หูอู้จูอุ้มหวงอี๋ฟางบุตรสาวตัวน้อยเดินมายังทางเข้าหมู่บ้านวั้งหลิน
ป่าหงเฟิงผืนใหญ่บนูเาซิ่วซีดึงดูดสายตายิ่ง เพราะทั่วทั้งูเามีสีแดงเต็มไปหมด ป่าต้นไม้เป็ชั้นๆ บนยอดเขาเปลี่ยนเป็สีแดงราวกับถูกย้อม ทิวทัศน์ทั้งสูงใหญ่และโอ่อ่าสง่างาม
“ป่าหงเฟิงของบ้านท่านอารองปลูกได้คุ้มค่ามากเกินไปแล้วจริงๆ ตอนแรกในหมู่บ้านพวกเ้ายังมีคนหัวเราะท่านอารองอยู่เลย ว่าไม่คุ้มค่าเท่าปลูกพวกไม้ผลมากหน่อย แต่ตอนนี้ยังมีผู้ใดกล้าหัวเราะท่านอารองเ้าอีก ทัศนียภาพโอ่อ่าสง่างามเพียงนี้ ภายในหมู่บ้านบริเวณใกล้เคียงพวกเราล้วนหาที่สองรองจากนี้ไม่ได้แล้ว” หวงถิงเฉิงมือหนึ่งหิ้วปลาไนตัวใหญ่สองตัว มือหนึ่งหิ้วตะกร้าใส่ประปุกเครื่องปรุงรส กล่าวทอดถอนใจมาตลอดทาง
หูอู้จูกวาดตามองป่าหงเฟิงที่เต็มไปทั่วทั้งป่าเขา แอบเบะปากเงียบๆ ทั่วทั้งยอดเขาแดงไปหมด มีอะไรน่าชม ไม่สู้ปลูกไม้ผลให้คุ้มค่ากว่าจริงๆ นั่นแหละ อย่างน้อยในฤดูใบไม้ร่วงยังสามารถมีผลไม้ไว้ทานได้
ใต้ป่าหงเฟิง สามปีก่อนยังเป็ที่ริมฝั่งแม่น้ำรกร้างหนึ่งผืนอยู่เลย แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาเป็ภาพอีกอย่างหนึ่งแล้ว
ท่ามกลางที่ราบและต้นไม้ถูกโอบล้อมไปด้วยูเา แมกไม้เขียวขจีหนาทึบ ดอกไม้นานาพันธุ์ระยิบระยับ ผนังขาวราวหิมะและกระเบื้องสีน้ำเงินเหลือบดำ ศาลาและหอสูงต่างขับเด่นกันและกัน บ้านลานกว้างประตูสองชั้นของสกุลหูปลูกสร้างอยู่ตรงกลาง
หูอู้จูเดินอยู่บนแผ่นอิฐสีฟ้าที่ราบเรียบและกว้างขวาง ไม้ผลสองข้างทางเขียวชอุ่ม บนต้นไม้ยังมีผลดกและลูกใหญ่ไม่น้อย
“เอ๋ ต้นสาลี่กับผิงกั่วล้วนสุกงอมหมดแล้วนี่ ทำไมบ้านท่านอารองยังไม่มาเก็บอีกนะ?” หวงถิงเฉิงมองผลไม้สุกงอมที่อยู่ข้างทาง อดเป็กังวลเล็กน้อยไม่ได้
หูอู้จูย่อมมองเห็นด้วยเช่นกัน ผลไม้สด ราคาตลอดมาไม่ต่ำเลย ผลไม้เหล่านี้ของสกุลหูหากเอาไปขาย แน่นอนว่าต้องหาเงินได้ไม่น้อย นางจ้องผลไม้บนต้นดวงตาไม่กะพริบไปชั่วขณะหนึ่ง
“โอ๊ะ นี่ไม่ใช่อู้จูกับสามีหรือ วันนี้กลับมาบ้านบิดามารดาหรือนี่?” จู่ๆ ข้างกายก็มีเสียงของฟู่เหรินคนหนึ่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน
พอหูอู้จูหันไปมอง พบว่าเป็หม่าซื่อภรรยาของจ้าวต้าซาน “ใช่แล้ว ท่านอาสะใภ้ วันนี้ท่านอยู่เวรหรือเ้าคะ?”
