ชิงโหยวกว่านเป็สถานที่อบรมของฮองไทเฮาองค์ปัจจุบันหลังจากฮ่องเต้หยวนเต๋อขึ้นครองบัลลังก์เขาได้แต่งตั้งจ้าวเยี่ยนโอรสของฮ่องเต้องค์ก่อน ให้สมญานามว่าหลีอ๋องและแต่งตั้งฮองเฮาฉางหนิงในฮ่องเต้องค์ก่อนเป็ไทเฮา
ั้แ่การสิ้นพระชนม์ของฮ่องเต้องค์ก่อนไทเฮาฉางก็ใช้ชีวิตเรียบง่ายสมถะ นางผู้ไม่ชอบเื่ราววุ่นวายเอะอะมีนิสัยเหมือนกับท่านอ๋องหลี ไม่กี่ปีก่อนย้ายออกจากวังหลวงและไปยังเขาฉีซานเพื่อกล่อมเกลาจิตใจ
“เื่กลับตำหนัก ยังไม่มีขอรับทว่าจากคำพูดของนางข้าหลวงที่ติดตามปรนนิบัติองค์ไทเฮา กล่าวว่าไม่กี่วันมานี้ ไทเฮามักจะนอนไม่หลับอายุมากแล้วมักฝันร้าย คิดถึงอยากจะกลับมาเมืองชุ่นเทียนอยู่บ่อยครั้งราวกับมีเื่ในใจ” โม่ชูรายงานตามความจริง
"กลับเมืองชุ่นเทียนหรือ?" บนใบหน้าสงบนิ่งของจ้าวเยี่ยนมีคลื่นระลอกหนึ่งพาดผ่านเล็กน้อยทว่าเพียงครู่หนึ่งก็กลับมาเป็ปกติ และไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก
เหนียนยวี่ที่กลับมาจากตำหนักหลีอ๋องครั้นเดินผ่านสวนบุปผา เสียงหัวเราะดังก้องเข้ามาในหูของเหนียนยวี่ นางจำเ้าของเสียงหัวเราะนั้นได้บ้างรางๆทว่าบางเสียงนั้นก็ไม่คุ้นเคย
จวนเหนียนมีแขกหรือ?
หรือจะเป็บุตรเขย!
เหนียนยวี่ไม่มีสนใจว่าคนที่มาเป็ผู้ใดและก็มิอยากจะไปยุ่ง วางแผนเดินผ่านพุ่มไม้แถวหนึ่งไปอย่างเงียบเชียบทว่ากลับได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นในทันใด
“เดี๋ยวนั่นผู้ใดกัน? เดี๋ยวก่อน หยุดเท้าก่อน"
เป็เสียงของสตรีฟังดูขี้อ้อนเล็กน้อย เหนียนยวี่ขมวดคิ้วและไม่คิดจะสนใจ ทว่าสตรีผู้นั้นกลับวิ่งไปข้างหน้าคว้าข้อมือของนางไว้แน่นแล้วะโใส่เหนียนยวี่ว่า"เปิ่นเสี่ยวเจี่ยบอกให้เ้าหยุด เ้าหูหนวกหรืออย่างไร?"
