามหาอาชาปีกัใช่หรือไม่?”
“ใช่”
ปู้เสวียนยินพยักหน้ารับก่อนจะพูดต่อ“อาชาปีกัถือเป็ม้าอันดับหนึ่งในแผ่นดินใหญ่หลงหลิงมันสามารถวิ่งไปบนูเาและทะเลสาบได้ ทั้งพละกำลังที่แข็งแกร่งและอดทนข้าจึง้าหาซื้อม้าอย่างอาชาปีกัมาฝึกเพื่อที่ใช้ในการทำา”
“ฝึกเป็ม้าในการทำา?” ข้าชะงักไปเมื่อได้ยิน
นางที่ได้ยินยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้น“อืม เื่นี้เ้าไม่ต้องยุ่งขอแค่ตั้งใจฝึกฝนก็พอแล้ว”
หยางเซี้ยนพูดต่อ“ข้าก็ไม่อยากจะปิดบังท่านรองเ้าสำนักว่าตระกูลหยางของข้าอยู่ที่เมืองปิงชวนในเขตเหนือซึ่งคนของเรากำลังเลี้ยงดูม้าชั้นดีอย่างอาชาปีกัอยู่ข้าจึงอยากจะให้ท่านสั่งสินค้ากับเรา แต่ไม่รู้ว่า...ท่านจะยอมทำธุรกิจครั้งนี้หรือเปล่า?”
“เ้ามีม้าอาชาปีกัที่โตเต็มที่แล้วกี่ตัว”
หยางเซี้ยนชูมือขึ้นสองนิ้ว
“สองร้อยตัว?” ปู้เสวียนยินว่าแล้วหัวเราะออกมา“จำนวนแค่นั้นไม่มีทางทำให้ข้าพึงพอใจได้หรอกนะ”
หยางเซี้ยนก็ยิ้มออกมาเหมือนกันก่อนจะพูดขึ้น“ไม่ใช่สองร้อยตัว แต่เป็สองพันตัว!”
“อ้อ เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” ปู้เสวียนยินวางปากกาหมึกซึมในมือลงแล้วตอบตกลงอย่างว่าง่าย “ถ้าอย่างนั้นข้าเหมาหมดเลยไหนเ้าลองเสนอราคามาสิว่าจะขายตัวละเท่าไร?”
หยางเซี้ยนเม้มปากเล็กน้อยทำท่าครุ่นคิด“อาชาปีกัในแผ่นดินใหญ่หลงหลิงก็ใกล้จะสูญพันธุ์เต็มที ส่วนที่เหลืออยู่ต่างก็ขายกันในราคาเกือบหนึ่งล้านสองแสนเหรียญหลงหลิงหากท่านเทพศาสตราวุธจะซื้อที่พวกเราแล้วล่ะก็ข้าขายให้ราคาตัวละหนึ่งล้านเหรียญท่านว่าอย่างไร?”
“แพงเกินไป” พี่เสวียนยินปัดไม้ปัดมือบอก “ตัวละแปดแสนเหรียญห้ามต่อรองแล้วข้าจะยอมเหมาม้าทั้งสองพันตัว แต่ถ้าเ้าอยากที่จะเพิ่มราคาก็ปล่อยให้พวกมันแก่ตายในทุ่งหญ้านั่นแหละเพราะนอกจากข้าในแผ่นดินใหญ่นี้ ก็ไม่มีใครคิดที่จะซื้อแล้วล่ะ”
“เพราะอะไร?” หยางเซี้ยนถามอย่างสงสัย
ปู้เสวียนยินหรี่ตามองต่ำก่อนจะว่าพลางยิ้ม“ภายในกำแพงชีวิตมีรถไฟและรถสาธารณะนับไม่ถ้วน ความเร็วของรถไฟอยู่ที่หนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงซึ่งเร็วกว่าอาชาปีกัหลายเท่า ถ้าไม่ได้ออกจากกำแพงชีวิตเ้าว่าใครจะซื้อม้าาของเ้ากันล่ะ? หรือเ้าคิดว่าตระกูลถังที่มีม้าาห่วยๆกับองครักษ์จากทางเขตเหนือจะมาซื้อม้าของเ้าอย่างนั้นเหรอ? ข้าบอกไว้เลยนะว่าตาเฒ่าถังอานหลีนั่นไม่มีทางใจกว้างแบบนี้หรอก”
หยางเซี้ยนถึงกับชะงักไปชั่วขณะก่อนจะตัดสินใจแล้วว่าพลางพยักหน้า“ท่านช่างเป็คนที่ตรงไปตรงมาตามที่ได้ยินมาจริงๆ ข้าจะรีบกลับไปเตรียมการสั่งซื้อว่าแต่จะให้ลงชื่อใครกันล่ะ?”
ปู้เสวียนยินยกมือขึ้นรองท้ายทอยก่อนจะพูดขึ้นอย่างช้าๆ“เชียนชื่อของซูซีเฉิงหนึ่งพันตัว ส่วนอีกพันตัวที่เหลือเขียนชื่อของถังอานหลี”
“ฮะ? ท่านจะให้ดินแดนกาฬวาตกับพันธมิตรนักปราชญ์ขาวผู้ยิ่งใหญ่เป็คนซื้ออย่างนั้นเหรอ?”
“แล้วจะเป็ใครได้อีกล่ะ? ข้าไม่ได้มีเงินเยอะแยะขนาดนั้นเ้าวางใจได้ขอแค่ข้าเซ็นชื่อทั้งท่านเสนาบดีและถังอานหลีต้องยอมให้เงินแก่ข้าอยู่แล้ว”
“ได้...”
หยางเซี้ยนถึงกับงงข้าเองก็งงไปด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนว่าพี่เสวียนยินจะร้ายกาจกว่าข้าเสียอีกแบบนี้สิถึงจะเรียกว่าการทำธุรกิจแบบไม่ต้องลงทุนที่แท้จริง
…
หลังจากที่หยางเซี้ยนเดินออกไปข้าจึงเอ่ยถามอย่างกังขา “ท่านพี่นี่ท่านจะซื้อม้าอาชาปีกัไปทำไมตั้งสองพันตัวท่านจะออกไปนอกเมืองอย่างนั้นเหรอ?”
นางปรายตามองข้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น“นึกแล้วว่าเ้าต้องถาม ที่ซื้อม้าพวกนี้ก็แค่เตรียมการไว้ล่วงหน้าเท่านั้นวางใจเถอะน่า ข้าจะอยู่เป็เพื่อนเ้าไม่หนีไปไหนแน่นอนแล้วนี่เ้าเตรียมตัวกับการทดสอบดีหรือยัง?”
“สบายใจได้ ไม่มีปัญหา”
“หืม มั่นใจขนาดนั้นเชียว?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้