ขณะนี้ที่ริมฝั่งแม่น้ำทั้งผืนได้สร้างเป็หมู่บ้านเล็กๆ ขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็พื้นที่ปูด้วยแผ่นอิฐสีฟ้า มีูเาเทียม [1] ห้องใต้หลังคาและลานบ้าน มีต้นหวายม่วงกับต้นไผ่เขียวสดที่ตกแต่งกระจายอยู่ทั่วทุกแห่งหน
ต้นไม้และพืชไม้ดอกระย้ามีมากมายหลายชนิด เป็ธรรมดาที่ใบไม้และกิ่งไม้แห้งที่ร่วงหล่นจะมีมากตามไปด้วย
สกุลหูจึงจ้างฟู่เหรินสองคนมารับผิดชอบทำความสะอาดพื้นถนนโดยเฉพาะ ทุกวันเข็นรถเข็นเล็กที่ทำขึ้นเป็พิเศษ เพื่อทำความสะอาดกิ่งก้านใบไม้ที่ร่วงหล่นและสิ่งของที่รกบนถนนให้สะอาด
ฟู่เหรินอีกคนหนึ่งคือติงซื่อภรรยาของจ้าวหงซาน สองคนผลัดกันทำคนละหนึ่งวัน ค่าตอบแทนคือเงินสองร้อยเหวิน เงินไม่มาก แต่งานก็ไม่เหนื่อย ทำงานแค่เช้าบ่าย ตอนกลางวันสามารถพักผ่อนได้
“ใช่แล้ว มารดาของตงเซิ่งพาบุตรสาวกลับไปเยี่ยมญาติที่บ้านบิดามารดา ข้าช่วยนางทำงานแทนสองวัน ผ่านไปสองวันนางกลับมาค่อยชดเชยคืน” หม่าซื่อพึงพอใจในงานตอนนี้อย่างมาก หนึ่งเดือนทำงานแค่สิบห้าวันก็มีเงินสองร้อยเหวินได้แล้ว ล้วนเกือบเท่าค่าแรงของจ้าวต้าซานผู้เป็เซียงกงของนาง ทำงานก็ไม่เหนื่อย มีเื่อะไรก็ยังยืดหยุ่นทำงานแทนกันได้อีก เหล่าฟู่เหรินและหญิงชราในหมู่บ้านล้วนอิจฉาพวกนางอย่างมาก
หูอู้จูมองนางที่สวมชุดทำงานสีส้มประณีตเรียบร้อย และยังมีอีกชุดที่เป็ผ้าขนสัตว์สีน้ำเงินชั้นดีมีความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน ได้ยินว่าครอบครัวหูได้มอบเสื้อผ้าสองชุดให้พวกนางทุกคน ชุดหนึ่งสีส้มชุดหนึ่งสีน้ำเงินเข้ม จำเป็ต้องเย็บให้เป็แบบเดียวกันและสวมใส่เมื่อทำงาน
จุ๊ๆ แค่กวาดพื้นล้วนให้ความสำคัญเพียงนี้ ท่านอารองและอาสะใภ้รอง ช่างมีเงินมากมายให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจริงๆ
“ท่านอาสะใภ้ ทำไมผลไม้ของปีนี้ยังไม่เริ่มเก็บล่ะ ไม่กลัวจะเน่าอยู่บนต้นหรือเ้าคะ?” หูอู้จูถาม
“เก็บสิ นี่ไม่ใช่ว่ารอวันโรงเรียนหยุดทำความสะอาดหรือ พรุ่งนี้พวกเด็กๆ ไม่เข้าเรียน ต่างก็ว่างมาช่วยกันเก็บได้แล้ว” จ้าวเสี่ยวเหล่ยบุตรชายของหม่าซื่อเป็เด็กเข้าโรงเรียนรุ่นที่สอง ปีนี้นับเป็ต้นปีที่สองแล้ว
หูอู้จูและสามีของนางถึงเข้าใจขึ้นได้
“เชิญชาวบ้านมาเก็บผลไม้แค่จ่ายเงินไม่เท่าไรเองนี่ ทำไมยังต้องให้เด็กมาช่วยล่ะเ้าคะ?”