ยามที่กล่าวออกมาสตรีผู้นั้นก็ลากเหนียนยวี่เข้าไปในฝูงชน
อีกฟากหนึ่งของพุ่มไม้เพียงแค่เหลือบมอง เหนียนยวี่ก็เห็นผู้คนที่นั่นอย่างชัดเจน
เหนียนอีหลานและยังมีสตรีอีกสองสามคนที่แต่งกายเช่นเหล่าคุณหรูผู้สูงศักดิ์แม้กระทั่งหนานกงเยวี่ยและฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนต่างก็อยู่ที่นั่นทุกคนกำลังนั่งและมีน้ำชาของว่างมากมายตั้งอยู่บนโต๊ะข้างๆดูเหมือนว่าก่อนที่นางจะมา คงจะมีความสุขกันมาก
เกือบทุกสายตาจับจ้องร่างเหนียนยวี่สีหน้ามีแตกต่างกัน ทั้งฉงนงงงวย ทั้งดูิ่เหยียดหยาม ทั้งความเป็ห่วงของเหนียนอีหลานรวมไปถึงความเฉยชาของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียน
“เย่เอ๋อร์ เ้าอย่าจับน้องยวี่เอ๋อร์เช่นนี้ เ้าจะทำให้นางเจ็บ!” เหนียนอีหลานก้าวไปข้างหน้า ดึงมือหนานกงเย่ออกมองเหนียนยวี่อย่างอ่อนโยน "น้องยวี่เอ๋อร์ เมื่อครู่นี้ข้าเป็คนขอให้คนไปตามหาเ้าทว่าเ้าไม่อยู่ ในเมื่อเ้ากลับมาพอดี วันนี้พวกเรามาสนุกสนานกันหน่อยเถิด"
“ยวี่เอ๋อร์?” หนานกงเย่ราวกับได้ค้นพบโลกใบใหม่ นางลูบคาง ใช้สายตาพินิจมองเหนียนยวี่อย่างลังเลความเย้ยหยันในน้ำเสียงยากที่จะเอ่ยออกมาเต็มที่ “เหนียนยวี่หรือ? เอ ที่แท้เ้าคือเหนียนยวี่ คนที่ตะกายขึ้นไปหาองค์หญิงใหญ่ชิงเหอไม่รอดน่ะหรือหึ ข้าก็นึกว่าจะได้บินขึ้นสู่สรวง์จากตรงนี้ไปเป็บุตรีบุญธรรมขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอเสียแล้วทว่าผู้ใดจะรู้...เหอะๆ ยังมิทันปีนก็ตกลงมาเสียแล้ว เป็อย่างไรเล่า? ตกลงมาแล้วเจ็บหรือไม่?”
หนานกงเย่ยิ้มสดใสเหล่าคุณหนูด้านข้างแต่ละคนต่างก็อุบปากแอบหัวเราะเยาะเย้ยสายตาที่มองเหนียนยวี่เย้ยหยันเหน็บแนมไม่น้อย
“เหนียนยวี่เอ๋ยเหนียนยวี่ ข้าบอกได้เลยว่าเ้าไม่ได้มีโชคชะตาที่ดีถึงเพียงนั้นถ้าข้าเป็เ้า ข้าคงยอมรับชะตากรรมอย่างเชื่อฟัง และไม่คิดถึงสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง”หนานกงเย่ยิ้มพลางหัวเราะ
เหนียนยวี่เหลือบมองหนานกงเย่คุณหนูหนานกงผู้นี้รู้ตนเองดีว่านางจะเป็คุณหนูเพียงคนเดียวแห่งตระกูลหนานกงทั้งชีวิตั้แ่เกิดมา ทุกคนก็รักใคร่ตามอกตามใจจนเคยตัว ผู้ใดก็ไม่อยู่ในสายตา
ทว่าถึงแม้จะเป็คนที่ไม่เคยสนใจผู้ใด...นึกถึงชาติก่อนหลังคุณหนูหนานกงผู้นี้ออกเรือนก็ก่อเื่วุ่นวาย มุมปากของเหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะยกโค้งขึ้นเล็กน้อย
"เ้าหัวเราะอะไร?" ใบหน้าของหนานกงเย่มืดมนน้ำเสียงดุดันขึ้นทันที รอยยิ้มของนางเมื่อครู่นี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังเยาะเย้ย
เหนียนยวี่ล้อเลียนนางหรือ?
เหนียนยวี่เป็เพียงบุตรสาวอนุจวนเหนียนมีสิทธิ์อันใดมาหัวเราะเยาะนาง!
ยามนี้ปรากฏร่องรอยความโกรธสายหนึ่งขึ้นในใจของหนานกงเย่
"ข้า...หัวเราะงั้นหรือ?" เหนียนยวี่ขมวดคิ้วดวงตาเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ "ขออภัยแล้ว ข้าไม่ได้ระวัง"
ท่าทีนั้นยิ่งดูถากถางหนานกงเย่
ผู้คนตรงนั้นส่วนมากต่างรู้นิสัยของหนานกงเย่คุณหนูที่แสนเอาแต่ใจและไร้เหตุผล เหนียนยวี่ผู้นี้ยั่วโมโหนางเข้าแล้วเกรงว่านางคงจะยังสบายดีได้อีกไม่นาน
แผนชั่วผุดขึ้นในใจเหนียนอีหลานนางรู้ดี วันนี้จึงชวนเปี่ยวเม่ยของตนผู้นี้มาดูงิ้วสนุกๆ ทว่านางไม่ได้คาดคิดเลยว่าเหนียนยวี่จะยั่วโมโหเร็วเยี่ยงนี้
หนานกงเยวี่ยเหลือบมองหนานกงเย่และเหนียนยวี่หยิบถ้วยชาข้างตัวขึ้นมาดื่มอย่างสบายๆ เหนียนยวี่ผู้นี้ ก่อนหน้านี้ไม่นานมีคำสั่งพิเศษจากนายท่านนางยังไม่ทันได้จัดการลงโทษเหนียนยวี่ดี วันนี้ให้หนานกงเย่มาสั่งสอนนางนอกจากนี้ยังสามารถระบายความโกรธเกรี้ยวที่ได้รับจากจ้าวอิ้งเสวี่ยใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมาได้อีกด้วย
“หึ เหนียนยวี่…” หนานกงเย่วางมือบนหน้าอก ดวงตาของนางดูชั่วร้ายเล็กน้อย “คุณหนูรองจวนเหนียน...หึ มีแขกมาถึงจวน คุณหนูรองช่วยรินชาให้ข้าสักแก้วได้หรือไม่?"
เหนียนยวี่ขมวดคิ้วรินชาหรือ?
การกระทำนี้หนานกงเย่เข้าหาอย่างมีเจตนาร้ายแอบแฝง!
เมื่อรู้สึกถึงสายตาของผู้คนรอบข้างที่กำลังนั่งมองงิ้วในใจเหนียนยวี่รู้สึกเย้ยหยันขึ้นมาเล็กน้อย เหนียนอีหลานขมวดคิ้ว น้ำเสียงอ่อนโยน“เย่เอ๋อร์ หากเ้า้าดื่มชา ข้าจะรินให้เ้าเอง เ้าอย่า...”
“หลานเปี๋ยวเจี่ยข้าไม่อยากดื่มชาที่ท่านรินให้วันนี้ข้าบังเอิญอยากลองดื่มชาที่น้องยวี่เอ๋อร์รินให้ โอ้ ไม่ใช่สิบุตรีบุญธรรมขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ คุณหนูยวี่ถึงจะถูก!”หนานกงเย่ตัดบทเหนียนอีหลาน น้ำเสียงแข็งกร้าวถากถาง
“ยวี่เอ๋อร์…” เหนียนอีหลานเหลือบมองเหนียนยวี่อย่างกังวลใจเหนียนยวี่ลืมตา เมื่อประชันหน้ากับสายตาเป็กังวลของเหนียนอีหลาน ใบหน้ากลับยิ้มแย้ม“เป็ข้าเอง คุณหนูหนานกงกล่าวไม่ผิดนัก มีแขกมาเยือน ยวี่เอ๋อร์ก็ควรรินชารับรองเื่นี้ไม่ควรปล่อยผ่าน”
เหนียนยวี่เดินไปที่โต๊ะหินข้างๆรินชาให้อย่างรวดเร็ว หันมองหนานกงเย่ “คุณหนูหนานกง เชิญ”
หนานกงเย่เหลือบมองถ้วยชาบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยน้ำชาทว่าไม่ยินยอม พ่นลมเ็า “นี่เรียกว่าเป็การต้อนรับแขกของเ้าหรือ? ยกมาให้ข้า!”
ท่าทางหยิ่งยโสนั้นดูราวกับสั่งสาวใช้
ยกไปให้งั้นหรือ?
ยกไปให้แล้วอย่างไร? เหนียนยวี่ทำในสิ่งที่อีกฝ่าย้า ยกถ้วยชาไปให้ด้วยสองมือ ยื่นไปข้างหน้าหนานกงเย่ทว่าเพียงชั่ววินาที หนานกงเย่ยกมือขึ้นปัดถ้วยน้ำชา เหนียนยวี่คาดไม่ถึงจึงไม่ทันได้ป้องกันถ้วยน้ำชาก็ตกลงไปกระแทกพื้นดังเพล้ง แตกละเอียดเป็เศษๆ
"ฮ่าฮ่า... เหนียนยวี่เอ๋ยเหนียนยวี่ อยู่ที่นั่นเ้าประหม่าองค์หญิงใหญ่จนมือลื่นอยู่กับข้าที่นี่ เ้าก็ยังกังวลจนมือลื่นด้วย จากที่ข้าเห็นมือของเ้าคู่นี้คงจะพังแล้ว ไม่้าก็ตัดออกเสีย" หนานกงเย่หัวเราะเสียงดังน้ำเสียงดูแข็งกร้าวไปชั่วครู่หนึ่ง “มานี่ มัดนางแล้วตัดมือนางออกถือว่าเป็การลงโทษขยะไร้ประโยชน์ผู้นี้แทนองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ”
ตัดมือหรือ?