คำพูดนี้หูอู่จูถามตอนอยู่ต่อหน้าหลี่ซื่อและหูฉางกุ้ย
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ซื่อหยุดชะงัก
หวงถิงเฉิงรีบดึงชายแขนเสื้อของหูอู้จู ภรรยาของเขาผู้นี้ช่างแววตาหามีแววไม่จริงๆ พูดจาราวกับไม่ผ่านสมอง คำพูดอะไรก็ล้วนกล้าเอ่ยออกมาหมด
“แหะๆ เจินจูบอกว่า พวกเด็กๆ เรียนหนังสือกันก็เหนื่อยยากลำบากแล้ว ให้พวกเขาเข้าร่วมกิจกรรมเก็บเกี่ยวบ้าง ความคิดร่วมมือกันเป็หมู่คณะจะได้แข็งแรงขึ้น แล้วก็สามารถรับรู้ได้ถึงผลการเก็บเกี่ยวให้ได้มาจากการทำงาน ดังนั้นเลยวางแผนว่าจะรอตอนวันโรงเรียนหยุดทำความสะอาดและให้พวกเขามาเก็บพร้อมกัน พอดีเลยจะได้ให้พวกเด็กๆ เอาผลไม้กลับไปด้วยเล็กน้อย” หูฉางกุ้ยยิ้มแล้วอธิบายกับหลานสาว
หูอู้จูมองผู้เป็อารองของตนเองแวบหนึ่ง เมื่อก่อนมีนิสัยฟังแต่ความคิดของผู้อื่น ซื่อๆ ไร้เล่ห์เหลี่ยมราวกับเปลี่ยนไปหมดแล้ว คำพูดและการกระทำสุขุมเป็ระเบียบ บุคลิกดีมากกว่าบิดาของนางอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านอารองกล่าวได้ถูกต้อง พวกเด็กๆ เล่นไปด้วยทำงานไปด้วยล้วนเบิกบานใจกันอย่างมากขอรับ” หวงถิงเฉิงคล้อยตามคำพูดของเขาและยิ้มรับ
เจินจูจูงซิ่วจูเข้ามาและทักทายกับหูอู้จูเล็กน้อย
หูอู้จูมองหูซิ่วจูที่ขาวอวบน่ารักด้วยความอิจฉาอยู่บ้าง เสื้อผ้าที่สวมเป็ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดที่ดีที่สุดของร้านซิ่วจิ่น สวมกำไลกระดิ่งเงินใบเล็กละเอียดงดงามหนึ่งคู่บนข้อมือ รองเท้าเด็กเล็กปักลวดลายลูกแมวน้อยหยอกเล่นกับผีเสื้อ คึกคักร่าเริงเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
น้องสี่ของนางผู้นี้ช่างกำเนิดมาในเวลาที่ดีจริงๆ
“ฟางฟาง”
เสียงเล็กน่ารักของซิ่วจูร้องเรียกมาทางหวงอี๋ฟางอายุครึ่งปีในอ้อมอกของนาง เมื่อเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ครั้งก่อน นางเคยเจอแล้วหนหนึ่งความจำดียิ่งนัก
“โอ๊ะ น้องสี่ของเราความจำดีจริงๆ จำชื่อหลานสาวได้ด้วย” หวงถิงเฉิงค่อนข้างชื่นชอบซิ่วจูตัวน้อย แม้บุตรสาวของตนเองจะขาวจ้ำม่ำเช่นกัน แต่ดูไม่ฉลาดและน่ารักได้เท่าซิ่วจูเลย
“นางน่ะ ความจำไม่แย่จริงๆ พ่อของนางเคยพาไปเล่นที่โรงเรียนหนหนึ่ง นางก็กล้าพาเสี่ยวหวงแอบวิ่งออกไปนอกประตูบ้านด้วยตัวเองแล้ว เข้าไปในโรงเรียนจากประตูด้านข้างของบ้านซิ่วฉายหยาง ต่อมาเป็ภรรยาของซิ่วฉายที่พานางกลับมาส่ง ทำเอาพวกข้าใแทบตาย” หลี่ซื่อจ้องบุตรสาวคนเล็กของตนเอง ท่าทางแสร้งโมโหแต่น้ำเสียงที่กล่าวไม่หยุดกลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“น้องสี่ฉลาดเฉียบแหลมนัก ต่อไปท่านอาสะใภ้ต้องเฝ้าประตูลานบ้านให้ดีแล้วเ้าค่ะ”
อู้จูกางรอยยิ้มบนใบหน้าและพูดคุยหัวข้อสนทนาเื่ลูกกับหลี่ซื่อ
เจินจูนั่งฟังอยู่ด้านข้าง รู้ว่าสามีภรรยาคู่นี้น่าจะมีเื่อะไรถึงได้มาหาถึงบ้านเช่นนี้
การวางตัวของหวงถิงเฉิงนับได้ว่าเหมาะสมดี เจินจูไม่กลัวว่าเขาจะเอ่ยคำขอร้องอะไรที่มากเกินไปออกมา
ต้อนรับสามีภรรยาด้วยการทานข้าวกลางวันแล้ว เด็กน้อยซิ่วจูก็เริ่มหาวขึ้น
หลี่ซื่อคิดจะอุ้มนางไปนอนกลางวัน พอหูอู้จูเห็นเข้าจึงรีบร้องหยุดนางไว้อย่างร้อนใจ
ขณะที่สายตาของหลี่ซื่องงงวย ใบหน้าหูอู้จูก็ฉีกยิ้มขึ้น “ท่านอาสะใภ้รอง ข้าได้ยินท่านพ่อข้าบอกว่าครอบครัวท่าน้าหานายงานบัญชีสักคน ท่านดูสิ ต้าเฉิงพอได้หรือไม่เ้าคะ?”
“นายงานบัญชี?” หลี่ซื่ออดมองไปทางหูฉางกุ้ยอย่างเสียไม่ได้ ครอบครัวตนเองจะเชิญนายงานบัญชีหรือ?
ใบหน้าหูฉางกุ้ยเต็มไปด้วยความงุนงง เหมือนไม่มีเื่เช่นนี้นะ
เจินจูขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดถึงต้นตอของเื่ขึ้น
วันนั้นที่บ้านสกุลหูของนางจ่ายค่าแรงคนงาน หูฉางหลินพาผิงซั่นมาเล่นกับซิ่วจู หูฉางกุ้ยก็ดูแลบัญชีจดบัญชีและจ่ายค่าแรงจนปวดหัวอย่างมากมาทุกครั้ง จึงบ่นกับเขาว่าอยากหานายงานบัญชีสักคน
คิดๆ ไปแล้วหูฉางหลินคงเอาคำพูดนี้ไปเผยแก่หูอู้จู เพราะอย่างนั้นถึงได้มีเื่ในวันนี้ขึ้น
“ไม่ใช่ว่าพี่เขยทำงานอยู่ในเมืองดีแล้วหรือ?” เจินจูถาม
“ดีอะไรกันล่ะ ทำมาจะสามปีแล้ว ค่าตอบแทนของปีนี้เพิ่งสูงถึงหกร้อยเหวินเอง แต่ละเดือนวันหยุดสองวัน ขยันจริงจังไปก็ยังไม่ได้รับสีหน้าดีๆ จากเ้าของร้านเลย เดือนก่อนต้าเฉิงไม่ทันระวังชนกระจกทองแดงหนึ่งชิ้นร่วงหล่น ผิวกระจกเสียหาย จะให้ต้าเฉิงซื้อตามราคาขายกลับไปให้ได้ กระจกทองแดงราคารับมาสามร้อยเหวินจะขายห้าร้อยเหวิน แม้แต่เหรียญเดียวก็ห้ามขาด” อู้จูยิ่งกล่าวยิ่งโมโห ไม่ว่าจะเป็อารมณ์หรือเหตุผล เ้าของร้านเขาก็ไม่ควรทำเช่นนี้ หากเรียกชดใช้เป็ราคาที่รับเข้ามา นางจะไม่โกรธเพียงนี้เลย
หวงถิงเฉิงดึงแขนเสื้อของนางด้วยความอึดอัดวางตัวไม่ถูก หูอู้จูจ้องกลับไป “สิ่งที่ข้ากล่าวไปทั้งหมดล้วนเป็ความจริง เ้าของร้านพวกเขามีหลานชายหนึ่งคนที่เล่าเรียนออกมาจากโรงเรียนส่วนตัวได้สองสามปี อยากมาเป็นายงานบัญชีแทนต้าเฉิง เื่นี้ไม่ใช่วันสองวันแล้วด้วย ต้าเฉิงทำอะไรล้วนระมัดระวังมาโดยตลอด ถึงได้ไม่ถูกพวกเขาจับจุดบกพร่องได้ ไม่เช่นนั้นคงถูกพวกเขาไล่ออกไปนานแล้วเ้าค่ะ”