ทุกคนคงคาดเดาได้ล่วงหน้าแล้วว่าเหนียนยวี่ยั่วโมโหหนานกงเย่คงต้องไม่เกิดเื่ดีแน่คาดไม่ถึงว่าคุณหนูหนานกงจะโเี้เช่นนี้
หากตัดมือไปข้างหนึ่งเหนียนยวี่ผู้นี้ เกรงว่าคงกลายเป็ขยะไปจริงๆ
่แรกเหนียนอีหลานรู้สึกใทว่าเพียงชั่ววินาทีถัดมา ก็เริ่มตั้งตารอการตัดมืออย่างใจจดใจจ่ออย่าได้เอ่ยถึงท่านอ๋องมู่คงไม่ประสงค์ต้อนรับนางอีกแน่ เกรงว่าต้องไม่มีหน้าไปพบท่านอ๋องมู่อีกครั้งเป็แน่!
ในไม่ช้าสาวใช้สองสามคนก็ก้าวไปข้างหน้าและล้อมเหนียนยวี่ไว้ มีคนส่งกริชมอบให้หนานกงเย่
เหนียนยวี่มองละครฉากนี้ด้วยฝีมือของนาง แม้ว่าจะมีสาวใช้หลายร้อยคน ทว่าพวกนางก็จะไม่ได้แม้แต่เฉียดใกล้ แต่หากนางต่อต้านทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเปิดเผยออกมา
"ทำไม? เ้าไม่ขอความเมตตาจากเปิ่นเสี่ยวเจี่ยผู้นี้หรือ?"หนานกงเย่เลิกคิ้ว เมื่อเห็นใบหน้าที่สงบนิ่งของเหนียนยวี่ โกรธเคืองอย่างมากเหนียนยวี่ควรจะกลัวมิใช่หรือ?
"คุณหนูหนานกงตัดสินใจตัดมือข้าแล้ว การขอความเมตตาจะเป็ประโยชน์หรือ?"เหนียนยวี่กล่าวอย่างไม่เร่งรีบ
“หึ ที่แท้เ้าก็เข้าใจชัดเจนดีนี่ เช่นนั้นจะรีรออะไร พวกเ้าไม่กี่คนนั่นจับนางมัดไว้เปิ่นเสี่ยวเจี่ยอยากจะลองดูเสียหน่อยว่ากริชเล่มนี้จะแหลมคมสักเท่าใดจะตัดมือข้างนี้ออกได้หรือไม่ หึ ทว่าเปิ่นเสี่ยวเจี่ยแรงไม่มากพอนักคงตัดให้ขาดทีเดียวไม่ได้...”
เจตนาร้ายในดวงตาของหนานกงเย่เข้มขึ้นและความตั้งใจก็ชัดเจนอย่างยิ่ง ไม่ว่ากริชจะคมเท่าใดนางก็จะไม่ตัดมือของเหนียนยวี่ทันที
นาง้าตัดทีละนิดๆตอนนี้ความกลัวของเหนียนยวี่ก็ยังไม่ปรากฏให้เห็น นางเองก็ยังรอได้อีกสักหน่อยรอให้เหนียนยวี่ร้องไห้อย่างขมขื่นต่อหน้านาง
กล้าหัวเราะเยาะนางหรือ?
หึ นี่เป็ค่าตอบแทนที่ต้องชดใช้!
เหนียนยวี่ยอมให้เหล่าสาวใช้จับมือของนางกดไว้บนโต๊ะรู้สึกถึงสายตาของผู้คนมากมาย เหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเหนียนอีหลานสบสายตากับพี่สาวผู้แสนดีของนางเข้าพอดี ในแววตาของเหนียนอีหลานมีประกายระยิบระยับ
เหนียนอีหลานอยากจะให้หนานกงเย่ตัดมือของนางงั้นหรือ?
"พี่สาว ช่วยข้าด้วย..."