เจินจูกวาดตามองหวงถิงเฉิงแวบหนึ่ง ผมมัดเป็ระเบียบ เสื้อผ้าเรียบๆ ท่าทางในการนั่งตัวตรง แม้หน้าตาธรรมดาแต่สุภาพมีมารยาทเฉพาะตัว
ความประทับใจต่อพี่เขยผู้นี้ของนางไม่เลวนัก
“ท่านอาสะใภ้รอง ต้าเฉิงทำงานบัญชีมาสามปี แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทำความผิดสะเพร่า ปฏิบัติตัวขยันจริงจังและยังซื่อสัตย์ ท่านเองก็รู้ร้านขายของจิปาถะในเมืองนั่น ต้าเฉิงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ให้เขามาเป็นายงานบัญชีของพวกท่านที่นี่เถอะ พวกข้าไม่เรียกร้องอะไรสูง เงินเดือนและสวัสดิการเหมือนกันกับอาจารย์สอนหนังสือก็พอแล้วเ้าค่ะ” หูอู้จูได้ยินมานานแล้วว่าซิ่วฉายที่สอนหนังสือกับครูฝึกสอนการต่อสู้ในโรงเรียนเงินเดือนล้วนได้หนึ่งเหลียง ต้าเฉิงของนางยังเป็หลานเขยของญาติทางสายเืเดียวกันอีก เรียกร้องค่าแรงเหมือนกันไม่เกินไปกระมัง
“…”
ดูสิดู ยังไม่ทันเข้ามาทำงาน ท่าทางในการพูดก็เป็เช่นนี้เสียแล้ว ดังนั้นคนที่เข้ารับตำแหน่งเป็ญาติเท่านั้น [2] อะไรเหล่านี้ จึงไม่ใช่เื่ดีอะไรเลย
“อู้จู เ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ซิ่วฉายหยางเดิมเป็ซิ่วฉายที่ซื่อสัตย์ วิชาความรู้ที่ได้รับลึกซึ้งและกว้างขวางฉลาดปราดเปรื่องไม่ธรรมดา ท่านอาจารย์ฟางก็เป็ผู้มีวรยุทธ์สูงล้ำทักษะการต่อสู้เกินคน พวกเขาล้วนอาศัยความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงจึงมาเป็ท่านอาจารย์ได้ ข้าจะไปเทียบกับพวกเขาได้อย่างไร” หวงถิงเฉิงขมวดคิ้วเป็ปมเชือก มองหูอู้จูอย่างเคร่งขรึม
หูอู้จูอ้าปากกำลังจะโต้แย้ง แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขาเข้า อดหดลำคอลงไปไม่ได้ จึงกล้าเพียงบ่นพึมพำเสียงเบา “เ้าเป็หลานเขยของท่านลุงรองนะ แค่นี้พวกเขาก็เทียบไม่ได้แล้วกระมัง”
สีหน้าหวงถิงเฉิงยิ่งครึ้มหนักขึ้นไปอีก “ตอนมาพวกเราคุยกันดีแล้วนี่ ไม่ว่าเื่นี้จะสำเร็จหรือไม่ ล้วนไม่สามารถหยิบเอาความสัมพันธ์ระหว่างการเป็ญาติมาใช้ประโยชน์เพื่อให้ได้มาได้ เ้าคำพูดเชื่อถือไม่ได้เช่นนี้ ข้าว่าข้าควรลากลับไปก่อน จะได้ไม่ทำให้ท่านอารองกับท่านอาสะใภ้รองลำบากใจ” ขณะกล่าวเขาก็หยัดกายยืนขึ้น
หูอู้จูสีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบคว้าเขาไว้แล้วกล่าวด้วยความรู้สึกน้อยใจ “ข้าไม่พูดแล้วก็ได้”
หูฉางกุ้ยกับหลี่ซื่อมองหน้ากันและกัน ไม่กล่าวอะไรอยู่พักหนึ่ง แล้วหันไปมองทางเจินจูพร้อมกัน
เจินจูข่มความรู้สึกอยากมองบนเอาไว้ ไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง “พี่เขย ท่านพ่อข้าไม่ค่อยชอบคิดบัญชี ดังนั้นเลยพึมพำเบาๆ ว่าอยากเชิญนายงานบัญชี แต่ว่าที่จริงแล้วครอบครัวข้าไม่ได้มีบัญชีเข้าออกให้ต้องจัดการมากมายเท่าไร แค่ตอนจ่ายเงินค่าแรงทุกเดือนจะยุ่งเล็กน้อยเท่านั้น”
“น้องสาม ข้าเข้าใจ” หวงถิงเฉิงก็รู้เช่นกันว่านอกจากรายรับจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตรกับการขายอาหารหมักในหน้าหนาวแล้ว รายการบัญชีที่บ้านท่านอารองมีให้จัดการไม่ได้มาก เขามารอบนี้ก็เป็เพราะทนการรบเร้าไม่หยุดของภรรยาไม่ไหว
แต่หูอู้จูกลับร้อนใจ นางคุยโวอยู่ต่อหน้าแม่สามีนานแล้ว บอกว่าบ้านของท่านอารองต้องเชิญเซียงกงไปเป็นายงานบัญชีได้อย่างแน่นอน
“เจินจู ไม่อาจกล่าวเช่นนี้ได้นะ ตอนนี้ครอบครัวเ้าคนมากทรัพย์สินในบ้านมาก เป็ครอบครัวร่ำรวยและมีอิทธิพลชื่อเสียงไปสิบลี้แปดหมู่บ้าน จะจัดการบัญชีเองได้ที่ไหน ท่านอารองไม่ชอบจัดการบัญชี เชิญนายงานบัญชีสักคนก็ไม่ใช่ว่าสามารถช่วยท่านอารองดูแลรายการบัญชีได้แล้วหรือ อีกอย่างค่าตอบแทนของงานบัญชีก็น้อยนิดเพียงนั้น สำหรับครอบครัวพวกเ้าแล้ว แค่ขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว [3] ทำไมต้องประหยัดเงินเล็กน้อยด้วยล่ะ ท่านอารอง ท่านว่าใช่ไหมเ้าคะ”
“…” ความคิดในสมองพี่สาวคนโตของนางนี่ คงคิดเพียงเื่ผลประโยชน์เพื่อตนเองเท่านั้นแล้วล่ะ
หูอู้จูกล่าวคำพูดมากมาย แล้วยังคิดจะกล่าวต่อแต่สีหน้าของหวงถิงเฉิงกลับเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจนตวาดหยุดนาง “หุบปากเดี๋ยวนี้!”
เชิงอรรถ
[1] ูเาเทียม คือ ูเาเล็กๆ ที่สร้างขึ้นโดยใช้หินกองสุมกันในสวนย่อม คล้ายน้ำตกจำลองประดับตกแต่งบ้าน
[2] คนที่เข้ารับตำแหน่งเป็ญาติเท่านั้น หมายถึง การใช้คนไม่ถามถึงคุณธรรมและความสามารถ เลือกเพียงผู้ที่มีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับตัวเอง
[3] ขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว หมายถึง สิ่งเล็กน้อยจนไม่ควรค่าจะนำมาใส่ใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้